Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เชียงรายยืนหนึ่ง Top 5 จุดหมายไทย! ขับเคลื่อนด้วยกระแส “Soft Power Travel” ท่ามกลางศึก Tourism War ภูมิภาค

เชียงรายยืนหนึ่งใน Top 5 จุดหมายท่องเที่ยวไทย ขับเคลื่อนด้วยกระแส “Soft Power Travel” ท่ามกลางศึก Tourism War

เชียงราย, 11 ธันวาคม 2568 – ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่ทวีความรุนแรงในภูมิภาคเอเชีย จังหวัดเชียงรายกลับสามารถยืนหยัดรักษาตำแหน่งเป็นหนึ่งใน 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสูงสุดของนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันปลายปี (ธันวาคม 2568 – มกราคม 2569) ตามข้อมูลล่าสุดจาก Traveloka แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางสถิติ แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทย ที่กำลังมองหา “ทริปที่มีความหมาย” มากกว่าการท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูปเช็กอิน ภายใต้กระแสใหม่ที่เรียกว่า “Soft Power Travel” ซึ่งเน้นการสร้างประสบการณ์เชิงลึก การเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก

กระแส “Soft Power Travel” ปรับโฉมวงการท่องเที่ยวไทย

นายชาลส์ หว่อง รองประธานฝ่ายพาณิชย์ของ Traveloka กล่าวว่า “ช่วงท้ายปีเป็นช่วงที่นักเดินทางมองหาการค้นพบและการเชื่อมโยง ไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายในชีวิต” เขาชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ Soft Power Travel ที่กำลังครองใจนักเดินทางชาวไทยในขณะนี้ มีรากฐานมาจากความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรม อาหารไทย การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และเสน่ห์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์

ข้อมูลจาก Traveloka ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2568 เผยให้เห็นภาพชัดเจนของความต้องการเดินทางที่เติบโตสูง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลปลายปี การวิเคราะห์พบว่าจุดหมายปลายทางในประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, อุดรธานี และเชียงราย ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนความนิยมที่หลากหลายทั้งทริปเมืองใหญ่ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการพักผ่อนริมทะเล

สิ่งที่น่าสนใจคือ เชียงรายซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนทางตอนเหนือ สามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกับจุดหมายหลักอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ ด้วยจุดแข็งด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ และทำเลที่ตั้งบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงสามประเทศ

โมเมนตัมที่ต่อเนื่อ จากไตรมาส 3 สู่ไฮซีซัน

แม้ช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 (กรกฎาคม-กันยายน) จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยว แต่เชียงรายกลับสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 พบว่าจังหวัดเชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 1,195,635 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 9,763.48 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาโครงสร้างนักท่องเที่ยว พบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีจำนวน 1,043,190 คน หรือคิดเป็น 87.2% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และสร้างรายได้ถึง 8,200.37 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของรายได้รวม ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 152,445 คน หรือ 12.8% สร้างรายได้ 1,563.11 ล้านบาท หรือ 16% ของรายได้รวม

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของตลาดภายในประเทศที่เป็นฐานรายได้หลักของเชียงราย และเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมการติดอันดับ Top 5 ของ Traveloka จึงมีนัยสำคัญ เพราะแสดงให้เห็นว่าโมเมนตัมของการท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีซัน หลังจากสร้างฐานที่มั่นคงในช่วงโลว์ซีซันมาแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน) ในช่วงเดียวกัน พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 5,198,133 คน สร้างรายได้ 37,801.65 ล้านบาท หมายความว่าเชียงรายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 23% ของจำนวนนักท่องเที่ยว และ 25.8% ของรายได้การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเชียงรายในฐานะหนึ่งในเสาหลักของการท่องเที่ยวภาคเหนือ

ดอกเก็กฮวย ที่ดอยสะโง้ อ.เชียงแสน

กลยุทธ์ “UNSEEN THAI THAI” ต่อสู้สงครามการท่องเที่ยว

เบื้องหลังความสำเร็จของเชียงรายไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกของจังหวัดในการค้นหาและพัฒนา “ทุนทางวัฒนธรรม” เพื่อสร้างความแตกต่างที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนได้ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขัน Tourism War ที่รุนแรงในระดับภูมิภาค

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) ได้ลงพื้นที่และจัดประชุมคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอของจังหวัด เพื่อค้นหาและพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตัวอย่างที่โดดเด่น เช่น วิถีชีวิตบ้านห้วยน้ำกืน ข้าวแรมฟืน (อาหารพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์) และพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น

การดำเนินงานนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้าง “ประสบการณ์เฉพาะตัว” ที่ไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังสร้างคุณค่าและมูลค่าในมิติเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเทรนด์ Soft Power Travel ที่นักท่องเที่ยวต้องการเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

นโยบายนี้ยังเชื่อมโยงกับมาตรการของรัฐบาลที่ใช้โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านผู้ประกอบการ OTOP (ผลิตภัณฑ์ชุมชน) ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวไหลเวียนสู่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง ไม่กระจุกตัวอยู่กับผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงอย่างเดียว

การเน้นย้ำเรื่อง “ความคุ้มค่าที่วัดจากคุณภาพประสบการณ์” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ เพราะเชียงรายไม่ได้แข่งขันด้วยราคาถูก แต่เสนอคุณค่าที่แท้จริงผ่านประสบการณ์ท้องถิ่นแบบเรียล (Authentic Local Experience) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง (High-Value Tourists) โดยเฉพาะจากตลาด Long Haul (ระยะไกล) ให้ความสำคัญ

ท่องเที่ยวครอบครัว ตลาดเป้าหมายที่เติบโตแรง

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุนความนิยมของเชียงรายคือการตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัวและผู้เดินทางหลายเจเนอเรชัน ข้อมูลจาก Traveloka แสดงให้เห็นว่าความสนใจในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น อควาเรียม ธีมพาร์ก สวนน้ำ ศูนย์ความบันเทิงครอบครัว และตึกสูงชมวิว

เชียงรายมีจุดแข็งในการรองรับกลุ่มนี้ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามอย่างวัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น ดอยที่มีธรรมชาติงดงาม และงานเทศกาลระดับโลกอย่างเทศกาลบอลลูนนานาชาติเชียงราย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ครอบครัวสามารถร่วมสร้างความทรงจำไปด้วยกันได้

นายชาลส์ หว่อง กล่าวเสริมว่า “แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่าผู้คนมองการท่องเที่ยวเป็นโอกาสในการสร้างสายสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่การพักผ่อน” การที่เชียงรายสามารถตอบโจทย์ทั้งความต้องการทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และความเหมาะสมสำหรับทุกวัย จึงทำให้จังหวัดนี้กลายเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างพื้นฐาน รากฐานแห่งการเติบโต

การเติบโตของการท่องเที่ยวเชียงรายได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงจังหวัดได้ง่ายขึ้น

