Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

หนีเมือง มาหาธรรมชาติ เชียงรายนำทัพกาแฟ-ชาไทย สู้ศึกนำเข้า

เชียงรายเปิดตัวงานกาแฟ-ชายิ่งใหญ่ สะท้อนการเติบโตตลาดกาแฟไทยท่ามกลางการพึ่งพานำเข้าเพิ่มขึ้น

เชียงราย, 26 มิถุนายน 2568 – ในขณะที่ตลาดกาแฟโลกกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องและประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ จังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของประเทศได้จัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ผลิตท้องถิ่นและสร้างโอกาสทางธุรกิจในวงการกาแฟไทย

งานที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Escape into Nature – หนีเมือง มาหาธรรมชาติ” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2568 นี้ ไม่เพียงเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการในวงการกาแฟและชาของจังหวัดเชียงรายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมกาแฟไทยที่กำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทายในยุคปัจจุบัน

ตลาดกาแฟโลกเติบโตต่อเนื่อง แต่ไทยยังผลิตไม่เพียงพอ

ข้อมูลจากองค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization) ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคกาแฟทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การบริโภคกาแฟของโลกเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 1.9 ต่อปี ขณะที่รายงานจากเว็บไซต์ Money Buffalo ระบุว่า ทั่วโลกมีการดื่มกาแฟเฉลี่ยประมาณ 2,250 ล้านแก้วต่อวัน และมีผู้ดื่มกาแฟเป็นประจำมากกว่า 1,000 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มยอดนิยม แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย สถานการณ์การเติบโตของตลาดกาแฟในภาพรวมก็เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Euromonitor International ระบุว่า ในปี 2566 คนไทยบริโภคกาแฟรวมกันมากถึง 90,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งอยู่ที่เพียงประมาณ 30,000 ตัน การเพิ่มขึ้นของการบริโภคถึง 3 เท่าในระยะเวลา 1 ทศวรรษนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับกาแฟมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยกลับผลิตกาแฟได้ไม่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดยปริมาณการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45,000–50,000 ตันต่อปี ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่คนไทยบริโภค ส่งผลให้ต้องพึ่งพาการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการนำเข้ากาแฟพุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 338 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างที่สำคัญในตลาดกาแฟไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ผลิตในประเทศ หากสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพผลผลิตให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ ก็อาจกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกรในระยะยาวได้

อุตสาหกรรมกาแฟไทยเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทาย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมกาแฟไทยกำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยเฉพาะการผลิตในประเทศที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งนำไปสู่การพึ่งพาการนำเข้า ในขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีแนวโน้มต้องการกาแฟสดและกาแฟพิเศษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดกาแฟในประเทศเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 3% โดยในปี 2565/66 มีการใช้เมล็ดกาแฟดิบในภาคอุตสาหกรรมถึง 93,551 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 80,691 ตัน ในปี 2562/63

ในส่วนของภาพรวมกาแฟโลกสำหรับปี 2024/25 การผลิตกาแฟทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.9 ล้านกระสอบ (ขนาด 60 กิโลกรัม) จากปีที่แล้วเป็น 174.9 ล้านกระสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของผลผลิตในเวียดนามและอินโดนีเซีย การส่งออกทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถชดเชยปริมาณการส่งออกที่ลดลงจากบราซิลได้

การบริโภคทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.1 ล้านกระสอบเป็น 168.1 ล้านกระสอบ โดยบริโภคเพิ่มขึ้นมากที่สุดในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ขณะที่สต็อกปลายปีคาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านกระสอบเหลือ 20.9 ล้านกระสอบ

เชียงรายจัดงานใหญ่ยกระดับผู้ผลิตท้องถิ่น

ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว จังหวัดเชียงรายในฐานะหนึ่งในแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟและใบชาชั้นเลิศของประเทศไทย ได้จัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ขึ้นเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการท้องถิ่น

นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดงานเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ว่า “จุดประสงค์สำคัญของงาน คือการรวมตัวของผู้ประกอบการร้านชาและกาแฟในจังหวัดเชียงราย ทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ โรงคั่ว ร้านต้นแบบ ไปจนถึงผู้ผลิตวัตถุดิบและแปรรูป เพื่อให้เกิดการพบปะ แลกเปลี่ยน แรงบันดาลใจ และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยอัตลักษณ์ของท้องถิ่น”

การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ยังเป็นเวทีให้เกษตรกร ผู้ผลิต และคาเฟ่ท้องถิ่น ได้แสดงศักยภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ นายสรรเสริญ ศีติสาร รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย นายพงศกร อารีศิริไพศาล ประธานกลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ

ผู้ประกอบการท้องถิ่นโชว์ศักยภาพ

งานนี้มีผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้าร่วมจำนวนมาก โดยแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนซ้าย โซนกลาง และโซนขวา ซึ่งแต่ละโซนมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน

ในโซนซ้าย มีร้านเด่นๆ เช่น กาแฟสมถะ (SAMATHA) จากบ้านผาอี้ อำเภอแม่สาย ที่ผลิตกาแฟอาราบิก้าคั่วพิเศษรสชาติเข้ม หอม เต็มบอดี้ พร้อมกลิ่นดินขึ้นและความละมุนของดอยผาฮิในทุกแก้ว และไร่รื่นรมย์เกษตรอินทรีย์ จากอำเภอเทิง ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ปลอดสาร 100%

โซนกลางเป็นจุดตัดของรสชาติและความคิดสร้างสรรค์ โดยมี Ploysai Coffee Roaster ที่เริ่มต้นจากตึกแถวเล็กๆ สู่โรงคั่วระดับโกดัง มีเมล็ดให้เลือกกว่า 20 ชนิด และ Chillrista เจ้าของรางวัลสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย 2 ปีซ้อน ทั้ง Arabica และ Robusta

ส่วนโซนขวาเป็นแหล่งรวมกลิ่นอายคลาสสิกและแบรนด์ใหญ่ อาทิ กาแฟโบราณโกปี ที่นำเสนอกาแฟโบราณต้นตำรับและโอเลี้ยงยกล้อที่หอมหวานกลมกล่อม และ Café Doitung จากพระตำหนักดอยตุง พร้อมเมนู Iced Macadamia Nut Latte ที่หอมละมุนอย่างมีระดับ

กิจกรรมหลากหลายสร้างประสบการณ์ใหม่

งานนี้ไม่เพียงเป็นการจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าชม ได้แก่ Camp Coffee Experience ที่ให้ผู้เข้าชมได้ชมการสาธิตการใช้งานเครื่องชงกาแฟหลากหลายประเภท พร้อมเทคนิคจากบาริสต้ามืออาชีพ

Private Tea & Coffee Workshop ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ลิ้มรสและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในวงการชาและกาแฟ อาทิ The Roastery By Roj, สวรรค์บนดิน, One Tea At A Time, และ 22grams Coffee & Roastery

Campfire Moment ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ล้อมวงจิบชาและกาแฟท่ามกลางเสียงดนตรีในบรรยากาศอบอุ่นของแคมป์ไฟ และ Tasting Zone ที่เปิดประสบการณ์ชิมเครื่องดื่มชา-กาแฟขึ้นชื่อประจำเชียงรายแบบไม่อั้น

นอกจากนี้ยังมี Bakery & Snack Corner ที่ให้ผู้เข้าชมได้ชิมและช้อปของหวาน-ขนมโฮมเมดจากร้านดังทั่วเชียงราย

เวิร์กชอปพิเศษสำหรับสมาชิก

สำหรับสมาชิก Central X จะได้รับสิทธิ์ Workshop เพ้นท์แก้วกาแฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ขณะที่สมาชิก The1 จะได้รับสิทธิ์ Workshop ดริปกาแฟ หรือ Sensory ฟรี ในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เมื่อมียอดกิน/ช้อปในโซนพลาซาครบ 5,000 บาทขึ้นไป โดยจำกัด 20 สิทธิ์ตลอดแคมเปญ

โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมกาแฟไทย

การจัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาคเอกชนและรัฐในการยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายจากการผลิตที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นของการบริโภคกาแฟในประเทศไทยถึง 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดภายในประเทศที่ยังมีที่ว่างให้เติบโตได้อีกมาก หากผู้ผลิตในประเทศสามารถพัฒนาคุณภาพและเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ

จังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของประเทศ มีศักยภาพที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทย โดยเฉพาะการเน้นคุณภาพและเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งตรงกับแนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ specialty coffee และ sustainable coffee

การรวมตัวของผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงใหญ่ในงานนี้ยังเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญยังคงเป็นเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ และการยกระดับคุณภาพให้สามารถแข่งขันกับกาแฟนำเข้าได้ ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาทักษะของเกษตรกร และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

เชียงรายนำทางสู่อนาคตกาแฟไทย

งาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการจัดงานแสดงสินค้าทั่วไป แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่ระดับสากล ผ่านการรวมตัวของผู้ประกอบการ การแลกเปลี่ยนความรู้ และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account: @CentralChiangrai งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น G โซนจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

การจัดงานในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมกาแฟไทยสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์กาแฟไทยในตลาดโลกได้ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization)
  • เว็บไซต์ Money Buffalo
  • Euromonitor International
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (CHIANGRAI COFFEE LOVER – CCL)
  • สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย
  • ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเชียงราย
  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

FAM Trip เชียงราย สร้างสรรค์ศิลปะจากธรรมชาติ

ศิลปินเชียงราย ร่วมสรรค์สร้างสรรค์งานศิลปะตามรอยเส้นทางชา-กาแฟ

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสมาคมขัวศิลปะ จัดกิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จากสวนสู่แก้วครั้งที่ 1 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยมีศิลปินจากทั่วภาคเหนือเข้าร่วมกิจกรรม

ตามรอยเส้นทางชา กาแฟ สู่แรงบันดาลใจศิลปะ

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จากสวนสู่แก้วครั้งนี้ เป็นการนำศิลปินจากหลากหลายสาขา ทั้งจิตรกร นักแกะสลัก และช่างภาพ เดินทางไปยังแหล่งปลูกชาและกาแฟชั้นนำของจังหวัดเชียงราย เพื่อสัมผัสบรรยากาศและวัฒนธรรมการปลูกชาและกาแฟอย่างใกล้ชิด และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความงดงามและเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และภูมิทัศน์ของจังหวัดเชียงราย

ศิลปินร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเพื่อประชาสัมพันธ์

อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ศิลปินจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวเชียงราย ผลงานศิลปะที่เกิดจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะถูกนำไปจัดแสดงในงานเชียงรายดอกไม้งาม เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

เส้นทางชา กาแฟ สู่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

ตลอดระยะเวลาของกิจกรรม ศิลปินจะได้สัมผัสกับกระบวนการผลิตชาและกาแฟตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ชาและกาแฟที่ปลูกในจังหวัดเชียงราย รวมถึงได้ชิมกาแฟและชาหลากหลายชนิด นอกจากนี้ ศิลปินยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กับเกษตรกรผู้ปลูกชาและกาแฟ

กิจกรรม

กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จากสวนสู่แก้วครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายในหลายด้าน ได้แก่

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์: กิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
  • สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟ: ผลงานศิลปะที่เกิดจากกิจกรรมนี้ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟของจังหวัดเชียงราย
  • สร้างรายได้ให้กับชุมชน: กิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการท่องเที่ยว
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม: กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงราย

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จัดขึ้นเมื่อไหร่? กิจกรรมจัดขึ้นในวันที่ 11-12 ธันวาคม 2567
  2. มีศิลปินเข้าร่วมกิจกรรมกี่คน? มีศิลปินจากเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และพะเยา เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 35 คน
  3. ผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจะนำไปจัดแสดงที่ไหน? ผลงานศิลปะจะถูกนำไปจัดแสดงในงานเชียงรายดอกไม้งาม
  4. กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์หลักอะไร? วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย
  5. กิจกรรมนี้มีประโยชน์ต่อชุมชนอย่างไร? กิจกรรมนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พบกาแฟ-ชาคุณภาพ ล้านนาตะวันออกที่เชียงราย

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จับมือจัดงานเทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟและชาในภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจและการท่องเที่ยว

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ณ ร้านอาหารภูภิรมย์ สิงห์ปาร์ค อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดต่างๆ และสถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมงาน

ศักยภาพของชาและกาแฟล้านนาตะวันออก

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพในการผลิตชาและกาแฟคุณภาพสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เป้าหมายของการจัดงาน

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยว: สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจ: สร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจชาและกาแฟ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์: ส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น
  • สร้างรายได้ให้ชุมชน: สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

ไฮไลท์ภายในงาน

  • การแสดงสินค้า: รวบรวมร้านค้าผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 50 ร้านค้า มาจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • การแข่งขันลาเต้อาร์ต: การแข่งขันสร้างสรรค์ลวดลายบนกาแฟนม
  • กิจกรรมเจรจาธุรกิจ: สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
  • นิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ: นิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟ การแสดงวัฒนธรรม และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมกาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในอาเซียน การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

อนาคตของอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ด้วยศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติและการสนับสนุนจากภาครัฐ เชื่อว่าอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในตลาดโลกได้

สำหรับ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – วันที่ 1 มกราคม 2568 ตั้งแต่ เวลา 16:00 น. ถึง 22:00 น. ณ สิงห์ปาร์คจังหวัดเชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-5973823 (เวลาทำการ 09.00-16.00 น.) หรือที่
Facebook: Eastern Lanna Coffee & Tea Festival
LineOA : @easternlanna
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เตรียมจัดเทศกาลกาแฟล้านนาตะวันออก 17-18 ส.ค. นี้ ที่เซ็นทรัลเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567  ที่ ห้องไลบรารี่ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้จัดงานแถลงข่าว “เทศกาลกาแฟล้านนาตะวันออก สวรรค์ของเมืองกาแฟ” (Eastern Lanna Coffee Fest 2024) ณ ลานกิจกรรมชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์กาแฟและพัฒนาเชื่อมโยงตลาดเมล็ดกาแฟของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน 

โดยได้ภายในงานมีางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายอดิศร จันทรประภาเลิศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย นางสาวการะเกด นันทศรีนนท์ ส่วนจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center :AIC) จังหวัดเชียงราย  นายวัชรพันธ์ ปัญญาคำ 93degree Coffee อ.เชียงของ จ.เชียงราย ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ  นายพงษ์ศิลา คำมาก กรรมการและประชาสัมพันธ์สมาคมกาแฟพิเศษไทย ร่วมกันแถลงความพร้อม ในการจัดเทศกาลกาแฟล้านนาตะวันออก “สวรรค์ของเมืองกาแฟ” กิจกรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์กาแฟและพัฒนาเชื่อมโยงตลาดเมล็ดกาแฟคุณภาพ โครงการเพิ่มขีดในการแข่งขันการเกษตรระดับภูมิภาค ร่วมถึงมีการสาธิตการขงกาแฟ โดย คุณ จุติเสฏฐ์ ลิ้มพชรพล (อเล็กข์) เจ้าของร้าม Alexta Coffee Roaster ให้ผู้ร่วมงานแถลงข่าวได้ชมกันอย่างทั่วถึง

กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสร้างมูลค่าให้กับพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 721 ล้านบาทต่อปี กาแฟที่ปลูกในพื้นที่นี้ยังมีส่วนช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในระบบเกษตรแบบยั่งยืน ด้วยการปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ ทั้งไม้ผลและป่าธรรมชาติ จึงเรียกได้ว่าเป็นกาแฟรักษาป่า นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีนโยบายลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของภาคเหนือและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ที่ว่า “ท่องเที่ยวบนพื้นฐานวัฒนธรรมร่วมสมัย ยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร สิ่งแวดล้อมยั่งยืนสู่เศรษฐกิจมั่นคง”

การขับเคลื่อนอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ช่วยยกระดับสินค้าเกษตรปลอดภัยสู่เกษตรอินทรีย์ มีการพัฒนาตั้งแต่กระบวนการผลิตต้นน้ำด้วยการส่งเสริมเกษตรกรปลูกในระบบเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ กลางน้ำด้วยการแปรรูปให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และพัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการกาแฟคุณภาพที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และปลายน้ำด้วยการประชาสัมพันธ์และขยายช่องทางการตลาด

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) มีการปลูกกาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ทั้งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Organic Thailand /PGS และแบบวิถีพื้นบ้านที่ไม่ใช้สารเคมีแต่มีข้อจำกัดในการออกใบรับรองมาตรฐาน รวมทั้งแบบเกษตรปลอดภัย (GAP) ที่มีการใช้สารเคมีอย่างจำกัด ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐาน เกษตรกรส่วนใหญ่จำหน่ายในรูปแบบเชอรี่และสารกาแฟ (Green bean) ให้กับพ่อค้าคนกลางหรือโรงคั่ว

เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านการแข่งขันของภาคเกษตร เน้นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในภาคเกษตรไปสู่สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง โดยการใช้ประโยชน์จากอัตลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิต สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย จึงได้รับอนุมัติจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ให้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์กาแฟ และพัฒนาเชื่อมโยงตลาดเมล็ดกาแฟคุณภาพ

ภายใต้กิจกรรมหลักส่งเสริมช่องทางการตลาดของสินค้าเกษตรอินทรีย์สู่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โครงการเพิ่มขีดในการแข่งขันการเกษตรระดับภูมิภาค โดยดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมและสร้างตราสินค้ากาแฟของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟคุณภาพ ประชาสัมพันธ์และนำเสนอกาแฟคุณภาพของเกษตรกรต่อผู้บริโภคและเชื่อมโยงตลาดเมล็ดกาแฟคุณภาพ

มีเกษตรกรเป้าหมายจำนวน 27 รายจาก 4 จังหวัด (เชียงราย 17 ราย พะเยา 4 ราย แพร่ 4 ราย น่าน 2 ราย) ซึ่งเกษตรกรทั้ง 27 ราย ได้ผ่านการอบรมการทดสอบรสชาติของกาแฟ หรือ Cupping ภายใต้กิจกรรมสนับสนุนการยกระดับผลผลิตกาแฟสู่มาตรฐานและการพัฒนาอัตลักษณ์เพื่อสร้างมูลค่า โดยส่งเสริมให้เกษตรกรแบ่งผลผลิตบางส่วนมาทำกาแฟคุณภาพหรือกาแฟพิเศษ (Special Coffee)

สำหรับการจัดงานเทศกาลกาแฟล้านนาตะวันออก Eastern Lanna Coffee Fest 2024 “สวรรค์ของเมืองกาแฟ” มีการประชาสัมพันธ์นำเสนอกาแฟคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคได้รู้จักอย่างแพร่หลาย กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17-18 สิงหาคม 2567 ณ ลานกิจกรรมชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การออกบูธประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์กาแฟคุณภาพ การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการกาแฟ/เกษตรกรและนักธุรกิจที่สนใจ การจัดนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ได้รับการพัฒนา พร้อมทั้งกิจกรรม workshop สาธิตให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ เช่น การคัดเมล็ดกาแฟตามมาตรฐานสมาคมกาแฟ การชิมกาแฟสำหรับคอกาแฟและนักท่องเที่ยว การทำสครับกาแฟ ชิมกาแฟจากแหล่งปลูกต่างๆ ของ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ฟรีทุกวัน พร้อมกิจกรรมการแสดงบนเวที การร่วมสนุกเล่นเกมส์ลุ้นรับของรางวัล

งานเทศกาลกาแฟล้านนาตะวันออกนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการตลาดกาแฟคุณภาพในประเทศ แต่ยังเป็นการยกระดับกาแฟของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายจะได้รับผลกระทบที่ดีจากการจัดงานนี้ และการส่งเสริมการปลูกกาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและการผลิตกาแฟคุณภาพในอนาคตมี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย โทร. 053-718970

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. ส่งเสริมการผลิตกาแฟไทย MFU Coffee Fest 2024

 

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 67 ที่อาคาร พลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุภาพร โชคเฉลิมวงศ์ ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 1 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกันเปิดงาน MFU Coffee Fest 2024 โดยมี ดร.อมร โอวาทวรกิจ หัวหน้าหัวหน้าโครงการศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและการจัดการห่วงโซ่คุณค่ากาแฟประเทศไทย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ก่อนมีพิธีมอบรางวัล MFU Best Coffee Farmer จำนวน 4 รางวัล โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ และภาคเอกชน นักวิชาการ นักวิจัย และผู้สนใจเข้าร่วมงานคึกคัก โดยทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับผู้ประกอบการกาแฟ ชา จากจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน จัดงาน MFU Coffee Fest 2024 ระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคม 2567

 

ดร.อมร โอวาทวรกิจ หัวหน้าหัวหน้าโครงการศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและการจัดการห่วงโซ่คุณค่ากาแฟประเทศไทย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า จากนโยบายสำคัญของประเทศในการยกระดับสินค้าเกษตร และพัฒนาเกษตรกรเพื่อผลิตวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีคุณภาพสูง รองรับการแปรรูปและพัฒนาสินค้าและส่งออก เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศและยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับกระบวนการแปรรูป โดยนำองค์ความรู้ ผลงานวิจัย และนวัตกรรม มาใช้เชื่อมต่อจากภาคการผลิตสู่ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ นำไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง หรือเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ประเทศไทยมีผลผลิตกาแฟอะราบิก้าจำนวน 11,169 ตัน/ปี ปลูกมากในภาคเหนือตอนบนและปลูกมากที่สุดในจังหวัดเชียงราย ส่วนกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามีผลผลิตประมาณ 22,505 ตัน/ปี ปลูกกันมากในภาคใต้และปลูกมากที่สุดในจังหวัดชุมพร กาแฟมีมูลค่าการส่งออกสูงไม่แพ้พืชเศรษฐกิจของไทยชนิดอื่น จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตลาดต้องการและมีศักยภาพในอนาคต
 
 
ปัจจุบันความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากกระแสความนิยมดื่มกาแฟ ทั้งกาแฟคั่วบดและกาแฟสําเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการผลิตกาแฟสําเร็จรูปเพื่อการส่งออกเพิ่มมากขึ้น และในปัจจุบันมีแนวโน้มการบริโภคกาแฟที่เน้นการผลิตกาแฟที่มีเรื่องราว การนำเอาองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการผลิต และการพัฒนากลิ่นรสเพื่อบ่งบอกความเฉพาะของกาแฟ ได้ทำให้มีการผลิตกาแฟคุณภาพมีรสชาติที่น่าสนใจที่เรียกว่ากาแฟคุณภาพพิเศษ ได้แก่ อะราบิก้า ที่เป็น Specialty coffee และ Fine Robusta เป็นต้น
 
 
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้มีการดำเนินการในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านกาแฟ และการพัฒนาศักยภาพการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพและมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถาบันวิจัยและนวัตกรรม โดยมีสถาบันชาและกาแฟ และส่วนจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม เป็นหน่วยงานขับเคลื่อน ที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการการพัฒนาเกษตรกรเพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิตกาแฟ การใช้องค์ความรู้เพื่อพัฒนากระบวนการแปรรูปและจัดการผลผลิต การพัฒนาเกษตร ผู้ประกอบการ ชุมชนที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากจังหวัดเชียงรายอันเห็นถึงความสำคัญและศักยภาพการผลิตสินค้าคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ขยายผลการดำเนินงานสู่ภาคเหนือตอนบน และเชื่อมโยงสู่ระบบการผลิตกาแฟในประเทศไทย และสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ความร่วมมือในระดับนานาชาติ
 
 
สำหรับการจัดงาน MFU Coffee Fest 2024 เส้นทางกาแฟ เส้นทางความสุข ในครั้งนี้เป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้เชี่ยวชาญเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ หน่วยงานสนับสนุนภาครัฐและเอกชน เพื่อเชื่อมโยงการดำเนินการและเกิดการนำองค์ความรู้ไปต่อยอดและพัฒนา ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินโครงการต่อภาคีที่เกี่ยวข้องในรูปแบบของการนำเสอนเมล็ดกาแฟของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ แก่ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ และผู้ที่มีความสนใจในธุรกิจกาแฟ เกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการร้านกาแฟ และผู้ที่มีความสนใจในธุรกิจกาแฟ เพื่อเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ ภายในงานจะแบ่งเป็นพื้นที่การจัดกิจกรรมเป็นโซนเวทีกลางในการเสวนาและเปลี่ยนเรียนรู้ และการแข่งขัน โซนจัดนิทรรศการกาแฟของเกษตรกรร้านกาแฟคุณภาพ กิจกรรม workshop เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านการแฟ เจรจาธุรกิจ การแสดงงานศิลปะงานฝีมืออาหาร และเครื่องดื่ม
 
 
นอกจากนี้ภายในงาน MFU Coffee Fest 2024 จะมีการประชุมวิชาการในหัวข้อ “การพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการศูนย์กลางด้านความรู้ หรือ Hub of Knowledge ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการจัดตั้ง “ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและการจัดการห่วงโซ่คุณค่ากาแฟประเทศไทย” ที่มีเป้าหมายดำเนินงานในการสร้างสรรค์และรวบรวมองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตกาแฟ สร้างเครือข่ายการทำงานแบบเชื่อมโยง และให้บริการและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตกาแฟอย่างครบวงจร
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News