Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 หารือป้องกัน แก้ไขหมอกควันไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ

 

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย นำเจ้าหน้าที่ผู้แทนจากหน่วยงานประจำศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมกับศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าภาค 3 โดยมี พ.อ. ณรงค์ฤทธิ์ สนองคุณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบทางไกล (Zoom Meeting)

 

.
โดยศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงการเกิดจุดความร้อน ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม ตั้งแต่วันที่ 2 – 8 มกราคม ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายเกิดจุดความร้อนขึ้น 58 จุด ส่วนใหญ่พบว่าเกษตรกรมีการเผาในพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูต่อไป และได้วางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยมีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ เน้นการสื่อสารเชิงรุก ให้ประชาชนงดเผาเศษวัสดุทางการเกษตร รวมถึงการสนับสนุนโครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ได้ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานด้านการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรให้แก่เกษตรกรพื้นที่ 7 อำเภอ เป้าหมาย กว่า 270 ราย และดำเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การจัดอบรมถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติการ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการเผา และเมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มสูงขึ้นหรือเกินค่ามาตรฐาน ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมบูรณาการ ยกระดับปฏิบัติการตามมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย
 
.
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังได้รายงานการปฎิบัติงาน ในการแก้ปัญหาคุณภาพอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงรายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ยังคงต้องเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนงดเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาเพื่อการเกษตร ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยการจัดทำแผนโต้ตอบภาวะฉุกเฉิน การจัดทำห้องปลอดฝุ่นในพื้นที่โรงพยาบาล พื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จัดทำฐานข้อมูลเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง การจัดเตรียมคลินิกมลพิษ การใช้ อสม. ลงพื้นที่สื่อสารความเสี่ยงแก่ประชาชน การบริการตรวจสุขภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า การเตรียมความพร้อมหน้ากากอนามัย การจัดทำชุดสาธิตเครื่องฟอกอากาศ DIY เพื่อจัดทำห้องปลอดฝุ่น รวมถึงการติดตามดูแลผู้ป่วยสามกลุ่มโรค เพื่อประเมินและส่งข้อมูลให้ อปท.ในเขตรับผิดชอบดำเนินการช่วยเหลือจัดทำห้องปลอดฝุ่นแก่กลุ่มเสี่ยงต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

คอนเสิร์ตการกุศล “ก้าวหนึ่งเพื่อน้อง” หารายได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องเรียน

 

เมื่อ 9 มกราคม 2567 ที่ห้องมรกต โรงแรมวังคำ อำเภอเมืองเชียงราย ว่าที่ร้อยโท ณัฐรัชต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ พร้อมด้วยนายเสริมชัย กิตติรัตน์ไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา นางปราณีอินทชัย นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ นางวราพร ใจกล้า นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ และนางผ่องศรี จิริศานต์ ประธานจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล “ก้าวหนึ่งเพื่อน้อง” ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล ภายใต้ชื่อว่า “ก้าวหนึ่งเพื่อน้อง” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ 

 

โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ ภายในโงเรียนดำรงราษฎร์สงเคาระห์ เพื่อหารายได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องเรียน พัฒนาห้องเรียนทุกห้องของโรงเรียนให้มีคุณภาพมาตรฐาน เอื้อต่อการเรียนรู้และมีบรรยากาศที่เหมาะสมในการจัดการเรียนรู้ ทำให้ครูและนักเรียนจัดกิจกรรมเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาให้มากยิ่งขึ้น

 

สำหรับการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล “ก้าวหนึ่งเพื่อน้อง” ภายในงานจะได้พบกับศิลปิน “เจี๊ยบ” นนทิยา จิวบางป่า และ “เท่ห์” อุเทน พรหมมินท์ ศิลปินชาวเหนือ ที่จะมาขับกล่อมบรรเลงเพลงเพราะๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการแสดงของศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่า Back Up ศิลปินโดย MFU Band. โดยจัดจำหน่ายบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตการกุศลครั้งนี้ในราคา 1,000 บาท 2,000 บาท และ 5,000 บาท และจะได้รับความสุขความเพลิดเพลินจากคอนเสิร์ตการกุศลครั้งยิ่งใหญ่แล้ว ผู้ซื้อบัตรทุกท่านยังจะได้มีโอกาสร่วมส่งต่อความสุขให้แก่นักเรียน ของโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคาระห์ อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายนำผู้ต้องขังลอกท่อระบายน้ำ ตลาดสดเทศบาลฯ สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่

 
วันที่ 8 มกราคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กองช่างเทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางเชียงราย ในการนำ ผู้ต้องขังคดีไม่ร้ายแรง หรือ ใกล้ครบกำหนดออกจากเรือนจำ ดำเนินการลอกท่อระบายน้ำในตลาดสดเทศบาลนครเชียงราย เพื่อให้การระบายน้ำดีมากขึ้น และสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ที่มีไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหา
 
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นความร่วมมือกัน ระหว่างเทศบาลนครเชียงราย และ เรือนจำกลางเชียงราย กรมราชทัณฑ์ ที่ทางนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้หารือร่วมกับ นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย ในกิจกรรมพบปะหารือข้อราชการ “สภากาแฟ” ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย จึงเป็นที่มาขอการทำงานร่วมกัน
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายทำบุญตลาดสดหลังปรับปรุงพัฒนาสะอาดปลอดภัย

 
กาดหลวงเจียงฮาย หรือตลาดสดเทศบาล 1 นครเชียงรายอยู่คู่จังหวัดเชียงรายมาช้านาน มีของขายหลากหลายชนิด ของสด ของแห้ง ขนม ผักสดตามฤดูกาล เครื่องครัวเสื้อผ้า เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย ประธานและคณะกรรมการตลาดสด เทศบาลนครเชียงราย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พ่อค้า แม่ค้าภายในตลาดได้ร่วมพิธีทำบุญตลาดในการทำบุญ โดยได้รับความเมตตาจากพระสงฆ์ 9 รูป โดยคณะสงฆ์นำโดย พระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เพื่อความเป็นสิริมงคล ได้เกิดความรัก ความสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ กันอนุรักษ์และพัฒนาให้กาดหลวงเจียงฮาย หรือตลาดสดเทศบาล 1 นครเชียงรายแห่งนี้ ให้เจริญก้าวหน้า
 
 
ทั้งนี้ กาดหลวงเจียงฮาย เทศบาลนครเชียงรายส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย โดยจะนำนักท่องเที่ยวนั่งรถรางมาแวะเที่ยวดูอัตลักษณ์ของวิถีชีวิตภายในตลาดสดในช่วงเช้า และช่วงภาคบ่ายพร้อมจับจ่ายซื้อของภายในตลาดสด อีกทั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจการจับจ่ายซื้อของ และมีความปลอดภัย ทั้งในเรื่องไฟส่องสว่าง การระบายอากาศ รวมทั้งการระบายน้ำออกจากตลาด ประการสำคัญได้คืนพื้นผิวทาง-ถนน ภายในตลาด ให้รถดับเพลิงเข้าในพื้นที่ได้

พิกัด
•ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย ระหว่างถนนธนาลัย ถนนอุตรกิจ ถนนไตรรัตน์และถนนสุขสถิต
•อยู่ห่างจากหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 300 เมตร
•จุดเด่นคือ หอนาฬิกาเก่า ทรงสูงสีขาว ตั้งอยู่สามแยกระหว่าง ไปรษณีย์ โรงเรียนอนุบาลเชียงราย และกาดหลวง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปินจากนิวยอร์คและ CiNEMA For All ชวนชาวเชียงแสนร่วมกิจกรรมศิลปะร่วมสมัย