ในด้านการคมนาคมทางอากาศ สายการบิน ไทยเวียตเจ็ท เตรียมเปิดเส้นทางบินตรง เชียงราย-ภูเก็ต ในเดือนมกราคม 2569 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเดินทาง “เที่ยวเหนือต่อใต้” ที่นักท่องเที่ยวไทยให้ความสนใจ เส้นทางนี้จะช่วยเชื่อมโยงสองจุดหมายยอดนิยม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนทริปแบบ Multi-Destination ได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อต่อเครื่อง

ในขณะเดียวกัน ด้านการคมนาคมทางบก EV Greenbus ได้เปิดให้บริการเส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย ด้วยรถโดยสารไฟฟ้า 100% เพื่อลดมลพิษฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของภาคเหนือในช่วงฤดูแล้ง และสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การลงทุนในระบบขนส่งสะอาดเช่นนี้ยังช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะจุดหมายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม นักเดินทางยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของราคาตั๋วเครื่องบินที่พุ่งสูงในช่วง Peak Season ซึ่งได้รับแรงกดดันจากกลไก Yield Management (การบริหารราคาตามอุปสงค์-อุปทาน) และความขาดแคลนของอุปทานเครื่องบิน ทั้งนี้ การจองล่วงหน้าและความยืดหยุ่นในการเดินทางยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการประหยัดค่าใช้จ่าย

เทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 12 วันที่ 2 ธ.ค.68 – 25 ม.ค.69

ความท้าทายในสนามรบ Tourism War

แม้ตลาดภายในประเทศจะเติบโตแข็งแกร่ง แต่ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยยังคงเผชิญความท้าทายที่สำคัญในตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในสมรภูมิ Tourism War ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามรายงานของททท. ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว -8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดหลักที่สำคัญ กลับลดลงหนักถึง -35% สวนทางกับคู่แข่งอย่างเวียดนามที่สามารถเติบโตได้ +22% ในช่วงเวลาเดียวกัน สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าไทยกำลัง “เสียจังหวะ” ในการแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากตลาดใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม มีแสงสว่างปรากฏในท้ายอุโมงค์ ททท. ชี้ให้เห็นว่าตลาดระยะไกลอย่างยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง กำลังพลิกฟื้นในอัตราสูง และสร้างรายได้ทำลายสถิติเดิมของปี 2562 (ก่อนโควิด-19) นักท่องเที่ยวจากตลาดเหล่านี้มักเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่พักนาน จ่ายเงินมาก และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและแท้จริง

นี่คือโอกาสสำคัญของเชียงราย การที่จังหวัดเร่งพัฒนาสินค้าและประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านโครงการ UNSEEN THAI THAI จะช่วยวางรากฐานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว High-Value จากกลุ่ม Long Haul และตลาดใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ท้องถิ่นแบบเรียล (Authentic Experience) ซึ่งตรงกับจุดแข็งของเชียงรายที่มีวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตท้องถิ่นที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้ดี

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Traveloka ยังเผยว่าจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่กำลังมาแรงในช่วงปลายปี ได้แก่ กรุงเทพฯ (จากมุมมองนักท่องเที่ยวต่างชาติ) โตเกียว เซี่ยงไฮ้ โอซาก้า และฮ่องกง ซึ่งบ่งชี้ว่าความมั่นใจในการเดินทางระหว่างประเทศของนักเดินทางไทยกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งการมองหาทริปต่างประเทศเพื่อสัมผัสบรรยากาศฤดูหนาว

ภาพรวมการท่องเที่ยวไทย ตลาดในประเทศเป็นเสาหลัก

ตามรายงานของททท. ในปี 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 26 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศก็ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคนไทยเดินทางรวมกว่า 150 ล้านทริป ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดภายในประเทศยังคงเป็นเสาหลักสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดต่างประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

การเติบโตของการเดินทางในช่วงเทศกาลปลายปีและเทรนด์ Soft Power Travel ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจฐานราก Traveloka ยังระบุว่าในช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวต่างให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบ Immersion (การดื่มด่ำ) ที่ผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น อาหาร เทศกาล รวมถึงกิจกรรมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness Tourism)

ชมงานศิลปะ & วาดรูปเล่นท่ามกลางธรรมชาติที่ ควายดินดาก อาร์ทเฮ้าส์ ร้านเปิดทุกวัน 10.00 -18.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)

กิจกรรมและเทศกาลเชียงราย ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

เชียงรายมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวด้วยปฏิทินกิจกรรมและเทศกาลที่หลากหลายตลอดทั้งปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 ถึงมกราคม 2569 เพียงอย่างเดียว มีกิจกรรมสำคัญมากมาย อาทิ งานศิลปะและการออกแบบที่เน้นความสร้างสรรค์ งานมหกรรมบอลลูนนานาชาติ การแข่งขันวิ่งมาราธอนและอัลตร้ามาราธอนในเส้นทางที่ทรงความงาม งานเทศกาลดนตรี การจัดแสดงแสงสีที่วัดและแลนด์มาร์กสำคัญ รวมถึงงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่หลายพื้นที่ในจังหวัด

กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและสร้างการจ้างงาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ร้านอาหาร ที่พัก และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบาย Soft Power Travel ที่ต้องการให้ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานราก

มุมมองอนาคต จากความนิยมสู่รายได้ที่ยั่งยืน

การที่เชียงรายติดอันดับ Top 5 จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศ ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางสถิติที่น่าภูมิใจ แต่สะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงของจังหวัดในการเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประสบการณ์ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาค

ความท้าทายต่อไปคือการเปลี่ยนแรงดึงดูดและความนิยมที่มีอยู่ให้กลายเป็นรายได้ที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เป็นทุนเดิมอันมีค่า การเดินหน้าตามนโยบาย UNSEEN THAI THAI การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม และการสร้างความพร้อมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงเป็นกุญแจสำคัญ

นอกจากนี้ การเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงจากตลาดระยะไกลที่กำลังฟื้นตัว การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีทักษะภาษาและความเข้าใจวัฒนธรรมต่างชาติ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริการและการตลาด จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเชียงรายในเวทีโลก

ความสำเร็จของเชียงรายในครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าตัวเลข แต่เป็นเรื่องราวของการตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มองหา “ความหมาย” มากกว่า “ความสวยงาม” พวกเขาต้องการ “สัมผัสประสบการณ์” มากกว่า “เช็กอินถ่ายรูป” และต้องการ “เชื่อมโยงกับชุมชน” มากกว่า “แค่เดินผ่าน” ซึ่งเป็นสิ่งที่เชียงรายสามารถมอบให้ได้อย่างแท้จริง

สุดท้ายแล้ว การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่การดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่คือการสร้างคุณค่าที่แท้จริงทั้งแก่ผู้มาเยือนและชุมชนท้องถิ่น เชียงรายกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม และการดำเนินงานที่จริงจัง จังหวัดเล็กๆ บนดินแดนสามเหลี่ยมทองคำก็สามารถยืนหยัดและแข่งขันได้ในเวทีใหญ่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) อำเภอเทิง จ.เชียงราย
สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • Traveloka
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU)
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • เชียงรายโฟกัส

