Categories
WORLD PULSE

อังกฤษพิจารณาจำกัดเวลาโซเชียลเด็ก หวังลดภัยออนไลน์

อังกฤษจ่อบังคับใช้กฎหมายจำกัดเวลาเล่นโซเชียลมีเดียของเด็ก หลังเกิดกรณีสูญเสียจากเนื้อหาทำร้ายจิตใจออนไลน์

ลอนดอน – 8 มิถุนายน 2568 รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการออกกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการใช้งานโซเชียลมีเดียในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทอย่างสูงต่อพฤติกรรมและการพัฒนาทางอารมณ์ของเด็ก

ตามรายงานของ BBC เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ระบุว่า แนวนโยบายล่าสุดซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อเสนอ อาจรวมถึงการกำหนดขีดจำกัดเวลาใช้งานแอปโซเชียลมีเดียไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันต่อแอป และห้ามใช้งานหลังเวลา 22:00 น. ซึ่งถูกเสนอครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์ Sunday People และ The Mirror โดยรัฐบาลอังกฤษมองว่าโซเชียลมีเดียมีลักษณะ “เสพติด” และอาจก่อผลร้ายได้หากไม่มีการควบคุมอย่างเป็นระบบ

รัฐมนตรีเทคโนโลยีอังกฤษย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุม “แอปเสพติด”

นายปีเตอร์ ไคล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์ในรายการ Sunday with Laura Kuenssberg ของ BBC ว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังตรวจสอบ “ธรรมชาติของความเสพติดจากแอปและสมาร์ตโฟน” พร้อมยืนยันว่ากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบว่ารัฐบาลควรมีบทบาทอย่างไรในการวางแนวทางสุขภาวะออนไลน์ที่ดีสำหรับเด็ก

แม้แนวนโยบายดังกล่าวจะสะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการยกระดับมาตรการคุ้มครองเยาวชน แต่กลับได้รับเสียงวิพากษ์จากกลุ่มผู้รณรงค์ด้านความปลอดภัยออนไลน์ที่มองว่าการดำเนินการยังล่าช้าเกินไป

พ่อเด็กหญิงวัย 14 ผู้เสียชีวิตจากเนื้อหาออนไลน์เรียกร้อง “กฎหมายที่แข็งแรงกว่านี้”

เอียน รัสเซล พ่อของ “มอลลี รัสเซล” เด็กหญิงวัย 14 ปีซึ่งเสียชีวิตหลังรับชมเนื้อหาที่เป็นอันตรายบนโซเชียลมีเดีย กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ทุกวันที่รัฐบาลชะลอการออกกฎหมายด้านความปลอดภัยทางออนไลน์ คือวันที่เราเห็นเด็กเสียชีวิตและบอบช้ำทางจิตใจเพิ่มขึ้น” โดยเขาเน้นว่า มาตรการครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่เพียงพอในการจัดการกับผลิตภัณฑ์หรือโมเดลธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับ “การมีส่วนร่วมมากกว่าความปลอดภัย”

นายรัสเซลเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกฎหมาย Online Safety Act ฉบับก่อนหน้า และระบุว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี “กฎหมายที่เข้มแข็งและบังคับใช้ได้จริง” พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับ “คลื่นอันตราย” ทางออนไลน์ที่ถาโถมเข้าใส่เด็กทั่วประเทศ

รัฐบาลตอบโต้ กฎหมายเดิมยังไม่ประกาศใช้เต็มรูปแบบ

ในขณะเดียวกัน นายไคล์ยอมรับว่าตนยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของแผนใหม่ได้มากนัก เนื่องจากกฎหมาย Online Safety Act 2023 ที่ออกโดยรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เริ่มบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับให้แพลตฟอร์มจัดแสดงเนื้อหาที่เหมาะสมกับอายุ และการลบเนื้อหาผิดกฎหมาย

เขาย้ำว่า “ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป แพลตฟอร์มจะต้องจัดหาเนื้อหาที่เหมาะสมกับเด็ก หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษทางอาญา” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของการบังคับใช้ที่ครอบคลุมทั้งผู้ให้บริการและเนื้อหาที่เผยแพร่

