Categories
TRAVEL

มหาสงกรานต์ 21 วัน จัด 20 พาเหรด คาดต่างชาติเข้าไทย 5.1 แสนคน

 

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงข่าวงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” เตรียมจัดขบวนพาเหรดสงกรานต์ยิ่งใหญ่ พร้อมนำเสนอความวิจิตรตระการตา สะท้อนอัตลักษณ์วัฒนธรรม Soft Power ไทย บริเวณถนนราชดำเนินกลาง และท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน นี้

 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยได้รับการประกาศจากองค์การ UNESCO ให้ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมสงกรานต์ในกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ ชลบุรี และภูเก็ต พร้อมจัดทำปฏิทินการจัดกิจกรรมสงกรานต์ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในช่วงเดือนเมษายน และได้แต่งตั้งนางสาว แอนโทเนีย โพซิ้ว รองนางงามจักรวาลอันดับ 1 เป็น “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ประจำปี 2567 
 
 
เพื่อร่วมถ่ายทอดคุณค่าและแสดงอัตลักษณ์ของประเพณีสงกรานต์ไทย พร้อมกันนี้ ยังได้จัดทำบทเพลงสงกรานต์ 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาฝรั่งเศส เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้ถึงคุณค่าสาระของประเพณีสงกรานต์ไทย สนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ Soft Power ให้สร้างมูลค่าและรายได้แก่ประเทศไทย
 
 
 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยใช้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยจะจัดตั้งศูนย์อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 บูรณาการการดำเนินงานทุกภาคส่วนกำหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน 
 
 
จัดตั้งจุดตรวจ จุดอำนวยความสะดวก จุดบริการ และให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย โดยสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เตรียมควบคุมดูแลพื้นที่ที่คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานสงกรานต์หนาแน่น จัดให้มีศูนย์กล้องวงจรปิด (CCTV) ติดตามเฝ้าสังเกต เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้ร่วมงานเกินกว่าพื้นที่ที่รองรับได้ โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมรถดับเพลิงและกู้ภัย รถไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ด้านการดับเพลิงและกู้ภัย ประจำจุดเฝ้าระวังอัคคีภัย อาทิ บริเวณย่านถนนสีลม ถนนข้าวสาร เป็นต้น รวมทั้งจุดบริการประชาชนบริเวณเส้นทางเข้าออกเมือง รวม 41 จุด
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นของการปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมในการผลักดันเทศกาลสงกรานต์ไทยสู่เทศกาลระดับโลก ตามนโยบายของรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยเป็นการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ภายใต้คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติที่ ต้องการสร้างความแปลกใหม่ของขบวนพาเหรดที่สะท้อนวัฒนธรรมของไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
 
 
จึงได้กำหนดจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 อย่างยิ่งใหญ่ และวิจิตรตระการตา ในวันที่ 11 – 15 เมษายน 2567 ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานครโดยนำเสนอภาพลักษณ์ความสวยงามของประเพณีสงกรานต์ไทยด้วยขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์กว่า 20 ขบวน พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคนเคลื่อนจากถนนราชดำเนินกลางสู่ท้องสนามหลวง 
 
 
พร้อมกิจกรรมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมประเพณี และ Soft Power หลากหลายสาขาบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งจะทำให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่จะอยู่ในความทรงจำและสร้างความประทับใจให้กับประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมเฉลิมฉลองประเพณีที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของชาวไทย
 
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยอีกว่า การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 จะมีการจัดสงกรานต์ยาว 21 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-21 เมษายน 2567 เริ่มวันที่ 1 เมษายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ วันที่ 1-15 เมษายน สถานที่จัดงานทั่วเมืองเชียงใหม่ 
 
 
ส่วนวันสุดท้าย 21 เมษายน จัดที่ จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งเป้าหมายผลักดันสงกรานต์ไทยเป็นงานเฟสติวัลติด 1 ใน 10 งานเฟสติวัลโลก งาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” จัดขึ้น ณ บริเวณถนนราชดำเนินกลางและพื้นที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร 
 
 
โดย ขบวนพาเหรดที่สะท้อนวัฒนธรรมของไทย ภายในงานจะมีการนำเสนอภาพลักษณ์ความสวยงามของประเพณีสงกรานต์ไทยด้วยขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์กว่า 20 ขบวน พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคน เคลื่อนจากถนนราชดำเนินกลางสู่ท้องสนามหลวง 
 
 
ทั้งได้ร่วมกับพันธมิตรสื่อมวลชนระดับโลก CNN และ BBC ในการนำเสนอคอนเท้นต์เทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงเตรียมเผยแพร่โฆษณาผ่าน IQYI ช่องทางสตรีมมิ่งยอดนิยมในตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และกลุ่มประเทศอาเซียน และเชิญ Celebrity และ Influencer ชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงเดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทย
 
