Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตำรวจยึดรถทันก่อนส่งต่างประเทศ หลังผู้เสียหายแจ้งหลงเชื่ออนุมัติเช่า

 
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อ FORD EVEREST สีขาว หมายเลขทะเบียน ก 8096 เชียงใหม่ (ป้ายแดง) จำนวน 1 คัน สถานที่ตรวจยึด บ้านเลขที่ ๓๐๐ หมู่ ๑๙ ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พฤติการณ์ ตามที่ผู้เสียหายได้ให้นางสาวอุทิศพร อินต๊ะปาน (“ผู้เช่าซื้อ”) เช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อ FORD EVEREST เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหาย ภายหลังผู้เช่าซื้อใด้รับรถไวในครอบครองเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้เช่าซื้อได้ใช้เอกสารทางการเงินเป็นเท็จมายื่นขอสินเชื่อกับผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้หลงเชื่ออนุมัติให้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไป 
 
 
        ต่อมาผู้เสียหายได้ทราบข้อมูลว่ารถยนต์คันดังกล่าวอยู่ในบริเวณใกล้ชายแดนของประเทศ อาจนำออกไปนอกประเทศได้ ซึ่งทำให้ผู้เสียหายเกิดความเสียหาย และอยู่ระหว่างดำเนินการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เช่าซื้อ โดยแจ้งความดำเนินคดี ข้อหา ฉ้อโกง ที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหายจึงประสานมายังสถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ให้ช่วยสืบสวนข้อมูลและติดตามรถยนต์คันดังกล่าวกลับคืนให้แก่ผู้เสียหายโดยเร่งด่วน ทางชุดตรวจยึดจึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง หน่วยบริการประชาชนฯ แม่จัน และสภ.แม่จัน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นและได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลแขวงเชียงราย ที่ ค.38/2567 ลง 15 พฤษภาคม 2567 ไปทำการตรวจค้นสถานที่บ้านเลขที่ 300 หมู่ที่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมี นางสาริสา อายพล เป็นเจ้าของบ้านแต่ไม่อยู่บ้าน และมีนายนาวี แช่เฉิน อายุ 29 ปี ที่อยู่ 471 หมู่ที่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจยึดจึงได้แสดงหมายค้นให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว และมีนายชัยวัฒน์ ชีวินมหาชัย กำนันตำบลป่าตึง เป็นพยานผู้นำการตรวจค้นบ้านจนกระทั่งเสร็จสิ้นการตรวจค้น ตรวจค้นเสร็จสิ้นเวลา 16.50 น. ผลการตรวจค้น พบรถยนต์ ยี่ห้อ FORD EVEREST สีขาว หมายเลขทะเบียน ก 8096 เชียงใหม่ (ป้ายแดง) จำนวน 1 คัน และได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบและประสานส่งมอบให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในรถยนต์คันดังกล่าว ต่อไป
 
 
        ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน พี่น้องประชาชน การปลอมหลักฐานทางการเงิน เพื่อไปใช้ในการกู้ยืมสินเชื่อต่างๆ สามารถตรวจสอบได้ หากมีเจตนาทุจริต จะมีความผิด ตาม ป.อาญา ม.264 ข้อหา ปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ตาม ม.341 ข้อหา ฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ดร.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ส.ทล.5 กก.5 บก.ทล. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด” 
 
 
โดยร่วมกันตรวจยึดรถยนต์ ยี่ห้อ FORD EVEREST สีขาว ในครั้งนี้ภายใต้การอำนวยการของ ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้มรอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ. สาธิต สมานภาพ ผกก.5 บก.ทล.,พ.ต.ท.ศิลา ขำเพชร,พ.ต.ท.ยุทธนันท์ จันทร์เนตร รอง ผกก.5 บก.ทล., พ.ต.ท.ดร.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ส.ทล.5 กก.5 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย ร.ต.อ.ธีระพงษ์ ไชยมงคล รอง สว.ฯ,ร.ต.ต.เดช ฉ่ำชื่น รอง สว.(ป.)ฯ ,ด.ต.สิทธิชัย ชิ้นจิ้น,ต.ต.เอนก บุญหล้า, ต.ต.ปริญญา โกลนันต์, ต.ต.วุฒิชัย ขันทะบุตร, ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์ศรี, และจ.ส.ต.นรากร ดอนแก้ว ผบ.หมู่ ส.ทล.5 กก.5 บก.ทล.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

กลุ่มทุนรุกป่าดอยสะโง้นับ 1,000 ไร่ สร้างรีสอร์ท-ทดแหล่งน้ำไปใช้เอง

 

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ที่หมู่บ้านดอยสะโง้ หมู่ 7 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นายเศกสันต์ กองศรี กำนัน ต.ศรีดอนมูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ และชาวบ้านดอยสะโง้ ร่วมตรวจแนวเขตแดนและพิกัดของพื้นที่ปาไม้และที่ดินที่มีผู้เข้าไปครอบครอง หลังจากชาวบ้านดอยสะโง้เคยร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานว่ามีการบุกรุกป่า และนายเศกสันต์ได้ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยัง อ.เชียงแสน เมื่อเดือน มี.ค.2567