เมื่อเสรีภาพทางดิจิทัลต้องสมดุลกับความปลอดภัยของเยาวชน

ในโลกดิจิทัลที่การเชื่อมต่อและการเข้าถึงข้อมูลเกิดขึ้นอย่างไร้ขอบเขต เสรีภาพทางออนไลน์คือหนึ่งในหลักการพื้นฐานของยุคปัจจุบัน ทว่ากรณีของมอลลี รัสเซล และเด็กอีกหลายพันคนที่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาออนไลน์อันตราย กลับชี้ให้เห็นว่าการปล่อยให้บริษัทเทคโนโลยีดำเนินการโดยไม่มีกรอบควบคุมคือความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสังคมในอนาคต

มาตรการที่กำลังพิจารณาโดยรัฐบาลอังกฤษ แม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็สะท้อนถึงทิศทางที่ชัดเจนว่ารัฐจะไม่เพิกเฉยต่อความทุกข์ของครอบครัวและเด็กที่ถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพังท่ามกลางความซับซ้อนของโลกออนไลน์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

‘อังกฤษ’ เจอวิกฤต “ทิชชู่เปียก” ผู้คนจำนวนมากจี้รัฐบาลแบนด่วน

รัฐบาลอังกฤษถูกกดดันให้เร่งกำหนดวันแบน “แผ่นเช็ดเปียกที่มีพลาสติก” หลังพบสร้างเกาะขยะ-กระทบระบบนิเวศในแม่น้ำเทมส์

เริ่มต้นที่ปัญหาเล็กน้อย กลายเป็นผลกระทบระดับระบบนิเวศ

ประเทศไทย, 4 พฤษภาคม 2568 – สถานการณ์มลภาวะทางน้ำในประเทศอังกฤษกำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อองค์กรการกุศลด้านสิ่งแวดล้อม Thames21 ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเร่งกำหนดวันชัดเจนในการแบนแผ่นเช็ดทำความสะอาด (wet wipes) ที่มีส่วนประกอบของพลาสติก หลังพบว่าขยะประเภทนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่มลพิษในแม่น้ำ แต่กำลังเปลี่ยนรูปร่างของแม่น้ำเทมส์ และส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตน้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ

แม้รัฐบาลก่อนหน้านี้จะเคยประกาศแผนการแบนแผ่นเช็ดเปียกที่มีพลาสติกเมื่อปีที่แล้ว แต่กระบวนการดำเนินการกลับหยุดชะงักภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป ทำให้ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

แผ่นเช็ดเปียก ขยะที่ดูไร้พิษภัย แต่ส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาล

แผ่นเช็ดเปียกหรือ “wet wipes” ที่มีส่วนผสมของพลาสติกไมโครไฟเบอร์ ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก ทำความสะอาดผิว และฆ่าเชื้อโรค แต่หลายคนยังคงทิ้งแผ่นเช็ดเหล่านี้ลงชักโครกโดยเข้าใจผิดว่า “ย่อยสลายได้” จากคำว่า “flushable” บนฉลาก

ลิซ กีเยกเย (Liz Gyekye) ตัวแทนจาก Thames21 ระบุว่า แผ่นเช็ดเปียกที่ถูกชักโครกลงในระบบท่อน้ำ จะเข้าไปรวมกับน้ำเสีย เมื่อเกิดฝนตกหนักและระบบระบายน้ำล้น สิ่งปฏิกูลเหล่านี้จะถูกระบายลงสู่แม่น้ำโดยตรง ทำให้แผ่นเช็ดเปียกเหล่านี้ตกตะกอนรวมกันจนเกิดเป็น “เกาะขยะเทียม” ซึ่งไม่เพียงแต่บดบังลำน้ำ แต่ยังถูกสัตว์น้ำกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เป็นการนำไมโครพลาสติกเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร

แผ่นเช็ดเปียกกำลังเปลี่ยนรูปร่างของแม่น้ำเทมส์

ข้อมูลจาก Thames21 ระบุว่า แผ่นเช็ดเปียกไม่ได้เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำหรือคุณภาพน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะสมในปริมาณมากจนส่งผลต่อภูมิประเทศของแม่น้ำเทมส์ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านกรุงลอนดอน

“มันเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจอย่างยิ่ง” – ยานิส บรูซ-แบรนด์ (Janice Bruce-Brande) อาสาสมัครที่ทำงานสำรวจแม่น้ำเทมส์กล่าว พร้อมระบุว่า “แม้การสร้างระบบบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ใหม่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ แต่ปัญหาจะไม่มีวันหมดไปหากยังมีการผลิตและใช้งานแผ่นเช็ดเปียกที่มีพลาสติก”

ข้อเรียกร้องเร่งด่วนจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Thames21 จึงเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ของอังกฤษดำเนินการทันทีต่อแผนการแบนพลาสติกในแผ่นเช็ดเปียก โดยกำหนด “วันที่แน่นอน” สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย โดยระบุว่า “ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน”

ทางด้านกรมสิ่งแวดล้อม อาหาร และกิจการชนบทของสหราชอาณาจักร (Defra) ได้ออกแถลงการณ์ตอบกลับว่า “แผ่นเช็ดเปียกที่มีพลาสติกอุดตันท่อระบายน้ำ ทำลายระบบทางน้ำ และส่งผลต่อสัตว์ป่าอันมีค่าของเรา นั่นคือเหตุผลที่รัฐบาลจะทำการแบนผลิตภัณฑ์นี้”

กฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่ของอังกฤษ การเปลี่ยนแปลงที่อาจนำไปสู่มาตรฐานใหม่ของโลก

ในช่วงปีที่ผ่านมา อังกฤษได้ผ่านร่างกฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ที่มีบทลงโทษรุนแรงขึ้น เช่น การจำคุก 2 ปีสำหรับผู้บริหารองค์กรที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางน้ำ และการยกเลิกโบนัสผู้บริหารของบริษัทที่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่เป็นธรรม

ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ยังได้รวมแผนเร่งรัดในการทำความสะอาดแม่น้ำและลำน้ำทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงมาตรการห้ามการใช้พลาสติกในผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น และการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการของเสียที่ยั่งยืน

ข้อเสนอเชิงนโยบาย แก้ไขปัญหาที่รากฐาน

  1. ห้ามใช้คำว่า “flushable” บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายในน้ำทะเลได้จริง
  2. ส่งเสริมการผลิตแผ่นเช็ดเปียกจากเส้นใยธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ 100%
  3. รณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในการทิ้งขยะอย่างถูกต้อง โดยยึดหลัก “3Ps”: pee, poo, paper
  4. ตั้งระบบมาตรฐานกลาง (certification) สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปลอดพลาสติก

เกรซ รอนส์ลีย์ (Grace Rawnsley) ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืนของการท่าเรือลอนดอน (Port of London Authority) ระบุว่า “การห้ามใช้พลาสติกในแผ่นเช็ดเปียกเป็นกุญแจสำคัญสู่แม่น้ำที่สะอาด”

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของ Thames21 ปี 2567 ระบุว่า พบแผ่นเช็ดเปียกมากกว่า 30,000 ชิ้น บนพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำเทมส์เพียงในช่วงครึ่งปีแรก
  • องค์การอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งอังกฤษระบุว่า แผ่นเช็ดเปียกที่มีพลาสติกเป็นส่วนผสม สร้างขยะในระบบระบายน้ำมากกว่า 93 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ ในสหราชอาณาจักร
  • รัฐบาลอังกฤษประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการล้างระบบท่อระบายน้ำจากแผ่นเช็ดเปียกและขยะที่เกี่ยวข้องสูงถึง 100 ล้านปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท
  • กรมสิ่งแวดล้อมและชนบทอังกฤษเผยว่า การห้ามผลิตและขายแผ่นเช็ดเปียกพลาสติกจะช่วยลดขยะในแม่น้ำลงได้มากกว่า 75% ภายใน 3 ปี

บทสรุปเชิงวิเคราะห์

แม้แผ่นเช็ดเปียกจะดูเป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานในครัวเรือน แต่กลับส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการควบคุมอย่างเหมาะสม การผลักดันกฎหมายให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดจึงถือเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

ตัวอย่างของอังกฤษอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย เริ่มทบทวนมาตรการจัดการผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพลาสติกในชีวิตประจำวัน เพื่อไม่ให้ “สิ่งเล็กน้อย” กลายเป็น “วิกฤตใหญ่ระดับแม่น้ำ”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • Thames21, Defra
  • Port of London Authority
  • UK Parliament Environmental Audit Committee
  • BBC
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE