ข่าวดี 2 เด้ง! ไทยเวียตเจ็ทรีสตาร์ต “เชียงราย–ภูเก็ต” ม.ค. 69 รับกระแสดีมานด์เที่ยวเหนือต่อใต้ ททท.ชี้ ภูเก็ต–กระบี่ ติด Top 3 จุดหมายในฝัน ขณะที่ “เชียงราย” ติด Top 5 พร้อมต่อยอดโอกาสเชื่อมเศรษฐกิจท่องเที่ยวสองฟากฝั่ง
เชียงราย/ภูเก็ต, 17–18 พฤศจิกายน 2568 — การท่องเที่ยวไทยได้สัญญาณบวกชัดเจนรับโค้งสุดท้ายของปี เมื่อ สายการบินไทยเวียตเจ็ท แอร์ (Thai Vietjet Air) ประกาศกลับมาเปิดเส้นทางบินตรง เชียงราย–ภูเก็ต ตั้งแต่เดือน มกราคม 2569 เป็นต้นไป เส้นทางนี้ถือเป็น “สะพานอากาศ” ที่เชื่อมสองอัตลักษณ์การท่องเที่ยว เหนือธรรมชาติ–วัฒนธรรม กับ ใต้ทะเล–กิจกรรม เข้าไว้ด้วยกันในไฟลต์เดียว สอดรับผลสำรวจของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ยืนยันว่า ภูเก็ต และ กระบี่ ยังเป็นจุดหมายในฝันของคนไทย ขณะที่ เชียงราย ติดอันดับต้น ๆ ของจังหวัดที่อยากไปเช่นกัน
เชื่อมเหนือ–ใต้ สัปดาห์ละ 3 วัน ไฟลต์เช้าเชื่อม “ภูเก็ต→เชียงราย” ไฟลต์สายต่อ “เชียงราย→ภูเก็ต”
ตารางบินที่ประกาศเบื้องต้นของไทยเวียตเจ็ทระบุให้บริการสัปดาห์ละ 3 วัน (จันทร์–พุธ–ศุกร์) ด้วยเครื่องบิน Airbus A320 ตามรายละเอียดดังนี้
- VZ400 ภูเก็ต → เชียงราย ออกเวลา 08:15 น. ถึง 10:20 น.
- VZ401 เชียงราย → ภูเก็ต ออกเวลา 10:50 น. ถึง 13:05 น.
จังหวะเวลานี้ออกแบบให้ผู้โดยสารจากภูเก็ตสามารถเชื่อมต่อทริปเชียงรายแบบ เต็มวัน (ถึงก่อนเที่ยง) และฝั่งผู้โดยสารเชียงรายก็ออกเดินทางช่วงสายไปถึงภูเก็ต ต้นบ่าย ทันเช็กอิน–เดินชายหาด–ขึ้นเรือทริปบ่ายได้พอดี
สาระสำคัญเชิงนโยบายท่องเที่ยว การจัดตารางบินลักษณะนี้เป็น “ตัวคูณโอกาส” ของสองปลายทาง เพราะย่นย่อเวลาการเดินทางแบบมีต่อเครื่องในกรุงเทพฯ ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่ม “เวลาท่องเที่ยวจริง” (effective leisure hours) ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ชะตาความพึงพอใจของนักเดินทางรุ่นใหม่
เชียงรายได้อะไร 5 แกนผลบวกระดับพื้นที่
- ดีมานด์จับคู่ชัด (Demand Matching) ผลสำรวจ ททท. ชี้ เชียงใหม่–ภูเก็ต–กระบี่–กาญจนบุรี–เชียงราย ติด “จังหวัดที่คนไทยอยากไปมากที่สุด” นั่นหมายถึง เชียงราย อยู่ใน “สมการการตัดสินใจ” ของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว การเปิดเส้นทางตรงไปยัง ภูเก็ต จึงเป็นการ “จับคู่ดีมานด์เหนือต่อใต้” ที่มีฐานจริง ไม่ใช่สร้างดีมานด์ใหม่จากศูนย์