 
 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ในครั้งนี้ จะเป็นการประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของประเทศไทย โดยนอกจากการจัดงานภายในประเทศอย่างยิ่งใหญ่แล้ว ททท. เตรียมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ความสวยงามของวัฒนธรรมประเพณีไทยไปสู่สายตาชาวต่างชาติทั่วโลก 
 
 
โดยได้ร่วมกับพันธมิตรสื่อมวลชนระดับโลก CNN และ BBC ในการนำเสนอคอนเท้นต์เทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงเตรียมเผยแพร่โฆษณาผ่าน IQYI ช่องทางสตรีมมิ่งยอดนิยมในตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และกลุ่มประเทศอาเซียน และเชิญ Celebrity และ Influencer ชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงเดินทางสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมาย พร้อมส่งต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เป็น Amazing Thailand : Your Stories Never End
 
 งาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 จัดระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน 2567 บริเวณถนนราชดำเนินกลางและท้องสนามหลวง โดยมีไฮไลท์ในการจัดงาน ได้แก่ กิจกรรมขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์ในวันที่ 11 เมษายน 2567  ซึ่งจะเริ่มต้นเคลื่อนขบวนจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศผ่านบริเวณถนนราชดำเนินกลางและสิ้นสุดที่ท้องสนามหลวง โดยมีขบวนรถพาเหรดกว่า 20 ขบวน ได้แก่ ขบวนรถพระพุทธรูป  ขบวนรถเทพีสงกรานต์ ประจำปี 2567 “มโหธรเทวี” เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรเหนือหลังนกยูง ขบวนรถพาเหรด 16 จังหวัด ประกอบด้วย 5 จังหวัดที่มีอัตลักษณ์การจัดเทศกาลสงกรานต์ที่โดดเด่นซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดที่ประเทศไทยนำเสนอเพื่อขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช กลุ่ม 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย หนองคาย พิษณุโลก สงขลา บุรีรัมย์ และกลุ่มจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพและมีการจัดงานประเพณีสงกรานต์ที่มีเอกลักษณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครพนม ลำปาง เลย สุโขทัย และภูเก็ต 
 
 
โดยจัดตกแต่งขบวนรถพาเหรดที่แสดงถึงประเพณีวัฒนธรรม บ่งบอกถึงสัญลักษณ์หรือของดีประจำจังหวัด พร้อมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมโดยนักแสดงและผู้ร่วมขบวนแห่กว่าพันคน รวมถึงขบวนรถพาเหรด Soft Power 4 สาขา ได้แก่ แฟชั่น เกม ภาพยนตร์และซีรีส์ และเฟสติวัล ที่จะมานำเสนอเอกลักษณ์ Soft Power ของประเทศไทยในแต่ละสาขาอย่างน่าสนใจ อาทิ ธีม SiamBL (สยามบีแอล) ในชุดไทยประยุกต์ร่วมสมัย ซึ่งจะมีนักแสดงจากค่ายผู้ผลิตซีรีส์วายชั้นนำร่วมในขบวนรถพาเหรด การแสดงทางวัฒนธรรม 4 ภาค ที่สะท้อนเทศกาลและงานประเพณีต่าง ๆ ของไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์จะจอดแสดงโชว์ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 11-15 เมษายน 2567

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวง มุ่งนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย อัตลักษณ์ประเพณีสงกรานต์ และ Soft Power ไทย ด้วยนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ 

 

ประกอบด้วย เวทีจัดแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น การแสดงโขน รำมโนราห์ การแสดงร่วมสมัยผสมผสาน และการแสดงดนตรีออเครสต้าร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก โซนสงกรานต์อัตลักษณ์ 5 ภาคที่มีความสวยงามของวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ได้แก่ เวณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ประเพณีสงกรานต์กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ จ.เลย ประเพณีก่อพระทรายวันไหล จ.ชลบุรี และประเพณีแห่นางดาน จ.นครศรีธรรมราช โซน Soft Power นำเสนอเอกลักษณ์ในแต่ละสาขาได้แก่ กีฬา อาหาร ท่องเที่ยว หนังสือ และการออกแบบ อาทิ สาขากีฬานำเสนอภายใต้แนวคิด Muaythai Maha Songkran ซึ่งจะมีการแสดงไหว้ครูมวยไทย การแสดงนาฏยุทธ์มวยไทย การแข่งขันมวยไทย 

 

