Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) สั่งบุกจับกุม ร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

 
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ตนจึงได้มอบหมายให้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย สั่งการ นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย บูรณาการกำลังกับสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยได้ลงพื้นที่เข้าจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จำนวน 2 ร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกันราว 1,000 ชิ้น ทั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 

การปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมากจากได้รับร้องเรียนมาจากผู้ปกครอง บุคลาการทางการศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที และพบว่ามีร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจำนวน 2 ร้าน ซึ่งได้มีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และ 1 ใน 2 ร้าน มีการวางน้ำหอม ตั้งโชว์บริเวณหน้าตู้กระจก แต่จะเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในลิ้นชักเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ 

 

ทั้งยังพบในร้านมีการแจกคูปองเพื่อไว้ให้ลูกค้าลุ้นรางวัลด้วย โดยทั้ง 2 ร้าน ดังกล่าวประกอบด้วย ร้าน VMC HUB Chiangrai ตั้งอยู่ที่ 34/5 หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และ ร้านบ้านควันหอม ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล พร้อมกับยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ 1.เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวน้ำยา จำนวน 15 เครื่อง 2.หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 522 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 382 ชิ้น 4.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น และ 5.คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 71 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบและยึดของกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ทำการตรวจสอบรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้านเพิ่มเติม และพบว่า แต่ละร้านมีรายได้ต่อวัน ตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบว่า เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิให้กับผู้กระทำผิดทั้ง 3 คนทราบแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาดังนี้ 

1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 

2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

“บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิ การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พาณิชย์เชียงราย ลงตรวจร้านค้าแหล่งท่องเที่ยวล่องแพเปียกแม่สรวย

 
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย โดยกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าแหล่งท่องเที่ยวล่องแพเปียกแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ตามที่มีการเสนอข่าวผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ในประเด็น “ร้านโกงค่าอาหารแพงและขูดรีดค่าขยะ” จำนวน 2 ร้าน ผลการตรวจสอบ พบว่า ทั้ง 2 ร้านมีการแสดงราคาอาหารและเครื่องดื่มไว้ในเมนูรายการอาหาร ชัดเจน ราคาเป็นไปตามต้นทุนและค่าบริการจัดการของร้าน
 
 
ทั้งนี้ในส่วนการเรียกเก็บค่าจัดเก็บขยะนั้น ทางร้านมีการแสดงรายละเอียดการเก็บค่าขยะไว้ในหน้าเพจ facebook ของร้าน และมีการแจ้งลูกค้าก่อนทำการจองทุกราย นอกจากนี้พบร้านอาหาร 1 ร้าน ไม่แสดงค่าบริการอื่นๆ ที่เรียกเก็บเพิ่มเติม เช่น ค่าลำโพง ค่าเปิดขวด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฏหมาย
 
 
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ประกอบการร้านค้าแสดงราคาค่าบริการต่างๆ ทุกรายการที่เรียกเก็บ เช่น ค่าเช่าซุ้ม ค่าเปิดขวด ค่าบริการเก็บขยะ ค่าแก้วพลาสติก ค่าเช่าลำโพง เป็นต้น ให้ครบถ้วนชัดเจน ทั้งในเมนูรายการอาหาร บริเวณหน้าร้านหรือบริเวณซุ้มนั่งทาน และให้ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดและหากประชาชนนักท่องเที่ยว พบเห็นการไม่แสดงราคาสินค้า และค่าบริการอื่นๆ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย โทร. 053-150200 หรือสายด่วน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 1569
 
 
ซึ่งเทศบาลตำบลเวียงสรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้แจ้งข่าวสารประชาสัมพันธ์ เรื่อง กำหนดระยะเวลาการล่องแพเปียกเขื่อนแม่สรวยเนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนแม่สรวยมีปริมาณลดลง ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ลาว กรมชลประทาน ได้ประสานเทศบาลตำบลเวียงสรวยว่าจะมีการปิดประตูน้ำในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ทำให้ไม่สามารถล่องแพได้ เนื่องจากน้ำจะตื้นเขิน กิจกรรมการล่องแพเปียกเขื่อนแม่สรวย จึงสามารถดำเนินกิจกรรมได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567ในส่วนของซุ้มนั่งริมน้ำและร้านอาหารจะยังสามารถให้บริการจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 (และสามารถลงเล่นน้ำได้) จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ร่วมสระเกล้าดำหัวผู้สูงอายุ ต.ปอ และ ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น