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นักท่องเที่ยวจีนลด -35%! ไทยเสียจังหวะในเอเชีย ต้องสร้างเหตุผลใหม่ให้คนมาเยือน

วธ.เชียงรายเร่งค้นหา “UNSEEN THAI THAI” ปั้น Soft Power สู้ศึก Tourism War ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพระยะไกล

เชียงราย, 24 พฤศจิกายน 2568เชียงรายกำลังก้าวสู่สมรภูมิใหม่ของการท่องเที่ยว ที่ไม่ได้แข่งกันเพียงตัวเลขนักท่องเที่ยวอีกต่อไป หากแต่แข่งกันด้วย “เรื่องเล่า ประสบการณ์ และคุณค่าทางวัฒนธรรม” ท่ามกลาง “Tourism War” ที่ทำให้ประเทศไทยเสียจังหวะให้กับเพื่อนบ้านในเอเชีย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) จึงเดินหน้าเร่งค้นหา “UNSEEN THAI THAI” เพื่อใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นหัวหอกสำคัญในการยกระดับจังหวัดสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มระยะไกลที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ศึก Tourism War เมื่อไทยเริ่มเสียจังหวะในสนามท่องเที่ยวเอเชีย

แม้ไทยจะยังเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของโลก แต่ตัวเลขช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 สะท้อนภาพที่น่ากังวลอย่างชัดเจน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย “หดตัวราว -8% เมื่อเทียบกับปีก่อน” ในขณะที่เวียดนามเติบโตถึง +22% และจีนเติบโตสูงถึง +27% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

ตลาดหลักอย่าง “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเคยเป็นฟันเฟืองสำคัญ กลับลดลงมากถึง -35% สวนทางกับประเทศคู่แข่งที่เร่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ความทันสมัย และประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในไทยยังมีทิศทางชะลอตัว ในขณะที่ประเทศคู่แข่งกลับมีมูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ไทยไม่สามารถพึ่ง “ชื่อเสียงเดิม” ได้อีกต่อไป หากต้องการฟื้นกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาค จำเป็นต้องสร้าง “เหตุผลใหม่” ให้คนเดินทางมาเยือน และต้องทำให้การมาเที่ยวไทยในวันนี้ “ลึกกว่า ถูกกว่า และดีกว่าเดิม” ผ่าน Soft Power และการสร้างประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่แตกต่างจริง ๆ

นโยบาย “ไท ไทย” และแนวคิด UNSEEN THAI THAI  วัฒนธรรมที่มีชีวิตและสร้างมูลค่าได้

ภายใต้วิสัยทัศน์ของนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นโยบาย “ไท ไทย” ถูกกำหนดขึ้นเพื่อ “ยกระดับความเป็นไทยดั้งเดิม (Traditional Thai) ให้ผสานกับความร่วมสมัย (Contemporary Thai)” เปลี่ยนจากการมองวัฒนธรรมเป็นเพียงของเก่า หรือพิธีกรรมที่อยู่ในกรอบ ไปสู่การมองว่า “วัฒนธรรมคือทุน” ที่สามารถสร้างทั้งคุณค่าทางจิตใจและมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

โครงการ “UNSEEN THAI THAI” จึงถูกออกแบบให้เป็นกลไกสำคัญในการค้นหา “ทุนทางวัฒนธรรมที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผย ไม่เคยถูกมองเห็น หรือยังไม่เคยถูกเข้าใจในเชิงลึก” ไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ แต่คือเรื่องราว ความหมาย และประสบการณ์ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวของวิถีชีวิตไทย เพื่อแปลงให้กลายเป็นแลนด์มาร์กวัฒนธรรมยุคใหม่ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย แต่ยังคงเคารพรากเหง้าอย่างแท้จริง

ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน  จุดเริ่มต้นของการมองเชียงรายผ่านสายตาใหม่

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อสำรวจและค้นหา “ทุนทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น” ภายใต้แนวคิด “UNSEEN THAI THAI” โดยเน้นทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ความเชื่อ และศิลปะของชุมชน

บ้านห้วยน้ำกืนไม่ได้ถูกมองเพียงในฐานะหมู่บ้านชนบท หากแต่ถูกมองใหม่ในฐานะพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า วิถีชีวิตดั้งเดิม และระบบความเชื่อที่สอดประสานกับธรรมชาติและภูมิประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การ “สำรวจเพื่อทำรายการ” แต่คือการฟังเสียงชุมชน ค้นหาอัตลักษณ์ที่ชุมชนภาคภูมิใจ และมองหาโอกาสในการต่อยอดให้กลายเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จับต้องได้

เวทีคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” เชียงราย 18 อำเภอ 18 ทุนวัฒนธรรมหลากมิติ

วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) ที่ห้องพวงแสด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ประจำปีงบประมาณ 2569 จังหวัดเชียงราย โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก

การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือกทุนทางวัฒนธรรมตามนโยบาย “ไท ไทย” ที่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกำหนดแนวทางไว้ชัดเจนว่า “ทุนทางวัฒนธรรม” หมายถึงทรัพยากรทางวัฒนธรรมทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต ค่านิยม ความเชื่อ และศิลปะของชุมชน ที่สามารถสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดให้เกิดมูลค่าในมิติเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจได้อย่างยั่งยืน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ประสานไปยังทุกอำเภอ ขอให้คัดเลือกทุนทางวัฒนธรรมอำเภอละอย่างน้อย 1 รายการ ส่งเข้าร่วมการคัดเลือกระดับจังหวัด ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า มีการส่งข้อมูลทุนทางวัฒนธรรมครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ เช่น

  • อำเภอเวียงป่าเป้า: วิถีชีวิตบ้านห้วยน้ำกืน
  • อำเภอเมืองเชียงราย: วิถีชีวิตบ้านลิไข่ และนาขั้นบันไดลิไข่
  • อำเภอเชียงแสน: พิธีบวงสรวงแกล้มเลี้ยงบรรพกษัตริย์ บรรพชน ไหว้อารักษ์ และพิธีกรรมสวดมนต์วัดร้าง
  • อำเภอเชียงของ: พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และการเล่นลูกข่าง
  • อำเภอแม่จัน: บิณฑบาตพระขี่ม้า ประเพณีเขาะจะเว และพิธีกิ๋นอ้อผญาล้านนา
  • อำเภอพาน: ผีย่าหม้อนึ่ง
  • อำเภอเวียงแก่น: พิธีถวายหนังแดง (วันผีกิ๋นวัว)
  • อำเภอเวียงชัย: การสรงน้ำพระพุทธรูปโบราณ วัดโบราณเวียงเดิม
  • อำเภอเวียงเชียงรุ้ง: พิธีสู่ขวัญควาย
  • อำเภอแม่ฟ้าหลวง: ประเพณีปอยส่างลอง ปอยออกหว่า และประเพณี “อายก”
  • อำเภอแม่ลาว: ตาพย่านาเจ่อ นาบทือ ย่าง (การไหว้หอเสื้อบ้าน)
  • อำเภอพญาเม็งราย: พิธีสู่ขวัญ และการอ่านค่าว
  • อำเภอแม่สาย: ข้าวแรมฟืน หรือข้าวฟืน
  • อำเภอขุนตาล: โจ๊วตะโป่ดั๊บ (ต้มเต้าหู้)
  • อำเภอแม่สรวย: หลามบอน (แกงบอน)
  • อำเภอเทิง: ค่าวธรรม
  • อำเภอป่าแดด: อักษรธัมม์ล้านนา
  • และทุนทางวัฒนธรรมที่ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ: ตึ่งโนง (กองตึ่งโนงล้านนา)

