Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศปช. เคาะแผนเยียวยาเชียงรายรวบรัดให้เร็ว เพื่อเงินถึงมือประชาชน

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า จากการตั้งข้อสังเกตปริมาณฝนที่เกิดขึ้นไม่ได้มากกว่าที่ผ่านแต่เป็นการตกเฉพาะที่แบบซ้ำซาก ซึ่งน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) จึงมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปศึกษาให้ถ่องแท้ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักที่ต้องชี้แจงและเตือนภัย เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็น 2 ลักษณะผสมของฝนและดินโคลน ซึ่งสถานการณ์ตรงนี้แตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นน้ำผสมดินโคลน ดังนั้น เป็นน้ำที่อันตรายกว่าน้ำท่วมปกติ คล้ายกับภูเขาไฟระเบิดที่เป็นลาวาผสมน้ำไหลลงมา และเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นได้อีก โดยมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีไปศึกษาให้ครบถ้วน

การที่น้ำผสมโคลนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้การกำจัดและกู้ภัยเป็นไปได้ยาก ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยพบเจอ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการกับเรื่องนี้ ส่วนฝ่ายกองทัพก็ต้องเข้ามาศึกษาตั้งแต่เบื้องต้นรวมทั้งจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไร รวมถึงการจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย

โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือ/ฟื้นฟู เพื่อแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย ในพื้นที่อำเภอเมือง และในอำเภอแม่สาย ดังนี้

  • พื้นที่อำเภอเมือง แบ่งเขตการดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงราย จำนวน 745 หลัง และนอกเขตเทศบาล จำนวน 6,614 หลัง กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 29 กันยายน 2567
  • พื้นที่อำเภอแม่สาย แบ่งการดำเนินการเป็น 5 โซน กำหนดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือประมาณวันที่ 20 ตุลาคม 2567

ส่วนปัญหาการเยียวยาที่มีกฎระเบียบและดำเนินการในภาวะปกติเป็นอุปสรรคนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการตรงนี้ให้ถูกกฎหมาย แต่รวบรัดให้เร็วที่สุด เพื่อให้เงินถึงมือประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ซึ่งลักษณะน้ำท่วมแบบพิเศษนี้จะต้องมีการกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และตน เป็นโฆษกประจำศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์รายวันได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เชียงรายเพื่อกำกับดูและสถานการณ์ เนื่องจากนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายป่วย และใกล้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ได้มอบหมายรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปรักษาราชการแทนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางลงพื้นที่ไปจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชน พร้อมประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทาง และหาข้อสรุป เพื่อใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์รับมือกับการเกิดอุทกภัย และวาตภัยของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS UPDATE

งดเก็บค่าไฟก.ย. ลด 30% เดือน ต.ค.เยียวยาพื้นที่ประสบน้ำท่วม

 

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ เรื่องของมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับค่าไฟฟ้าในเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2567 โดยที่เดือนกันยายน จะไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า และในเดือนตุลาคมจะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ในระยะ 2-3 ฟื้นฟูและการพัฒนาศักยภาพฟื้นฟูลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยในระยะที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง กันยายน 25661 ตุลาคม 2567 ถึง 30 กันยายน 2568 ส่วนระยะ 3 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ไปจนถึง 30 กันยายน 2569

 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า จากการเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้สั่งการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะอนุกรรมการ อคส. และ ศปช. ดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ 

 

เพื่อใช้สำหรับการรายงานตัวของอาสาสมัคร เพื่อแบ่งหน้าที่ และความรับผิดชอบ และใช้ในการรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้รับคำแนะนำมาว่า การรายงานตัวของอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มีการรายงานซ้ำซ้อน ทำให้เสียเวลา และเตรียมจะใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวในการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้เกิดการบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในส่วนของภาครัฐ ภาคประชาชน รวมถึงเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย หรือ ปภ. เร่งดำเนินการใช้ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน หรือ Cell Broadcast Service เพื่อให้การเตือนภัยให้ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

เมื่อถามว่าในอนาคตที่จะใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในการจ่ายเงินเยียวยา และเช็กสิทธิต่าง ๆ ประชาชนควรโหลดแอปฯ ดังกล่าวเก็บไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้เคยประชาสัมพันธ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วว่าให้โหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ เพราะนอกจากการลงทะเบียน ยังเป็นการต่อยอดเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเยียวยา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามพัฒนาระบบนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลถึงประชาชนโดยตรงให้ได้มากที่สุด เวลาที่เราจ่ายเงินเพื่อความรวดเร็วในเวลาที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินเยียวยา ก็จะรวดเร็วขึ้น จึงขอให้ประชาชนโหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ และลงทะเบียนใส่ข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ปภ. จับมือ กสทช. ยกระดับแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS แบบเจาะจงพื้นที่

 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ จึงได้กำชับให้เร่งยกระดับการแจ้งเตือนประชาชนรับมือภัยพิบัติ เพื่อลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ตนจึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับแจ้งเตือนภัยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระดับตำบล/หมู่บ้าน ให้ครบทุกมิติ ทั้งวัน เวลา สถานที่ ระดับความรุนแรง รวมถึงแนะนำการปฏิบัติตัวให้ปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นผู้จัดทำข้อมูล และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) สนับสนุน และจัดส่งให้ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้ง AIS True และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) วางแนวทางการส่งข้อความการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS)

โดยนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า ทันทีที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและส่งข้อความแจ้งเตือนภัยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยมีการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบข้อความสั้น (SMS) 2 รูปแบบ ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12- 24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6 -12 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่จะใช้ระดับการแจ้งเตือนภัยตามที่แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติกำหนด (5 ระดับ) ภายหลังการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่และสถานการณ์ความเสี่ยงภัยแล้วจะทำการส่งข้อความตามเกณฑ์ตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป ดังนี้ 