โดยมีนักกีฬามวยไทยที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมงาน รวมถึงการสาธิตมวยโบราณ สาขาอาหาร ด้วยแนวคิด “อาหารหน้าร้อนเย็นชื่นใจ มหาสงกรานต์” สาธิตอาหารไทยโบราณ อาหารไทยชาววัง และจำหน่ายอาหารไทยหน้าร้อนรูปแบบ Food Truck สาขาท่องเที่ยว เชิญสัมผัสประสบการณ์ 365 วัน มหัศจรรย์เที่ยวเมืองไทย เสนอขายแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงลานเล่นน้ำ การแสดงน้ำพุประกอบดนตรี อุโมงค์น้ำ ถังน้ำล้นยักษ์ สถานีน้ำ สำหรับให้นักท่องเที่ยวร่วมเล่นน้ำ และ โซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และสุดยอดของดี OTOP จากทั่วประเทศ โดยในวันที่ 13 เมษายน 2567 เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทยจะจัดให้มีกิจกรรมพิเศษทำบุญตักบาตร กิจกรรมสรงน้ำพระเพื่อขอพรเสริมสิริมงคล รดน้ำผู้สูงอายุ เพื่อร่วมอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามอีกด้วย

 

ททท. ยังส่งเสริมให้ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและได้คำนึงถึงการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้ร่วมมือกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จัดกิจกรรม GCYOU เทิร์น บริหารจัดการขยะจากพลาสติก ขวดน้ำดื่ม โดยจัดจุดรับขวด YOU เทิร์น Droppoint 20 จุดบริเวณงาน จัดกิจกรรมส่งเสริมรณรงค์การทิ้งขยะ นำขวดน้ำดื่มมาแลกของรางวัล และกิจกรรม Upcycling โดยการนำฝาขวดน้ำดื่ม มา DIY เป็นพวงกุญแจ สร้อย ที่เปิดขวด รวมถึงออกบูธจำหน่ายสินค้าจากการ Upcycling อาทิ เสื้อลายดอกที่ทำจากพลาสติก Recycle

 

ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 12 – 16 เมษายน 2567บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะมีการเดินทางอย่างคึกคักมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลให้เกิดรายได้รวมประมาณ 24,420 ล้านบาท สำหรับตลาดในประเทศ คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 4,299,500 คน-ครั้ง และใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียน 15,660 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย 510,000 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 8,760 ล้านบาท เติบโตประมาณร้อยละ 49 จากปี 2566 โดยสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร คาดว่าในช่วงการจัดกิจกรรมจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 3,690 ล้านบาท และมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 653,590 คน – ครั้ง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอินเดีย ประดิษฐาน จ.เชียงใหม่

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2567 (อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย)   

 

 

จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียมาประดิษฐาน โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อธิบดีกรมการศาสนา หัวหน้าส่วนราชทุกภาคส่วน ข้าราชการ ประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอง 28 กรกฎาคม 2567

 

 

ในการนี้จังหวัดเชียงราย โดยนายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

พิพัฒน์ สุ่มมาตย์, ยุทธนา สุทธสม : รายงาน

พร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ : ภาพ

อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการข่าว 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

นุ่งซิ่นตีนจก แอ่วแม่แจ่ม ม่วนใจ๋ เปิดขบวนรถผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า

 

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดงาน “มหกรรมผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า อำเภอแม่แจ่ม ครั้งที่ 29 ประจำปี 2567” โดยมี นายสุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการจัดงาน ประชาชนชาวอำเภอแม่แจ่ม แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ณ เวทีกลางหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ภายในงานพบกับขบวนเปิดงานมหกรรมฯ และการประกวดรถขบวนผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า จากนั้นปลัดวธ.พร้อมคณะ เดินชมนิทรรศการแม่แจ่มยั่งยืน คืนชีวิตให้แจ่ม แบบบูรณาการและเยี่ยมชมนิทรรศการผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า ลานวัฒนธรรม บ้านชนเผ่า การละเล่นพื้นบ้าน/ชนเผ่า (พิธีขึ้นบ้านใหม่ของ พี่น้อง ชนเผ่าทั้ง 4 ชนเผ่า คือ ชนพื้นเมือง ชนเผ่าม้ง ชนเผ่าล้ำวะ ชนเผ่ากะเหรี่ยง) ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม

 

