Categories
ECONOMY

AOT กำไรพุ่ง! รับท่องเที่ยวฟื้น สนามบินเชียงรายร่วมด้วยทำโตขึ้น

AOT รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบ 2568 กำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT รายงานผลประกอบการในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) โดยมีกำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 17,906.01 ล้านบาท เติบโต 13.41% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ พร้อมตั้งเป้ายกระดับท่าอากาศยานไทยให้ติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี

ผลประกอบการและการเติบโตของรายได้

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบ 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.27 ล้านบาท หรือ 17.12% จากปีก่อน ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 13.41% อยู่ที่ 17,906.01 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจาก:

  • รายได้จากกิจการการบิน 8,804.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.41% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ
  • รายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน 8,859.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% จากปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายรวม 10,353.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.73% จากปีก่อน

การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน

สำหรับปริมาณผู้โดยสารในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบ 2568 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่ มีจำนวนผู้โดยสารรวม 33.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.41% แบ่งเป็น:

  • ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน
  • ผู้โดยสารภายในประเทศ 12.77 ล้านคน
  • เที่ยวบินรวม 204,549 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.78%

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารมาจาก การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ และช่วงวันหยุดยาวของนักท่องเที่ยวจีน (Golden Week) ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลและระยะใกล้

กลยุทธ์พัฒนาท่าอากาศยานไทยสู่ระดับโลก

AOT มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการให้บริการของสนามบินทั้ง 6 แห่ง โดยเน้น การยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่ระดับสากล รวมถึงพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก ผ่านโครงการสำคัญ ได้แก่:

  • โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (SAT-1) เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านเป็น 65 ล้านคนต่อปี
  • การสร้างระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) และทางวิ่งเส้นที่ 3
  • โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านเป็น 50 ล้านคนต่อปี
  • โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าอากาศยานเชียงใหม่, ภูเก็ต, เชียงราย และหาดใหญ่

เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อประสบการณ์เดินทางที่ดียิ่งขึ้น

AOT ได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดระยะเวลาการเดินทางของผู้โดยสาร เช่น:

  • ระบบเช็กอินอัตโนมัติและการตรวจสอบใบหน้า (Biometric Identification)
  • ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) รองรับ E-passport กว่า 90 ประเทศ
  • ระบบการจัดการข้อมูลเที่ยวบินแบบ A-CDM
  • ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ (SBG)

เป้าหมายสู่ท่าอากาศยานสีเขียวและ Net Zero Carbon

AOT ดำเนินงานโดยคำนึงถึง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานสากล เช่น DJSI, GRI และ PDPA นอกจากนี้ สนามบินของ AOT ยังได้รับ Airport Carbon Accreditation ครบทุกแห่ง พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น Net Zero ภายในปี 2587

ความสำเร็จระดับนานาชาติ

อาคาร SAT-1 ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับรางวัล ท่าอากาศยานสวยที่สุดในโลก 2567″ จาก Prix Versailles ของ UNESCO ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

บทสรุป

AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนา ท่าอากาศยานไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก และตั้งเป้าผลักดันท่าอากาศยานไทยให้ติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
WORLD PULSE

สรุป ‘แพทองธาร’ เยือน ‘จีน’ คุยเรื่องอะไรกันบ้าง

50 ปีแห่งความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อสร้างอนาคตเศรษฐกิจที่มั่นคง

ประเทศไทย, 9 กุมภาพันธ์ 2568  – นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เยือนจีนอย่างเป็นทางการเพียง 2 วัน พร้อมลงนาม 14 ข้อตกลง มุ่งสู่ความร่วมมือไทย-จีนในทุกมิติ ตั้งแต่การค้า การลงทุน เทคโนโลยี จนถึงความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยเฉพาะการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ พร้อมประกาศความร่วมมือสู่ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อสร้างอนาคตเศรษฐกิจที่มั่นคง

แพทองธารพบผู้นำจีนทุกระดับ ดันข้อตกลงสำคัญ 14 ฉบับ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เสร็จสิ้นภารกิจเยือนจีน โดยได้เข้าพบ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และหารือร่วมกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน รวมถึง นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนจีน ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสำคัญที่จีนให้กับไทย

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีน เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ที่ต้องร่วมกันพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และการค้าดิจิทัล โดยเน้นย้ำความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยี AI และความมั่นคงทางไซเบอร์

