Categories
SOCIETY & POLITICS

ปลัดมหาดไทยนำคณะทำกิจกรรม World Soil Day 2022

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 08:00 น. นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองเชียงราย พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในสังกัดที่ทำการปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ร่วมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)และกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ที่วัดพุทธอุทยานดอนอินทรีย์ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยอินทรีย์ หมู่ที่ 3 ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเศียร “พระพุทธบารมีรักษาป่า รักษาธรรม รักษาชีวิตสัตว์” ตามโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี “ป่านี้มีผลผู้คนรักกัน” เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เหตุแห่งปัญหา ส่งเสริมให้ทุก ๆ ภาคส่วนมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันด้วยความ “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” ในโครงการ “บวร” จังหวัดเชียงราย
 
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเนื่องในการจัดงานวันดินโลก ปี 2565 (World Soil Day 2022) โดยได้รับเมตตาจาก พระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดฝั่งหมิ่น พระครูสิริธรรมนิวิฐ เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงราย เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช เจ้าอาวาสวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ พระวีระยุทธ์ อภิวีโร วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม และคณะสงฆ์ ร่วมอนุโมทนา โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ นายวราดิศร อ่อนนุช นางภัทราวดี สุทธิธนกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ 18 อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมในพิธี
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
EDITORIAL

ห้างฯต้องรับผิด! หากรถหายแล้ว มีภาพถ่ายรถที่เห็นป้ายทะเบียน

 

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางเพจมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โพสต์บทความที่น่าสนใจอย่างรถหายในห้าง !! #ใครต้องรับผิด !!
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2556 “ ห้างต้องรับผิด”
คำพิพากษาศาลฎีกา 10570/2557 “ ห้างไม่ต้องรับผิด”
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 743 /2561 ล่าสุด “ ห้างต้องรับผิด”
 
 
ลูกค้าจอดรถในห้าง ฯ แต่กลับหายจ้อยโดยไม่รู้สาเหตุ เจ้าของสถานที่ต้องรับผิดชอบ ! หรือไม่ ? มาดูคำตอบที่สิ้นสุดในชั้นศาลฏีกาเข้าไป SHOPPING เพลินเลย ออกมาลานจอด อ้าว ! รถหาย ก็ตอนขับเข้ามายังอยู่ที่ชั้นนี้ ใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ไม่ต้องตกใจโวยวาย ในฐานะผู้บริโภคและเป็นผู้ใช้บริการ ต้องหาหลักฐานด่วนๆ นั่นคือ “ใบเสร็จ “ ซื้อสินค้า เพื่อยืนยันการมาใช้บริการ จากนั้น เอาใบเสร็จ นี่แหละไปแจ้งความกับตำรวจ ถ่ายสำเนาให้ไปนะ ส่วนตัวจริงเก็บเอาไว้ทีนี้ละ เป็นขั้นตอนสำคัญ การเจรจากับห้างฯ ที่รถของเราหายไปถ้าห้างฯ ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย จะได้ใช้ใบเสร็จกับภาพถ่ายรถในโทรศัพท์มือถือเป็นพยานหลักฐานในการฟ้องร้องในชั้นศาล
 
 
แต่…. เดี๋ยวก่อน ! การที่ผู้เสียหายจะชนะคดี ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานอีกอย่างที่ชัดเจน นั่นคือ ภาพถ่ายรถที่เห็นป้ายทะเบียน รวมถึง สภาพสถานที่จอด อยู่ชั้นไหน ล็อกช่องจอดหมายเลข หรือ อักษรอะไร ซึ่งผู้ที่ชนะคดีรายนี้ รอบคอบอย่างมาก เพราะถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาจอดรถในห้างฯ เมื่อสู้คดีสิ้นสุดในชั้นศาลจึงได้รับการชดใช้ โดยมี คำพิพากษา ศาลฎีกา ที่ 7471/2556 เผยแพร่ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2557
 