นางยุพา กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) มุ่งขับเคลื่อนงานศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ปรับบทบาทสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน จึงได้สนับสนุนการจัดงานมหกรรมผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่าอำเภอแม่แจ่ม ครั้งที่ 29 ประจำปี 2567 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งนับว่าเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่พี่น้องชาวอำเภอแม่แจ่ม ทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่งดงาม ผ้าตีนจกแม่แจ่มเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงของอำเภอแม่แจ่มและจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้ง อำเภอแม่แจ่ม นอกจากจะมีผ้าตีนจกที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีศิลปภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมชนเผ่าที่งดงาม ที่สมควรได้รับการส่งเสริมและอนุรักษ์ให้อยู่คู่กับอำเภอแม่แจ่มสืบไป ทั้งนี้ งานดังกล่าวจึงนับเป็นการส่งเสริมอาชีพของประชาชนในอำเภอแม่แจ่ม ให้สามารถพัฒนาเป็นอาชีพหลัก ส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแม่แจ่มด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่โดดเด่น มีอัตลักษณ์อย่างแท้จริง อีกทั้งการต่อยอดหลังจากการเปิดงานในครั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเป็นหน่วยงานผลักดัน สนับสนุน ฟื้นฟู และคุ้มครองงานภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิปัญญา ที่มีเอกลักษณ์ของชาวชาติพันธุ์ ชนเผ่าต่างๆ สอดคล้องกับรัฐบาลที่มุ่งให้ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ หรือเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาชาติพันธุ์ ได้ให้คำปรึกษาและดำเนินงานคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ…

 

ด้านนายสุระวุธ จันทร์งาม นายอำเภอแม่แจ่ม คณะกรรมการจัดงานฯงานมหกรรมผ้าตีนจกแม่แจ่ม กล่าวว่า งานมหกรรมผ้าตีนจกแม่แจ่ม จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2537 มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งการจัดงานในปี 2567 นี้ นับเป็นการจัดงานครั้งที่ 29 ชื่องานว่า “งานมหกรรมผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า อำเภอแม่แจ่ม ครั้งที่ 29 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2567 ณ บริเวณลานหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม ลานหน้าสถานีตำรวจภูธรแม่แจ่ม และลานหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่แจ่ม เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าตีนจกและผลิตภัณฑ์ชนเผ่าอำเภอแม่แจ่ม ศิลปะภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมชนเผ่าแม่แจ่ม ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวอำเภอแม่แจ่ม สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน รวมทั้งยกย่องเชิดชูเกียรติแม่ครูผ้าทอและผู้ก่อตั้งการจัดงานผ้าตีนจกแม่แจ่มด้วย

 

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ตลอดการจัดงานทั้ง 5 วัน มีนิทรรศการมากมายให้เลือกชม อาทิ นิทรรศการภูมิปัญญาท้องถิ่น ลานวัฒนธรรมบ้านชนเผ่า นิทรรศการผ้าตีนจกและผ้าทอชนเผ่า นิทรรศการแสง สี เส้นทอ และนิทรรศการโครงการหลวงในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ม่วนอกม่วนใจ๋ไปกับความบันเทิงภายในงาน อาทิ การประกวดธิดาผ้าตีนจก และธิดาชนเผ่าและไทใหญ่ การประกวดรำวงย้อนยุค กิจกรรมการแสดงชนเผ่า ขบวนแห่ผ้าตีนจกและวัฒนธรรมชนเผ่า การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าตีนจกและผ้าชนเผ่า แบบโบราณและแบบประยุกต์ การประกวดธิดาจำแลงแม่แจ่ม การแสดงดนตรีของเยาวชนอำเภอแม่แจ่ม พร้อมชวนช้อปร้านจำหน่ายสินค้าของโครงการหลวง การออกร้านจำหน่ายผ้าตีนจก ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอทอป และ ผลิตภัณฑ์ชนเผ่า กาดมั่วคัวฮอม ณ สาธารณสุขอำเภอแม่แจ่ม

 

ทั้งนี้ แม่แจ่ม เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในหุบเขาซึ่งมีเทือกเขาถนนธงชัยและ ดอยอินทนนท์ล้อมรอบ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ ซึ่งถือเป็นแหล่งต้นน้ำ ที่สำคัญของภาคเหนือ นับเป็นหนึ่งในชุมชนไม่กี่แห่งของไทยที่ยังคงรักษาและสืบทอดมรดกพื้นเมืองซิ่นตีนจก และ ผ้าทอหลายประเภท อันเป็นศิลปหัตถกรรมที่มีคุณค่าทั้งความงดงามและความหมาย วิถีชีวิตของ คนแม่แจ่ม ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตนของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยวน ไม่ว่าจะเป็นประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและศรัทธาต่อศาสนา

 

“ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม” เป็นงานหัตถกรรมผ้าทอพื้นบ้านของผู้หญิงในอำเภอแม่แจ่มที่เกิดจากฝีมือการทออย่างประณีตตามกรรมวิธีการทอและการสร้างลวดลายบนผืนผ้าด้วยเทคนิคการจกแบบดั้งเดิมที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาของกลุ่มชนชาวไทยวนในอำเภอแม่แจ่ม ทำให้เกิดเป็นผ้าที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นของชาวแม่แจ่มที่มีความงดงาม เป็นผ้าซิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนที่อื่น มีความละเอียดประณีต ลวดลายอ่อนช้อย มีความหมายในตัวเอง ความประณีตของลวดลายเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้มีอารมณ์เยือกเย็นสุขุมมีกฎเกณฑ์ บางผืนอาจซ่อนเร้นเรื่องราวและเนื้อหาที่สามารถเล่าขานถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชน การตั้งถิ่นฐาน เชื้อชาติ สภาพภูมิศาสตร์ ความเชื่อ และประเพณี นอกจากนี้ยังเป็นผ้าทอที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สันนิษฐานว่าซิ่นตีนจกแม่แจ่มน่าจะมีขึ้นในยุคสมัยที่พุทธศาสนาของล้านนามีความเจริญรุ่งเรือง จากลวดลายของซิ่นตีนจกแม่แจ่ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความคิด ความเชื่อทางพุทธศาสนา จากองค์ประกอบของซิ่นตีนจกแม่แจ่มจะปรากฏลวดลายต่างๆ เช่น โคม ขัน นาค หงส์ น้ำต้น สะเปา อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความเชื่อทางพุทธศาสนา

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

​”เสริมศักดิ์” หนุนนโยบาย วธ. เด็กไทยเล่นดนตรีไทยคนละ 1 ชิ้น

 

“เสริมศักดิ์” หนุนนโยบาย วธ. เสริมเด็กไทยเล่นดนตรีไทยคนละ 1 ชิ้น มุ่งส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรักในศิลปวัฒนธรรมไทยและท้องถิ่น

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและนโยบาย วธ. ที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน เล่นดนตรี คนละ 1 ชิ้น สู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เด็กและเยาวชนรักในศิลปวัฒนธรรมไทยท้องถิ่น ทางสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) จึงได้จัดโครงการส่งเสริมเด็กไทยเล่นดนตรีไทย คนละ 1 ชิ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเล่นดนตรีไทยได้อย่างน้อยคนละ 1 ชิ้นจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผลการดำเนินงานในการส่งเสริมให้เด็กไทยทุกคน เล่นดนตรีเป็น 1 ชนิด ถือเป็นการเยียวยาจิตใจ มีผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางสมอง อารมณ์ สังคม ร่างกาย และจิตใจ ของเด็กเยาวชนสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีสมาธิ สามารถเรียนรู้วิชาการอื่น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ประกอบกับเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีของไทยให้เด็กเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการส่งเสริมเด็กไทยเล่นดนตรีไทยคนละ 1 ชิ้น ได้รับความสนใจจากเยาวชนเป็นอย่างมาก ใช้เวลาอบรม 2 วัน มีการสอน ประกอบด้วย พื้นฐานดนตรีไทยวงปี่พาทย์ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ พื้นฐานดนตรีไทยวงเครื่องสาย ซอด้วง ซออู้จะเข้ พื้นฐานดนตรีพื้นบ้านอีสาน พิณ แคน โหวด โปงลาง กลองหาง และในปีงบประมาณ พ.ศ.2567      เป็นการจัดฝึกอบรมปฏิบัติดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้านให้แก่เด็กและเยาวชน ดังต่อไปนี้ 1. กลุ่มปี่พาทย์ (อาทิ ขลุ่ย อบรมกลุ่มเป้าหมายใหม่) 2. กลุ่มเครื่องสายไทย 3. กลุ่มดนตรีพื้นบ้าน 4. กลุ่มดนตรีสากล มีนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 5,000 คน จาก 100 โรงเรียนเครือข่ายสนใจเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้น 12 ชั่วโมง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงเดือนมีนาคม 2567 มีทีมวิทยากรจากวิทยาลัยนาฎศิลปในสังกัด 12 แห่ง คณะศิลปศึกษา คณะศิลปนาฏดุริยางค์ ครูผู้เชี่ยวชาญอบรมให้ความรู้

ทั้งนี้ ภายหลังการอบรม ทาง สบศ. จะมีการจัดแสดงผลงานเด็กและเยาวชนในระดับกระทรวง ทำเนียบรัฐบาล และสถานที่ภายนอก ถือเป็นขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน เล่นดนตรี คนละ 1 ชิ้น สู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ยกรถโรงหนังเฉลิมทัศน์สัญจรเชียงราย งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในการส่งเสริมการเรียนรู้แลกเปลี่ยน ความคิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการผ่านงานด้านวัฒนธรรม รวมไปถึงเยาวชนทั่วประเทศมีโอกาสเรียนรู้อย่างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสื่อต่างๆผ่านงานภาพยนตร์ ล่าสุดทางโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) วธ. ออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงราย เพื่อจัดกิจกรรมรถโรงหนัง ฉายภาพยนตร์แก่เด็กนักเรียน-ครู ประชาชน และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยมีโปรแกรมจัดกิจกรรมใน 4 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 17 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ณ วัดจอเจริญสุขุมวาท อ.เวียงชัย, องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย โดยขณะนี้จอดให้บริการนักเรียนและประชาชนอยู่ที่ ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นจุดฉายที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 7กุมภาพันธ์ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับเด็กและเยาวชน ครูอาจารย์ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน นักเรียนสนใจเข้าคิวรับชมฉายภาพยนตร์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากนี้ไปก็จะสัญจรไปต่อที่ ช้างแวร์เฮ้าส์ โกดังห้วยเกี๋ยง อ.เชียงแสน ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์นี้