ในการเยือนครั้งนี้ มีการลงนามบันทึกข้อตกลงสำคัญ 14 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พลังงานสีเขียว และการพัฒนาด้านอวกาศ โดยหนึ่งในข้อตกลงที่น่าสนใจคือ การร่วมมือสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของไทยในการเข้าสู่อุตสาหกรรมอวกาศ

จีนชื่นชมไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมไซเบอร์

หนึ่งในประเด็นที่จีนให้ความสำคัญคือ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ ตัดกระแสไฟฟ้า น้ำมัน และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นมาตรการตัดวงจรธุรกิจผิดกฎหมายที่สร้างความเสียหายให้กับชาวจีนจำนวนมาก

จีนและไทยเห็นพ้องกันว่า ต้องเพิ่มความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระดับทวิภาคี เพื่อจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมในภูมิภาคนี้ พร้อมเดินหน้า ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ ร่วมกัน

แพทองธารย้ำ ไทย-จีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระยะยาว

นายกรัฐมนตรีแพทองธารเน้นย้ำว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ด้วยมูลค่าการค้ารวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และการลงทุนจากจีนในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจีนมีแผนขยายการลงทุนในไทย ด้านอุตสาหกรรมสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีดิจิทัล

จีนยังได้เชิญไทยเข้าร่วม งาน China International Import Expo ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการขยายตลาดสินค้าไทยไปยังจีน โดยเฉพาะในภาค เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจดิจิทัล

ไทย-จีน ร่วมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

ปี 2568 ถือเป็น ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต นายกรัฐมนตรีแพทองธาร และผู้นำจีน เห็นพ้องให้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณ การอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมายังไทยชั่วคราว การส่งแพนด้าให้ไทย และการให้ทุนการศึกษา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมความร่วมมือด้าน Soft Power โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ มีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น

จีนเตรียมขยายลงทุนในไทย อุตสาหกรรมอนาคตมาแน่

นายกรัฐมนตรีแพทองธารยังได้พบกับ นักลงทุนชั้นนำจากจีน เช่น Xiaomi และ Hisense โดยบริษัท Hisense เตรียมขยายฐานการผลิตในไทย และ Xiaomi สนใจตั้งโรงงานผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม EV และเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศ

รัฐบาลไทยยืนยันว่า พร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทุน และมีมาตรการ Ease of Doing Business เพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีจากจีนเข้ามาลงทุนมากขึ้น

ข้อตกลง 14 ฉบับ ไทย-จีน ปลดล็อกข้อจำกัดทางการค้า

การลงนามความร่วมมือ 14 ฉบับนี้ จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทย-จีน โดยครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น:

  • การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • การร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว และพลังงานสะอาด
  • การสนับสนุน EEC และเศรษฐกิจดิจิทัล
  • การอำนวยความสะดวกทางศุลกากร และโลจิสติกส์
  • การพัฒนาความร่วมมือด้านอวกาศและสำรวจดวงจันทร์

สรุปผลการเยือนจีน: ไทย-จีนสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

การเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธารครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และความมั่นคง ความร่วมมือ 14 ฉบับจะช่วยให้ การค้าขายระหว่างสองประเทศคล่องตัวขึ้น ลดขั้นตอนด้านศุลกากร และเพิ่มความร่วมมือทางเทคโนโลยี

จีนยังยืนยันสนับสนุนไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในอาเซียน ขณะที่ไทยพร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนจีนขยายธุรกิจในไทย โดยเฉพาะใน อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้า และเศรษฐกิจดิจิทัล

การประชุมระดับสูงและข้อตกลงที่ลงนามในครั้งนี้ ถือเป็น จุดเริ่มต้นของอีก 50 ปีข้างหน้าของความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่จะพัฒนาไปอีกขั้นด้วยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘อทิตาธร’ ชี้แจงภาพกับ ‘อนุทิน’ ยันไปแจกการ์ดเชิญแต่งงานให้ลูกสาว

อทิตาธร วันไชยธนวงค์ ปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย พร้อมชี้แจงภาพร่วมเฟรมกับอนุทิน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00 น. ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ทำการติดตามกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ ซึ่งทราบมาว่าจะเข้ามาสวดสวดมนต์และทำสมาธิที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์หลังมีประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คือ ภาพถ่ายที่ปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของนายอนุทิน พร้อมข้อความว่า
ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงานผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย”