- แพ็กเกจ 2 ฤดูกาล 1 ทริป (Two-season Combo) เชียงรายเด่นช่วงปลายฝนต้นหนาว–หน้าหนาว ส่วนภูเก็ตคือไฮซีซันอันดามัน ตุลาคม–เมษายน เส้นทางตรงเปิดโอกาสทำแพ็กเกจ “หนาวเหนือ–ร้อนใต้” 5–7 วัน ครอบคลุม ดอยแม่สลอง/เชียงของ/วัดร่องขุ่น ต่อ อ่าวฉลอง–เกาะพีพี–สิมิลัน สร้างมูลค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงขึ้น (length of stay + spending per pax)
- เอสเอ็มอีบริการ/ครีเอทีฟโฮสพิทาลิตี้โต ที่พักแนวดีไซน์/คาเฟ่/ชุมชนท่องเที่ยวในเชียงรายสามารถผูกดีลกับบัดดี้ฝั่งภูเก็ต–กระบี่ แลกฐานลูกค้าและทำ Cross-sell เช่น โค้ดส่วนลด/คูปองข้ามปลายทาง เพิ่มโอกาส “กลับมาเที่ยวซ้ำ” (repeaters)
- ยกระดับบทบาทสนามบินเชียงราย (CEI) เป็น “Gateway เหนือบน” เส้นทางตรงสู่อันดามันช่วยเสริมภาพลักษณ์สนามบินเชียงรายจาก ปลายทาง สู่ ประตูเชื่อมต่อ ในภูมิภาคตอนบน เพิ่มความน่าสนใจต่อสายการบินในการพิจารณาเส้นทาง ข้ามภูมิภาค อื่นในอนาคต (เช่น CEI–HKT–HDY แบบหมุนเวียน หรือ CEI–อู่ตะเภาเพื่อเชื่อม EEC)
- จังหวะสื่อสารแบรนด์จังหวัด เชียงรายมีแคมเปญ “เที่ยวได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” การมีไฟลต์ตรงสู่อันดามันเปิดพื้นที่สื่อสารเชิงธีม “เหนือ–ใต้ในมือเดียว” สร้างคอนเทนต์การเดินทาง 2 ภูมิภาคใน 1 วิดีโอ/บทความ ช่วยให้ สำนักข่าวท้องถิ่น–เพจท่องเที่ยว–ผู้สร้างคอนเทนต์ ปั้นไวรัลได้ง่ายขึ้น
ดีมานด์ฝั่งใต้แรงต่อเนื่อง ภูเก็ต–กระบี่ ติด Top 3 จุดหมายในฝัน
ในงาน Networking Function ที่จังหวัดพังงา เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2568 ททท. ภูมิภาคภาคใต้เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางของคนไทยปี 2568 ระบุว่า
- จังหวัดที่คนไทยอยากไปมากที่สุด (Top 5) อันดับ 1 เชียงใหม่, อันดับ 2 ภูเก็ต, อันดับ 3 กระบี่, อันดับ 4 กาญจนบุรี, อันดับ 5 เชียงราย
- จังหวัดที่อยากกลับไปเที่ยวซ้ำ (Top 3) กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, กระบี่
โดยเฉพาะ กระบี่ พบสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Gen Z สูงถึง 44.5% สอดคล้องกับเทรนด์ “ประสบการณ์ใหม่ในสถานที่ที่ยังไม่เคยไป” ซึ่งตรงกับจริตคอนเทนต์รีวิว–คลิปสั้น/แนวแอดเวนเจอร์ ทั้งหมวกดับเบิล ทะเล/เกาะ/ดำน้ำ และอาหารท้องถิ่น