 

โดยชาวบ้าน ระบุว่า เดิมดอยสะโง้ เคยมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้และแหล่งน้ำ รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 709 เมตร เป็นจุดชมวิว 3 แผ่นดิน คือ สามเหลี่ยมทองคำ ไทย สปป.ลาว และเมียนมา และเป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ ที่เป็นแหล่งปลูกพืชต่างๆ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า แต่ปรากฎว่าตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาได้มีกลุ่มทุนบุกรุกตัดต้นไม้และปรับถางที่ดิน มีการปลูกส้มหลายร้อยไร่และสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น รีสอร์ท ที่พัก ฯลฯ เพื่อหาผลประโยชน์จากแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดปัญหาแหล่งน้ำบนดอยสะโง้แห้ง หรือถูกกลุ่มทุนผันน้ำนำไปใช้ส่วนตัว ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนและยังมีปัญหาขยะเพิ่มขึ้นมาอีก
ดังนั้นในปี 2562 ชาวบ้านจึงได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่สามารถหยุดการบุกรุกป่าทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติและสวนป่าแม่มะ-สบรวก ที่อยู่ในการดูแลของหน่วยงานป่าไม้ทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าว และมีแนวโน้มจะบุกรุกเพิ่มขึ้น
 
 
นายเศกสันต์ กล่าวว่า ในอดีตดอยสะโง้เป็นแหล่งน้ำโดยเฉพาะลำห้วยม่วงที่ชาว ต.ศรีดอนมูล ได้ใช้ประโยชน์ แต่ถูกกลุ่มนายทุนที่มีเงินและอิทธิพลเข้าไปบุกรุก กระทั่งปี 2567 ความแห้งแล้งรุนแรงมากเพราะป่าไม้ถูกทำลายไปนับ 1,000 ไร่ ส่วนลำห้วยก็ถูกนายทุนกั้นน้ำเอาไว้ใช้ส่วนตัว ตนจึงได้เป็นตัวแทนชาวบ้านทูลเกล้าถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดังนั้นในครั้งนี้ตนหวังว่าหน่วยงานต่างๆ จะแก้ไขปัญหาให้สำเร็จเพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมา มีการตรวจสอบหลายครั้งแต่ก็ไม่มีการแก้ไขปัญหา
 
 
สำหรับครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เริ่มสำรวจว่าจุดใดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าอุทยาน หรือพื้นที่การเกษตรแล้ว จากนั้นจะบูรณาการจำแนกพื้นที่หากพบมีการบุกรุกในเขตรับผิดชอบของหน่วยงานใดก็จะมีการดำเนินคดีจนครบทั้ง 1,000 ไร่ต่อไป.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) ผู้ว่าฯ จับซ้ำ บุหรีไฟฟ้าร้านเดิมในรอบไม่ถึงเดือน

 
เมื่อวันที่ (15 พฤษภาคม 2567) เวลา 13.50 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงรายได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ 
 
 
นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 นายธีรัตน์ อิทธิพลาลักษณ์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน
 
 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ชุดจัดระเบียบสังคมได้เข้าทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าชื้อร้าน บ้านควันหอม (สาขาตลาดล้านเมือง) ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และได้นำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้นชุดจัดระเบียบสังคมฯ ได้รับข้อมูลจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่าร้านดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้งหลังจากถูกจับกุม ไม่ถึงเดือน 
 
 
โดยยังคงเปิดหน้าร้านและมีการวางน้ำหอมตบตาเจ้าหน้าที่เช่นเดิม ซึ่งพฤติกรรมยังคงพบมีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงลูกค้าทั่วไปเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบว่าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจำแล้ว 3 ร้าน คือ
 

      1. ร้านบ้านควันหอม (สาขาตลาดล้านเมือง) ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล ซึ่งร้านนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567
      2. ร้านบ้านควันหอม (สาขาในเมืองหอนาฬิกา) ตั้งอยู่ที่ 531 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล
      3. ร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 ม.15 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 4 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล ซึ่งร้านดังกล่าวขณะเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ พบว่าร้านมีการปิดประตูม้วนเหล็กลงอย่างมิดชิด เมื่อเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์อยู่หน้าร้านสักพัก พบว่ามีพนักงานปิดประตูม้วนออกมาจากด้านใน เหมือนจะออกมาส่งของ (บุหรี่ไฟฟ้า) เจ้าหน้าที่จึงเปิดหน้าต่างและเรียนพนักงาน พนักงานดังกล่าวจึงเข้ามาถามว่าได้สั่งของ (บุหรี่ไฟฟ้า) ไหม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและพาตรวจสอบภายในร้านแล้ว จากการตรวจสอบภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของกลางกว่า 1,000 ชิ้น มูลค่าหลักแสนบาท
 

และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันลหลายหมื่น บาทต่อวัน ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 7 ราย โดยแจ้งข้อหา 
 

          1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 

         2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พาดูหนัง…”หลานม่า” บันทึกช่วงเวลามีค่าของครอบครัว

 