รายชื่อเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เชียงรายไม่ได้มีเพียงภูเขา หมอก และกาแฟ หากแต่มี “ชั้นเชิงทางวัฒนธรรม” ที่ลึกและหลากหลาย ตั้งแต่พิธีกรรม ความเชื่อ อาหารพื้นบ้าน ตัวอักษรโบราณ ไปจนถึงประเพณีเฉพาะถิ่นที่หาไม่ได้จากที่อื่น หากสามารถถอดรหัสและเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ทุนเหล่านี้จะกลายเป็น Soft Power ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

Soft Power กับบทบาทของเชียงราย เมืองวัฒนธรรมในโครงสร้างใหม่ของการท่องเที่ยวไทย

ในบริบทที่ไทยกำลังเผชิญศึก Tourism War การใช้ Soft Power และการสร้าง Brand Image ที่เน้น “ประสบการณ์ลึกซึ้ง” ถูกมองเป็นกลยุทธ์สำคัญ แนวคิดอย่าง “5 Must Do” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เน้นกิจกรรมและประสบการณ์เฉพาะ เช่น ต้องกิน ต้องเที่ยว ต้องสัมผัสวิถีท้องถิ่น กลายเป็นกรอบสำคัญในการออกแบบสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวใหม่

เชียงรายในฐานะเมืองรองที่มีทั้งพื้นที่ภูเขา ชนเผ่าพื้นถิ่น พุทธศิลป์ล้านนา และวิถีชีวิตชายแดน มีศักยภาพสูงที่จะต่อยอดสู่การเป็น “เมืองประสบการณ์เชิงลึก” โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ต้องการเพียงภาพสวย ๆ แต่ต้องการเข้าไป “ใช้ชีวิตร่วมกับชุมชน” ผ่านกิจกรรมอย่าง Wellness, Micro-Retirement หรือการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้แบบเรียลจริง

การพัฒนา UNSEEN THAI THAI ในเชียงรายจึงเป็นมากกว่าการสร้างแหล่งเช็คอินใหม่ หากแต่เป็นการเตรียม “ภาษาวัฒนธรรม” ให้พร้อมใช้สื่อสารกับโลก ผ่านเรื่องเล่า แพลตฟอร์มดิจิทัล และประสบการณ์ตรงที่นักท่องเที่ยวจะนำกลับไปเล่าต่ออีกครั้ง

ตลาด Long Haul พุ่งทำสถิติใหม่  โอกาสทองของเมืองรองและชุมชนวัฒนธรรม

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) ในช่วงปี 2567–2569 ว่ากำลัง “ฟื้นตัวแรงกว่าช่วงก่อนโควิด” และสร้างสถิติใหม่ในหลายด้าน

ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เดินทางมาไทยรวม 9,790,056 คน เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด พร้อมสร้างรายได้กว่า 588,632 ล้านบาท ซึ่งทำลายสถิติเดิมของปี 2562 ที่เคยเป็นปีดีที่สุด ตัวเลขนี้สะท้อนการกลับมาของ “กำลังซื้อระดับพรีเมียม” ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพประสบการณ์มากกว่าราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว

ททท.คาดว่าในปี 2568 นักท่องเที่ยวระยะไกลจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,096,052 คน เติบโต 13% จากปี 2567 และสร้างรายได้ราว 668,885 ล้านบาท ขณะที่ปี 2569 คาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 11,666,600 คน และสร้างรายได้รวมกว่า 700,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีกราว 10%

ข้อมูลจาก Expedia ยังระบุว่า “ความต้องการที่พักนอกเมืองท่องเที่ยวหลักเพิ่มขึ้นถึง 18%” ในปีที่ผ่านมา เมืองรองและชุมชนท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวจึงเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างชัดเจน กรณีศึกษาของเกาะสมุยที่ได้รับแรงส่งจากซีรีส์ต่างประเทศอย่าง White Lotus ทำให้ดีมานด์ของนักท่องเที่ยวอเมริกันเพิ่มขึ้น ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้สื่อและ Soft Power เชื่อมโยงกับพื้นที่ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ททท.จึงเสนอแนวคิดพัฒนา “เมืองรองแบบคลัสเตอร์” แทนการทำงานแบบเมืองเดี่ยว เช่น การเชื่อมโยง นครศรีธรรมราช–สุราษฎร์ธานี–สมุย–ขนอม โดยใช้สุราษฎร์ฯ เป็นฮับหลัก ซึ่งแนวคิดลักษณะนี้สามารถต่อยอดประยุกต์ใช้กับภาคเหนือได้เช่นกัน หากเชียงรายถูกออกแบบให้อยู่ในคลัสเตอร์เมืองวัฒนธรรม–ธรรมชาติร่วมกับจังหวัดรอบข้าง จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่ต้องการเส้นทางใหม่ ๆ และประสบการณ์ที่ลึกกว่าเดิม

จากข้อมูลสู่การตัดสินใจเชิงนโยบาย  ทำไมเชียงรายต้องรีบ “ค้นหา” ก่อนถูกแซง

เมื่อนำภาพรวม Tourism War ตัวเลขการเติบโตของตลาด Long Haul และศักยภาพของทุนวัฒนธรรมเชียงรายมาพิจารณาร่วมกัน จะเห็นชัดว่า “เวลา” เป็นปัจจัยสำคัญ หากเชียงรายไม่เร่งแปรทุนทางวัฒนธรรมให้กลายเป็นสินค้าและประสบการณ์ท่องเที่ยวที่จับต้องได้ เมืองอื่นที่ขยับตัวเร็วกว่าอาจช่วงชิงความสนใจจากตลาดโลกไปก่อน

การจัดตั้งคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ระดับจังหวัด การเชิญทุกอำเภอส่งทุนวัฒนธรรมเข้าร่วม และการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในวันนี้ จึงเป็นก้าวแรกในการ “จัดระเบียบทรัพยากรวัฒนธรรม” ให้ชัดเจนว่าเชียงรายมีอะไร อยู่ที่ไหน มีเรื่องเล่าอย่างไร และสามารถต่อยอดเป็นสินค้า หรือกิจกรรมท่องเที่ยวแบบไหนได้บ้าง

ในมุมของชุมชน การถูกมองเห็นในฐานะ “ทุนทางวัฒนธรรม” ยังช่วยสร้างความภาคภูมิใจ และเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่กลับมาสนใจรากเหง้าของตนเองมากขึ้น ขณะเดียวกัน หากมีการออกแบบระบบกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ชุมชนจะสามารถยืนอยู่ได้บนฐานเศรษฐกิจของตนเองอย่างยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งพาเพียงการเกษตรหรือแรงงานรับจ้างเพียงทางเดียว