 

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยต่อว่า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ได้มีการจัดโปรแกรมพิเศษบนรถโรงหนัง ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมืองเชียงราย เวลา 9.00 – 12.00 น. กับกิจกรรมอบรมบรรยายเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “การใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อเพื่อการเรียนรู้” สำหรับผู้สนใจนำภาพยนตร์ไปใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ เช่น โรงหนังโรงเรียน, วิชาภาพยนตร์ และ การนำภาพยนตร์ไปใช้สนับสนุนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ สามารถเข้าไปลงทะเบียนสำรองที่นั่งเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมบรรยายพิเศษล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/cinemobile-workshop รองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ 70 ที่นั่งหรือติดต่อสอบถามข้อมูลกิจกรรมได้ที่  094 770 6999 คุณวุฒินันท์ แช่มช้อย นักจัดจัดกิจกรรมและสิ่งเกี่ยวเนื่อง หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ติดตามภารกิจของรถโรงหนังเฉลิมทัศน์เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/thaicinemobile

 

          ทั้งนี้ มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 กำหนดจัดในพื้นที่เหนือสุดของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวคิด “เปิดโลก (The Open World)” โดยจะจัดขึ้นในพื้นที่สำคัญทั่วจังหวัดเชียงราย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

​เสริมศักดิ์ ปลื้ม! แลนด์มาร์ค Thailand Biennale ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมตามกรอบนโยบายหลัก “วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ”พร้อมทั้งขับเคลื่อน Soft Power สร้างเสน่ห์วิถีไทย ครองใจคนทั้งโลก โดยการสำรวจรวบรวมทุนทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และยกระดับงานวัฒนธรรมเดิมให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นการเปิดมุมมองแห่งความสำเร็จจากการใช้วัฒนธรรมสร้างพลังแห่งอนาคตตามเป้าหมายในปี 2567
นอกเหนือจากการโครงการส่งเสริมการสร้างรายได้ด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้ว งาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธ.ค. 66 – 30 เม.ย. 67 เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ และส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายก้าวกระโดดสู่นิเวศของการเป็น “เมืองศิลปะระดับโลก” นอกจากนิทรรศการหลักของศิลปินทั้ง 60 คนและ 13 พาวิลเลี่ยนแล้ว 

 

ยังมีการนำเสนอผลงานศิลปะในลักษณะ Collateral Event จัดแสดงคู่ขนานเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะงานศิลปะบนนาข้าว(Tanbo Art)  ในคอนเซปต์ “ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”ที่โด่งดังในกระแสโซเชียล สร้างความสนใจให้สื่อต่างประเทศนำไปเผยแพร่ เชิญชวนให้มาท่องเที่ยว แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับ “ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน” พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหลักของ“Thailand Biennale Chiangrai 2023”อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย

 


“ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”เป็นไอเดียที่น่าชื่นชมของคุณธันยพงศ์  ใจคำ เจ้าของ”เกี้ยวตะวัน ธัญฟาร์ม” ในอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่ทำงานร่วมกับศิลปินนักออกแบบชาวเชียงราย นักปราชญ์  อุทธโยธา และทีมงานอีกกว่า 200 คน โดยนำงานวิจัยพันธุ์ข้าวสรรพสีจากโครงการ MOU เพื่อทำวิจัยร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน ทั้งหมด 7 สายพันธุ์มีสายพันธุ์ดั้งเดิม 2 สายพันธุ์และอีก 5 สายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัย เป็นการผสมผสานงานวัฒนธรรมการปลูกข้าว เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนกลายเป็นงานศิลปะที่โดดเด่นด้วย สีสันของพันธุ์ข้าวสีรุ้ง ที่มีหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีม่วงเข้มไปจนถึงสีเหลืองอ่อน ซึ่งขณะนี้ข้าวสรรพสีพากันออกรวงสีทองอร่ามงามตา ต้อนรับการมาเยือนของนักเที่ยว โดยคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงระยะเวลา 145 วันหลังการเพาะปลูกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเสร็จสิ้นงานงาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023”ในช่วงเดือนเมษายน 2567    

 


ศิลปะบนนาข้าวจึงเป็น อีกหนึ่งสำคัญในการนำซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศมาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่า สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริม การต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนโดยเริ่มต้นจากต้นข้าวเล็กๆ เติบโตสู่พื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะให้งอกงามและเบ่งบานอยู่ในใจผู้คนอย่างมีคุณค่า  