 
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมสระเกล้าดำหัวผู้สูงอายุ ตำบลปอ และตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น
 
 
เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของคนในพื้นที่ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ หรือปี๋ใหม่เมือง ณ บริเวณสนามกีฬาโรงเรียนบ้านทรายทอง ตำบลปอ และหอประชุมโรงเรียนเวียงแก่นวิทยาคม ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น
 
โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางนิตยา ยาละ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงแก่น เขต 1 นายนรเศรษฐ์ กมลาสน์กมุท นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปอ นายสมพงษ์ เทพไหว นายกเทศมนตรีตำบลหล่ายงาว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากร ประธานสมาคมผู้สูงอายุอำเภอเวียงแก่น ผู้นำท้องที่ และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
 
 
ประเพณีรดน้ำดำหัว หรือทางภาคเหนือจะเรียกว่าการสระเกล้าดำหัว เป็นพิธีต่อเนื่องจากวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทย เป็นประเพณีที่แสดงถึงความเคารพต่อบิดามารดา ผู้ใหญ่ หรือผู้มีพระคุณ เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ของผู้น้อยและขอขมาลาโทษที่ผู้น้อยอาจเคยล่วงเกินผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็นการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเองตลอดไป ประเพณีรดน้ำดำหัวถือว่าเป็นประเพณีที่ดีงามอีกประเพณีหนึ่ง ที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน และยังคงสืบต่อกันมาเพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีอันดีงามนี้ให้สืบไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเร่งกวาดล้างร้านค้า ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

 

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงรายได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน

 

ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปโดยมีการบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยมีการส่งของผ่านไรเดอร์ ซึ่งมีการเปิดขายเป็นจำนวนมาก

 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบทราบว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 2 ร้าน ซึ่งทั้ง 2 ร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และ 1 ใน 2 ร้าน มีการวางน้ำหอม ตั้งโชว์บริเวณหน้าตู้กระจก แต่จะเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในลิ้นชักเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ ทั้งยังพบในร้านมีการแจกคูปองเพื่อไว้ให้ลูกค้าลุ้นรางวัลด้วย

 

โดย เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบแล้วว่าทั้ง 2 ร้านมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงวางแผนเข้าทำการจำกุมทั้ง 2 ร้านพร้อมกัน  ในพื้นที่ ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล 2.ร้าน บ้านควันหอม ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล

 

จากการตรวจสอบภายในร้านทั้ง 2 ร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของทั้ง 2 ร้าน มูลค่ารวมกันหลายแสนบาท โดยจำแนกเป็น 1. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวน้ำยา จำนวน 15 เครื่อง 2. หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 522 ชิ้น 3. บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 382 ชิ้น 4. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น 5. คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 71 ชิ้น และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา
 

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ราย โดยแจ้งข้อหา 1.ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ 2. ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย รดน้ำดำหัว “ปี๋ใหม่เมือง” มอบแว่นสายตาผู้สูงอายุ

 

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย เปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเทศบาลนครเชียงราย ประจำปี 2567 โดยมีผู้สูงอายุจำนวนมากร่วมในกิจกรรม บริเวณด้านหน้าอาคาร 2 สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย ทั้งนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบแว่นสายตาให้กับผู้สูงอายุตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดนมอบแว่นตาให้กับผู้สูงอายุจำนวนกว่า 500 คน สร้างรอยยิ้มให้กับผู้สูงอายุอย่างมาก

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาการมองไม่ชัดเจนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีสายตาผิดปกติ ทำให้มีความยากลำบากในการดำรงชีวิต ทางเทศบาลนครเชียงราย มีความห่วงใยกับปัญหาด้านสายตาของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครเชียงราย ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้กองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย ทำการคัดกรองทางด้านสายตาให้กับผู้สูงอายุ ทั้ง 65 ชุมชน ใน 4 เขต จำนวน 660 คน ทุกสิทธิการรักษา และได้ขอรับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครเชียงราย เพื่อมอบแว่นสายตาให้กับผู้สูงอายุตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมมอบแว่นตาให้กับผู้สูงอายุจำนวนกว่า 500 คน เพื่อคุณภาพการมองเห็นที่ดีขึ้น