 
เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคม   2567 นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนายฤษ์ฤทธิ์ ติระวณิช และนางกฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ นายอังกฤษ อัจฉริยโสภณ และนางสาวมนุพร เหลืองอร่าม ภัณฑารักษ์ นางสาวชลิดา เอื้อบำรุงจิต ผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ นายพิสันต์ จันทรศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ และเจ้าหน้าที่สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย 
 
 
เข้าร่วมกิจกรรมในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ได้แก่ ขบวนพาเหรดของศิลปิน  Arto Lindsay ศิลปินจากนิวยอร์คในชุด “Liquid  Paper” ซึ่งมีประชาชนชาวศรีดอนมูลแต่งกายเข้าร่วมขบวนพาเหรดอย่างสนุกสนาน เริ่มจากวัดศรีชัยแม่มะ ไปยังโรงเรียนบ้านแม่มะ จากนั้นร่วมกิจกรรมเสวนาของ Cinema for All พาวิลเลี่ยนของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) จากนิวยอร์ค โดยมี Tilda Swinton นักแสดงชื่อดังจากฮอลล์วู้ด จอซ ซีเกล ภัณฑารักษ์ภาพยนตร์ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) นิวยอร์ค และ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยฝีมือระดับโลก ร่วมเสวนา โดยชมวรรณ วีรวรวิทย์ ดำเนินรายการ และร่วมชมภาพยนตร์ตามโปรแกรม  “เงาเหล่าบรรพชนที่ถูกลืมของเรา” ผ่านการฉายภาพยนตร์นานาชาติแบบหนังกลางแปลงทั้งจอหน้าและจอหลัง 
 
 
โดยได้รับการสนับสนุนจากชาแนล แบรนด์ชั้นนำระดับโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) หอภาพยนตร์และภาพยนตร์สถานฝรั่งเศส หอภาพยนตร์เบลเยียมและฝรั่งเศส หอภาพยนตร์เมืองโบโลญญา สถาบันภาพยนตร์เนเธอร์แลนด์ และคลังจัดเก็บ Archivo National de la Imagen-Sodre (Montevideo) ภายในงานมีศิลปิน บุคคลในวงการศิลปะร่วมสมัย วงการภาพยนตร์ ภัณฑารักษ์ชั้นนำ นักแสดง ผู้สนใจงานศิลปะ และประชาชนในพื้นที่อำเภอเชียงแสน เข้าร่วมกิจกรรมฯ ครั้งนี้อย่างคับคั่ง อาทิ คุณพิมพกา โตวิระ หมาก ปริญ มิว นิษฐา ฯลฯ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สมช.เสนอเร่งแก้ปัญหาเขื่อนแม่น้ำโขง หลังส่งผลกระทบเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ

 
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้จัดการประชุมเชิงสัมมนาทางวิชาการของศูนย์อาเซียนศึกษา โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้จากหลายหน่วยงาน รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมกว่า 40 คน ที่น่าสนใจคือระหว่างการเสวนาในหัวข้อ “การบริหารจัดการน้ำของจีนในลุ่มแม่น้ำโขง ผลกระทบต่อความมั่นคงของอาเซียนและไทย” ซึ่งผู้ร่วมเสวนาโดยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่ชาติ (สมช.) สำนักนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers)
 
 
ผู้แทนสมช.ได้นำเสนอในประเด็นผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงว่า ด้านสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องด้วยการไหลของน้ำและการขึ้นลงของน้ำในแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติทำให้ปลาและนกไม่สามารถวางไข่ได้ตามฤดูกาลส่งผลกระทบต่อประชาชน ด้านผลกระทบต่อบูรณภาพแห่งดินแดน การสร้างเขื่อนไฟฟ้าจะส่งผลให้เกิดตะกอน ดิน และส่งผลต่อเส้นทางไหลของน้ำ เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่องน้ำ สันดอน เนินทรายในแม่น้ำโขงซึ่งอาจกระทบต่อเส้นเขตแดนตามลำน้ำโขงระหว่างไทย-ลาว ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการปักปันเขตแดน และผลกระทบด้านการเมืองระหว่างประเทศ ด้านอาชญากรรม เกาะ ดอน ในหลายพื้นที่กลายเป็นแหล่งพักพิงและเป็นเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดและลักลอบเข้าเมือง
 