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายก พี่นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายฐิติวัตร ไลศิริพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และสมาชิกสภาเยาวชน นำน้องๆเยาวชน ร่วมผลักดัน Soft Power อุดหนุน ภาพยนตร์คุณภาพของไทย 

 

โดยมี สมาชิกศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย และประชาชนทั่วไปกว่า 200 คน พาคู่หูรับชมมาภาพยนตร์บันทึกช่วงเวลามีค่าของสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว “หลานม่า”บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และความอบอุ่น จากคู่หูดูหนัง เช่น พ่อ-แม่-ลูก ย่า-หลาน คู่รัก เพื่อน 

 

ภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า คือเรื่องราวที่มีเค้าแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงในครอบครัวสังคมไทย ผ่านตัวละครของ เอ็ม (พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ กลับมาใช้ชีวิตร่วมกับ อาม่าเหม้งจู (อุษา เสมคำ) ผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัว เบื้องหน้าที่ดูเหมือนหลานมาดูแลอาม่าในบั้นปลายชีวิต แต่แท้จริงแล้วเอ็มมีจุดประสงค์บางอย่างซ่อนอยู่ หลังได้รู้ว่า มุ่ย (ต้นตะวัน ตันติเวชกุล) ได้รับมรดกก้อนใหญ่เป็นบ้านราคาสิบล้านบาทจากอากง เอ็มจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อาม่าไว้ใจ แต่กำแพงที่อาม่าตั้งไว้ ทำให้เอ็มได้เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตไปทีละน้อย จนอะไรบางอย่างถูกอาม่าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 

 

“หลานม่า” ยังไม่แผ่ว โกยรายได้ต่อเนื่อง แม้เข้าฉายมาแล้ว 5 สัปดาห์ 

  • รายได้วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2567 – 1.14 ล้านบาท 
  • รายได้รวม 163.40 ล้านบาท (รายได้รวมทั่วประเทศกว่า 300 ล้านบาท)

หลังฉายที่อินโดนีเซียแล้ว หลานม่า จะเข้าฉายที่ฟิลิปปินส์, สปป.ลาว, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, กัมพูชาไต้หวัน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ฮ่องกง, จีนและเกาหลีใต้ ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ “หลานม่า”ยังชวนทัชใจกับรอบพิเศษส่งท้าย “จากใจหลานถึงใจม่า” ร่วมทำบุญด้วยกัน ทุกที่นั่งรับฟรีเสื้อลิมิเต็ดอิดิชั่น free size รอบอก 48 นิ้ว ในราคา 450 บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิมิตรภาพสงเคราะห์บ้านพักคนชราหญิง (สถานที่ถ่ายทำ)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเตรียมใช้ศาลากลางหลังแรก จัดงานวิสาขบูชา 22 พ.ค. นี้

 

เมื่อวันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พระพุทธิญาณมุณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการจัดโครงการธรรมยาตราวิสาขบูชาถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา จังหวัดเชียงราย โดยมีรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดในเขตเทศบาลนครเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ภาคีเครือข่าย ภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมประชุมเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ทั้งด้านวัสดุอุปกรณ์ บุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง การเตรียมความพร้อมในด้านการให้บริการอาหาร น้ำดื่ม และน้ำปานะ รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และด้านการพยาบาล แก่ผู้เข้าร่วมพิธี

 

ด้วย คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทางพระพุทธศาสนา กำหนดจัดกิจกรรม “โครงการธรรมยาตราวิสาขบูชา ถวายเป็นพุทธบูชาและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา จังหวัดเชียงราย” ขึ้นในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00น. เป็นต้นไป ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ศาลากลางหลังแรก) เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดเชียงราย ได้น้อมรำลึกถึงความสำคัญของวันวิสาขบูชา และศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา น้อมถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา(วันวิสาขบูชา) ประจำปี พ.ศ. 2567 และเพื่อให้พสกนิกรชาวจังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้น้อมถวายพระพรชัยมงคล และถวายเป็นพระราชกุศลแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ6 รอบ 72 พรรษา รวมถึงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย ผ่านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความภาคภูมิใจและ รักบ้านเกิดของตนเองเพิ่มมากขึ้น

 

โดยจังหวัดเชียงราย กำหนดประกอบพิธีธรรมยาตราวิสาขบูชาขึ้นในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลา 13:00 น. ณ พระอุโบสถวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง พิธีเปิดโครงการและเดินธรรมยาตรา เวลา 14:00 น. ณ พระบรมราชานุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ศาลากลางหลังแรก) โดยคณะสงฆ์ และส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมเดินธรรมยาตราไปยังสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ วัดศรีบุญเรือง อนุสาวรีย์พญามังราย วัดกลางเวียง วัดเจ็ดยอด วัดมิ่งเมือง วัดพระแก้ว วัดดอยงำเมือง และสิ้นสุดที่วัดดอยจอมทองในเวลา 16:00 น. โดยผู้เข้าร่วมพิธี คณะสงฆ์ ส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชน ร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา ประจำปี 2567

 