พร้อมกันนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้นำคณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย ร่วมกันทำพิธีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ในช่วง “ปี๋ใหม่เมือง” ซึ่งการรดน้ำดำหัวเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ของผู้น้อยและเป็นการขอขมาลาโทษที่เคยล่วงเกิน อีกทั้งเป็นการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองอีกด้วย
 
 
ในโอกาสสำคัญนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ขออารธนาองค์พญามังรายมหาราช จงดลบันดาลให้ทุกท่านพร้อมครอบครัว ประสบแต่ความสุขด้วยจตุรพิธพรชัย สมบูรณ์พูนผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการ
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไชยา รมช. เกษตร มอบสัญญายืมโคให้เกษตรกร จ.เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 67  ที่ทำการคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอแม่จัน เลขที่ 81 หมู่ 7 บ้านดง ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ โดยมีว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ  จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ และนายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์นำหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกรชาวเชียงรายเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

.
          ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ได้ส่งมอบโคจากการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ของผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อไถ่ชีวิตโค-กระบือเข้าร่วมโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ให้กับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำมาช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ และสร้างความรัก ความสามัคคีในชุมชน ให้กับวิสาหกิจ ชุมชน กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐ ให้เกษตรกรที่มีความ สนใจด้านอาชีพการเลี้ยงสัตว์ และสมัครเข้าร่วมโครงการ ภายใต้เงื่อนไขโครงการธนาคาร โค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ซึ่งเกษตรกรจะต้องคืนลูกตัวแรกเมื่ออายุครบ 18 เดือน ให้กับโครงการ และเมื่อครบสัญญา 5 ปี โครงการฯจะมอบกรรมสิทธิ์แม่โค พร้อมลูกตัวที่ 2 , 3 , 4 ให้กับเกษตรกรต่อไป 

.
          สำหรับในวันนี้ จังหวัดเชียงราย ได้รับสนับสนุนโค จากโครงการธนาคาร โค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริจำนวน 55 ตัว รวมเกษตรกรที่ได้รับสัตว์ทั้งสิ้น จำนวน 55 ราย ซึ่งเป็นเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ตามระเบียบของโครงการฯ สมควรได้รับการช่วยเหลือจากโครงการฯ ต่อไป

 

          โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ เป็นโครงการหนึ่งของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยกรม ปศุสัตว์เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นศูนย์รวมในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน ที่มีอาชีพ ในการทำนา ทำไร่ได้อย่างแท้จริง วัตถุประสงค์ที่สำคัญของธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตาพระราชดำริเพื่อช่วยให้เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศได้มีโค-กระบือไว้ใช้แรงงาน และเพิ่มผลผลิต ทางการเกษตร เป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 

.
           ภายในงานมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำการบริการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรหลายหน่วยงานมาให้บริการ เช่น คลินิกดิน พืช ปศุสัตว์ ประมง ชลประทาน สหกรณ์ บัญชี พืชสวน ยางพารา สาธารณสุข มาให้บริการให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย

 

หลังจากนั้น นาย ไชยา เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตรในพื้นที่เดียวกัน พร้อมเปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ มีหน้าที่ดูแลเกษตรกรในทุกมิติ ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง ชลประทาน การทำบัญชี การทำงานของสหกรณ์ การผลิตสินค้า รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำเกษตรกรรมให้เกิดรายได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรร่วมชมคูหานิทรรศการของกระทรวงเกษตรฯ อาทิ นิทรรศการจากกรมหม่อนไหม ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่ 3 ไร่ หากเก็บเกี่ยว 1 ครั้ง สามารถขายได้ราคา 9,000 บาท

 

ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้ 12 ครั้ง ต่อปี และมีนิทรรศการจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่จะมาช่วยผลักดันเกษตรกรให้สามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อีกด้วย

 