เชียงรายบนเส้นทางจากเมืองชายแดน สู่เมืองประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด เชียงรายกำลังยืนอยู่บนจุดตัดสำคัญของการพัฒนาเมืองในยุคที่การท่องเที่ยวโลกแข่งขันกันด้วย “ประสบการณ์และเรื่องเล่า” มากกว่าจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

  • ฝั่งหนึ่ง โลกกำลังเปิดกว้างให้กับเมืองรองและชุมชนที่มีวัฒนธรรมลึกซึ้ง
  • อีกฝั่งหนึ่ง ไทยกำลังถูกท้าทายจากทั้งเวียดนามและจีนในศึก Tourism War
  • พร้อมกันนั้น ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่มีกำลังซื้อสูงกำลังเติบโต และมองหาเป้าหมายใหม่ที่ให้ความหมายมากกว่าการท่องเที่ยวผิวเผิน

ท่ามกลางสมการที่ซับซ้อนนี้ การที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเร่งเดินหน้าโครงการ “UNSEEN THAI THAI” ลงพื้นที่สำรวจชุมชนอย่างบ้านห้วยน้ำกืน เปิดเวทีให้ 18 อำเภอส่งทุนวัฒนธรรมเข้าพิจารณา และจัดประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัดอย่างเป็นระบบ จึงไม่ใช่เพียง “งานเอกสารของราชการ” แต่คือการปักหมุดอนาคตเชียงรายบนแผนที่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเอเชีย

หากเชียงรายสามารถนำทุนทางวัฒนธรรมเหล่านี้ มาผสานกับแนวคิด Soft Power กลยุทธ์เมืองรองแบบคลัสเตอร์ และการเชื่อมโยงกับตลาด Long Haul ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องได้สำเร็จ เมื่อนั้นเชียงรายจะไม่ใช่แค่ “เมืองเหนือที่สวยงาม” แต่จะกลายเป็น “เมืองประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม” ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อ “เข้าใจ รู้สึก และจดจำ” มากกว่ามาเพียงเพื่อถ่ายรูปแล้วจากไป

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงวัฒนธรรม (นโยบาย “ไท ไทย” และแนวทางคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI”)
  • บันทึกข้อมูลการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ประจำปีงบประมาณ 2569 จังหวัดเชียงราย ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) – ข้อมูลตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ปี 2567–2569 และทิศทางการพัฒนาเมืองรองแบบคลัสเตอร์
  • ข้อมูลเชิงสถิติพฤติกรรมการท่องเที่ยวจากแพลตฟอร์มออนไลน์ (Expedia) เกี่ยวกับแนวโน้มที่พักนอกเมืองท่องเที่ยวหลัก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายชี้เป้า UNSEEN THAI THAI สู้ศึก Tourism War วธ.ดัน บ้านห้วยน้ำกืน สู่แบรนด์ ประสบการณ์ไทยคุณภาพ

เชียงรายชี้เป้า “UNSEEN THAI THAI” รับศึก Tourism War: วธ.เชียงรายลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืนยกระดับทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น สู่แบรนด์ประสบการณ์ไทยคุณภาพ

เชียงราย,19 พฤศจิกายน 2568 –  ท่ามกลางแรงกดดันของ “สงครามท่องเที่ยวเอเชีย” ซึ่งคู่แข่งเร่งสร้างแลนด์มาร์ก ผ่อนคลายวีซ่า หนุนการบินอย่างเป็นระบบ เชียงรายเลือก “อัตลักษณ์ชุมชน” เป็นหัวหอก วธ.เชียงรายลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืนเจาะลึกทุนทางวัฒนธรรม ภายใต้นโยบาย “ไท ไทย” ของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อแปรความเป็นไทยดั้งเดิมให้ร่วมสมัยและสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ สังคม จิตใจ พร้อมตั้งโจทย์การตลาดท่องเที่ยวไทยยุคใหม่ที่ต้อง “แตกต่าง มีคุณค่า วัดผลได้” ขณะเดียวกัน ภาพรวมระดับประเทศยังต้องเร่งอุดจุดอ่อนด้านภาพลักษณ์ ความปลอดภัย มาตรฐานประสบการณ์ และโครงสร้างข้อมูล ให้ทันเกมรุกของภูมิภาคตามดัชนี TTDI 2024 กับความเป็น “ฮับการบิน” ที่กำลังก้าวหน้าแต่ยังต้องต่อยอดอย่างเป็นระบบ (เช่น SAT-1 และรันเวย์ที่ 3 ของสุวรรณภูมิ) เพื่อดึงตลาดคุณภาพกลับมาอย่างยั่งยืน

ฉากตั้งต้น เมื่อ “เรื่องเล่า” ต้องชนะ “ส่วนลด”

ในตลาดท่องเที่ยวเอเชียปี 2567–2568 หลายประเทศเดินเกมเข้มข้น ทั้งสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ขนาดใหญ่ (เช่น Zootopia ที่ Shanghai Disney) และยกระดับแหล่งเดิมให้เป็น “ประสบการณ์” มากกว่าการเที่ยวเชิงเช็คอิน (สิงคโปร์พัฒนา Rainforest Wild Asia และโครงการรีแบรนด์ปลายทางอย่างต่อเนื่อง) ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้า “นโยบายด้านการเดินทาง” ที่กระตุ้นดีมานด์ เช่น ยกเว้นวีซ่า ขยายเวลาพำนัก e-Visa วีซ่ากลุ่มพิเศษ ตลอดจนการเพิ่มความถี่และความเชื่อมต่อของเครือข่ายการบิน ซึ่งทำให้การตัดสินใจเดินทางของผู้คน “เร็ว ง่าย คุ้ม” กว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

ไทยเองมีชุดมาตรการปรับตัว ทั้งการขยายยกเว้นวีซ่า 60 วันให้กับหลายประเทศ และเปิด “Destination Thailand Visa (DTV)” เพื่อดึงดูดดิจิทัลโนแมด/ครีเอทีฟ รวมถึงการแพทย์เชิงคุณภาพและพำนักระยะยาว (LTR/Thailand Privilege) เพื่อขยายฐานนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง แต่ในโลกที่ทุกประเทศต่าง “จัดเต็ม” เชิงยุทธศาสตร์ การชนะด้วย “ราคา ส่วนลด” เพียงอย่างเดียวเริ่มเพดานต่ำลง—เมืองปลายทางต้อง “ขายคุณค่า” ผ่านเรื่องเล่า วัฒนธรรม วิถีชีวิต และประสบการณ์ที่ลึกซึ้งจับต้องได้.