ทั้งนี้จังหวัดเชียงราย ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมโครงการธรรมยาตรา วิสาขบูชา ถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา โดยพร้อมเพรียง การแต่งกายชุดสุภาพ เสื้อสีเหลือง ได้ในวันและเวลาดังกล่าว

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯเชียงราย พร้อมการเลือก สว. สนามกีฬากลางจังหวัดเป็นที่สมัคร

 

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัด นายอาคม สุขพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.เชียงราย และ คณะกรรมการระดับจังหวัด นายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย หัวหน้ากลุ่มงาน พร้อมด้วยพนักงานของสำนักงานเป็นคณะทำงาน กกต.เชียงราย ร่วมแถลงข่าว การจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ที่ชั้น 3 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย ศูนย์ราชการ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย

 

ทั้งนี้ นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย พร้อมด้วยสื่อมวลชนทุกแขนง ร่วมรับฟังในการแถลงข่าว การจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ส่วนของจังหวัดเชียงราย

 

โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้เป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครในระดับผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งแต่ระดับ อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ ต้องศึกษาอย่างละเอียดเพราะถือว่าเป็นสิ่งใหม่ของประเทศไทย ก่อนการรับสมัคร สว. จะเริ่มขึ้น
 
 

ด้าน นายชูชาติ สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การเลือก สว. ในครั้งนี้เป็นการเลือกแบบทั่วไป ตามกฏหมายกำหนด ซึ่งการเลือกมีการเลือก 3 ระดับ คือ อำเภอ จังหวัด และ ประเทศ โดยการสมัครจะรับสมัครในวันที่ 20-24 พฤษภาคม 2567 ณ สำนักทะเบียน ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยจังหวัดเชียงรายมี 18 อำเภอ และขณะนี้มีผู้ที่สนใจสมัครรับเลือก สว. ไปขอรับเอกสารแล้วรวม 108 ราย ตั้งแต่วันที่ 10-14 พ.ค.2567 และหลังจากนี้จะมีการประชุมผู้สนใจสมัครรับเลือกฯ ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ซึ่งจะใช้ห้องประชุมอาคารคชสาร ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย และเชื่อว่าจะมีผู้ที่สนใจสมัครมารับฟังประมาณ 200 คน

 

“ทั้งนี้ในการเลือก สว. ครั้งนี้จะมีด้วยกัน 2 รอบ ในทุกระดับ ทั้งในระดับ อำเภอ จังหวัด และประเทศ ซึ่งจะเป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครรับเลือก สว. ที่มาจาก กลุ่มอาชีพ 20 กลุ่มตามที่กฏหมายกำหนด ซึ่งผู้สมัครรับเลือก สว. จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนสมัคร รวมทั้งการได้มาซึ่งคะแนน” นายชูชาติ กล่าว

 

ส่วนการสมัครับเลือก สว. จะเสียค่าสมัครคนละ 2,500 บาท โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันสมัคร มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ เกิดในอำเภอที่สมัคร มีชื่อหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก ทำงานหรือเคยทำงานในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือก เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า2 ปีการศึกษา

 

ผู้สมัครรับเลือก สว. ไม่สามารถหาเสียงได้ แต่สามารถแนะนำตัวตามแบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร โดยระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 กำหนด ให้มีข้อความและข้อมูลดังนี้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร ประวัติการศึกษาของผู้สมัคร ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร ไม่เกิน 5 บรรทัด ทั้งนี้ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ ตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต. กำหนด.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

Eco Living เฟอร์ฯไม้สไตล์มินิมอล “WASABI SERIES” by อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์

 

ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนเมือง การแต่งบ้านที่ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย กับดีไซน์เรียบง่าย อบอุ่น คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจ หลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิต จึงเป็นที่มาของดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง WASABI SERIES” (วาซาบิ) by อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นการผสานเสน่ห์งานไม้ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ให้ความอบอุ่น ผ่อนคลายในสไตล์มินิมอล 

 

WASABI SERIES” ดีไซน์จากแนวคิดCity / Art / Craft / Earth”  Things To Make You Connect With Nature ผ่านการตีความจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเมืองปัจจุบัน สู่การเชื่อมโยงชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยนำกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติจากไม้ยางพารา (Eco Living) เข้ามาเพิ่มสมดุลการใช้ชีวิตภายในบ้านสู่โหมดสุขสงบ ผ่อนคลาย และยังช่วยฮีลใจในวันที่เหนื่อยล้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

คุณกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเลือกกำหนดเทรนด์การแต่งบ้านตามความชอบได้เอง ด้วยเหตุนี้ ILM จึงได้พัฒนาเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง “WASABI SERIES” ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ความเรียบง่าย  เบาตา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยสไตล์มินิมอลที่สามารถใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องกลัวตกเทรนด์ รวมถึงดีไซน์ฟังก์ชันที่ลงตัวกับทุกการใช้งาน  ซึ่งในซีรีย์นี้มีไอเทมให้เลือกแต่งบ้านครบทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็น ชุดห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ชุดครัว-ชุดโต๊ะอาหาร และโต๊ะทำงาน รวมกว่า 20 ไอเทม และด้วยดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายจึงสามารถ Mix & Match ให้เข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ เช่น สไตล์ Japandi, Modern, Tropical, Scandinavian, Nordic นอกจากดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ครบความต้องการแล้ว บริษัทฯ ยังยึดแนวทางการปฏิบัติด้านความยั่งยืน โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรไม้อย่างรู้ค่า  สนับสนุนการสร้างรายได้แก่เกษตรกรสวนยาง โดยเรารับซื้อไม้ยางพาราที่หมดอายุ (ไม่สามารถผลิตน้ำยางได้)  เพื่อนำมาสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์แนวใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสู่การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างยั่งยืน