ผลต่อเชียงราย เมื่อปลายทางใต้ติดเทรนด์สูงและปลายทางเหนือ (เชียงราย) อยู่ Top 5 ในฝั่ง “อยากไป” การมีไฟลต์ตรง CEI–HKT จะทำให้ “สองดีมานด์” วิ่งหากันง่ายขึ้น คนเหนือบินไปลัดทะเล คนใต้บินขึ้นดอย เกิดการแลกเปลี่ยนกระแสนักท่องเที่ยวสองทิศ แทนที่จะไหลทางเดียวเข้าสู่กรุงเทพฯ
บริบทอุตสาหกรรมการบิน ชัตดาวน์สหรัฐฯ 40 วันสะเทือน “ไทม์ไลน์รับมอบเครื่อง” แต่แผนไทยเวียตเจ็ทยังไปต่อ
แม้มีข่าวดีเรื่องเส้นทางข้ามภูมิภาค แต่ ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อกว่า 40 วัน ได้เขย่าอุตสาหกรรมการบินโลก รวมถึงไทยเวียตเจ็ท จากการ เลื่อนกระบวนการส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ (ยกตัวอย่าง 737-8/737 MAX) ทำให้ต้องปรับแผนขยายฝูงบินและเลื่อนการเปิดเส้นทางบางเส้นไป มีนาคม 2569 จากเดิมที่ตั้งใจไว้ช่วงกลางมกราคม ส่งผลกระทบเชิงปฏิบัติการต่อการจัดตารางบินระหว่างประเทศ (เช่น เส้นญี่ปุ่น–เกาหลีใต้) และการบริหารสำรองเครื่อง แต่ในภาพรวม เส้นทางภายในประเทศ–ข้ามภูมิภาคไทย ยังเดินหน้า โดยเฉพาะเส้นที่มีฐานดีมานด์ชัดอย่าง CEI–HKT
ในฝั่งสหรัฐฯ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ต้องพักงานเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งและปรับลดการให้บริการ ทำให้การอนุมัติ/ตรวจรับบางขั้นตอนชะลอ ส่งผลสืบเนื่องต่อผู้ผลิต–สายการบิน–สนามบินทั่วเครือข่ายโลก แม้ล่าสุดมีงบชั่วคราวให้รัฐกลับมาเปิดทำการถึง 30 มกราคม 2569 แต่รอยต่อทางซัพพลายเชนยังต้องใช้เวลา “ไล่ทัน” ตารางเดิม
ความหมายต่อเชียงราย เส้นทาง CEI–HKT ที่กลับมาในมกราคม 2569 สะท้อน “การจัดลำดับความสำคัญฝั่งดีมานด์ภายในประเทศ” ของสายการบิน นั่นคือ หากต้องเลือกใช้เครื่องอย่างจำกัด เส้นที่เกื้อดีมานด์สองภูมิภาคหลัก (เหนือ–อันดามัน) จะถูก “ล็อกคิว” ไว้ก่อน
ไทยเวียตเจ็ทกับทิศทางการบินสีเขียว จากเที่ยวบินทดลองสู่ Green Route เชิงพาณิชย์
อีกสัญญาณที่น่าสนใจคือความร่วมมือระหว่าง เวียตเจ็ทไทยแลนด์ กับ OR ในการใช้น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel SAF) ซึ่งต่อยอดจากเที่ยวบินทดลอง กรุงเทพฯ–ดานัง (11 ก.ค. 2567) สู่การใช้งานเชิงพาณิชย์จริง เช่น เส้น กรุงเทพฯ–ฟูโกว๊ก (สัดส่วนผสม SAF 1%) และมีแผนขยาย Green Route ในไตรมาส 1/2569 เช่น กรุงเทพฯ–คัมรานห์ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน SAF ≥ 5% ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ตามกรอบ CORSIA