 

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังเร่งเดินหน้าผลักดัน Soft Power ศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องใน “งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 4 Thailand Biennale 2025” ซึ่งจังหวัดภูเก็ต เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน โดยเฉพาะการนำเอา Soft Power ที่มีพลังในความเป็นไทย และความภาคภูมิใจของภูเก็ต ส่งผ่านงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เชื่อมไทย เชื่อมโลก ก้าวไปสู่การเป็นหมุดหมายสำคัญของการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต รวมทั้งการนำงานศิลปะร่วมสมัยทั้ง 9 สาขามาขับเคลื่อน Soft Power สร้างเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั้งโลก อาทิ ส่งเสริมให้เกิด 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft power การผลีกดัน Bangkok เมืองแฟชั่น และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เชียงใหม่ เปิดกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา วัดพระสิงห์

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 18.00 น. จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา สักการะพระธาตุประจำปีเกิด ภายใต้โครงการจาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้คัดเลือกวัดที่ร่วมโครงการ ดังนี้

  1. วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร พระมหาธาตุเจดีย์พระธาตุประจำปีเกิดปีมะโรง
  2. วัดเจ็ดยอด พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์พุทธคยา พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็ง
  3. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พระบรมธาตุดอยสุเทพ พระธาตุประจำปีเกิดปีมะแม
  4. วัดเกตการาม พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี พระธาตุประจำปีเกิดปีจอ

 

 

โดยมีพระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดภาคเหนือ 16 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมพิธี ณ วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

 

ในการนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดย นายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมงานดังกล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘ลาลีวรรณ’ นำทีม ก.วัฒนธรรม ลงพื้นที่มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 2023 เชียงราย

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 ณ พื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื้อเยี่ยมชมงานศิลปะโครงการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ต้อนรับคณะและนำชมงานศิลปะของศิลปิน จำนวน 4 แห่ง ดังนี้

  1. ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า รัชกาลที่ 5 ตำบลเวียง
  2. ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ตำบลห้วยสัก
  3. หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) ตำบลริมกก
  4. ขัวศิลปะเชียงราย ตำบลริมกก

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพัชรนันท์ แก้วจินดา ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ติดตามและอำนวยความสะดวกให้แก่คณะผู้บริหาร ดังกล่าว

จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินงานโครงการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมต่อยอด และแสดงศักยภาพในการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัยของศิลปิน บูรณาการความร่วมมือเชิงรุกของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการใช้มิติทางศิลปะสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้จากต้นทุนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม  

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

3 เครือข่ายภาครัฐและเอกชนหนุน พัฒนางานศิลปะร่วมสมัยผ่านนิทรรศการเครือข่าย

 

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ประจำปี 2567 ระหว่างกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมกับธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัดและกลุ่ม Chat Lab โดยมีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Retail and Brand ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และนายณัฏฐาปกรณ์ คะปูคำ สถาปนิกผู้แทนกลุ่ม Chat Lab ร่วมลงนามความร่วมมือ 

 

โดยมีนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางสุภัทร กิจเวช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ศิลปินและผู้แทนหน่วยงานเครือข่ายที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ 

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับองค์กรเครือข่ายและศิลปินทุกท่าน ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตลอดจนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจากพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันนี้ ระหว่าง กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายทั้ง 3 หน่วยงานได้แก่ 1. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด 3. กลุ่ม Chat Lab และการจัดนิทรรศการแสดงผลงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนในปี 2566 จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล โดยการนำศิลปะร่วมสมัยมาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และส่งเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้พัฒนาไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการบนพื้นฐานของทุนทางสังคมและวัฒนธรรม อันเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันและเสริมสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้แพร่หลายในประชาคมโลกและยังเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือเชิงรุก 
ที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต 
 
 
 
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูลประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งทุนที่ให้การส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยแก่ศิลปินและเครือข่ายฯ ทั้งภาครัฐและเอกชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561- 2566 โดยได้ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 162 โครงการ เป็นงบประมาณรวมกว่า 43 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2567 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวนทั้งสิ้น 27 โครงการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,950,000 บาท ครอบคลุม 4 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวทางที่ 1 วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และ/หรือนำงานวิจัยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม  แนวทางที่ 2 ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่า มูลค่าทางเศรษฐกิจ แนวทางที่ 3 สร้างความร่วมมือเครือข่ายเพื่อยกระดับคุณค่าที่หลากหลายทางสังคมและชุมชน  แนวทางที่ 4 ส่งเสริมการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยไทยผ่านสื่อแขนงต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
 
