Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ตรวจราชการ มทบ.37 เชียงราย พร้อมรับมือภัยพิบัติ

มณฑลทหารบกที่ 37 ต้อนรับคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 มอบหมายให้ พ.อ.ไพโรจน์ ยะวิญชาญ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับ พล.อ.จิรวิทย์ เดชจรัสศรี เจ้ากรมจเรทหารทั่วไป/ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม และคณะ ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติราชการของหน่วยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัย

พล.อ.จิรวิทย์ และคณะได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 โดยเน้นตรวจสอบความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ ทาง มทบ.37 ได้รายงานการดำเนินการในสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ และแสดงศักยภาพของอุปกรณ์ เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงแผนปฏิบัติการในกรณีฉุกเฉิน

ชมการฝึกดับไฟป่าและแสดงความพร้อมของทหารกองประจำการ

ภายหลังการตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัย คณะของ พล.อ.จิรวิทย์ ได้รับชมการสาธิตการฝึกดับไฟป่าของทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความพร้อมในการรับมือกับปัญหาไฟป่าที่เป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบมาตรการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดับไฟป่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมของกำลังพลในการรับมือกับภัยธรรมชาติ

กระชับความร่วมมือเพื่อประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชน

พล.อ.จิรวิทย์ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของ มทบ.37 ที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นย้ำความสำคัญของการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ดินโคลนถล่ม หรือไฟป่า

ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากการตรวจสอบการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงรายครั้งนี้ พล.อ.จิรวิทย์ และคณะ ได้รับรายงานและแสดงความพึงพอใจกับผลการดำเนินงานของ มทบ.37 ที่มีการเตรียมความพร้อมและดำเนินการตามแผนอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันอย่างเต็มที่

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ มทบ.37 และกองทัพไทยในการเสริมสร้างความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ พร้อมแสดงศักยภาพของกองทัพในการรับมือกับภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงราบนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัด Big Day เชิญชวนประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

กิจกรรมรณรงค์เชิญชวนใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. เชียงราย พร้อมกันทั่วจังหวัด

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก) ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายรุจติศักดิ์ รังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (Big Day) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มพลังมวลชนกว่า 800 คน เข้าร่วมงานเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มุ่งหวังให้ผู้มีสิทธิออกมาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างน้อยร้อยละ 75 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงส่งเสริมความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ด้วยการไม่ขายสิทธิ ไม่ซื้อเสียง และปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด

การจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วม

ในงานรณรงค์ครั้งนี้ ได้มีการจัดขบวนพาเหรดและกิจกรรมเพื่อกระตุ้นความสนใจของประชาชน ได้แก่

  1. ขบวนพาเหรดวงโยธวาทิต
    โดยวงโยธวาทิตจากโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงปลุกเร้าความสนใจ
  2. ขบวนนักเรียนและนักศึกษา
    กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดเชียงราย รวมถึงศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองเชียงราย ร่วมเดินขบวนประชาสัมพันธ์
  3. ขบวนผู้นำชุมชนและพลังมวลชน
    กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มผู้นำชุมชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก เพื่อแสดงพลังของประชาชนที่พร้อมออกมาใช้สิทธิ

วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ ดังนี้:

  1. กระตุ้นการรับรู้
    เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
  2. ส่งเสริมความโปร่งใส
    รณรงค์ให้ประชาชนปฏิเสธการขายสิทธิ และปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างถูกต้อง
  3. สร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง
    กระตุ้นให้ประชาชนในทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น

กิจกรรมพร้อมกันใน 18 อำเภอ

กิจกรรม Big Day ครั้งนี้จัดขึ้นพร้อมกันใน 18 อำเภอทั่วจังหวัดเชียงราย โดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้าง และกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ 2568

นายรุจติศักดิ์ รังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของประชาชนในการเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาบริหารจังหวัดเชียงราย และหวังว่าการรณรงค์ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับจังหวัดเชียงราย

ข้อมูลเสริม:

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย สามารถตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของ กกต.