ผลต่อแบรนด์ปลายทาง แม้เส้นทาง CEI–HKT ยังไม่ประกาศเป็น Green Route โดยตรง แต่กระแส Fly Green จะส่งอานิสงส์เชิงการตลาดแก่ปลายทางที่มี “เรื่องเล่า” ด้านธรรมชาติ–ชุมชน–คาร์บอนต่ำอย่าง เชียงราย (เส้นทางดอย/ชุมชนกาแฟ/ชา–งานหัตถกรรม) ให้สื่อสารเรื่อง “เที่ยวอย่างรับผิดชอบ–ลดคาร์บอน” ได้เด่นขึ้นในแพ็กเกจ สองภูมิภาค หนึ่งความยั่งยืน
สมการ “โอกาส–ความพร้อม” เชียงรายต้องทำอะไรใน 90 วันแรกก่อน/หลังเปิดบิน
เพื่อให้เม็ดเงินท่องเที่ยวไหลสู่ชุมชนจริง เชียงรายควรจัดการ 5 แพ็กงานเร่งด่วนดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสองภูมิภาค (Co-create Product)
- รวบรวมเส้นทาง 3–5–7 วัน “เหนือ–ใต้” ที่คุ้มเวลาไฟลต์ (เช่น 2 คืนเชียงราย + 3 คืนภูเก็ต/กระบี่)
- จับคู่ผู้ประกอบการ โฮมสเตย์/รีสอร์ต/เรือทัวร์/ดำน้ำ สร้างแพ็กเกจรวมตั๋วเครื่อง–ที่พัก–เรือ/รถรับส่ง–ไกด์ท้องถิ่น
- สื่อสาร Storyline ชัด เช้าเหนือชิมชา–เที่ยงใต้ชิมซีฟู้ด/พระอาทิตย์ขึ้นบนดอย–ตกทะเลอันดามัน
- เชื่อมต่อภาคพื้น (First/Last-mile Integration)
- จัด รถรับ–ส่งสนามบินเชียงราย (CEI) แบบตารางเวลาแน่นอน ครอบคลุมโซน อำเภอเมือง–แม่จัน–แม่สาย–เชียงของ
- ประสาน รถตู้/แท็กซี่มิเตอร์/รถเช่า ให้มี “เรตราคาแนะนำ” และ QR จ่าย ที่โปร่งใส
- ฝั่งภูเก็ต เชื่อม ท่าเรือฉลอง/อ่าวปอ ให้ทันรอบเรือบ่าย (หลีกความแออัด)
- การสื่อสารตลาด (Market Communication)
- ทำ เพลย์ลิสต์คอนเทนต์ “จากลมหายใจหมอกเหนือ สู่อ้อมกอดคลื่นใต้” 60–90 วินาที สำหรับ TikTok/Reels
- ยิง คีย์เวิร์ดสองภูมิภาค ในบทความยาว “เที่ยวเหนือ–ใต้ไฟลต์เดียว”, “ทริปเชียงราย–ภูเก็ต 5 วัน”
- ใช้ KOL/Creator คู่หูเหนือ–ใต้ ถ่ายทำ หนึ่งทริป สองสภาพอากาศ เพื่อสร้างความต่างเชิงประสบการณ์
- ยกระดับประสบการณ์สนามบิน (Airport Readiness)
- เพิ่ม เคาน์เตอร์ข้อมูลหลายภาษา (ไทย–อังกฤษ–จีน) พร้อมแผนที่ดิจิทัล/QR เส้นทางเที่ยว
- สนับสนุน บริการพิเศษผู้สูงวัย/ครอบครัว (รถเข็น–ช่องบริการ–ป้ายชัด) รับการเดินทางข้ามภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น
- ประสาน เจ้าหน้าที่–อาสาสมัครท่องเที่ยว ช่วง 2 สัปดาห์แรกของการเปิดเส้นทาง เพื่อเคลียร์ จุดคอขวด หน้าประตูขาเข้า/รับกระเป๋า
- วัดผล–ปรับแผนแบบ 30–60–90 วัน (PDCA)
- เก็บข้อมูล อัตราบรรทุก (Load factor) ต่อไฟลต์, ค่าใช้จ่าย/หัว/ทริป, คืนเฉลี่ย