โครงการที่ได้รับการส่งเสริมล้วนมีแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการให้เกิดการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายในระดับชุมชน ระดับชาติ และระดับนานาชาติ และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้ง 3 ด้านได้แก่ ด้านสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งก่อให้เกิดการบูรณาการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยเชิงรุกผ่านระบบนิเวศศิลปะ ช่วยยกระดับคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
 
 
ทั้งนี้ นิทรรศการโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เปิดให้เข้าชมผลงานโดยไม่เสียค่าเข้าชม ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2567  ณ ห้องปฏิบัติการ 1 และ 2 บริเวณชั้น 2 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

วธ.เผยแผนพัฒนา Soft Power ปี 66-70 ดัน GDP 1 ใน 15 ของประเทศ

 

วธ. เผยแผนพัฒนา Soft Power ปี 66-70 ดัน GDP สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมจากร้อยละ 8.9 เป็นร้อยละ 15 และเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสูงสุดในตลาดโลก หนุนไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยววัฒนธรรมที่สำคัญของโลก พร้อมจับมือสถาบันศึกษาปั้นเด็กสู่อุตสาหกรรมบันเทิง

 

 ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “แนวทางสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในมุมมองของกระทรวงวัฒนธรรม” ในการเสวนาหัวข้อ “นโยบายภาครัฐและความต้องการของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่คอนเทนต์โลก กรณีศึกษา ด้านภาพยนตร์” ในเทศกาลหนังเมืองแคน ครั้งที่ ๗ เมื่อเร็วๆนี้ ว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้เริ่มดำเนินการใช้ Soft Power ความเป็นไทยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน บนแนวคิดนำทุนวัฒนธรรมดั้งเดิม มาพัฒนาใส่ความคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่การขับเคลื่อนเป็น Soft Power ผ่านกลไกในการร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (2566-2570) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 4 (2566-2570) โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วน GDP สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมจากร้อยละ 8.9 เป็นร้อยละ 15 และเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสูงสุดในตลาดโลก รวมถึงตั้งเป้าให้อันดับโลกด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีขึ้น ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่อเที่ยววัฒนธรรมและการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก

 

ปลัดวธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับ  Soft Power ความเป็นไทยที่ผ่านมา วธ. ได้พัฒนา ได้แก่ 5F อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) เทศกาลประเพณีไทย (Festival) และมีการพัฒนาเพิ่มเติมอีก คือ 5F พลัส ได้แก่ ท่องเที่ยวชุมชน ศิลปะการแสดง และศิลปะ ซึ่งในปี 2566 นี้ก็พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาผู้ที่มีทักษะด้านวัฒนธรรมให้มีทักษะฝีมือสูงขึ้นใน 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ได้แก่ 1. แฟชั่น 2. หนังสือ 3. ภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ 4. เฟสติวัล 5. อาหาร 6. ออกแบบ 7. ท่องเที่ยว 8.เกม 9.ดนตรี 10. ศิลปะ และ 11.กีฬา โดยขณะนี้ได้มีร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (2566-2570) เป็นครั้งแรก อาทิ มีการศึกษาประเทศที่ประสบความสำเร็จด้าน Soft Power ศึกษาการตลาด พัฒนาบุคลากร ตามแผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำไปใช้ขับเคลื่อนได้จริงและได้ทันที ซึ่ง Soft Power ความเป็นไทยที่มีศักยภาพ นอกจาก 5 F แล้วก็มี 5F+2 ได้แก่ ศิลปะการแสดง และความเชื่อ ตำนาน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ เส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ การจัดงานมหกรรมเชียงรายเบียนนาเล่ เป็นต้น 

 

ทั้งนี้  ในส่วนของการส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงนั้น จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ เพิ่มช่องทางการตลาดและการเจรจาธุรกิจ โดยการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามูลค่าทางเศรษฐกิจจากการเจรจาในต่างประเทศ อาทิ งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ฝรั่งเศส มูลค่า 1,986 ล้านบาท เทศกาลภาพยนตร์ปักกิ่ง มูลค่า 1,976 ล้านบาท งาน Hong Kong International Film & TV Market มูลค่า 1,378 ล้านบาท งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว มูลค่า 500 ล้านบาท งานแสดงสินค้าลิขสิทธิ์นานาชาติฮ่องกง มูลค่า 93 ล้านบาท  งานเทศกาลภาพยนตร์เซี่ยงไฮ้มูลค่า  5 ล้านบาท เป็นต้น โดย วธ. พร้อมให้ความร่วมมือทุกภาคีเครือข่ายในการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ไม่ว่าจะเป็นงบสนับสนุน พัฒนาบุคลากร ช่องทางการตลาด ที่สำคัญจะมีการศึกษาแนวทางความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศในการอบรมพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News