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมประชาธิปไตยและการพัฒนาท้องถิ่น ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนออกมาใช้สิทธิของตนเอง เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับจังหวัดเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

โพลชี้ประชาชนกังวลทุจริต-ขัดแย้ง ในการเลือกตั้ง อบจ. 2568

การวิเคราะห์ผลโพลและสถานการณ์เลือกตั้ง อบจ. 2568: บ้านใหญ่ปะทะบ้านใหม่ โจทย์ใหญ่ของการพัฒนาท้องถิ่น

วันที่ 23 มกราคม 2568 สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) โดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธาน IFD โพลและเซอร์เวย์ และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการ IFD โพลแอนด์เซอร์เวย์ ได้ร่วมกันแถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ “ประชาชนหวั่นเลือกตั้ง อบจ. ถูกแทรกแซง-ทุจริต-ขัดแย้ง-พัฒนาท้องถิ่นสะดุด” ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจากประชาชน 1,222 คนที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15-20 มกราคม 2568 ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างเชิงชั้น 5 ขั้นตอน (Stratified Five-Stage Random Sampling) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน ±3% และความเชื่อมั่น 95%

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน

ผลโพลชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เลือกนายกฯ อบจ. จากคุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่:

  1. เข้าใจปัญหาท้องถิ่น
  2. มีวิสัยทัศน์-นโยบายที่จับต้องได้
  3. ผลงานและประสบการณ์บริหารท้องถิ่น
  4. ประวัติที่ดี
  5. สังกัดพรรคที่ชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความกังวลต่อการเลือกตั้ง อบจ. โดยเฉพาะการแทรกแซงจากพรรคการเมืองระดับชาติ การทุจริต และการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือกลุ่มพวกพ้อง ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวครอบคลุมทั้งผู้สมัครจากบ้านใหญ่และบ้านใหม่ โดยในกรณีของบ้านใหญ่ ประชาชนกังวลเรื่องการทุจริตและการผูกขาดการพัฒนา ส่วนบ้านใหม่ถูกตั้งคำถามในด้านประสบการณ์และความสามารถในการปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้

การวิเคราะห์ 10 ประเด็นสำคัญโดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

  1. การเชื่อมโยงการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น
    พรรคการเมืองระดับชาติใช้เวทีเลือกตั้ง อบจ. เป็นฐานสร้างคะแนนนิยมและเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570
  2. ความเข้าใจท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญ
    การรู้จักปัญหาและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
  3. นโยบายพัฒนาท้องถิ่นถูกลดความสำคัญ
    การเลือกตั้ง อบจ. ถูกครอบงำด้วยนโยบายระดับชาติ ทำให้การพัฒนาท้องถิ่นขาดความโดดเด่น
  4. การพัฒนาท้องถิ่นถูกฉุดรั้งด้วยเกมการเมือง
    การโจมตีระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มบ้านใหญ่-บ้านใหม่ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
  5. พรรคการเมืองเลือกสนับสนุนบ้านใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุด
    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี
  6. กระสุน-กระแส-ความคุ้นเคย
    การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ เงินทุน (กระสุน) กระแสนิยมระดับชาติ และความคุ้นเคยกับท้องถิ่น
  7. พรรครัฐบาลมีความได้เปรียบ
    พรรคบ้านใหญ่ที่มีอำนาจในระดับรัฐบาลสามารถใช้กลไกราชการสนับสนุนการเลือกตั้ง
  8. หัวคะแนนจัดตั้งชี้ผลการเลือกตั้ง
    หัวคะแนนที่สนับสนุนโดยเงินทุนมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้ง
  9. การเลือกตั้งในชนบทช่วยบ้านใหญ่ได้เปรียบ
    ชุมชนบ้านไม้มีแนวโน้มออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าชุมชนบ้านตึก ทำให้พรรคบ้านใหญ่ได้เปรียบ
  10. วันเลือกตั้งที่เอื้อต่อบ้านใหญ่
    การจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์เพิ่มความได้เปรียบให้พรรคบ้านใหญ่

ข้อสรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นสนามการต่อสู้ระหว่างบ้านใหญ่ (พรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย) และบ้านใหม่ (พรรคประชาชาติ) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทการเมืองระดับชาติที่เข้ามามีอิทธิพลในระดับท้องถิ่น โดยผู้สมัครที่มีเงินทุนสนับสนุน กระแสนิยม และความคุ้นเคยในพื้นที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินชัยชนะ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ติดตามความคืบหน้ารถไฟทางคู่ สู่เศรษฐกิจยั่งยืนภาคเหนือตอนบน

การติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่และผลักดันเศรษฐกิจกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายบำรุง สังข์ขาว รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และผู้แทนจากจังหวัดน่าน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ณ อุโมงค์แม่กา ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา

ความก้าวหน้าของโครงการรถไฟทางคู่

ตามรายงานความคืบหน้า ณ เดือนธันวาคม 2567 พบว่า การดำเนินงานก่อสร้างโดยรวมมีความก้าวหน้าที่ร้อยละ 23.99 ต่ำกว่าแผนที่วางไว้ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 29.838 ทำให้โครงการช้ากว่าแผน -5.848 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอุโมงค์แม่กา จ.พะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในอุโมงค์หลัก 4 แห่งของโครงการ มีความคืบหน้าอย่างโดดเด่น ด้วยผลงานสะสมร้อยละ 38.7 เร็วกว่าแผนร้อยละ 10.92

ข้อมูลอุโมงค์ที่สำคัญในโครงการ

  1. อุโมงค์ดอยหลวง จ.เชียงราย ยาว 3.4 กม.
  2. อุโมงค์แม่กา จ.พะเยา ยาว 2.7 กม.
  3. อุโมงค์งาว จ.ลำปาง ยาว 6.2 กม.
  4. อุโมงค์สอง จ.แพร่ ยาว 1.2 กม.

ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่งในภาคเหนือตอนบน

ประชุมคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ในช่วงบ่าย คณะผู้แทนได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา โดยในที่ประชุมได้มีการแนะนำผู้บริหารใหม่ในกลุ่มจังหวัด พร้อมติดตามและรายงานความคืบหน้าของโครงการสำคัญ

หัวข้อที่สำคัญในการประชุม ได้แก่:

  1. การผลักดันและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) ให้ครอบคลุมพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  2. รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
  3. การวิจัยแนวทางส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจการท่องเที่ยวมูลค่าสูง เพื่อพัฒนาล้านนาตะวันออกเป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษ
  4. การติดตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ครั้งที่ 2/2567

ผลกระทบและเป้าหมายการพัฒนา

โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับประเทศและระดับนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงราย เริ่มสมรสเท่าเทียมไทย มอบสิทธิเท่าเทียมทุกอัตลักษณ์ทางเพศ

กฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มบังคับใช้ คู่รักทั่วไทยร่วมจดทะเบียนวันแรก

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 นับเป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เปิดโอกาสให้บุคคลทุกอัตลักษณ์ทางเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมายไทย

จุดเริ่มต้นของวันสำคัญ

กฎหมายสมรสเท่าเทียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกันยายน 2567 และมีผลบังคับใช้ในวันนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งปรับแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนถ้อยคำในเอกสารราชการจาก “ชาย-หญิง” เป็น “บุคคล” และ “สามี-ภริยา” เป็น “คู่สมรส”

กิจกรรมวันแรกของกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มต้นที่ ที่ว่าการอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ซึ่งคู่รักคู่แรกได้ทำการจดทะเบียนสมรสต่อหน้านายบดินทร์ เทียมภักดี นายอำเภอเวียงชัย และเจ้าหน้าที่งานทะเบียน โดยมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความยินดี

Kick Off การจดทะเบียนสมรสทั่วประเทศ

นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย เปิดเผยว่า การจดทะเบียนสมรสวันแรกนี้จัดขึ้นในที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 แห่งทั่วประเทศ สำนักงานเขต 50 เขตในกรุงเทพมหานคร และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ โดยกิจกรรมเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่น ๆ เช่น ที่กรุงเทพฯ มีคู่รักกว่า 300 คู่ร่วมจดทะเบียนสมรส

สิทธิและประโยชน์จากสมรสเท่าเทียม

กฎหมายสมรสเท่าเทียมมอบสิทธิเสมือนคู่สมรสที่เป็นชาย-หญิง เช่น

  • การจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส
  • สิทธิในการหย่าและการดูแลบุตร
  • การให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาล
  • สิทธิได้รับสวัสดิการจากรัฐ
  • การอุปการะบุตรบุญธรรม