ภาพดังกล่าวนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางหารได้รับการเลือกตั้ง 261,301 คะแนน ในการชิงแบบพรรคอิสระ ทให้เกิดคำถามจากประชาชนในชาวเชียงราย

อทิตาธร เปิดใจถึงภาพถ่ายกับอนุทิน และเหตุผลของการเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์อทิตาธรถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอชี้แจงว่า การเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพาลูกสาว (น้องป่าน)ไปแจกการ์ดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568

ที่จริงตามมารยาทต้องเชิญผู้ใหญ่อย่างน้อยสองเดือนล่วงหน้า แต่เพราะติดช่วงเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่เลย หลังเลือกตั้งเสร็จ จึงรีบไปเชิญผู้ใหญ่ที่กระทรวง”

นอกจากนี้ อทิตาธรยังเปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับนายอนุทินเกี่ยวกับปัญหาสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วมและถนนการเกษตร ซึ่งได้รับคำมั่นจากรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการช่วยเหลือ

หารือปัญหาเยียวยาน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐาน

ในโอกาสเดียวกัน อทิตาธรได้ใช้โอกาสนี้ นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังมีประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จากทางรัฐบาล

“พี่ได้แจ้งกับท่านรัฐมนตรีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ เช่น ถนนบ้านฟาร์มเมืองงิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และสะพานที่พังในอำเภอเวียงแก่นและอำเภอเทิงซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเกษตร”

อทิตาธรเปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเมตตาจะเดินทางมา ตรวจ ราชการ รับฟังข้อมูลที่เชียงราย ใน อาทิตย์หน้า และจะหาแนวทางช่วยเหลือ ชาวเชียงราย และจะหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แผนงานหลังเลือกตั้ง เตรียมพบกระทรวงอื่นๆ

อทิตาธรระบุว่า หลังจากเข้าพบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็มีวางแผนที่จะ เดินทางไปพบกระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชียงราย เช่น

  • กระทรวงเกษตรฯ: หารือเรื่องการแก้ปัญหาวัชพืชและการเผาไหม้
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ: พูดคุยเรื่องไฟป่าและ PM 2.5
  • กรมโยธาธิการฯ: วางแผนแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานและระบบน้ำ

“พี่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเชียงราย ก็จะเดินหน้าทำงานต่อทันที”

เหตุผลที่เลือกไปกระทรวงมหาดไทยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันถัดจากการเลือกตั้ง อทิตาธรตอบว่า เป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะต้องเตรียมงานแต่งของลูกสาว และลูกสาวเองก็สอบถามตลอดว่าจะเชิญผู้ใหญ่ตอนไหน

ลูกสาวยังพูดติดตลกเลยว่า รอหลังเลือกตั้งแล้วผลออกก่อนก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าแพ้เลือกตั้งจะได้ไม่ต้องพิมพ์การ์ดเยอะ”

ยืนยันจุดยืน “อิสระ” ไม่สังกัดพรรคการเมือง

สำหรับคำถามที่ว่าการปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทินจะสะท้อนถึงการสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ อทิตาธรได้ย้ำชัดว่า

ยังเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด นอกจากฟังเสียงของประชาชน และมีอิสระทางความคิด”

ทางด้านอทิตาธรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเป็นอิสระทำให้สามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเชียงราย

รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีรัฐมนตรีจากหลายพรรค ถ้าจำกัดตัวเองอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยากขึ้น”

อทิตาธรได้ฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า

“พี่นกอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายต่อไป และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งหรือความแตกแยกทางการเมือง เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของจังหวัด” ย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งจบแล้ว และสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวไปข้างหน้า

สร้างความเข้าใจกับประชาชนเชียงราย

อทิตาธรฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า ความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดยังเหมือนเดิม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเชียงรายอย่างเต็มที่

พี่นกไปทุกกระทรวงและพูดคุยกับทุกพรรค ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เชียงรายได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวพี่ค่ะ”

สรุปข่าว

  • อทิตาธร วันไชยธนวงค์ เริ่มปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย
  • ชี้แจงว่า ภาพถ่ายกับอนุทิน เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงานแต่งของลูกสาว และหารือปัญหาน้ำท่วม
  • ยืนยันว่า ยังคงเป็นนักการเมืองอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด
  • เตรียมเข้าพบ กระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ลุ้น “พญ.อัจฉรา” ผอ.โฮงยาไทย 3 รายชื่อเข้าชิงเลขา สปสช. คนใหม่