- ประชุม War room ท่องเที่ยวเชียงราย ทุก 30 วัน ร่วมกับสายการบิน–สนามบิน–ผู้ประกอบการ–ททท. เพื่อปรับผลิตภัณฑ์/สื่อสาร/เวลาเชื่อมต่อ
- จัดทำ แดชบอร์ดสาธารณะ เพื่อสร้างแรงเชียร์การบินต่อเนื่อง (ถ้าโหลดดี = โอกาสเพิ่มความถี่/ขยายวันบิน)
มุมมองผู้ประกอบการ “ข้ามภูมิภาค” คือทางออกต่อฤดูกาลที่เหลื่อมกัน
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชียงรายมองว่า การมีเส้นทางตรงสู่อันดามันช่วย “กระจายความเสี่ยงฤดูกาล” เพราะเมื่อฝั่งเหนือเข้าสู่ช่วงโลว์ (หลังเดือนกุมภาพันธ์) ฝั่งอันดามันยังอยู่ในช่วงดีของทะเล ผู้ประกอบการสามารถรักษายอดขายและแรงงานได้ต่อเนื่องจากการขายแพ็กเกจร่วม ส่วนฝั่งภูเก็ต–กระบี่ก็ได้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม–นิเวศบนดอยมาช่วย “แต่งทริป” ให้แปลกใหม่
จากเครื่องบินสู่เศรษฐกิจฐานราก เชื่อม “สายบิน–สายลม–สายหมอก–สายคลื่น”
เส้นทาง CEI–HKT ไม่ได้มีความหมายเพียงการเพิ่มเที่ยวบิน แต่คือ โครงสร้างพื้นฐานเชิงเวลา ที่ทำให้ผู้คน แลกเปลี่ยนประสบการณ์–รายได้–วัฒนธรรม ได้เร็วขึ้น หากเชียงรายทำ “การบ้าน 90 วันแรก” ให้แน่น ตั้งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ การสื่อสารร่วม ไปจนถึงบริการภาคพื้น กระสุนนี้จะวิ่งเข้ากลางเป้าหมาย “เที่ยวได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ของจังหวัดได้จริง
ประโยคชวนคิด ไฟลต์ที่ดีคือไฟลต์ที่พาผู้คนไปถึง “ประสบการณ์ที่ตั้งใจ” ตรงเวลา และพา “รายได้” ไปถึงชุมชนตรงจุด
สรุปประเด็นสำคัญ (Key Takeaways)
- ไทยเวียตเจ็ท กลับมาเปิด เชียงราย–ภูเก็ต ม.ค. 2569 สัปดาห์ละ 3 วัน (จ.–พ.–ศ.) ด้วย A320
- ททท. ยืนยันดีมานด์ ภูเก็ต–กระบี่ติด Top 3 จังหวัดในฝันของคนไทย ขณะที่ เชียงรายติด Top 5
- แม้มีแรงสั่นสะเทือนจาก ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ 40 วัน ต่อไทม์ไลน์รับมอบเครื่องบินใหม่ แต่เส้นทางภายใน–ข้ามภูมิภาคที่ดีมานด์ชัดยังเดินหน้า
- เวียตเจ็ทไทยแลนด์×OR เดินหน้า SAF/Fly Green มุ่ง Net Zero (SAF ≥ 5% ภายในปี 2573) เปิดโอกาสการตลาด “เที่ยวอย่างรับผิดชอบ” ให้เชียงราย
- เชียงรายควรเร่ง 5 เพลา ผลิตภัณฑ์สองภูมิภาค–เชื่อมต่อภาคพื้น–สื่อสารตลาด–ยกระดับสนามบิน–วัดผล/ปรับแผน 30–60–90 วัน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สายการบินไทยเวียตเจ็ท แอร์ (Thai Vietjet Air)
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)