 
ทั้งนี้สมช. มีข้อเสนอแนะให้มีการหารือด้านการจัดการน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อเปิดโอกาสให้มีการกำหนดหลักการใช้แม่น้ำโขงอย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล โดยไทยสามารถใช้กลไกอนุภูมิภาคและอาเซียนที่มีอยู่ เพื่อหารือ ประเด็นแม่น้ำโขง รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนและการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ไขปัญหาช่องว่างการพัฒนาที่กว้างขึ้นระหว่างประเทศสมาชิก และควรผลักดันให้เกิดการจัดทำแนวปฏิบัติสำหรับการบริหารจัดการเขื่อน (Guidance for dam operations) ในแม่น้ำโขงสายหลักที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมปริมาณการไหลของน้ำ เพื่อรักษาปริมาณการไหลของแม่น้ำโขงในช่วงเวลาต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับได้
 
 
ด้านผู้แทนหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ได้นำเสนอผลการศึกษาด้านปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำโขง โดยระบุว่าช่วงสถานีเชียงแสนมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของน้ำไม่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและการไหลของน้ำโขงตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ประเทศไทย โดยมีข้อเสนอ 
1. กำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาผลกระทบจากเขื่อน 
2. การไม่สร้างเขื่อนเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ 
3. ศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงและปัญหาผลกระทบของลุ่มน้ำโขง 
4.การแจ้งข้อมูลการระบายน้ำจากเขื่อนล่วงหน้า 
5. การกำหนดสิทธิอธิปไตยในลำน้ำโขง 
6. การยึดมั่นในข้อตกลงที่กำหนดไว้แล้ว
 
 
นอกจากนี้ ก่อนหน้าจัดเวทีเสวนาได้มีการบรรยายพิเศษเรื่อง “การบริหารจัดการน้ำของจีนในลุ่มแม่น้ำโขง สถานการณ์ แนวโน้ม และความท้าทายในอนาคต” โดยนายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้กล่าวว่า มีโครงการพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในลุ่มน้ำโขงตอนบนและตอนล่าง จำนวน 22 โครงการ แบ่งเป็น
กลุ่ม 1 แม่น้ำล้างช้างตอนล่าง (ในเขตจีน) เป็นเขื่อนประเภทกักเก็บน้ำ 
กลุ่ม 2 แม่น้ำโขงตอนล่างส่วนบน (ในเขตลาว) เป็นเขื่อนประเภทน้ำไหลผ่าน 
และกลุ่ม 3 แม่น้ำโขงตอนล่างส่วนล่าง (พรมแดนไทยลาว และกัมพูชา) เป็นเขื่อนประเภทน้ำไหลผ่านเช่นเดียวกัน เขื่อนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วได้แก่ เขื่อนไซยะบุรี เขื่อนดอนสะโฮง ส่วนเขื่อนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ ปากแบง หลวงพระบาง ปากลาย และโครงการเขื่อนที่อยู่ในกระบวนการ PNPCA คือสานะคาม ส่วนโครงการเขื่อนที่อยู่ในแผนการก่อสร้างในอนาคต ได้แก่เขื่อนปากชม บ้านกุ่ม ลาดเสือ/ภูงอย สตึงเตรง และสามบ่อ (ซำบอ)
 
 
ผู้แทน สทนช.กล่าวว่า การรักษาผลประโยชน์ของไทยในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ในฐานะรัฐริมฝั่งโขง (riparian state) ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์และผลกระทบโดยตรง 
1. ด้านน้ำ เพื่อการบริโภคภายในประเทศ เพื่อเกษตรกรรมริมฝั่งและการประมงในแม่น้ำ 
2. ด้านพลังงาน แหล่งพลังงานสะอาด/พลังงานทางเลือก นโยบายเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของอาเซียนภายใต้แผนพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ พศ.2561-2580 
3. ผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิต 
4. การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการตามกรอบ MRC-LMC การติดตามสถานการณ์น้ำ 
5. ความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดน การแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ
 