จุดเด่น “ชุดห้องนอน WASABI”  เป็นการนำวัสดุหลักจากไม้ยางพารามาผสานเข้ากับดีเทลคลื่นกระจกลอนให้ดูเทรนด์ดี้ ที่ภายนอกดูโปร่งแสง แต่ไม่โปร่งใสยังซ่อนความเป็นส่วนตัวไว้อยู่ เพิ่มลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์กับ   งานคราฟท์การเซาะร่องที่เป็นเอกลักษณ์จากช่างฝีมืองานไม้ ให้สัมผัสได้ถึงความ Cozy นอกจากนี้ยังให้ความสะดวกสบายกับระบบ Soft Close เพื่อเปิด-ปิด หน้าบานและลิ้นชัก ให้นุ่มเบา ไร้เสียงรบกวน และยังช่วยถนอมเฟอร์ฯ เพื่อการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ส่วน “ตู้เสื้อผ้า” จัดสรรการจัดเก็บแบบรู้ใจนักช้อปเสื้อผ้า ด้วยราวแขวนเสื้อผ้าถึง 2 ชั้น

“ชุดห้องนั่งเล่น WASABI” ได้รวบรวมไอเทม รวม 10 ไอเทม ประกอบด้วย โซฟา อาร์มแชร์ เดย์เบด โต๊ะคอนโซล โต๊ะกลาง โต๊ะข้าง ตู้วางทีวี ตู้ไซด์บอร์ด โดยคุมโทนสีโทนอ่อน เช่น สีเทา น้ำตาล เอิร์ธโทน ใช้สัมผัสที่เบาสบายตา เมื่อปะทะกับแสง-เงา ภายในบ้านก็จะเพิ่มบรรยากาศ Cozy ซึ่งแต่ละไอเทมสามารถเลือกให้แมทช์กันกับการจัดวางและใช้งานได้กับทุกห้องของบ้านหรือแม้แต่คอนโด 

 

“โต๊ะทำงาน WASABI” ที่ดีไซน์สไตล์มินิมอล 2 ดีไซน์ สำหรับ โต๊ะทำงานเน้นจัดเก็บ เสริมตู้ด้วยสเต็ปจัดเก็บให้ทำงานได้ไม่สะดุด และ โต๊ะทำงานเน้นจัดวางเบาๆ ด้วยถาดวางอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ขยับเคลื่อนซ้าย-ขวาได้

“ชุดครัวสำเร็จรูป – ชุดโต๊ะอาหาร WASABI” ยังคงเน้นเสน่ห์งานไม้ยางพารา สำหรับ ชุดครัวสำเร็จรูป รวมฟังก์ชันจัดเก็บครบในสไตล์ญี่ปุ่น ส่วน ชุดโต๊ะทานอาหาร เก๋ที่การซ่อนดีไซน์การเก็บอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องปรุง ตรงคานใต้โต๊ะ ลดความเกะกะได้ดี  ส่วน เก้าอี้ ดีไซน์ให้สามารถหมุนได้รอบ 360 องศา พนักพิงสูงโค้งโอบรับหลังพอดี พร้อมเบาะนั่งบุหนาพิเศษให้รู้สึกสบาย นอกจากดีไซน์และฟังก์ชัน “WASABI SERIES” ยังคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยภายในบ้าน เช่น การออกแบบเพิ่มช่องว่างให้พอดีกับโรบอทเข้าไปทำความสะอาดได้  รองรับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่เน้นความรวดเร็ว สะดวกสบาย แบบ Smart Living

และเพื่อร่วมฉลองเปิดเฟอร์นิเจอร์ซีรีย์ใหม่ เมื่อช้อป WASABI SERIES ครบ 15,000 บาท รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม “Wasabi Sushi Bento” กับ “เชฟประเทือง ศรีสุข” ดีกรีแชมป์ 2 สมัย จากเชฟกระทะเหล็ก ณ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์  สาขาพัทยา 11-12 พ.ค. นี้, สาขาเกษตร-นวมินทร์ 25-26 พ.ค. นี้, สาขาเชียงใหม่ 1-2 มิ.ย.นี้ และ สาขาภูเก็ต 18-19 พ.ค. นี้ สามารถช้อป WASABI SERIES ได้แล้วที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ดูตัวอย่างสินค้าคลิก  https://www.youtube.com/watch?v=ucVKgoEKBDI&list=PLppj5yQKkDis35e2ELoJtPbTTIGwxSuDh 