สำหรับช่วงบ่าย นาย ไชยาเดินทางไปเป็นประธานพิธีมอบโค-กระบือ ให้เกษตรกรยืมเลี้ยงเพื่อการผลิต ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ณ ศาลาแดงหนองซง บ้านหนองแรดใต้ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยมอบสัญญายืมโค จำนวน 30 ตัว ให้กับเกษตรกร จำนวน 30 ราย คิดเป็นมูลค่า 840,000 บาท

 

นายไชยา กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติจากพี่น้องเกษตรกรมามอบหนังสือสัญญายืมโคเพื่อการผลิต ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปศุสัตว์เป็นอาชีพหลัก ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์จะคอยสนับสนุนข้อมูลการเลี้ยงดูต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ปศุสัตว์ต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

“ณพลเดช” หวังดัน จ.เชียงราย การเงินโลก – โมเดลสวิตฯ แห่งเอเชีย

 

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ดร.ณพลเดช มณีลังกา คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ดร.ปิง ณพลเดช มณีลังกา 李冰阳 ระบุจากที่เป็นคนเชียงรายแท้ๆ วันนี้ไม่ได้ข้ามมายังแผ่นดินลาวบริเวณสามเหลี่ยมทองคำมานาน ผมเคยมาที่นี่น่าจะเกิน 30 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก กลางคืนเป็นเมืองไม่หลับใหลแบบฮ่องกง กลางวันเป็นแหล่งท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ จากที่ทราบคือ ประเทศลาวให้ นักลงทุนชาวจีนมาลงทุนระยะยาว จึงเกิดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และ”เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” รวมทั้งกาสิโน ต้องบอกว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ถ้ามองในสายตาของผมแล้ว หากปล่อยให้เจริญขึ้นเอง ก็คงจะใช้เวลาอีกพันปี แต่พอให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ 

 

ผมเห็นคนลาวที่ไม่มีงานทำ ก็มีอาชีพลืมตาอ้าปากได้ ไม่เพียงชาวลาว คนพม่าก็มาทำงานจำนวนมาก ด้วยแผ่นดินตรงนี้เชื่อม 3 ประเทศ โดยคั่นด้วยแม่น้ำโขง ประกอบด้วย ไทย-ลาว-พม่า โดยมียักษ์ใหญ่คือจีน เชื่อมโดยการเดินทางอยู่ไม่เกิน 6 ชม. ในการเดินรถไฟความเร็วสูงการเดินทางโดยเครื่องบินก็ง่ายเพราะอยู่ตรงกลาง และเชียงรายมีสนามบิน นานาชาติ น่าสนใจเข้าไปอีกมีทางเชื่อมออกทะเลทางเวียดนามและพม่า หมายความว่า สามารถจะเชื่อมทางธุรกิจขนาดใหญ่อย่างน้อย 5 ประเทศ ที่อยู่ใกล้กัน

 

การลงทุนฝั่งลาว มีการลงทุนสัมปทานพื้นที่จากกลุ่มทุนจีนชื่อ กลุ่มดอกงิ้วคำ เป็นบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกงที่มีจ้าวเหว่ย กลุ่ม คิงส์โรมัน บริหาร ด้วยเม็ดเงินมหาศาล ในสายตาของผมเราไม่ต้องอิจฉาเขาหรือไม่ต้องไปแข่งกับเขาเลยครับ ถ้าประเทศไทยเราใช้ยุทธศาสตร์ในฐานะ อยู่กึ่งกลางของทุกประเทศข้างต้น ออกกฎหมายที่เหมาะสม เชียงรายจะกลายเป็นเมืองการค้าการลงทุนที่ใหญ่มาก 
 
 
ในภูมิภาคนี้ ไม่แน่อาจกลายเป็นศูนย์กลางทาง Finance แบบสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยภูมิประเทศโอบล้อมด้วยแผ่นดินรอบล้อมด้วยประเทศต่างๆ ไม่ติดทะเล ปลอดภัยจากสงครามจากทางทะเล อาจนำไปสู่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ผนวกกับ เชียงราย โดยเฉพาะเชียงแสน เป็นเมืองประวัติศาสตร์ มีศิลปะและวัฒนธรรม ที่ยาวนาน เราจะสามารถขายการท่องเที่ยวขายเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นให้ต่างชาติ มาเยี่ยมชมเราได้อีกมาก
 