1. ระดับ 3 (สีเหลือง) ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบาง 
2. ระดับ 4 (สีส้ม) ให้อพยพและปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ให้อพยพกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่น้ำท่วม และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง 
และ 3. ระดับ 5 (สีแดง) ต้องอพยพและปฏิบัติตามข้อสั่งการทันที ซึ่งการแจ้งเตือนภัยผ่านข้อความ SMS ขณะนี้พร้อมดำเนินการได้ทันที

ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากมีประกาศแจ้งเตือนภัยหรือได้รับข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยจาก ปภ. ขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสำนักนายกรัฐมนตรี 1111 สายด่วนมหาดไทย 1784 และ 1567 สายด่วนนิรภัย 1784 และทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากกรมประชาสัมพันธ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT และออนไลน์ทางเพจ NBT Connext

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

“นิด้าโพล” เผยรัฐบาล ‘นายกฯอิ๊งค์’ จะไม่บริหารโดยปราศจากทักษิณ

 

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

 

                จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

                ด้านบทบาทที่คุณทักษิณ ชินวัตร ควรมีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.79 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า ดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

                ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบทบาทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ในความเป็นจริงที่ประชาชนจะได้เห็นในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.39 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธารรองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 9.08 ระบุว่าดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ


                เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.26 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.75 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.75 สมรส และร้อยละ 1.83 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 12.83 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 27.63 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.22 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 39.16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 9.16 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.83 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.79 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 17.71 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 13.74 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.54 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.54 ไม่ระบุรายได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อิ๊งค์ ลุยนำทีมพรรคเพื่อไทยเดินสายช่วยหาเสียงนายก อบจ. พะเยา

 

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นำทีมพรรคเพื่อไทยเดินทางถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมีประชาชนจำนวนมากมาต้อนรับและให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางต่อไปยัง จ.พะเยา เพื่อช่วยนายธวัช สุทธวงค์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) พะเยา หมายเลข 2 หาเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2567

น.ส.แพทองธาร และทีมพรรคเพื่อไทย ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด ณ วัดศรีโคมคำ อ.เมืองพะเยา พร้อมทักทายพี่น้องประชาชนชาวพะเยาที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น ท่ามกลางฝนโปรยปราย ทั้งนี้ พระครูพิศาลสรกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ (พระอารามหลวง) ได้ให้พรแก่ทีมงานทุกคนด้วย

จากนั้น น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย นายธวัช และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังหน้าลานอนุเสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมืองพะเยา เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา โดย น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มารอต้อนรับ แม้ฝนจะโปรยปรายแต่ก็ยังอยู่ให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้นายธวัช ผู้สมัครนายก อบจ.พะเยา หมายเลข 2 จากพรรคเพื่อไทย ได้รับการเลือกตั้งเพื่อกลับเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชน ด้วยนโยบายมุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิตทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจของคนพะเยา และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจพะเยาให้เติบโตตั้งแต่ระดับชุมชนไปถึงระดับจังหวัด

ท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวพะเยาที่เข้ามาทักทายอย่างหนาแน่น น.ส.แพทองธาร ได้แสดงความขอบคุณและยืนยันถึงความมุ่งมั่นของพรรคเพื่อไทยในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้เดินทางไปพูดคุยกับผู้ประกอบการที่กาดหล่ายต้าในช่วงบ่ายต่อไป

การเลือกตั้งท้องถิ่นใน จ.พะเยา นี้ ยังสะท้อนถึงภาพรวมของการเมืองระดับประเทศที่พรรคเพื่อไทยมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนโยบายการพัฒนาที่จะถูกผลักดันจากระดับท้องถิ่นจะเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเมือง

บทบาทของการเมืองท้องถิ่นใน จ.พะเยา นั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมของรัฐบาลไทย เพราะการเลือกตั้งนายก อบจ. และการพัฒนาท้องถิ่นนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการเมืองระดับประเทศ การพัฒนาท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพและการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในรัฐบาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ผลโพลนิด้า คะแนนนิยมการเมือง “พิธา-พรรคก้าวไกล” อันดับ 1

 

มื่อวันที่ 30 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น 97%

 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า 

  • อันดับ 1 ร้อยละ 45.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง มีความรู้ และความสามารถรอบด้าน 
  • อันดับ 2 ร้อยละ 20.55 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 
  • อันดับ 3 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ และมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 4 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ การทำงานมีความซื่อสัตย์ สุจริต 
  • อันดับ 5 ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ และมีความรู้ ความเข้าใจปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 6 ร้อยละ 3.40 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารที่โดดเด่น และมีความน่าเชื่อถือ
  • อันดับ 7 ร้อยละ 2.05 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีประสบการณ์ทำงานด้านการบริหาร เข้าถึงประชาชน และชื่นชอบนโยบายที่ผ่านมา 

ร้อยละ 3.40 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายชัยธวัช ตุลาธน (พรรคก้าวไกล) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) พลตำรวจเอกทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และร้อยละ 0.55 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า 

อันดับ 1 ร้อยละ 49.20 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล 

อันดับ 2 ร้อยละ 16.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย 

อันดับ 3 ร้อยละ 15.00 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 

อันดับ 4 ร้อยละ 7.55 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 

อันดับ 5 ร้อยละ 3.75 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ 

อันดับ 6 ร้อยละ 2.20 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย 

อันดับ 7 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ 

อันดับ 8 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย 

ร้อยละ 1.05 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคไทยภักดี 

และร้อยละ 1.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News