 
“จำเลยเป็นห้างสรรพสินค้าขายปลีกและขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค ย่อมต้องให้ความสำคัญด้านบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการเกี่ยวกับสถานที่จอดรถซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าที่จะเข้าไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการอื่น ๆ หรือไม่ แม้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 8 (9), 34 บัญญัติให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารต้องจัดให้มีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การจราจร แต่จำเลยยังต้องคำนึงและมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของลูกค้าทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน มิใช่ปล่อยให้ลูกค้าระมัดระวังหรือเสี่ยงภัยเอาเอง การที่จำเลยเคยจัดให้มีการแจกบัตรสำหรับรถของลูกค้าที่เข้ามาในห้างซึ่งเป็นวิธีการที่ค่อนข้างรัดกุม เพราะหากไม่มีบัตรผ่าน กรณีจะนำรถยนต์ออกไปจะต้องถูกตรวจสอบโดยพนักงานของจำเลย แต่ขณะเกิดเหตุกลับยกเลิกวิธีการดังกล่าวเสียโดยใช้กล้องวงจรปิดแทน เป็นเหตุให้คนร้ายสามารถเข้าออกลานจอดรถห้างฯ ของจำเลยและโจรกรรมรถได้โดยง่ายยิ่งขึ้น แม้จำเลยจะปิดประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ รวมทั้งการที่ลูกค้าก็ทราบถึงการยกเลิกการแจกบัตรจอดรถ แต่ยังนำรถเข้ามาจอดก็ตาม ก็เป็นเรื่องข้อกำหนดของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่มีผลเป็นการยกเว้นความรับผิดในการทำละเมิดของจำเลย”
 
 
หลังจาก ศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้ ห้างฯ ต้องรับผิดในกรณีที่รถลูกค้าสูญหาย นับตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา ห้างฯ ก็ได้มีวิวัฒนาการเพื่อที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ ! แต่ ศาลฏีกา ก็มีคำพิพากษา ไปตามวิวัฒนาการ เพื่อปกป้องผู้บริโภค มาดูตัวอย่าง จาก 3 กรณี
 
1)กรณี ห้างฯ มอบบัตรผ่าน เข้า-ออก หรือ บัตรจอดรถให้ลูกค้า **ศาลฎีกา มีคำวินิจฉัยว่า “กรณีนี้เข้าลักษณะการฝากทรัพย์ เมื่อปล่อยให้รถหายก็เป็นการผิดสัญญาฝากทรัพย์ และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะผิดฐานละเมิดในการงดเว้นหน้าที่ ที่ห้างฯจะต้องดูแลรถให้ดี
 
2) พอศาลมีคำพิพากษาไปแบบนั้น ห้างฯก็เขียนว่า”ท่านที่เอารถมาจอด ถือว่าห้างอำนวยความสะดวกให้ ไม่ถือเป็นการรับฝากรถ “ ปิดประกาศทางเข้า-ออกของห้าง ซึ่งคดีนี้ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า แม้จะมีข้อตกลงหรือประกาศว่าจะไม่รับผิดชอบอย่างใดๆ ถือว่าเป็นประกาศฝ่ายเดียวลูกค้าที่เอารถมาจอดไม่ได้ตกลงด้วยไม่มีผลบังคับ ห้างต้องรับผิด
3)ต่อมาห้างก็มีวิวัฒนาการต่อไปคือ ยกเลิก รปภ.ไม่มอบบัตรเข้าออก แต่ใช้วิธีติดตั้งกล้องแทนแล้วก็ปิดประกาศเหมือนเดิมว่าจะไม่รับผิดใดๆ จากเหตุนี้ ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่าแม้จะไม่มีการออกบัตรประหนึ่งว่าเป็นสัญญาฝากทรัพย์ แต่การที่ห้างจัดให้มีสถานที่จอดรถเป็นการอำนวยความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของห้างโดยแท้ เมื่อรถหายห้างก็ต้องรับผิดอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกรณีที่ห้างจะต้องรับผิดอยู่ตลอด เช่น กรณีนี้ มีคำพิพากษาศาลฎีกา 10570/2557 “ ห้างไม่ต้องรับผิด” เพราะอะไร ? มาดูจากเหตุกัน
 