คณะกรรมการสรรหาฯ ประกาศ 3 รายชื่อเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก 3 คนสุดท้ายจากผู้สมัครทั้งหมด 9 คน เพื่อเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ แทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งกำลังจะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายนนี้

“พญ.อัจฉรา” ผ่านเข้ารอบสุดท้าย พร้อมอีก 2 รายชื่อ

จากการประชุมของคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ได้มีการสัมภาษณ์ผู้สมัคร พร้อมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์และแผนการบริหารงานของแต่ละคน ก่อนจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 3 คนสุดท้าย โดยรายชื่อที่ผ่านการพิจารณามีดังนี้

  1. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี – เลขาธิการ สปสช. คนปัจจุบัน
  2. นพ.ดิเรก สุดแดน
  3. พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช

รายชื่อดังกล่าวจะถูกเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ต่อไป

กระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสรรหาฯ ได้เปิดรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. โดยมีผู้สมัครทั้งหมด 9 คน ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จากนั้นได้เข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์ในวันที่ 31 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นการพิจารณาด้านวิสัยทัศน์ นโยบาย และความสามารถในการบริหารงาน

หลังการสัมภาษณ์ คณะกรรมการสรรหาฯ ได้คัดเลือก 3 รายชื่อสุดท้าย โดยใช้เกณฑ์พิจารณาความสามารถในการบริหารงาน ระบบสุขภาพ และความเข้าใจในภารกิจของ สปสช. ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ

ขั้นตอนต่อไป: การพิจารณาของบอร์ด สปสช.

คณะกรรมการสรรหาฯ จะส่งผลการคัดเลือกไปยังคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาแต่งตั้งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ในการประชุมวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้ได้รับการแต่งตั้งจะดำรงตำแหน่งแทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งจะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยเลขาธิการคนใหม่จะต้องเข้ามารับผิดชอบด้านการบริหารงบประมาณด้านสุขภาพ ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผลักดันนโยบายให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.

เลขาธิการ สปสช. ถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่มีบทบาทโดยตรงต่อการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 48 ล้านคนทั่วประเทศ โดยผู้ดำรงตำแหน่งจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารงบประมาณ ดูแลการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

ข้อสังเกตจากผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า การคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. ครั้งนี้เป็นกระบวนการที่ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ระบบหลักประกันสุขภาพของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านงบประมาณและการให้บริการที่ต้องพัฒนาให้ทันต่อสถานการณ์

“บุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณขนาดใหญ่ และต้องมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพให้มีความยั่งยืน” นักวิชาการด้านสุขภาพให้ความเห็น

สรุป

การคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดย 3 รายชื่อที่ผ่านการคัดเลือก ได้แก่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี, นพ.ดิเรก สุดแดน และ พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช ทั้งสามรายชื่อจะเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุมตัดสินในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งจะเข้ารับตำแหน่งแทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ที่จะหมดวาระในวันที่ 2 เมษายนนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ทำไมต้องมีการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่?
    ตำแหน่งเลขาธิการ สปสช. มีวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อครบกำหนดต้องมีการคัดเลือกบุคคลใหม่เพื่อสานต่อภารกิจด้านหลักประกันสุขภาพ
  2. ใครเป็นตัวเต็งในการได้รับตำแหน่งครั้งนี้?
    นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ซึ่งเป็นเลขาธิการคนปัจจุบัน ถือเป็นตัวเต็ง เนื่องจากมีประสบการณ์ตรงกับงานใน สปสช.
  3. ขั้นตอนสุดท้ายของการคัดเลือกเป็นอย่างไร?
    รายชื่อ 3 คนสุดท้ายจะถูกเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะพิจารณาและแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมที่สุด
  4. บทบาทของเลขาธิการ สปสช. มีอะไรบ้าง?
    บริหารงบประมาณหลักประกันสุขภาพ ดูแลการให้บริการสาธารณสุข และพัฒนานโยบายด้านสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
  5. การแต่งตั้งเลขาธิการ สปสช. คนใหม่จะมีผลเมื่อใด?
    หลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 และจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2568

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

Nvidia เปิดเผยแผนลงทุนใหญ่ในไทย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งเศรษฐกิจ

Nvidia เตรียมลงทุนในไทย เสริมศักยภาพอุตสาหกรรม AI

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า Nvidia (NVDA.O) บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก เตรียมประกาศแผนการลงทุนในประเทศไทยในช่วงการเยือนของ Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพเศรษฐกิจไทยและเป็นการร่วมสร้างคลัสเตอร์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การลงทุนครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมประเทศไทย

Nvidia ไม่ใช่บริษัทเดียวที่แสดงความสนใจลงทุนในประเทศไทย ยังมีบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Alphabet Inc และ Microsoft Corp ที่ได้เข้ามาแล้ว การเข้ามาของ Nvidia จะช่วยเร่งให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมการผลิตและศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง

การเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในประเทศไทย

การลงทุนจาก Nvidia เป็นโอกาสที่ดีที่จะดึงดูดนักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาในอุตสาหกรรม AI และการผลิตชิป ในอดีตประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แต่ปัจจุบันต้องเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI เพื่อทันกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

การสนับสนุนจากรัฐบาลไทยในการขยายตัวของอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 2557 การลงทุนในไทยได้ลดลง แต่การที่ Nvidia แสดงความสนใจลงทุนในไทยครั้งนี้เป็นการแสดงถึงศักยภาพที่กลับมา การขยายตัวของอุตสาหกรรม AI จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย และมีส่วนในการเร่งการเติบโตของ GDP ในทศวรรษหน้า

การเจรจาการค้าระหว่างประเทศและแผนอนาคต

นอกจากการดึงดูดการลงทุนด้านเทคโนโลยีแล้ว ประเทศไทยยังมุ่งมั่นที่จะสรุปข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปีหน้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศ การขยายความร่วมมือในด้านความมั่นคงทางอาหารกับประเทศในตะวันออกกลางจะช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรที่เป็นจุดแข็งของไทย

การเติบโตของการลงทุนจากต่างชาติในปี 2567

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่าการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 42% เป็นมูลค่า 722.5 พันล้านบาท โดยมีแนวโน้มที่จะถึง 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ การเข้ามาของ Nvidia ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ เช่น ศูนย์ข้อมูลและการผลิตวงจรพิมพ์

การขยายตัวของการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทย

ในปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น แม้เงินบาทจะแข็งตัวก็ตาม การเติบโตของการส่งออกจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตเกินกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอย่างน้ำตาล ไก่แช่แข็ง และข้าว ซึ่งถือเป็นสินค้าหลักที่ไทยส่งออก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : bloomberg

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“ประเสริฐ” ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตรวจ “สายไฟใต้ดิน” เพิ่มความปลอดภัย

 
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม เดินทางประชุม ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 18 – 19 มีนาคม 2567 ณ จังหวัดพะเยา ลงพื้นที่ตรวจราชการงานนำสายสื่อสารลงใต้ดิน เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายวัลลภ รุจิรากร เลขานุการรัฐมนตรีฯ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดีอี นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุอนิยมวิทยา ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน สถิติแห่งขาติ และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง
.
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การนำ สายสื่อสารทุกประเภทลงใต้ดิน ในพื้นซึ่งเป็นตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของนโยบายสำคัญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระดับสากลและเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA) เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของจังหวัด ประกอบกับมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จากความสำคัญดังกล่าว เทศบาลนครเชียงราย และเทศบาลตำบลแม่สาย จ.เชียงราย ให้ดูสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีสายไฟฟ้าหรือสายสื่อสารรกรุงรังบดบังทัศนียภาพของสถานที่ท่องเที่ยว และเพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมทั้งรองรับการพัฒนาเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่จะสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐจากการให้เช่าใช้ท่อร้อยสายหรือสายสื่อสารใต้ดินให้แก่ผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อีกด้วย
.
ทั้งนี้ การนำสายสื่อสารทุกประเภทลงใต้ดิน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ ดังนี้
1. ทำให้พื้นที่ของ เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย และ เทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย หรือจุดท่องเที่ยวที่มีการนำสายสื่อสารลงใต้ดินมีทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม เพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2. ระบบการสื่อสารและโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากลดปัญหาผลกระทบที่เกิดจาก การพาดสายบนอากาศ เช่น การถูกสัตว์กัดแทะ การเกิดไฟไหม้
3. สามารถรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สูงขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสังคม และขีดความสามารถในการแข่งขันในการก้าวสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อน และยกระดับการสื่อสาร และดิจิทัลให้กับประเทศ รองรับการพัฒนาเขตเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และนโยบายไทยแลนด์ 4.0
5. สร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐจากการให้เช่าท่อร้อยสาย และสายสื่อสารใต้ดิน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News