เหตุการณ์หลักในพื้นที่  วธ.เชียงราย “ลงมือ ลงพื้นที่” บ้านห้วยน้ำกืน

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) นำโดย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ บ้านห้วยน้ำกืน ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า เพื่อตรวจสำรวจ “ทุนทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น” ภายใต้แนวคิด “UNSEEN THAI THAI   อันซีน ไท ไทย เสน่ห์วัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย” โดยเน้นความร่วมมือกับผู้นำชุมชน ภาคประชาชน เพื่อคัดเลือก “เรื่องเล่าที่มีชีวิต” (Living Heritage) ที่สามารถสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ กิจกรรม ประสบการณ์เชิงท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนในมิติ เศรษฐกิจ–สังคม–จิตใจ สอดคล้องนโยบาย “ไท ไทย” ที่มุ่ง “ยกระดับไทยดั้งเดิมให้ร่วมสมัย” ของกระทรวงวัฒนธรรม. (ข้อมูลจากประกาศ/รายงานของหน่วยงานท้องถิ่น)

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีเป้าหมายเชิงปฏิบัติการ 3 ส่วน คือ

  1. การทำแผนที่ทุนวัฒนธรรม (Cultural Mapping)  ชี้จุดอัตลักษณ์ วิถี คติความเชื่อ ภูมิปัญญา ศิลปะพื้นถิ่น ที่ “เล่าได้ ขายได้ ยืนระยะได้”
  2. การออกแบบประสบการณ์ (Experience Design)  แปลง “องค์ความรู้ท้องถิ่น” เป็นกิจกรรมเวิร์กช็อป/พิธีกรรม/งานหัตถกรรม/อาหารพื้นถิ่น ที่เชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวรอบพื้นที่
  3. การสร้างความพร้อมชุมชน (Capacity Building)  ยกระดับมาตรฐานบริการ ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก พิธีการต้อนรับหลายภาษา และการสื่อสารดิจิทัล เพื่อรองรับตลาดคุณภาพ/พักยาว

 หากประเทศคู่แข่ง “เร่งสร้างที่เที่ยวใหม่” ไทยต้อง “เล่าและจัดการของเดิมให้เป็นใหม่” จนเกิดคุณค่าที่เหนือราคา—และเชียงรายกำลังพิสูจน์สมมติฐานนี้ผ่าน UNSEEN THAI THAI บนฐานชุมชนจริง

ไทม์ไลน์  จากนโยบาย “ไท ไทย” สู่ปฏิบัติการในหมู่บ้าน

  • ก่อนหน้า 2568  กระทรวงวัฒนธรรมวางวิสัยทัศน์ “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” และชูแนวคิด “ไท ไทย” เพื่อยกระดับความเป็นไทยดั้งเดิม (Traditional Thai) ให้สอดรับกับความร่วมสมัย (Contemporary Thai) ในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์/ซอฟต์พาวเวอร์
  • 2567–2568 (ระดับภูมิภาค)  ประเทศคู่แข่งในเอเชียเปิดแลนด์มาร์ก/ธีมแลนด์ ยกเครื่องวีซ่า หนุนเครือข่ายการบิน เร่งทำคอนเทนต์/อินฟลูเอนเซอร์อย่างเป็นระบบ ทำให้การแข่งขันดุเดือด (เช่น จีนเปิด Zootopia แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์รีสอร์ต; สิงคโปร์เดินหน้ากลุ่มโครงการ Mandai และแหล่งเรียนรู้ทางทะเลขนาดใหญ่)
  • 18 พ.ย. 2568 (ระดับพื้นที่)  วธ.เชียงรายลงพื้นที่ บ้านห้วยน้ำกืน ทำ Cultural Mapping จุดประกายเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน วางแผนกิจกรรมร่วมกับผู้นำหมู่บ้าน เพื่อคัดเลือก “แพ็กเกจประสบการณ์” ที่เปิดขายได้จริง (เช่น เวิร์กช็อปหัตถกรรม, พิธีกรรมท้องถิ่นที่เคารบวิถี, อาหารพื้นถิ่นเล่าเรื่อง)
  • หลังการลงพื้นที่ (ก้าวถัดไป)  บูรณาการกับ อปท./ททท./เอกชนทัวร์/OTA เพื่อจัดทำ “สินค้า เส้นทาง ปฏิทินกิจกรรม” แบบ ทดลองขาย (pilot) พร้อมสร้างตัวชี้วัด (KPI) ด้านรายได้ชุมชน การจ้างงาน การยืดระยะพำนัก คะแนนประสบการณ์ (CSAT/NPS) และอัตราการกลับมาเยือนซ้ำ

ภาพใหญ่ประเทศ  ทำไมไทย “ต้องเร่ง” วางยุทธศาสตร์ยาว

  1. ความสามารถในการแข่งขันเชิงระบบ
    ดัชนี Travel & Tourism Development Index 2024 โดย World Economic Forum จัดอันดับภาพรวม “ความพร้อมและสภาพแวดล้อม” ด้านท่องเที่ยวของประเทศ—ไทยยังอยู่หลังคู่แข่งหลายด้าน โดยเฉพาะ ความยั่งยืน ความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐานเชิงระบบ ซึ่งสะท้อนว่าต่อให้ทรัพยากรท่องเที่ยวโดดเด่น หากระบบบริหารจัดการยัง “ไม่เข้มแข็งพอ” ไทยจะเสียเปรียบในศึกยืดเยื้อ
  2. เครือข่ายการบินและศักยภาพฮับ
    รายงาน OAG Megahubs สะท้อนความเข้มแข็งของจุดเชื่อมต่อการบินระดับโลก โดย กัวลาลัมเปอร์ (KUL) และ อินชอน (ICN) ทำผลงานโดดเด่นขึ้นติดท็อป ขณะที่ สุวรรณภูมิ (BKK) ขยับอันดับดีขึ้นตามการเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรอง SAT-1 และ “รันเวย์ที่ 3” ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรับ กระจายผู้โดยสารระหว่างประเทศ แต่เพื่อให้กลายเป็น “แม่เหล็กจริง” ไทยต้องเชื่อมจิ๊กซอว์ การตลาด วีซ่า ตารางบิน การกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง อย่างมีแผนเดียวทั้งระบบ
  3. นโยบายวีซ่า ผลิตภัณฑ์วีซ่าพิเศษ
    ไทยประกาศผ่อนคลายกฎวีซ่าหลายระลอก และเปิด DTV เจาะกลุ่มดิจิทัลโนแมด/ครีเอทีฟ พร้อมวีซ่าระยะยาว/การแพทย์ เพื่อดึงกำลังซื้อคุณภาพ—ทิศทางนี้ “ถูกทาง” แต่ต้อง บูรณาการสื่อสาร จัดเส้นทาง ยกระดับประสบการณ์ ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายจริง มิฉะนั้นจะ “เปิดประตูติดป้ายต้อนรับ” แต่คนยังไม่เข้า เพราะเรื่องเล่ายังไม่ชัด สินค้ายังไม่พร้อม.