 
เจ้าของรถไปซื้อของที่ห้างใกล้บ้านและได้รับอนุญาตให้เข้าจอดรถในพื้นที่ของห้าง แต่ต้องหาที่จอดเอง ต้องดูแลทรัพย์สินเอง เหมือนกับจอดในห้างทั่ว ๆ ไปแหละ ทั้งนี้ ห้างก็ไม่มีบริการเก็บค่าบริการรับฝากรถ ดังนั้นห้างจึงไม่ใช่ผู้รับฝากรถ
 
 
เมื่อเจ้าของรถทำธุระเสร็จ ออกมาจากห้างปรากฎว่ารถหาย เจ้าของรถ ก็ฟ้องศาล เรียกร้องให้ห้างรับผิดชอบ
คดีนี้ได้ความว่า รปภ. ไม่ได้ประมาทปราศจากความระมัดระวัง ปล่อยให้คนร้ายลักรถของผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้น การที่รถหายจึงไม่ใช่ผลจากการกระทำโดยตรงจากการะทำของ รปภ. และห้าง ไม่ต้องรับผิดชอบ
 
 
โดยคำพิพากษา ระบุว่า ห้างสรรพสินค้าไม่มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบยิ่งไปกว่าการดำเนินการตามปกติทางธุรกิจการค้า ผู้ที่นำรถเข้าไปจอด จึงยังมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยรถและทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถของตนเอง
ทั้งนี้ จำเลย ( ห้างสรรพสินค้า ) ไม่ได้เรียกเก็บค่าบริการในการนำรถเข้าจอด ดังนั้น ความครอบครองในรถยังคงอยู่กับเจ้าของรถหรือผู้ที่นำรถเข้ามาจอด จำเลย จึงไม่ใช่ผู้รับฝากรถและไม่ได้รับประโยชน์ อันเนื่องจากการที่มีผู้นำรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ เพียงแต่ได้รับประโยชน์จากผลกำไรที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าและการบริการซึ่งเป็นปกติทางการค้าเท่านั้น ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยร่วม ไม่ได้กระทำประมาทปราศจากความระมัดระวังปล่อยให้คนร้ายลักรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ออกไปโดยไม่ตรวจสอบบัตรอนุญาตจอดรถให้ถูกต้อง และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ได้ระมัดระวังดูแลรักษาความปลอดภัยสำหรับรถที่มีผู้นำมาจอดในห้างสรรพสินค้าของจำเลยตามสมควรแล้ว การที่รถสูญหายมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำหรือละเว้นกระทำของจำเลยและจำเลยร่วม ดังนั้นจำเลยและจำเลยร่วม จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง (อ้างอิงฎีกาที่ 10570/2557)
ฎีกาใหม่ล่าสุด 743/2561
 
การที่จำเลยซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่อมต้องการให้มีผู้มาซื้อสินค้าและใช้บริการเป็นจำนวนมากซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อรายได้ของจำเลย การจัดให้มีลานจอดรถเป็นการให้บริการอย่างหนึ่งของจำเลยแก่ลูกค้า ดังนั้น การที่จำเลยยอมให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องดูแลรถที่ลูกค้าของจำเลยนำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า จำเลยจึงมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยและรับฟังได้อีกว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยได้จัดให้มีการแจกบัตรเข้าออกสำหรับรถยนต์ของลูกค้าที่นำเข้ามาจอดแต่ขณะเกิดเหตุได้ยกเลิกการแจกบัตรเข้าออกและนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าออกลานจอดรถแทนซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกภาพรถยนต์เข้าออกเท่านั้น ดังนั้น จึงเท่ากับจำเลยงดเว้นหน้าที่ที่จะต้องดูแลรถยนต์ของลูกค้าโดยให้ลูกค้าต้องเสี่ยงภัยเอง
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2556 “ ห้างต้องรับผิด”
คำพิพากษาศาลฎีกา 10570/2557 “ ห้างไม่ต้องรับผิด”
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ 743 /2561 “ ห้างต้องรับผิด”
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ตำรวจท่องเที่ยวปัดเอี่ยวรับส่วยทัวร์ผี-ไกด์เถื่อน ลั่นฟันไม่เลี้ยง หากตรวจพบ

 

กลุ่มมัคคุเทศก์ภาษาจีน ร่วมถกตำรวจท่องเที่ยวหาแนวทางแก้ปัญหาบริษัททัวร์ผี-ไกด์เถื่อน ก่อนยิงตรงถาม “ตำรวจท่องเที่ยว มีเรียกรับส่วยหรือไม่” ด้าน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลั่น หากรู้ว่าใครรับส่วย จ่อลงโทษหนัก “ไล่ออกจากตำรวจ”
พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นประธานในที่ประชุมการแก้ปัญหาทัวร์ผี ,ไกด์เถื่อน และบริษัทบริษัททัวร์นอมินี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ,สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ,สมาคมผู้ประกอบการสัมพันธ์ไทยจีน ,สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ,ชมรมไกด์ภาษาอินเดีย ,ชมรมไกด์ภาษาเวียดนาม ,ชมรมไกด์ภาษาเกาหลี และชมรมไกด์ภาษาจีน โดยมีนายสายชล ชื่นชู เป็นตัวแทน ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (16 มิ.ย.66)
โดยที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญคือ 1.การประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต ,2.การประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.การประกอบธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะเป็นตัวแทนอำพราง ซึ่งหัวข้อเหล่านี้ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และปัญหาเพิ่งจะเบาบางลงในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา
 
ซึ่งหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง จึงทำให้กลุ่มทุนจีนเทา และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎหมาย อาศัยจังหวะที่ตลาดการท่องเที่ยวของไทยเปิด เข้ามาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงทำให้กลุ่มมัคคุเทศก์ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวชาวไทย สงสัยว่าเหตุใดกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายยังคงลอยนวลเต็มบ้านเต็มเมือง โดยไม่มีการปราบปรามตามยุทธวิธีที่วางไว้ก่อนที่ผู้แทนภาคเอกชนจะยิงคำถามถึง ผู้บัญชาการบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ว่า “ตำรวจท่องเที่ยวมีการเรียกรับส่วยจากผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้หรือไม่” จนทำให้ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ถึงกับตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ในยุคสมัยนี้ คงไม่มีใครทำอะไรแบบนี้ ถ้าใครไปทำแบบนี้ ก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง เพราะมีกฎระเบียบวางไว้ชัดเจนอยู่แล้ว”
 
ทั้งนี้ ผู้แทนภาคเอกชน มองว่า คำตอบที่ได้รับยังคงคลุมเครือ จึงฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้กำชับตำรวจในสังกัดเข้มงวดกวดขันในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องปรามไม่ให้กลุ่มคนที่กระทำการผิดกฎหมายเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งเป็นการแย่งอาชีพคนไทย และความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยรวม
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ข่าววงการท่องเที่ยว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
GALLERY

อาจารย์เฉลิมชัยฯ ประเดิมถ่ายรูปตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าขัวศิลปะ

 
อาจารย์เฉลิมชัยฯ ประเดิมถ่ายรูปตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าขัวศิลปะ ร่วมประชาสัมพันธ์งานศิลปะระดับโลกของเชียงราย

The open world “เปิดโลก”
มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย 2023 Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

9 ธันวาคม 2566 – 30 เมษายน 2567

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ขัวศิลปะ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พร้อมเยาวชน 400 ชีวิต ขึ้นดอยอินทรีย์ปลูกป่าครั้งที่ 2

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ณ วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

น้องๆสภาเยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เยาวชนเชียงราย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย ร่วม ”โครงการปลุก(ปลูก) อนาคตเจียงฮาย ครั้งที่ 2 “ เนื่องด้วยปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาป่า การใช้พลังงานต่างๆ การสูญเสียพื้นที่สีเขียว ทางเกษตรกรรม การกำจัดของเสีย และการตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น สาเหตุดังกล่าว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล ปัญหาสุขภาพ ความยากจนและคุณภาพชีวิตตกต่ำ ล้วนเกิดจากปัญหาดังกล่าวข้างต้นด้วยเช่นกัน การรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเป็นการสร้างเสริมองค์ความรู้ ปลูกจิตสำนึกของเด็ก เยาวชน และประชาชนให้ตระหนักถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับและบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัดกำลังพลขนย้ายตะแกรงเหล็ก โรงผลิตกระแสไฟฟ้าบ้านธารทอง

