Categories
AROUND CHIANG RAI

ครม.ตั้งศูนย์อำนวยการอุทกภัย ใช้งบฯ ทดลองจ่าย 20 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยมองว่าน้ำท่วมเป็นปัญหาซ้ำซากเรื้อรังมานานจากหลายปัจจัย ทั้งการบริหารจัดการน้ำ การกักเก็บน้ำ การไม่มีที่รองรับน้ำในภาคเหนือ ทำให้มีปัญหาน้ำท่วมหนักทุกปี ต้องช่วยเหลือผู้ที่ลำบากทุกปี

โดยเฉพาะในปีนี้ (2567) มีมวลน้ำปริมาณมาก สถานการณ์ฝนตกมีความแตกต่างจากที่ผ่านมา มีภาวะฝนตกเป็นจุดๆ จากปัญหาโลกร้อน ซึ่งปัญหานี้นับวันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีการวางแนวทางการบริหารจัดการ คือ

1.ต้องมีการบริหารจัดการไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนหลังน้ำลด

3.การแก้ปัญหาระยะยาว โดยบรรจุเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ เมื่อมีคณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศก็จะบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้รองรับสถานการณ์ได้ทัน

รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้คาดการณ์สถานการณ์บางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว แต่บางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เช่น จังหวัดสุโขทัย ซึ่งยอมรับว่าเป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนระบายสู่จังหวัดต่างๆ ถือว่าค่อนข้างหนัก คันกั้นน้ำไม่สามารถรับได้ จึงเกิดกรพังทลาย คันกั้นน้ำยังมีปัญหาการเวนคืนที่ดิน รักษาการนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว 

และนำมาสู่การตั้งศูนย์แก้ปัญหาให้มีเอกภาพ จึงตั้งเป็นศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย มีอำนาจหน้าที่และการใช้งบประมาณที่ชัดเจน โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน

ส่วนองค์ประกอบที่เหลือคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยแบ่งภารกิจออกเป็น 2 ส่วน คือ 

1.การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ การแจ้งเตือน ให้ทราบข่าวว่าน้ำจะมาประมาณ ไหน ไม่ให้เกิดความตระหนก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนวณและยืนยันว่าจะไม่ถึงสถานการณ์ปี 2554 โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ จะเป็นผู้ดูแล 

2.การดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นหลักในการบูรณาการความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน

สำหรับงบประมาณที่ใช้จะใช้จากงบประมาณกลาง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งบางจังหวัดมีการประกาศพื้นภัยพิบัติจะใช้งบทดลองจ่าย จำนวน 20 ล้านบาท หากไม่เพียงพอต้นสังกัดจะขอมาที่งบกลาง แต่เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วการดำเนินการทุกอย่างจะต้องรวดเร็วตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“หน้าที่มีทั้งการป้องกัน แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟู ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในรายจังหวัด เช่น จังหวัดน่านสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู ส่วนจังหวัดที่น้ำยังมาไม่ถึงจะป้องกันอย่างไร เช่น จังหวัดนครสวรรค์ หรือต่ำกว่านั้น ก็ต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขไม่ใช่ทำงานเชิงรับ” รองเลขาธิการนายกฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์อำนวยการสถานการณ์อุทกภัย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

‘ธรรมนัส’ ลุย 3 จังหวัด ‘ลำปาง แพร่ สุโขทัย’

 
   ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งแจกถุงยังชีพแก่พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัย ณ เทศบาลตำบลแม่ปุ อ.แม่พริก และบ้านต้นธง อ.เมือง จ.ลำปาง

        สำหรับจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ 7,833,726 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,036,512 ไร่ หรือร้อยละ 13.23 พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรด ส้มเกลี้ยง และยางพารา ซึ่งในช่วง 27 – 30 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา เกิดในตกหนัก น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่เกษตร จำนวน 8 อำเภอ 35 ตำบล 144 หมู่บ้าน ปัจจุบันมีการประการเขตภัยพิบัติ จำนวน 5 อำเภอ

        “สิ่งสำคัญที่ต้องกลับมาคิดคือการแปรรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ที่ต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหา ทั้งในเรื่องภัยแล้งและน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ได้มอบหมายกรมชลประทานจัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ พร้อมเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือราษฎรแต่ละพื้นที่ และบูรณาร่วมกับส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งให้จัดทำแผนการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ และในภาพรวมของจังหวัด ตรงไหนที่สามารถเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำได้ให้ดำเนินการทันที” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

         ทั้งนี้ ในปี 2567 กรมชลประทานมีแผนดำเนินการในการสร้างอ่างเก็บน้ำ จำนวน 2 แห่ง และแก้มลิ้ง 2 แห่ง เพื่อเก็บกักน้ำในพื้นที่ต้นน้ำและลุ่มน้ำสาขา อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือทางด้านการเกษตรและบรรเทาอุทกภัย
        นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและแจกถุงยังชีพ ณ อ่างเก็บน้ำแม่แย้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.แพร่ และประตูระบายน้ำ หาดสะพานจันทร์ จ.สุโขทัย ด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ผนึกกำลังรับมือสถานการณ์จัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย

 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่ โรงแรม ทีค การ์เด้น สปารีสอร์ท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ร่วมบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุรับมือสถานการณ์อุทกภัย และการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย พร้อมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชน รับมือฤดูฝน ปี 66 หลังมีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุรับมือสถานการณ์อุทกภัย (Table Top Exercise : TTX) โดยจำลองสถานการณ์ฝนตกหนัก ระดับน้ำสูงเข้าท่วมพื้นที่ ติดตามการดำเนินงานของ ส่วนอำนวยการ ส่วนปฏิบัติการ ส่วนสนับสนุน และส่วนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่มีภารกิจในศูนย์ส่วนหน้าฯ เช่น กรมประชาสัมพันธ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หน่วยทหาร ตลอดจนผู้แทนอาสาสมัครภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เข้าร่วม

 

นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวว่า การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุของศูนย์ส่วนหน้า และสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชน ในวันนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานของภาครัฐกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ทรัพยากร วิธีการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนนี้ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประโยชน์ร่วมกันในการปฏิบัติงาน และได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชน ในการเฝ้าระวัง ปฏิบัติตามมาตรการ รายงานสถานการณ์ นำไปสู่การแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างเป็นเอกภาพ ทันต่อสถานการณ์ การจัดกิจกรรมในวันนี้ ได้ซักซ้อมขั้นตอนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ระหว่าง กอนช. และหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งเครือข่ายภาคประชาชน และฝึกการใช้ Application ในการแจ้งเตือน และติดตามสถานการณ์น้ำอีกด้วย
 
 
ด้าน นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้นำเสนอกระบวนการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ในฐานะหน่วยงานที่ภารกิจประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนทั้งในภาวะปกติ และในภาวะวิกฤติ โดยให้ความสำคัญกับการบริหารและการสื่อสารประเด็นสำคัญที่ทันต่อสถานการณ์ ผ่านศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ (IOC) และประเด็นเชิงพื้นที่ นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลร่วมในการกู้ภัย ที่จะสามารถสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ส่วนหน้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล บริหารและจัดทำประเด็นการสื่อสาร พร้อมแจ้งหน่วยงานราชการในจังหวัดให้ทราบข้อมูล ว่า ภัยที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไร เกิดที่ไหน ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความรุนแรงของภัย และเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานและเครือข่ายภาคประชาชน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News