 
พอเดินทางกลับจากประเทศลาว ผมจึงถือโอกาสไปรดน้ำดำหัวท่านศุลกากรเชียงของ และได้ถือโอกาสหารือกับนายด่านเชียงของ ถึงแนวคิดการ ผลักดันการค้าชายแดน ที่เชียงของที่เชื่อมกับถนน R3A ของลาวเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงสู่จีน นายด่านให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก ตรงนี้ผมเริ่มเห็น โอกาสภูมิประเทศของเชียงราย ที่คล้ายกับสวิสเซอร์แลน การเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจทั้งการเงินการธนาคาร ธุรกิจการค้าขาย แน่นอนหากมีการหมุนเม็ดเงินลงทุนมาสู่เชียงราย อาจนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเงินการธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งของโลก 
 
 
เบื้องต้นต้องผลักดันเชียงราย-เชียงใหม่ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเสียก่อน โดยออกกฎหมายเฉพาะ และเชิญชวนองค์กรสันติภาพระหว่างประเทศมาตั้งสำนักงานที่นี่ ดึงการค้าการเงินการธนาคาร เพื่อผลักดันการเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประเทศไทยมีความมั่นคงอยู่แล้ว อีกทั้งเชื่อมโยงระบบคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ให้สะดวกขึ้น และดึงเม็ดเงินมาลงในพื้นที่ ก็อาจจะทำให้เชียงราย-เชียงใหม่ กลายเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย อย่างไรผมจะลองเอาโมเดลนี้ไปเสนอต่อรัฐบาลต่อไปครับ
 
นอกจากความร่ำรวยระดับโลกแล้ว ฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัย ที่นักลงทุนทั่วโลกเชื่อมั่น และครอบครองเมื่อตลาดผันผวน
 
 
โดยปัจจัยที่ทำให้ฟรังก์สวิส เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน
นั่นก็คือ
1. ระบบธนาคารที่แข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือ
2. ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
3. ความเป็นเอกภาพ และเสถียรภาพทางการเมือง
4. ปัจจัยสุดท้ายคือ สถานะความเป็นกลางของประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ดร.ปิง ณพลเดช มณีลังกา 李冰阳

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง สูมาคารวะ สระเกล้าดำหัว วัฒนธรรมจังหวัดเจียงฮาย

 
เมื่อววันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. “สืบสานสงกรานต์วิถีไทย สูมาคารวะ สระเกล้าดำหัว วัฒนธรรมจังหวัดเจียงฮาย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง 2567” ในเทศกาลสงกรานต์ 2567

 

บุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมรดน้ำดำหัว นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เพื่อขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ และปีใหม่ล้านนา ประจำปี 2567 เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่ไทย ซึ่งถือเป็นการสืบทอด ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาวเหนือมาแต่โบราณ

 

ประเพณีรดน้ำดำหัว เป็นสิ่งที่ทำต่อเนื่องกันมายาวนานในปีใหม่ไทย เป็นการแสดงความเคารพและความกตัญญูต่อบิดามารดา ผู้ใหญ่ และผู้มีพระคุณ ด้วยความเชื่อที่ว่า เป็นการขอขมาลาโทษ พร้อมทั้งรับคำอวยพรเพื่อสิริมงคลของชีวิต และประเพณีนี้ยังทรงคุณค่ามาจนทุกวันนี้

 

ประเพณีสงกรานต์ หรือที่รู้จักกันดีว่าคือวันขึ้นปีใหม่ไทย ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง หมายถึงการขึ้นศักราชใหม่หรือปีใหม่ตามปฏิทินสุริยคติ โดยคำว่า สงกรานต์ เป็นคำภาษาสันสกฤต แปลว่า ผ่าน หรือ เคลื่อนย้ายไป ในที่นี้คือ การเคลื่อนย้ายของพระอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นการเคลื่อนที่สำคัญ จึงเรียกว่า มหาสงกรานต์
ใน พ.ศ. 2432 ได้ประกาศให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ จนถึง พ.ศ. 2484 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ตามหลักสากล คือ วันที่ 1 มกราคม ส่วนเทศกาลสงกรานต์หรือการขึ้นปีใหม่แบบเดิม ได้กำหนดให้ตรงกับวันที่ 13 – 15 เมษายน ของทุกปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เชียงราย รับโล่เชิดชูเกียรติ คุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ปี 66