ช้อปออนไลน์ที่ https://bit.ly/44nwES4  สอบถามโทร.1379

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

‘แม็คซ์ฟู๊ด’ ผู้ส่งออกไอศกรีมเบอร์ 1 เอเชีย ปลูกสับปะรดเพิ่ม 1,000 ไร่ ที่เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของไทยและการเติบโตของบริษัทฯ ว่า ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยถึงมูลค่าการส่งออกไอศกรีมของไทยปี 2566 อยู่ที่ 148.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% โดยประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก สอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ ไอศกรีมผลไม้ และ โมจิไอศกรีม โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเกือบ 99% และขายในประเทศเพียง 1% ทำให้ในปีที่ผ่านมา (2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมสูงถึง 340 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% แต่ยังน้อยกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท

 

จากปัญหาการไม่เพียงพอของผลไม้สดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตและกำลังการผลิตของโรงงานเต็มแล้ว ส่งผลให้มีสินค้าค้างส่งแก่ลูกค้าถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาท แต่ปีนี้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้วแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิต การบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบ ด้วยการลงทุนปลูก จัดหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ เพิ่ม และสต๊อกผลไม้เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ตลอดปี ทำให้จะสามารถส่งผลิตภัณฑ์ไอศกรีมแก่ลูกค้าได้ในทุกคำสั่งซื้อ ทั้งคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ คำสั่งซื้อใหม่ และรองรับลูกค้าใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขึ้น

 

โดยการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตนั้น มีการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นการขยายโรงงานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับกับเครื่องจักรและสายการผลิตไอศกรีมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สามารถลดเวลาในการผลิตไอศกรีมผลไม้ 1 ลูก จากเดิมที่ใช้เวลา 3 วัน เหลือเพียงแค่ 10 นาที ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตจากปีละ 340 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 9 ล้านชิ้นต่อปี เป็น 720 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ คิดเป็นผลิตภัณฑ์ไอศกรีมประมาณ 18 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งโรงงานใหม่จะเสร็จสิ้นและดำเนินการผลิตได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

 

ส่วนการแก้ปัญหาด้านวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิตนั้น ทางบริษัทฯ ได้มีแผนระยะยาวในการป้องกัน โดยลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการปลูกสับปะรดจำนวน 1,000 ไร่ ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งสับปะรดเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตภัณฑ์ไอศกรีมผลไม้ในลูกสับปะรดที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา โดยคาดว่าจะได้ผลผลิตช่วงปลายปีนี้ประมาณ 1 ล้านลูก และจะเพิ่มเป็น 6 ล้านลูกในปีต่อๆ ไป พร้อมกันนั้นยังได้สร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บวัตถุดิบทำให้สต๊อกวัตถุดิบเพิ่มได้มากถึง 40 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ ประมาณ 1 ล้านชิ้น ทำการปรับปรุงการบริหารจัดการด้านการจัดซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้รับซื้อและจัดเก็บผลไม้ในฤดูกาลที่มีผลผลิตมากได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป และถือเป็นการช่วยเกษตรกรทางอ้อมอีกด้วย

 

ส่วนด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายนั้น ยังคงเน้นตลาดส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในลูกผลไม้ของเรายังคงครองอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลี ส่วนประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มีการเน้นทำตลาดเพื่อสร้างความรู้จักมากขึ้น แต่ตลาดที่น่าสนใจ มีศักยภาพสูงและเป็นประตูบานสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีกำลังการซื้อสูงและเชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบอาหรับและแอฟริกาได้ ส่วนจีนเป็นตลาดใหญ่ มีการบริโภคสูง ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ทางบริษัทฯ ได้เริ่มมีการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายบ้างแล้วและผลตอบรับเป็นไปด้วยดี คาดว่าจะสามารถพัฒนาต่อไปเป็นตลาดสำคัญของเราได้ นอกจากนั้นยังได้เริ่มมีการเปิดตลาดใหม่กับทางอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาและพัฒนาสูตร คาดว่าจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้ประมาณปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป ประกอบด้วย ไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีสัดส่วนสูง 80% โมจิไอศกรีม 15% และ ไอศกรีมผลไม้แท่ง 5% ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยขนาด 210 กรัม มี 6 รสชาติ ประกอบด้วยสับปะรด เสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ซึ่งไอศกรีมชนิดถ้วยจะเป็นคนละตลาดกับไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ แต่ยังเน้นตลาดส่งออกเช่นเดิม โดยจะเริ่มจำหน่ายในเกาหลีก่อน

สำหรับจุดเด่นของไอศกรีมชนิดถ้วย คือ การเจาะเข้าสู่ฐานผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง รีเทล ซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN นอกจากนั้นยังเปิดกว้างในการรับจ้างผลิต (OEM) แบบครบวงจร โดยลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมพัฒนาสูตรกับเรา โดย แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จะดูแลเรื่องการผลิต บรรจุ พร้อมส่งออกไปยังปลายทางให้ได้อีกด้วย ซึ่งจากการขยายการลงทุนโรงงานใหม่ แหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะสูงแตะ 400 ล้านบาท

 