เชื่อมโยงเชียงรายกับสงครามท่องเที่ยว  How to Win

เชียงราย มีจุดแข็งชัดเจนด้าน ความปลอดภัย ธรรมชาติ วัฒนธรรม ความเป็นเมืองพำนัก (long-stay) และกำลังสร้าง “คาแรกเตอร์เมือง” ที่ตอบโจทย์เส้นทางภาคเหนือและสามเหลี่ยมทองคำ การที่ วธ.เชียงรายนำ UNSEEN THAI THAI ลงชุมชนจริง—คือการกำหนด ประสบการณ์หลัก” ที่ขายได้ยาว และไม่ชนตรงกับจุดขายส่วนลดของคู่แข่ง โดยโฟกัส 4 ยุทธศาสตร์ต่อไปนี้

  1. Differentiation by Culture
    ลงทุนกับ “เรื่องเล่าอัตลักษณ์” เช่น พิธี อาหาร งานช่าง ดนตรี ผ้าทอ ความเชื่อ—เลือกเฉพาะที่ “เล่าได้ ถ่ายทอดได้ เป็นธรรมชาติของชุมชน” แล้วออกแบบเป็นประสบการณ์ Must Try/Must See ที่ไม่ซ้ำเมืองไหน (เช่น “เช้า สัมผัสวิถี/สาย ลงมือทำ/บ่าย แลกเปลี่ยนภูมิปัญญา/เย็น ร่วมพิธีท้องถิ่น/ค่ำ ดูฟ้าและเรื่องเล่า/นอนโฮมสเตย์มาตรฐาน”)
  2. Quality First, Then Quantity
    ตั้ง KPI เป็น รายได้ต่อหัว ระยะพำนัก สัดส่วนกิจกรรมคุณค่า” แทนการไล่ตัวเลขคนเข้าเมือง ยกระดับมาตรฐานไมโครบีดดิ้ง (ภาษา/ความปลอดภัย/สุขอนามัย/ข้อมูลโภชนาการ/การเข้าถึงสำหรับผู้พิการ) เพื่อให้ตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป “รู้สึกคุ้มที่จะจ่ายเพิ่ม”
  3. Route Design & Distribution
    เชื่อมเชียงรายกับ แพ็กเกจข้ามจังหวัด และ เส้นทาง thematic (เช่น “ชา กาแฟ ผ้าพื้นเมือง”, “เวียง วัด วิถี”, “สุขภาพ สมาธิ สมุนไพร”) แล้วกระจายผ่าน OTA/เอเยนต์ สื่อสารผ่านอินฟลูเอนเซอร์เฉพาะกลุ่ม (คราฟต์/ถ่ายภาพ/กาแฟ/สายครอบครัว/ผู้สูงวัยกำลังซื้อสูง)
  4. Data-Driven & Continuous Improvement
    วัดผลแบบเรียลไทม์  รายได้ชุมชน, การจ้างงาน, CSAT/NPS, Net Benefit ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม, และปริมาณเนื้อหาที่ถูกบอกต่อ (UGC) เพื่อ “ปรับสูตร เพิ่มคุณค่า ลดรอยรั่ว” อย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่าง “แพ็กเกจประสบการณ์” ที่ทำได้จริง (Draft)

  • Craft & Spirit  เวิร์กช็อปงานช่าง/ผ้าทอ/เครื่องเงิน + เรื่องเล่าคติความเชื่อ + พิธีขอบคุณป่า/น้ำ ตามมารยาทชุมชน
  • Food & Faith  ทำอาหารพื้นถิ่น “กับข้าวเล่าประวัติ” + ลองปลูก เก็บ ปรุง + เส้นทางวัด เวียง ชุมชน
  • Quiet Wellness  สมาธิยามเช้า เดินป่าเบา ๆ อาบไอหมอก สมุนไพรพื้นบ้าน สปาไทยร่วมสมัย
  • Photo & Story  จุดชมวิว แสงเช้า/เย็น คลาสเล่าเรื่องถ่ายภาพ งานเล็ก ๆ ในชุมชน

ทุกโปรแกรมต้องมี มาตรฐานความปลอดภัย การแยกขยะ การใช้น้ำ การจัดการฝุ่น/ควัน และ แนวปฏิบัติสำหรับแขก (do & don’t) ที่เข้าใจง่ายหลายภาษา พร้อม ป้ายอักษรเบรลล์/สัญลักษณ์สากล และ เส้นทางสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ เพื่อรองรับ Friendly Design ให้เป็นปลายทางที่ “ทุกคนเข้าถึงได้”.

บทเรียนจากคู่แข่ง  โครงสร้างและการสื่อสารสำคัญพอ ๆ กับแหล่งท่องเที่ยว

  • สิงคโปร์ เดินหน้าสร้าง “คาแรกเตอร์เมือง” ผ่านแบรนด์ท่องเที่ยวระดับประเทศและการลงทุนในแลนด์มาร์ก/พิพิธภัณฑ์/สวนเชิงเรียนรู้ พร้อมทำงานแบบ รัฐ เอกชนร่วม ยกระดับประสบการณ์ทุกจุดสัมผัส (จากสนามบินสู่ย่านสร้างสรรค์)
  • จีน ใช้ “ธีมแลนด์ เมืองหิมะ เมืองโบราณรีโนเวต” เป็นแม่เหล็กเพื่อยืดฤดูกาลและเพิ่มกิจกรรมเชิงประสบการณ์ พร้อมผ่อนคลายวีซ่าบางส่วน—เป็นสัญญาณว่าประเทศที่เคยพึ่งทรัพยากรธรรมชาติ ก็กำลัง “สร้างของใหม่” แข่งเช่นกัน
  • ไทย เองกำลังก้าวหน้าในฝั่งโครงสร้างสนามบิน (SAT-1/รันเวย์ที่ 3) ซึ่งช่วยเรื่องการเชื่อมต่อ แต่อีกฟากคือ “การจัดการปลายทาง” ตั้งแต่ ความปลอดภัย การสื่อสารหลายภาษา มาตรฐานบริการ การจัดการสิ่งแวดล้อม ระบบข้อมูล ที่ยังต้องเร่ง “ทำให้แน่น” ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัด TTDI ที่ยังเป็นจุดอ่อน

มุมข้อมูล ตัวเลข “ชวนคิด” (สำหรับผู้กำหนดยุทธศาสตร์)

  • TTDI 2024 ชี้ไทยยังมีช่องว่างสำคัญด้าน Enabling Environment/ความยั่งยืน/โครงสร้างพื้นฐาน เมื่อเทียบคู่แข่ง—สะท้อนว่าการพึ่ง “ชื่อเสียงปลายทาง” อย่างเดียวไม่พอ ต้องยกระดับระบบและมาตรฐานพร้อมกัน
  • เครือข่ายการบิน  การขยับอันดับ Megahubs ของสุวรรณภูมิเป็นสัญญาณบวก—แต่ “การเชื่อมต่อเที่ยวบิน” ควรไปพร้อมกับ “สินค้าที่พร้อมขาย” ของเมืองรอง เช่น เชียงราย เพื่อแปลงผู้โดยสารต่อเครื่องเป็น “ผู้มาเยือนคุณภาพ”
  • วีซ่า/ผลิตภัณฑ์วีซ่า  มาตรการ 60 วัน และ DTV จะเกิดผลสูงสุดต่อเมื่อมี แพ็กเกจ ประสบการณ์ ระบบรับรองมาตรฐาน ให้กลุ่มดิจิทัลโนแมด/ระยะยาวตัดสินใจได้ทันที—ไม่ใช่เพียง “ขอมาแล้วค่อยหา”.