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. ร.ต. ไพบูลย์ สายหงษ์ หน.ชป.โครงการฯ บ้านธารทอง จัดกำลังพลร่วมกับ เจ้าหน้าที่เกษตรในพระองค์ฯ ทำการขนย้ายรั้วตะแกรงเหล็กของอาคารโรงผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เดิม เพื่อนำมาก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานของโครงการฯ บ้านธารทอง ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

ศูนย์พัฒนากีฬา มทบ.37 จัดกิจกรรมเยาวชนกอล์ฟรุ่นที่ 3

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. พล.ต. ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผบ.มทบ.37 /ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์พัฒนากีฬา มทบ.37 ดำเนินการจัดกิจกรรม ตามนโยบายของ ผบ.ทบ. ที่ให้หน่วยใช้ศักยภาพด้านกีฬาที่มี สนับสนุนให้กับเยาวชนในพื้นที่ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฝึกเยาวชนกอล์ฟรุ่นที่ 3 ค่ายเม็งรายมหาราช วันที่ 6 โดย มทบ.37 และ ฝ่ายกีฬากอล์ฟ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างในห้วงปิดเทอมค้นหาตัวตนให้เกิดประโยชน์ ได้เรียนรู้ สัมผัสกีฬากอล์ฟ ของเยาวชน ทราบถึงวิธีการเล่นกอล์ฟ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการเล่นต่างๆ รวมทั้ง กฎ กติกา มารยาท ณ สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ศพก.มทบ.37 ค่ายเม็งรายมหาราช มีเยาวชนที่ศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งปิดภาคเรียนในห้วงเวลานี้ เข้ารับการฝึกอบรม 20 คน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สิทธิพิเศษ สำหรับเยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเสื้อคนละ 1 ตัว หมวกแก๊ป 1 ใบ และอุปกรณ์ต่างๆ ในการฝึกซ้อม พร้อมด้วยอาหารว่าง คนละ 1 ชุดต่อวัน อีกทั้งจะได้เป็นสมาชิกเยาวชนของสนามแม่กกกอล์ฟ เข้ามาไดร์ฟกอล์ฟในราคา 50% ของราคาปกติ จนถึงอายุครบ 18 ปี
โดยการฝึกวันที่ 6 ได้แก่
– ยืดเส้น วอร์มร่างกาย ก่อนการฝึก
– เน้นย้ำความปลอดภัย กติกา มารยาทในการเล่นกอล์ฟ
– ทบทวนท่ายืน ท่าจับไม้ สวิงลูก
– ทบทวนพื้นฐานการใช้พัดเตอร์
– ปฏิการฝึกซ้อมตีลูกจริงบนพรม

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เปิดการประชุมผู้ปกครองนักเรียนรร.ทบอ.บ.ว.

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 เวลา 09.30 น. พ.อ. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน รอง ผบ.มทบ.37 เป็นประธานเปิดกิจกรรม การประชุมผู้ปกครองนักเรียน รร.ทบอ.บ.ว. ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับ กฎ ระเบียบ ต่างๆ การเรียนการสอน และพบปะครูประจำชั้น

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

เชียงราย จัดแข่งวู้ดบอล “SAT WOODBALL CHIANG RAI 2023”

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่สนามฟุตบอล 1 สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางรัตนา จงสุทธานามณี อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานการแข่งขันกีฬาวู้ดบอล รายการ “SAT WOODBALL CHIANG RAI 2023” โดยมีนางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมนักสื่อสารมวลชนและนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ผู้บริหารสิงค์ปาร์คเชียงราย สื่อมวลชน และนักกีฬากว่า 270 คนเข้าร่วม

นางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย ร่วมกับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย จัดการแข่งขันวู้ดบอล รายการ SAT WOODBALL CHIANGRAI 2023 ในครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดกิจกรรมกีฬาภายในจังหวัด ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย และการนำกีฬามวลชนเพื่อสร้างรายได้เศรษฐกิจชาติ ยกระดับความเป็นเลิศ สร้างแนวทางบูรณาการระหว่างชุมชนเมืองกับหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ พร้อมทั้งยังสร้างแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาแบบยั่งยืน รวมถึงการต่อยอดการสร้างเศรษฐกิจจากแหล่งท่องเที่ยว และการค้าธุรกิจท้องถิ่นที่สามารถจับต้องได้ และสร้างภาพลักษณ์เมืองในรูปแบบ Sports Tourism ตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ได้ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองกีฬา Chiangrai Sports City
 