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ไอศกรีมซอร์เบผลไม้ชนิดถ้วยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป สามารถเยี่ยมชมได้ที่งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 บูธ 1KK59 วันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสามารถหาข้อมูล รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่ www.maxfoodgroups.com/ หรือ โทร 099-6246266

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

‘อทิตาธร’ ร่วมยินดีกับนักกีฬา บาสเกตบอล TOA 3×3

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย แสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัล ในรายการแข่งขันบาสเกตบอล “TOA 3X3 BASKETBALL ALL THAILAND 2024“ ณ ประตูท่าแพ จ. เชียงใหม่ ในวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้รับรวม 3 รางวัล ได้แก่ 

ชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีหญิง ได้แก่ 

  1. เด็กหญิงเพลงพิณ ไตรแสง 
  2. เด็กหญิงมะลิ อินทยศ 
  3. เด็กหญิงพาขวัญ สงวนศรี 
  4. เด็กหญิงกรภัค ดีน้อย 

รองชนะเลิศอันดับ 1 รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีชายได้แก่ 

  1. นายเบนจามิน ซันนี่ สลาวจ์เตอร์ 
  2. นายกุนที ครุฑไทย 
  3. นายตะวันฉาย มาบุตร 
  4. นายไชยพงศ์ ภาสน์ประวิตร 

 

รองชนะเลิศอันดับ 2 รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีชาย ได้แก่ 

  1. เด็กชายกัญจน์ ดอนเมือง 
  2. เด็กชายกันตณพิชญ์ ศิระกมลโรจน์ 
  3. เด็กชายชินกฤต ธรานิศร 
  4. ด็กชายกวีวัฒณ์ ถูกจิตต์เสฎฐี 

 

และสำหรับทีมที่ชนะเลิศจะได้ไปแข่งขันต่อในรอบประเทศ Grand Final เพื่อชิงตั๋วไปดูการแข่งขัน บาสเกตบอล 3×3 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 27-29 ก.ค. 2567 ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ นายก นก ได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมส่งเสริมและผลักดันการแข่งขันกีฬาของเยาวชน ซึ่งถืออีกหนึ่งนโยบายในการพัฒนาของ อบจ.เชียงราย ที่จะสร้างโอกาสและสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชนมีพื้นที่สร้างสรรค์โดยใช้กีฬานานาชนิด ในการค้นหาสร้างเยาวชนช้างเผือกด้านกีฬาสู่สากลกีฬาประจำท้องถิ่น กีฬาคนพิการ รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนทั่วไปทำกิจกรรมเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ วางรากฐานเรื่องกีฬามาตั้งแต่ท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มุ่งสู่การเป็นนักกีฬาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ ระดับสากล และนักกีฬาอาชีพต่อไป

 

บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA ร่วมกับ สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เปิดศึกการแข่งขันดวลบาสฯ 3 คน ยอดฮิต TOA 3×3 Basketball All Thailand 2024 ปลุกกระแสบาส 3×3 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พร้อมลุยจัด 10 สนามทั่วไทยตามมาตรฐานสากล เน้นเอนเตอร์เทนเมนต์ให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น ประเดิมสนามแรก 26 – 27 เมษายน 2567 นี้ที่ จ.ชลบุรี ทีมผู้ชนะรุ่น 12-14 ปี ชิงตั๋วรางวัลพิเศษ บินลัดฟ้าไปชมการแข่งขันบาสเกตบอลแมตช์ระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรม CSR ทาสี ตีเส้น มอบสนามบาสให้ชุมชนทั้ง 10 จังหวัด พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ ส่งไอเดียทาสีสนาม ชิงเงินทุนการศึกษารวมกว่า 150,000 บาท สานต่อนโยบายภาครัฐในการลงนาม MOU สนับสนุนสมาคมกีฬาบาสฯ เพื่อร่วมส่งเสริม พัฒนา และขับเคลื่อนวงการกีฬาให้เป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศ โดยมี นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA นายนิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอล แห่งประเทศไทย และนายปิยพงศ์ พิรุณ เลขาธิการสมาคมกีฬาบาสฯ ร่วมแถลงข่าวเปิดศึกการแข่งขันบาสเกตบอล TOA 3×3 Basketball All Thailand 2024 ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567

 

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA เปิดเผยว่า ตามที่ TOA ได้ร่วมกับ สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 12 ปี ด้วยมุ่งหวังส่งเสริมให้เยาวชนไทย หันมาออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส ห่างไกลยาเสพติด และพัฒนาวงการกีฬาบาสไทยให้มีชื่อเสียงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกีฬาบาสฯ 3×3 ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในเยาวชน จนทำให้รายการแข่งบาส TOA 3×3 ออล ไทยแลนด์ ในปีที่ผ่านมาได้รับกระแสการตอบรับอย่างท่วมท้น ในปีนี้จึงได้ยกระดับการจัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3 คน ที่บวกเอนเตอร์เทนเมนต์ให้มีสีสันมากขึ้น เพื่อให้เยาวชนในต่างจังหวัด ได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันในมาตรฐานระดับสากล พร้อมสานต่อกิจกรรม CSR “ทาสี ตีเส้น” ส่งมอบสนามบาสให้ชุมชน10 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดออกแบบสนามบาสเกตบอลตามจังหวัดที่เราไปจัดการแข่งขัน ชิงเงินทุนการศึกษารวมกว่า 150,000 บาท 