ข้อเสนอเชิงนโยบายและการจัดการ (สำหรับจังหวัดและหน่วยงานร่วม)

  1. DMO เชียงรายแบบเบา-คล่อง (Light-DMO)
    จัดตั้งคณะทำงานข้ามหน่วย (วธ.–ททท.–อปท.–เอกชน–ชุมชน–สถาบันการศึกษา) ทำหน้าที่ ออกแบบเส้นทาง บ่มเพาะผู้ประกอบการชุมชน ทำการตลาดร่วม วัดผล รายงานสาธารณะ รายไตรมาส
  2. มาตรฐานประสบการณ์ & Friendly Design
    กำหนดมาตรฐานบริการ (ภาษา/ความปลอดภัย/สุขอนามัย/อาหารแพ้อาหาร/แคชเลส/การเข้าถึงสำหรับผู้พิการ) พร้อมอบรมชุมชนและผู้ประกอบการ และทำ “ตรารับรอง” จังหวัด
  3. Data Lake ท่องเที่ยวเชียงราย
    รวมข้อมูลการจอง/เส้นทางยอดนิยม/การใช้จ่าย/รีวิว/CSAT/NPS/ปัญหาระหว่างเดินทาง สู่แดชบอร์ดสาธารณะจังหวัด เพื่อให้ทุกภาคส่วน วางแผน ปรับทัพ บูรณาการงบ ได้บนข้อเท็จจริงเดียวกัน
  4. Prototype → Scale
    เริ่มจาก บ้านห้วยน้ำกืน เป็นพื้นที่ต้นแบบ “UNSEEN THAI THAI” แล้วขยายสู่หมู่บ้านรอบข้าง แบบ “วงแหวน” (Ring Strategy) เพื่อให้ ทรัพยากร รายได้ คน กิจกรรม กระจายตัว ไม่กระจุกจุดเดียว
  5. การสื่อสารเชิงแบรนด์ร่วม
    จัดทำ “Brand Book เชียงราย UNSEEN THAI THAI” ระบุโทนภาษา ภาพ จริยธรรมการท่องเที่ยว do & don’t แนวถ่ายภาพที่เคารพชุมชน และ Content Calendar ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์เชิงคุณภาพ (ไม่เน้นไวรัลที่ผิดบริบทวัฒนธรรม)

ชนะด้วย “คุณค่าที่วัดผลได้”

การที่ วธ.เชียงราย ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน มิใช่เพียง “กิจกรรมเชิงพิธีการ” แต่เป็นการ พลิกโจทย์ ศึกท่องเที่ยวจากการแข่ง “จำนวน ส่วนลด” ไปสู่การแข่ง “คุณค่า ประสบการณ์ ความยั่งยืน” หากทำต่อเนื่องและวัดผลได้จริง เชียงรายจะกลายเป็น ต้นแบบเส้นทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่ช่วยให้ไทย ยืดระยะพำนัก เพิ่มรายได้ต่อหัว สร้างงานท้องถิ่น รักษาทรัพยากร และ “เล่าเรื่องไทย” ให้คนทั้งโลกเข้าใจในแบบที่สัมผัสได้

และในภาพใหญ่ระดับประเทศ ไทยจำเป็นต้อง เดินสองขา ไปพร้อมกัน

  • ขาโครงสร้าง นโยบาย  วีซ่า เครือข่ายบิน มาตรฐาน ข้อมูล ความปลอดภัย DMO
  • ขาประสบการณ์ แบรนด์  UNSEEN THAI THAI/Soft Power/เรื่องเล่า/เส้นทางใหม่/กิจกรรมเชิงเรียนรู้

เมื่อ “โครงสร้าง” หนุน “เรื่องเล่า” และ “เรื่องเล่า” กลับไปขับ “โครงสร้าง” อย่างต่อเนื่อง ประเทศจะไม่ต้องเผชิญ Tourism War ด้วย “ราคา” อีกต่อไป แต่จะชนะด้วย “ความหมายและคุณค่า” ที่ผู้มาเยือนยินดีจ่าย—และอยากกลับมาอีก

ภาคผนวก  ไทม์ไลน์ย่อ   ปฏิบัติการเชื่อมโยงพื้นที่ นโยบาย

  • ก่อน 2568: กระทรวงวัฒนธรรมวางกรอบ “ไท ไทย” ขับเคลื่อน Soft Power ไทย
  • ต้น–กลาง 2568: ประเทศคู่แข่งเร่งเปิดแลนด์มาร์ก/เพิ่มเครือข่ายบิน/เดินหน้าวีซ่า อีเวนต์ยักษ์
  • ต.ค.–พ.ย. 2568: เชียงรายเร่งสำรวจทุนวัฒนธรรม แปลงสู่แผนเส้นทาง กิจกรรมชุมชน
  • 18 พ.ย. 2568: วธ. เชียงรายลงพื้นที่ บ้านห้วยน้ำกืน ทำ Cultural Mapping ดีไซน์ประสบการณ์
  • ปลาย 2568–ต้น 2569: ทดลองแพ็กเกจ/ตั้งตัวชี้วัด/ฟังเสียงผู้มาเยือน ผู้ประกอบการ ชุมชน
  • ตลอด 2569: ขยายวงต้นแบบ ยกระดับมาตรฐาน ต่อยอดสู่ปฏิทินกิจกรรมเมืองรอง

ข้อมูลเหตุการณ์ภาคสนามใน จ.เชียงราย รวมถึงรายชื่อผู้ปฏิบัติงาน/วันเวลา/สถานที่ ลงพื้นที่ ฯลฯ อ้างอิงจากชุดข้อมูลที่ผู้ส่งข่าวจัดเตรียมให้โดยตรง (แหล่งข้อมูลผู้ใช้จัดเตรียม) ซึ่งผู้เขียนใช้เป็น “แกนหลัก” ในการเรียบเรียงไทม์ไลน์ และเชื่อมโยงกับแหล่งอ้างอิงสาธารณะระดับประเทศ/ภูมิภาคด้านนโยบายท่องเที่ยวและโครงสร้างเชิงระบบตามที่ระบุข้างต้น

บทความนี้ยึดหลัก ความเป็นกลาง ตรวจสอบได้ เคารพชุมชน เนื้อหาเชื่อมโยง “ข้อเท็จจริงพื้นที่” กับ “บริบทเชิงนโยบาย” เพื่อให้ผู้อ่านเชิงลึกสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงงาน/เชิงนโยบาย โดยหลีกเลี่ยงการคาดเดาตัวเลขนอกเหนือแหล่งอ้างอิงสาธารณะ และเสนอแนวปฏิบัติที่ จับต้องได้ วัดผลได้ ยืดหยุ่น ต่อสถานการณ์.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • World Economic Forum. Travel & Tourism Development Index 2024
  • OAG. Megahubs Index
  • Shanghai Disney Resort. Zootopia Land
  • Mandai Wildlife Group / National Geographic
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News