นางรัตนา จงสุทธานามณี อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าขอขอบคุณ และขอชื่นชมคณะผู้จัดกิจกรรมทุกท่าน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่เห็นความสำคัญสุขภาพของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และกล่าวต่อไปว่าการแข่งขันวู้ดบอล รายการ SAT WOODBALL CHIANG RAI 2023 ทำให้นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันซึ่งมาจากหลากหลายจังหวัดในภาคเหนือ ได้สัมผัสถึงบรรยากาศอากาศที่ดี ได้สัมผัสศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย ทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และการเล่นกีฬานอกจากจะทำให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดีแล้ว ยังทำให้เป็นการสร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะนักกีฬาด้วยกันอีกด้วย
 
ทั้งนี้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ แบ่งการแข่งขันเป็นประเภทบุคคล จำนวน 4 รุ่น ได้แก่ 1. ทั่วไปชาย อายุ 64 ปี ลงมา 2. ทั่วไปหญิง อายุ 64 ปี ลงมา 3. อาวุโสชาย อายุ 65 ปี ขึ้นไป และ 4. อาวุโสหญิง อายุ 65 ปี ขึ้นไป และการแข่งขันประเภททีมผสมไม่จำกัดอายุ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 50,000 บาท
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

AIS เปิดผลสำรวจชี้ “คนไทย” พบ 44% ยังเสี่ยงภัยด้านไซเบอร์

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) กล่าวว่า มีการประมาณการว่า จำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มจำนวนเป็น 1.5 พันล้านคน จาก 1.2 พันล้านคน ภายในปี 2025 และการที่จำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลเพิ่มขึ้นทุกปี ผลักดันให้ AIS พัฒนาโครงการด้านความปลอดภัยทางดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง

“ดิจิทัลเป็นเครื่องมือเดียวที่ทำให้ไทย สามารถพัฒนาและแข่งขันกับนานาประเทศได้ แต่มันมีทั้งประโยชน์มหาศาลและโทษอย่างมากถ้าใช้ไม่ถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำงานเกี่ยวกับการใช้งานดิจิทัลอย่างปลอดภัย เริ่มตั้งแต่ปี 2562 ที่เราเปิดตัวภารกิจอุ่นใจ CYBER”

“ทำไมเราต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าการใช้งานดิจิทัลเพิ่มขึ้นทุกปี มีการประมาณการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า จำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลมีถึง 1.2 พันล้านคน และในปี 2025 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน พูดง่าย ๆ คือดิจิทัลแทรกซึมไปกับทุกคนแล้ว”

ล่าสุด AIS ยกระดับการทำงานด้านความปลอดภัยทางดิจิทัลด้วยการสร้าง “ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล” (Thailand Cyber Wellness Index หรือ TCWI) ร่วมกับ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” และนักวิชาการด้านเทคโนโลยี สุขภาพ สื่อสารมวลชน การศึกษา และการประเมินผล เพื่อออกแบบกรอบการศึกษาและการวิเคราะห์ผล

ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล ชี้ให้เห็นถึงทักษะดิจิทัลที่ครอบคลุมพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลของคนไทย 7 ด้าน ดังนี้

1. ทักษะการใช้ดิจิทัล (Digital Use)
2. ทักษะการรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy)
3. ทักษะด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกันบนดิจิทัล (Digital Communication and Collaboration)
4. ทักษะด้านสิทธิทางดิจิทัล (Digital Rights)
5. ทักษะด้านความมั่นคงความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Safety)
6. ทักษะด้านการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying)
7. ทักษะด้านความสัมพันธ์ทางดิจิทัล (Digital Relationship)

วิธีการสำรวจจะเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่มีความหลากหลายทั้งช่วงอายุ (อายุ 10-60 ปีขึ้นไป) และกลุ่มอาชีพจากทุกจังหวัด ทั่วประเทศกว่า 21,862 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 48.24% และผู้หญิง 51.76%

ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล แบ่งระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนไทยเป็น 3 ระดับ

สุขภาวะดิจิทัลระดับสูง (Advanced): ผู้ที่มีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย สร้างสรรค์ รู้เท่าทันการใช้งานและภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ และยังสามารถแนะนําให้คนรอบข้างเกิดทักษะในการใช้งานดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

สุขภาวะดิจิทัลระดับพื้นฐาน (Basic): ผู้ที่มีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและโลกไซเบอร์ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างสรรค์

สุขภาวะดิจิทัลระดับที่ต้องพัฒนา (Improvement): ผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่เพียงพอที่จะใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเสี่ยงต่อการใช้งานในโลกไซเบอร์

ผลการศึกษาจากดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล

ภาพรวมระดับสุขภาวะดิจิทัลของ “คนไทย” อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.51)

แบ่งตามภูมิภาค พบว่า 

  • ภูมิภาคที่มีระดับสุขภาวะดิจิทัลอยู่ในระดับ “พื้นฐาน” ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (0.59), ภาคตะวันออก (0.52), กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (0.61), ภาคใต้ (0.49) และภาคกลาง (0.50)
  • ภูมิภาคที่มีระดับสุขภาวะดิจิทัลอยู่ในระดับ “ต้องพัฒนา” ได้แก่ ภาคเหนือ (0.33) และภาคตะวันตก (0.40)

แบ่งตามกลุ่มอายุ พบว่า

  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนอายุ 10-12 ปี อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.52)
  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนอายุ 13-15 ปี อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.56)
  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนอายุ 16-18 ปี อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.59)
  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนอายุ 19-22 ปี อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.58)
  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของคนอายุ 23-59 ปี อยู่ในระดับ “พื้นฐาน” (0.52)
  • ระดับสุขภาวะดิจิทัลของผู้สูงวัย (อายุ 60 ปีขึ้นไป) อยู่ในระดับ “ต้องพัฒนา” (0.28)

แบ่งตามกลุ่มอาชีพ พบว่า

  • อาชีพที่มีระดับสุขภาวะดิจิทัลอยู่ในระดับ “พื้นฐาน” ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษา (0.59), ข้าราชการ (0.67), ข้าราชการบำนาญ (0.47) และพนักงานของรัฐ (0.78)
  • อาชีพที่มีระดับสุขภาวะดิจิทัลอยู่ในระดับ “ต้องพัฒนา” ได้แก่ คนว่างงาน (0.42), พนักงานรัฐวิสาหกิจ (0.31), พนักงานบริษัทเอกชน (0.41), ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว (0.38), รับจ้างทั่วไป (0.33) และเกษตรกร (0.24) ซึ่งกลุ่มอาชีพเหล่านี้ มีสุขภาวะทางดิจิทัลระดับเดียวกับผู้สูงวัย

โครงการนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากภารกิจหลักของ AIS อุ่นใจ CYBER ที่มุ่งสร้างทักษะด้านดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาบริการดิจิทัล คัดสรรโซลูชัน และเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ให้กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ได้ยกระดับการทำงานขึ้นไปอีกขั้นด้วยการสร้างมาตรวัดทักษะทางดิจิทัลขึ้นเป็นฉบับแรกของไทยกับ ดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล Thailand Cyber Wellness Index (TCWI) ด้วยที่ระดมความคิดในการออกแบบกรอบการศึกษา ขั้นตอนและวิธีการเก็บผล กลุ่มตัวอย่าง รวมถึงการวิเคราะห์และสรุปผลการศึกษา จนออกมาเป็นดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย ที่เป็นไปตามมาตรฐาน แม่นยำ และถูกต้องตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นมาตรฐานใหม่ในการสร้างพลเมืองดิจิทัลและสังคมการใช้งานดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าผสานกำลังส่งมอบดัชนีนี้ไปยังเครือข่ายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อร่วมกันนำองค์ความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจในการใช้งานดิจิทัลให้แก่คนไทยทุกกลุ่มต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท AIS ร่วมกับ มจธ.(มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News