 
ทางด้านกลุ่มรักษ์เชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย นำโดย “ครูตี๋” นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ได้จัดกิจกรรมพายเรือคายัคสำรวจแม่น้ำโขง ระหว่างวันที่ 5-7 มกราคม โดยเริ่มจากปากแม่น้ำกก อ.เชียงแสน ถึงผาได อ.เวียงแก่น ซึ่งจากการนสำรวจในวันแรกพบว่าเกาะดอนต่างๆ มีสภาพเปลี่ยนไป โดยเกาะดอนบางแห่งถูกใช้งานโดยชาวบ้านจากเพื่อนบ้าน มีการเลี้ยงสัตว์ และทำการเกษตร มีการปรับปรุงตลิ่งริมแม่น้ำโขง รวมทั้งปากห้วยต่างๆ ซึ่งการพายเรือทำให้สามารถเข้าถึงระบบนิเวศอย่างใกล้ชิด
 
 
ทั้งนี้ที่หาดร้องฟาน หนึ่งในแก่งคอนผีหลง ซึ่งเป็นกลุ่มแก่งสำคัญบริเวณพรมแดนไทย-ลาว ยังคงมีสภาพตามธรรมชาติ พบร่องรอยของสัตว์หลายชนิด เช่น นาก นก โดยเกาะแก่งเหล่านี้เป็นแหล่งอาศัยและวางไข่ที่สำคัญของนกอพยพ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำโดยเฉพาะการสร้างเขื่อนปากแบง จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้โดยกลุ่มรักษ์เชียงของจะพายเรือสำรวจแม่น้ำโขงลงไปถึงสุดชายแดนไทย ที่แก่งผาได อ.เวียงแก่น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สนามบินเชียงราย เตรียมสร้างอาคารหลังใหม่ ยกระดับบริการและความสะดวกผู้โดยสาร

 
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) และ ดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านปฏิบัติการและบำรุงรักษา) พร้อมด้วยผู้บริหารท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ร่วมตรวจความพร้อม ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการรองรับการให้บริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร พร้อมทั้งตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้โดยสาร
 
 
โดย ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศ ในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 มีจำนวนเที่ยวบิน 276 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 39 เที่ยวบิน มีจำนวนผู้โดยสาร 39,561 คน หรือเฉลี่ยวันละ 5,652 คน ด้านการอำนวยความสะดวก ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานเพียงพอต่อการให้บริการ โดยเพิ่มความถี่ในการกำกับดูแลความเรียบร้อยของอาคารสถานที่ รวมถึงได้จัดเจ้าหน้าที่สำหรับให้คำแนะนำวิธีการการใช้ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS: Common Use Self Service) ให้กับผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเช็กอินผ่านเครื่อง KIOSK ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเช็กอิน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร ซึ่งพบว่าไม่มีจุดใดที่มีระยะเวลาการรอคิวนานเกินกว่าค่ามาตรฐาน Level of Service (LOS) ตามที่ IATA กำหนดอีกทั้ง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดเตรียมน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ ให้บริการประชาชนฟรี ณ บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
 
 
ในด้านการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 (Passenger Facilitation Center)” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงานท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดการเดินทางของผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการ รวมทั้งรับแจ้งเหตุฉุกเฉินปัญหาข้อขัดข้องในการเดินทาง และได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตระเวน เจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เพิ่มความถี่ในการตระเวนตรวจพื้นที่ เพื่อความเรียบร้อยภายในท่าอากาศยานอย่างเต็มกำลัง
จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ดูแลและใส่ใจการให้บริการผู้โดยสารให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความสะดวก ปลอดภัย และความรวดเร็วของกระบวนการผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก อีกทั้งกระบวนการเช็กอินและความพร้อมของระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS)เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารในการลดระยะเวลารอคอย ตลอดจนการบริหารจัดการพื้นที่พักคอยผู้โดยสารให้เพียงพอ
 