 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09.00 –  13.30 น. ณ ห้องประชุมนิทรรศการ 5 ชั้น 1 อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ มอบหมายให้ นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนจากชุมชน องค์กร  อำเภอ และจังหวัด เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ ห้องนิทรรศการ 5 ชั้น 1 อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

 

       ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมีผู้เข้ารับโล่เชิดชูเกียรติชุมชน องค์กร อำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จากนางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ดังนี้

  • นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัล “อำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น”
  • นายรัฐกานต์ ปาระมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่จัน เข้ารับโล่รางวัล “องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น”
  • พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัล “ชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น” และนางพรศิริ คำมา เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรในสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมรับชมพิธีดังกล่าวผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Facebook Live

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

อบจ.เชียงราย ร่วมสักการะ และสืบสาน ประเพณีไหว้สาพญามังราย อ.พญาเม็งราย

 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงาน “ไหว้สาพญามังราย ประจำปี 2567“ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ อบจ.เชียงราย มอบงบประมาณสนับสนุนในการจัดงานไหว้สาพญามังราย จำนวน 200,000 บาท ณ คุ้มพญาเม็งราย ม. 3 ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย โดยมีนายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ อ.พญาเม็งราย ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมกิจกรรมดังกล่าว
 
 
อ.พญาเม็งรายเป็นอำเภอเดียวในจังหวัดเชียงราย ที่ได้อัญเชิญพระนามของ “พญามังรายมหาราช” กษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงรายมาเป็นชื่อของอำเภอ ตามตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่งพญามังรายมหาราช เคยนำกองทัพจะไปตีเมืองผาแดง หรือ อ.เชียงของ ในปัจจุบัน พระองค์ได้ทรงหยุดพักไพร่พลบริเวณป่าละเมาะ ซึ่งเป็นเนินดินเตี้ยๆ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ และได้เสด็จพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ไปตั้งไก่ป่าที่สันกลางทุ่งนา จากนั้นที่แห่งนี้ได้รับการบอกเล่าสืบๆ กันมาว่าเป็น “ซุ้มตั้งไก่พญามังราย” หรือ “คุ้มพญามังราย” ในปัจจุบัน 
 
 
คุ้มพญาเม็งราย ถือเป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องชาว อ.พญาเม็งรายและอำเภอใกล้เคียง ซึ่ง อ.พญาเม็งรายร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชนชาว อ.พญาเม็งราย ได้กำหนดจัด “งานไหว้สาพญามังราย” ขึ้น เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พญามังรายมหาราช เป็นประจำทุกปี อีกทั้งเป็นการส่งเสริม สืบสาน อนุรักษ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม ของพี่น้องชาว อ.พญาเม็งราย และจังหวัดเชียงราย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของพี่น้องชาว อ.พญาเม็งราย ให้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าพื้นบ้าน สินค้า OTOP พร้อมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ อ.พญาเม็งราย เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น
 
 
สำหรับการจัดงานไหว้สาพญามังรายประจำปี 2567 ได้กำหนดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การประกวดขบวนแห่เครื่องสักการะ การประกวดร้านนิทรรศการและภูมิปัญญาชาวบ้าน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง การประกวดอ่านค่าวพื้นเมืองและคำปั๋นปอน การประกวดอาหารพื้นเมือง การประกวดไก่สวยงาม (ไก่ต่อ-ไก่ตั้ง/ไก่แจ้/ไก่ลาย) การประกวดผลผลิตทางการเกษตร การเดินแบบผ้าไทยใส่สนุก การประกวดรำวงย้อนยุค การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งชายและหญิงประเภทกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ และประเภทผู้บริหารและสมาชิกส่วนท้องถิ่น การประกวดธิดาพญามังราย การออกร้านจำหน่ายสินค้า OTOP และกิจกรรมสอยดาวและในเวลา 11.00 น. นายก นก นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ อบจ.เชียงราย เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสรงน้ำอนุสาวรีย์พญามังรายมหาราชและพระธาตุเขาแก้ว ณ วัดเขาแก้ว อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News