“ซึ่งในวาระที่ ทีโอเอ ครบรอบ 60 ปี เราจึงมอบรางวัลพิเศษ พาเยาวชนทีมที่ชนะเลิศ รุ่น U12 และ U14 รวม 3 ทีม 12 คน บินลัดฟ้าไปชมการแข่งขันบาสเกตบอลแมตช์ระดับโลก นัดชิงชนะเลิศรายการ 3×3.EXE PREMIER 2024 PLAYOFFS ปลายเดือนกันยายนนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมอบประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยได้สานฝันสู่การเป็นนักกีฬาระดับอาชีพ และพัฒนาวงการกีฬาไทยไปสู่ระดับสากลอีกด้วย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ชาวตำบลนางแลกว่า 70 ครัวเรือน ยื่นขอพิสูจน์ครอบครองที่ดินเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายสุชาติ สมประสงค์ กำนันตำบลนางแล พร้อมด้วย นางเตียนทอง เรือนคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 และนายไพโรจน์ ทวีสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านใหม่นางแล หมู่ที่ 17 พร้อมด้วยประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อยื่นขอพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคล กว่า 70 ครัวเรือน ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินในที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกินมายาวนาน ทั้งนี้ชาวบ้านขอยืนยันว่าพวกตนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่มาหลายชั่วอายุคน มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองการอยู่อาศัยและประกอบอาชีพมาก่อน ขณะที่บางรายก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ ต่างได้รับความเดือดร้อนต้องประกอบอาชีพโดยไม่ได้มีกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ให้ชาวบ้านได้เอกสารสิทธิ์แต่อย่างใดเพื่อยืนยันการถือครองที่ดินในปัจจุบัน เสนอต่อนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดยมี นายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับเรื่องเพื่อพิจารณานำเสนอรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตามลำดับขั้นตอน

 

จากกรณีดังกล่าว ประชาชนในพื้นที่ต้องการดำเนินการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินที่ประชาชนครอบครองอยู่ตามเอกสารที่กฎหมายกำหนด ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการมีประชาชนมีส่วนร่วมขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกินของประชาชน โดยมีรายชื่อประชาชนบ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 และบ้านใหม่นางแล หมู่ที่ 17 ที่ขอพิสูจน์สิทธิ์ครอบครองที่ดินในเขตที่ดินของรัฐ (สปก.) ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติมีคำสั่งที่ 1/2564 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่งตั้งณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) ให้มีอำนาจและหน้าที่ในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกประเภท ซึ่งประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมายาวนาน และถูกประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนางแล ตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลริมกก และตำบลบ้านดู่ นับตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2537 เป็นต้นมา 
 
 
แม้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินจะถูกประกาศให้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินแต่ประชาชนทั้งหมดไม่ประสงค์ขอรับการจัดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย หรือกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในรูปแบบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เนื่องจากเชื่อมั่นว่า ได้มาทำประโยชน์ในที่ดินก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรกผ่านมามากกว่า 10 ปี จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้มาดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน แต่ปรากฎว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินและเมื่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติมีคำสั่งที่ 1/2564 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) ให้มีอำนาจและหน้าที่ในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกประเภท และได้กำหนดมาตรการเรื่องการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐไว้อย่างชัดเจน 
 
 
จึงได้ศึกษารายละเอียดและได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับที่ดิน เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้ครอบครองทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องมาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรกหมู่บ้านนางแลใน หมู่ที่ 7 ก่อตั้งหมู่บ้านมาก่อน พ.ศ. 2460 โดยปรากฎวัตถุพยานเป็นที่ประจักษ์คือการก่อตั้งวัดนางแลใน มีรายชื่อเจ้าอาวาสและผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนับตั้งแต่ พ.ศ. 2460 เป็นต้นมา ที่สามารถพิสูจน์ได้จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของราชการได้การครอบครองที่ดินปรากฎชัดเจนในภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2513 ให้รักษาป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท ไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวร และได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2521 
 
 
 
และประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนางแล ตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลริมกก และตำบลบ้านดู่ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2537มีข้อโต้แย้งสิทธิครอบครองที่ดินประกอบด้วย พยานบุคคล พยานวัตถุ และภาพาถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร ที่ถ่ายภาพพื้นที่นั้นไว้เป็นครั้งแรกจากเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ได้รับการรับรองจากกรมแผนที่ทหาร โดยเป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายขึ้น ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2497 วันที่ 30 มกราคม 2513 และวันที่ 15 มกราคม 2519 ตลอนจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่พร้อมสำหรับการพิสูจนฒสิทธิ์ฯ ดังนั้นจึงเรียนมายังประธานอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) จังหวัดเชียงราย เพื่อขอใช้สิทธิ์ตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ขอพิสูจน์การครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินว่าได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวก่อนการเป็นที่ดินของรัฐครั้งแรก
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News