 
อีกทั้ง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ดำเนินการตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม ในการเตรียมความพร้อมตอบสนองต่อทุกเหตุการณ์ หลังเกิดเหตุการณ์จากกรณีเครื่องบินของ สายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ (JAL) เฉี่ยวชนกับเครื่องบินของหน่วยยามชายฝั่งญี่ปุ่น เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้เครื่องบินบนทางวิ่ง (รันเวย์) ณ สนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งดำเนินการศึกษาข้อมูล และเตรียมมาตรการป้องกันภัย โดยนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาใช้ในการวางแผนกำหนดหัวข้อในการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน เพื่อไม่ใหเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย รวมถึงท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) AOT ขานรับนโยบายของกระทรวงคมนาคม “เดินทางทั่วไทย คมนาคมสะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยมีความพร้อมอำนวยความสะดวกผู้เดินทางอย่างเต็มกำลังความสามารถ มุ่งเน้นในด้านความปลอดภัยและความรวดเร็ว
 
 
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาคารผู้โดยสาร ที่มีอายุการใช้งานมานาน นอกจากนี้ในอนาคตทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เตรียมที่จะมีการพัฒนาจุดพักคอยผู้โดยสาร มากขึ้นโดยตามแผนจะดำเนินการพัฒนาหนองน้ำซึ่งอยู่ในท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ให้ผู้โดยสารสามารถใช้พักผ่อนรอการเดินทางได้ ซึ่งจุดนี้เป็นผลดีต่อการดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานฯ.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เตือนไทย! เตรียมรับมือเข้าสู่ ‘ฤดูฝุ่น’ กรมควบคุมมลพิษ หนักสุดในช่วง ก.พ. 67

 

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกันประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝุ่น ขอให้ทุกหน่วยงานคุมเข้ม ควบคุมต้นตอแหล่งกำเนิดฝุ่น

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นในวันนี้จะเริ่มรุนแรง ช่วงวันที่ 5 – 12 มกราคมนี้ ซึ่งมีผลมาจากความกดอากาศสูง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ ลมสงบ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นในปริมาณมาก ขณะที่แหล่งกำเนิดฝุ่นหลักในกทม.นอกจากการจราจรแล้ว การเผาพื้นที่การเกษตรในพื้นที่โล่ง นาข้าว จากภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ลอยตามทิศทางลมมายังกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงต้องเฝ้าระวัง ขอให้ทุกหน่วยงาน ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นในพื้นที่ตนเอง เพราะก่อนปีใหม่พบจุดความร้อนประมาณ 200 จุด แต่หลังปีใหม่พบจุดความร้อนมากกว่า 1,200 จุด

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ บอกด้วยว่า โดยปกติฤดูฝุ่น PM2.5 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่พฤศจิกายน – มีนาคม แต่คาดว่า ฝุ่นจะหนักสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์  

ส่วน น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าในปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 จุด ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางการเกษตรและนาข้าว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศงดการเผา และควบคุมการเผา รวมทั้งมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ควบคุมการเผาผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กระทบพื้นที่ท้ายลม อีกทั้งได้ซักซ้อมกับ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานควบคุมฝุ่นพิษ

คำแนะนำการดูแลและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจาก PM 2.5

1. ให้อยู่ภายในอาคารบ้านเรือน หากไม่จำเป็นอย่าออกนอกบ้าน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง

2. ปิดประตูหน้าต่างป้องกันฝุ่นเข้า หากปิดไม่ได้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำทำเป็นม่านปิดแทน

3. หากต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดจมูกและปาก หรือใส่หน้ากากกรองฝุ่น

4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและทำงานหนัก เมื่ออยู่นอกบ้าน

5. ดื่มน้ำมากๆ และไม่สูบบุหรี่ ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก

6. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศที่มีฝุ่นละออง

7. ไม่เผาขยะ โดยเฉพาะขยะที่เป็นสารพิษ เช่น พลาสติก, ยางรถยนต์ รวมทั้งขยะทั่วไป

8. ลดการใช้รถยนต์ หรือใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้มลพิษจากท่อไอเสีย ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง.