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเท่าเทียมในสังคมไทย แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติว่าเป็นประเทศที่เคารพในสิทธิมนุษยชน

เส้นทางสู่กฎหมายสมรสเท่าเทียม

การต่อสู้เพื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มต้นมานานกว่าทศวรรษ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่หนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในเดือนธันวาคม 2566 และผ่านวุฒิสภาในเดือนมิถุนายน 2567 ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา

การเตรียมตัวจดทะเบียนสมรส

ผู้ที่ประสงค์จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมต้องเตรียมเอกสาร ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือรับรองโสด (กรณีสมรสกับชาวต่างชาติ) ใบหย่าตัวจริง (กรณีเคยจดทะเบียนสมรส) และพยาน 2 คน พร้อมบัตรประชาชน

ผลกระทบและความสำคัญ

การเปิดให้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความเท่าเทียมและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับคู่สมรสในด้านสิทธิกฎหมายและสวัสดิการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

Four Hands Dinner เชียงราย ร่วมสัมผัสไฟน์ไดนิ่งกับเชฟมิชลินสตาร์

สัมผัสประสบการณ์ Four Hands Dinner โดยเชฟมิชลินสตาร์ที่อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย

อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย เชิญคุณร่วมเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษกับ Four Hands Dinner ที่ผสานเสน่ห์ของอาหารฝรั่งเศสระดับไฟน์ไดนิ่งเข้ากับเอกลักษณ์ของอาหารพื้นเมืองล้านนา นำเสนอโดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังระดับโลก

เชฟผู้สร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ

ร่วมดื่มด่ำกับ 6 คอร์สเมนูที่รังสรรค์โดย เชฟอาร์โนด์ ดูนองด์ (Arnaud Dunand) เชฟเจ้าของร้าน Maison Dunand ที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวจาก The MICHELIN Guide Thailand ในปี 2023 และอดีตหัวหน้าเชฟร้าน Le Normandie ระดับมิชลิน 2 ดาว พร้อมด้วย เชฟพิสิษฐ์ จิโนพงค์ (เชฟจีโน่) เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟผู้มากประสบการณ์กว่า 30 ปี

เชฟอาร์โนด์ นำเสนอกลิ่นอายของแคว้น Savoie ประเทศฝรั่งเศส บ้านเกิดของเขา ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงจากฝรั่งเศส ผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นเชียงราย ในขณะที่เชฟจีโน่จะเน้นการประยุกต์และยกระดับอาหารพื้นบ้านภาคเหนือ ให้เป็นเมนูระดับห้าดาว

รายละเอียดของงาน

  • วันจัดงาน: 24 มกราคม 2568
  • เวลา: 18.00 น.
  • สถานที่: ห้องอาหารแสมสาร โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย
  • ราคา: 5,500++ บาทต่อท่าน (รวมไวน์แพร์ริ่ง)

เสน่ห์แห่งอาหาร 6 คอร์สระดับไฟน์ไดนิ่ง

ทุกเมนูถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์และความพิถีพิถันของอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย และอาหารล้านนาแบบประยุกต์ ให้คุณดื่มด่ำกับรสชาติที่กลมกล่อม พร้อมสัมผัสบรรยากาศริมแม่น้ำโขงในช่วงค่ำคืน

การสำรองที่นั่ง

หากคุณไม่อยากพลาดโอกาสพิเศษนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 053-784-084

สรุป

Four Hands Dinner ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษที่รวมตัวเชฟระดับมิชลินสตาร์และเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟผู้เชี่ยวชาญ มอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ผสานเสน่ห์อาหารฝรั่งเศสและล้านนาในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟริมแม่น้ำโขง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายลุยแก้ปัญหาไฟป่า ฝุ่นควัน ด้วยนวัตกรรมป้องกันอย่างยั่งยืน

ผู้ว่าฯ เชียงรายเปิดปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า-ฝุ่นควันเชียงของ เน้นประชาสัมพันธ์ สร้างความร่วมมือ พร้อมลงนาม MOU จัดการ PM2.5 อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ณ เทศบาลตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันในพื้นที่อำเภอเชียงของ โดยจัดกิจกรรมปล่อยแถวรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลาดตระเวนไฟป่า เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ เน้นย้ำการป้องกันไฟป่า การทำแนวกันไฟ และการงดเผาเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ให้ไม่เกินค่ามาตรฐาน

กิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีข้อกำหนดสำคัญคือ ไม่ให้สิทธิ์เกษตรกรที่มีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรทุกโครงการ

ผู้ร่วมงานระดับจังหวัดและชุมชนร่วมตระหนักถึงปัญหาไฟป่า

กิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจากนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัด และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, นายบุญเกิด ร่องแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย, นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, หน่วยงานป่าไม้และอุทยานแห่งชาติ, หน่วยงานด้านสาธารณสุข, ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น, ชุดปฏิบัติการป้องกันไฟป่า, เครือข่ายอาสาสมัครไฟป่า และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

สถิติการเกิดไฟป่าปี 2567 และแผนปฏิบัติการปี 2568

จากสถิติในปี 2567 ในช่วงห้ามเผาเด็ดขาดระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน พบจุดความร้อนในพื้นที่อำเภอเชียงของถึง 300 จุด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และวนอุทยานห้วยน้ำข้าง รวมถึงอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า โดยอำเภอเชียงของมีพื้นที่รวมประมาณ 523,000 ไร่ เป็นเขตป่าร้อยละ 61 ของพื้นที่ทั้งหมด

สำหรับปี 2568 ได้มีการวางแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่:

  1. ระยะเร่งด่วน (มกราคม – เมษายน 2568):
    • การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงผลกระทบของไฟป่าและฝุ่นควัน
    • การลาดตระเวนตรวจหาไฟป่า
    • การทำแนวกันไฟและการควบคุมจุดความร้อน
    • การบริหารจัดการเชื้อเพลิงและการเข้าดับไฟอย่างรวดเร็ว
  2. ระยะยาว (พฤษภาคม – ธันวาคม 2568):
    • การส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การสร้างป่าเปียกตามแนวพระราชดำริ
    • การจัดตั้งป่าชุมชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันมี 36 แปลง รวมพื้นที่ 32,218 ไร่ โดยมีป่าชุมชน 24 แปลง ที่เข้าร่วม Carbon Credits และสร้างรายได้เข้าสู่กองทุนป่าชุมชนจำนวน 8,508,737 บาท

สร้างความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ที่ต้องช่วยกันเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย พุ่งสูงถึง 71 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ. ปี 2568 สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ประชาชนควรออกมาใช้สิทธิ

จากรายงานของ Rocket Media Lab ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในข้อบัญญัติงบประมาณประจำปี 2568 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ ซึ่งไม่รวมงบประมาณของ อบจ. แม่ฮ่องสอน และอีก 4 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร บึงกาฬ เลย และสมุทรสาคร ที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกตั้งไว้ พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ รวมทั้งค่าจัดการเลือกตั้งและค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ มีมูลค่ารวมสูงถึง 3,563,810,232 บาท

รายละเอียดค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย
    จังหวัดเชียงรายใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 71 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการจัดการเลือกตั้ง 34,948,553 บาท และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ 36,051,447 บาท เมื่อนำมาคำนวณเทียบกับประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงรายที่มีจำนวน 176,685 คน พบว่าต้นทุนเฉลี่ยต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 401.85 บาทต่อคน
  • งบประมาณเลือกตั้งระดับประเทศ
    ค่าใช้จ่ายการจัดการเลือกตั้งในปีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายด้าน เช่น การจัดตั้งหน่วยเลือกตั้ง ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และการประชาสัมพันธ์

ผลกระทบจากการลาออกก่อนครบวาระ

ในปี 2568 มีเพียง 17 จังหวัดที่ต้องจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. เนื่องจากบางพื้นที่ได้เลือกตั้งไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายก อบจ. ลาออกก่อนครบวาระ เช่น จังหวัดปทุมธานี ที่ใช้งบประมาณในการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2567 จาก 79 ล้านบาท เป็น 89 ล้านบาท สะท้อนถึงภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการลาออกดังกล่าว

อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งและเป้าหมายในปี 2568

ในการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 พบว่า อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศอยู่ที่ 62.25% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 65% ปีนี้ กกต. ย้ำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ใช้ไปในกระบวนการเลือกตั้งเกิดประโยชน์สูงสุด

จังหวัดงบการจัดการเลือกตั้ง 68 (บาท)ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง (บาท)งบจัดการเลือกตั้ง68+ค่าตอบแทน (บาท)ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (คน)งบต่อหัวรวมหมายเหตุ
นครราชสีมา78,098,000110,000,000188,098,000365,192515.07 
เชียงราย34,948,55336,051,44771,000,000176,685401.85 
นครศรีธรรมราช42,150,00034,028,00076,178,000212,271358.87 
บุรีรัมย์50,800,00047,980,00098,780,000432,622228.33 
ร้อยเอ็ด17,938,60040,912,20058,850,800262,516224.18 
สมุทรปราการ120,000,00033,000,000153,000,000752,019203.45 
กำแพงเพชร60,000,000 60,000,000303,089197.96ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สงขลา34,000,00040,500,00074,500,000407,945182.62 
ระยอง50,000,00020,000,00070,000,000385,091181.78 
น่าน18,000,00020,000,00038,000,000209,669181.24 
กระบี่10,000,00015,000,00025,000,000142,114175.92 
นครนายก15,160,00010,000,00025,160,000157,102160.15 
ชลบุรี40,000,00050,000,00090,000,000570,120157.86 
ชุมพร12,320,00015,300,00027,620,000183,361150.63 
สกลนคร24,563,10224,220,35048,783,452331,807147.02 
สุรินทร์46,370,00015,000,00061,370,000433,837141.46 
ขอนแก่น40,000,00052,000,00092,000,000654,181140.63 
นราธิวาส31,700,00036,569,40068,269,400506,704134.73 
นครสวรรค์20,000,00035,000,00055,000,000411,154133.77 
เชียงใหม่50,000,00050,000,000100,000,000791,945126.27 
ศรีสะเกษ26,000,00044,000,00070,000,000588,876118.87 
นครพนม20,484,41022,015,59042,500,000401,623105.82 
ลพบุรี15,000,00025,000,00040,000,000389,684102.65 
ตาก12,550,00015,750,00028,300,000279,832101.13 
ตรัง28,000,00022,000,00050,000,000517,53096.61 
ปทุมธานี49,000,00040,000,00089,000,000948,93593.79 
ฉะเชิงเทรา29,374,30025,279,50054,653,800587,34293.05 
อุดรธานี41,200,00040,600,00081,800,000906,43790.24 
พิจิตร19,047,00018,953,00038,000,000428,97488.58 
กาฬสินธุ์15,300,00023,000,00038,300,000435,26187.99 
มหาสารคาม17,418,00032,582,00050,000,000572,94487.27 
มุกดาหาร17,000,0002,500,00019,500,000225,05286.65 
สุโขทัย11,000,00016,920,00027,920,000324,79585.96 
ตราด6,700,0007,300,00014,000,000168,30483.18 
พิษณุโลก11,800,00017,000,00028,800,000362,86079.37 
อุตรดิตถ์13,500,00013,000,00026,500,000335,29279.04 
ภูเก็ต8,000,00011,200,00019,200,000243,73378.77 
กาญจนบุรี15,000,00015,000,00030,000,000389,78676.97 
สระบุรี34,000,00018,000,00052,000,000690,99475.25 
แพร่12,500,00017,200,00029,700,000394,80675.23 
ปราจีนบุรี30,000,0008,000,00038,000,000517,46273.44 
หนองคาย30,145,00014,589,40044,734,400611,65173.14 
จันทบุรี10,000,00019,000,00029,000,000420,69468.93 
ชัยภูมิ43,269,62430,595,32673,864,9501,225,77960.26 
สุราษฎร์ธานี57,090,00012,910,00070,000,0001,168,95559.88 
ราชบุรี19,000,00021,000,00040,000,000675,46059.22 
พระนครศรีอยุธยา40,000,00039,500,00079,500,0001,347,31059.01 
ปัตตานี19,102,40030,472,60049,575,000840,26359.00 
เพชรบูรณ์30,188,00043,000,00073,188,0001,277,45857.29 
อำนาจเจริญ20,000,00013,271,48033,271,480598,45155.60 
ประจวบคีรีขันธ์18,500,00013,000,00031,500,000606,83751.91 
พะเยา13,000,00013,000,00026,000,000509,85750.99 
ลำปาง50,000,0005,000,00055,000,0001,096,74450.15 
นครปฐม25,000,00027,000,00052,000,0001,085,48547.90 
เพชรบุรี18,000,00017,000,00035,000,000785,37544.56 
อุบลราชธานี15,701,00048,000,00063,701,0001,459,56243.64 
สุพรรณบุรี20,000,00023,000,00043,000,000999,75443.01 
สมุทรสาคร15,000,000 15,000,000367,83440.78ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
ชัยนาท8,000,00010,000,00018,000,000459,36239.18 
สระแก้ว13,247,65013,452,35026,700,000690,27038.68 
นนทบุรี50,500,00032,000,00082,500,0002,142,23538.51 
ยะลา25,000,00023,000,00048,000,0001,260,36538.08 
สตูล8,650,0008,100,00016,750,000442,90237.82 
ยโสธร12,231,35016,260,72028,492,070772,26536.89 
บึงกาฬ7,639,880 7,639,880261,95529.16ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
อ่างทอง6,900,0005,000,00011,900,000409,31029.07 
สมุทรสงคราม7,000,0005,000,00012,000,000413,72829.00 
หนองบัวลำภู15,000,00015,000,00030,000,0001,057,06028.38 
ลำพูน8,500,00012,700,00021,200,000918,76123.07 
อุทัยธานี13,000,00011,710,00024,710,0001,114,80122.17 
พังงา2,500,0007,000,0009,500,000479,10719.83 
พัทลุง10,000,00011,000,00021,000,0001,116,32018.81 
เลย21,000,000 21,000,0001,259,95516.67ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สิงห์บุรี4,000,0006,000,00010,000,000678,73214.73 
ระนอง4,700,0005,600,00010,300,000840,62912.25 
แม่ฮ่องสอน   1,493,0420.00ไม่มีการตั้งงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณ อบจ. ปี 2568

ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ

จากข้อมูลของ Rocket Media Lab พบว่าการจัดการเลือกตั้งที่มีค่าใช้จ่ายสูงสะท้อนถึงความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ถูกใช้นั้นเกิดความคุ้มค่า และแสดงออกถึงความรับผิดชอบของประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ การเลือกตั้งที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมจากประชาชนในทุกระดับจะช่วยสร้างความมั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตย

สรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้มีงบประมาณรวมกว่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งไม่เพียงแค่ช่วยสร้างความโปร่งใส แต่ยังสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / Rocket Media Lab 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นักเรียนอนุบาลเชียงรายมอบผ้าห่มช่วยเด็กยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร

นักเรียนอนุบาลเชียงรายมอบผ้าห่มกันหนาวช่วยเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) อ.เมืองเชียงราย นายพิษณุ คามวาสี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ครู พี่เลี้ยง และนักเรียนสายชั้นปฐมวัย จำนวน 300 คน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งมอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 200 ผืน ให้แก่นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร ตามโครงการ ทำดีเพื่อพ่อสานต่อ 89 ล้านความดี”

นายชรินทร์ ทองสุข กล่าวชื่นชมความเสียสละของเด็กๆ และโรงเรียนอนุบาลเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปลูกฝังคุณธรรมขั้นพื้นฐานในครอบครัวและโรงเรียน โดยระบุว่าความเสียสละแม้ในเรื่องเล็กน้อยจะส่งผลให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นบุคคลคุณภาพในอนาคต พร้อมมอบของที่ระลึกเพื่อขอบคุณความเสียสละและน้ำใจของนักเรียนทุกคน

ด้านนายพิษณุ คามวาสี กล่าวว่า กิจกรรมออมเงินเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเชียงรายในโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็กนักเรียนชั้นปฐมวัย โดยเฉพาะเรื่องการเสียสละและการแบ่งปัน รวมถึงการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในด้านความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความกตัญญู และความประหยัด

การมอบผ้าห่มกันหนาวสร้างพลังบวกในชุมชน

กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้เด็กๆ เข้าใจถึงคุณค่าของการช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีในชุมชน ซึ่งผ้าห่มจำนวน 200 ผืน จะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร โดยการสนับสนุนของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย

นอกจากการมอบผ้าห่มกันหนาวแล้ว ยังมีการเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อการพัฒนานักเรียนในด้านวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์สุจริต และการปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา รวมถึงส่งเสริมให้เด็กๆ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

การปลูกฝังคุณธรรมสู่อนาคต

โรงเรียนอนุบาลเชียงรายได้เน้นกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กนักเรียนเติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา โดยการส่งเสริมกิจกรรมที่ปลูกฝังจิตสำนึกความดี เช่น การออมเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การเสียสละ ความเอื้อเฟื้อ และการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด

การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในเด็กเล็ก แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ปกครอง ครู และชุมชนในการส่งเสริมคุณค่าแห่งการแบ่งปันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน

สรุป

กิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาวครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการปลูกฝังคุณธรรมในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความสุขและยั่งยืน เด็กๆ โรงเรียนอนุบาลเชียงรายได้แสดงให้เห็นถึงความเสียสละและน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมในการส่งเสริมความมีน้ำใจและการช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE

กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ติดตามการดำเนินงานตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ที่จังหวัดเชียงราย

Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปินเชียงรายผนึกสิบสองปันนา สร้างสัมพันธ์ผ่านงานศิลปะ

ศิลปินเชียงรายร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะกระชับสัมพันธ์กับศิลปินสิบสองปันนา

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ศิลปินไทยจากสมาคมขัวศิลปะเชียงรายได้เดินทางไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อศึกษาดูงานและร่วมสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมกับกลุ่มศิลปินสิบสองปันนา โดยกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม และพระพุทธศาสนาระหว่างสองเมือง นับเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและยั่งยืน

กิจกรรมสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยนความรู้

คณะศิลปินไทยนำโดยสุวิทย์ ใจป้อม ประธานสมาคมขัวศิลปะเชียงราย พร้อมด้วยศิลปินทรงเดช ทิพย์ทอง, เสงี่ยม ยารังษี, พิชิต สิทธิวงศ์, กำธร สีฟ้า และคณะรวม 12 คน ได้ร่วมกับศิลปินสิบสองปันนาในการวาดภาพสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น เช่น วัดไทยลื้อ หมู่บ้านชาวไทยลื้อบ้านหัวนา และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่สิบสองปันนา

การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวไทยลื้อ ซึ่งสะท้อนผ่านงานจิตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลงานเหล่านี้จะถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะเพื่อประชาสัมพันธ์ความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นในทั้งสองประเทศ

กระชับความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง

นายสุวิทย์ ใจป้อม กล่าวว่าศิลปินจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาและเชียงรายมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานผ่านการแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการศึกษาในด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง

ในครั้งนี้ ศิลปินสิบสองปันนาได้แสดงความยินดีและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายในอนาคตเพื่อตอบแทนการต้อนรับที่อบอุ่นและมิตรภาพอันดีจากศิลปินไทย การแลกเปลี่ยนนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงผลงานศิลปะจากทั้งสองประเทศให้ผู้คนได้ชื่นชม พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของกันและกัน

เชื่อมโยงศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษา

ในฐานะตัวแทนศิลปินไทย นายสุวิทย์ ใจป้อม ยังได้เชิญชวนให้ศิลปินจากสิบสองปันนาเยือนจังหวัดเชียงรายเพื่อร่วมงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยไทยพร้อมให้การต้อนรับและจัดกิจกรรมเพื่อสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของศิลปินทั้งสองฝ่ายในการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางเพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันอย่างยั่งยืน

การเดินหน้าความสัมพันธ์ในอนาคต

ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินไทยและศิลปินสิบสองปันนาจะยังคงดำเนินต่อไปผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนต่างๆ ในอนาคต อันเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เพียงแสดงถึงความงดงามของศิลปะ แต่ยังแสดงถึงพลังแห่งความร่วมมือระหว่างสองวัฒนธรรม

กิจกรรมดังกล่าวช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายและเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และตอกย้ำถึงความสำคัญของศิลปะในฐานะสะพานเชื่อมโยงวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมขัวศิลปะเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News