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย จัดพิธีทอดผ้าป่า เพื่อระดมทุนปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5

 
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 ที่ ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมฯ เพื่อติดตามความคืบหน้า และผลการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงของการรณรงค์ก่อนเกิดสถานการณ์ ของแต่ละหน่วยงานในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการฯ ทั้งด้านงบประมาณ การประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องหมอกควันข้ามแดน การดำเนินการทางด้านสาธารณสุข ด้านการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของแต่ละอำเภอ แนวทางวิธีการกำจัดเศษวัชพืช หรือซากวัสดุจากการเกษตร ด้านปศุสัตว์ และการนำมาตรการด้านการอนุรักษ์พลังงานมาใช้ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันวางแนวทางการเตรียมการ ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังเกิดสถานการณ์ ช่วงการประกาศห้ามเผา และด้านการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วมบริหารจัดการ และร่วมรับผิดชอบ ของทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 ของจังหวัดเชียงราย
 
 
ทั้งนี้ ในที่ประชุมฯ ได้หารือเรื่องที่จังหวัดเชียงราย และคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย จะจัดพิธีทอดผ้าป่า เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภายใต้ชื่อ “บวร.บรม.ครบ. ผนึกกำลังกันเป็นสามัคคี เป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ให้ประเทศชาติและโลกใบนี้” (บวร. หมายถึง บ้าน วัด ราชการ โรงเรียน / บรม. หมายถึง บ้าน ราชการ มัสยิส และ ครบ. หมายถึง คริสต์ ราชการ บ้าน)ร่วมคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย กำหนดจัดพิธีทอดผ้าป่า บวร. บรม. ครบ. แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า ของจังหวัดเชียงรายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2567ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ตำบลเวียงอำเภอเมืองเชียงราย ตั้งแต่เวลา 13:00 น. เป็นต้นไป
 
 
ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าฯ ตามกำลังศรัทธา โดยโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาเชียงราย
ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย เลขที่บัญชี 504-3-14827-6
สอบถามรายละเอียดได้ที่ 06-1517-8591 หรือ 08-9969-6728
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายจัดประชุมกำหนดทิศทางทีมบริหาร ย้ำชัด! เชียงรายต้องดีกว่าเดิม

 
วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นพ.สุรินทร์ สุมนาพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านสาธารณสุข และหัวหน้าส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมหารือการประชุมผู้อำนวยการ สอน. และ รพ.สต. ประจำเดือน มกราคม พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 4/2567 ณ อาคารคชสาร การเรียนรู้และนันทนาการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
 
การประชุมครั้งนี้มีระเบียบวาระการประชุม (ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ) การจัดการมูลฝอยติดเชื้อ ของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินีและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย การเตรียมการรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปี พ.ศ.2567 (ฝ่ายบริการสาธารณสุข) ทิศทางการดำเนินงานปฐมภูมิ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โครงการวิจัย “การใช้โรงเรียนและชุมชนเป็นฐานในการคัดกรองสุขภาพจิตหลังการระบาดของโควิด -19 และผลกระทบระยะยาวในโรงเรียนเขตชายแดนไทย” 
 
 
โดยฝ่ายระบาดวิทยา หน่วยวิจัยโรคเขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล การส่งรายงาน 506 10 อันดับโรคติดต่อในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย (ฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข) การขออนุญาตใช้พื้นที่ราชพัสดุ และเขตป่าสงวน การส่งแบบคำร้องขอย้ายไป สอน./รพ.สต. อื่นของข้าราชการ
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News