Categories
NEWS UPDATE

‘อนุทิน’ สั่งรับพายุ เตือนผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด

รัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568 ทั่วประเทศ กำชับช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน

กระทรวงมหาดไทยสั่งการทุกจังหวัดเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

ประเทศไทย, 15 มีนาคม 2568 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยกำหนดมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

สถิติความเสียหายจากพายุฤดูร้อนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) พบว่า ในช่วงปี 2565 – 2567 มีผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูร้อนรวม 44 ราย บ้านเรือนเสียหาย 217,639 หลัง และมีประชาชนได้รับผลกระทบมากถึง 210,186 ครัวเรือน

“พายุฤดูร้อนเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำทุกปี ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ แต่รัฐบาลสามารถ เตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสียหายและดูแลประชาชนให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว” นางสาวไตรศุลีกล่าว

มาตรการเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568

  1. การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน
  • ติดตาม พยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนผ่านทุกช่องทางที่มีประสิทธิภาพ
  • กำชับให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน ประสานงานและเผยแพร่แนวทางปฏิบัติตัวให้ปลอดภัย เช่น การป้องกันฟ้าผ่าและวิธีขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ
  1. การตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่เสี่ยงภัย
  • ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของ อาคาร สิ่งก่อสร้าง ป้ายโฆษณา และต้นไม้ขนาดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพังถล่ม
  • จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมือให้พร้อมปฏิบัติงาน เช่น เครื่องจักรกลสาธารณภัย ไฟฉาย เรือท้องแบน และอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน
  1. มาตรการช่วยเหลือหลังพายุสงบ
  • สำรวจความเสียหาย ของบ้านเรือนประชาชน และดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว
  • เร่งคืนสภาพโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ระบบไฟฟ้า ถนน และสะพาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

แนวทางปฏิบัติกรณีเกิดพายุฤดูร้อน

เมื่อเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นในพื้นที่ใด ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนี้:

  1. หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้หน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือทันที พร้อมเร่งเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล
  2. กรณีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ให้กำหนดพื้นที่รับผิดชอบแต่ละหน่วยงาน และส่งทีมปฏิบัติการเข้าไปซ่อมแซมโดยเร็ว
  3. หากโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย ให้ประสาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไข
  4. กรณีผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ให้หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ร่วมมือกันสำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

ความคิดเห็นจากนักวิชาการและประชาชน

ศาสตราจารย์ ดร.วรพจน์ อินทรฉัตร นักวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า “การแจ้งเตือนล่วงหน้าและการเตรียมพร้อมในระดับชุมชนเป็นปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ซึ่งภาครัฐควรเน้นการ ใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลจากดาวเทียม เพื่อพยากรณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำขึ้น”

ขณะที่ นายสุพจน์ วัฒนาชัย เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เกษตรกรได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง หลายพื้นที่ยังขาดการช่วยเหลือที่รวดเร็ว แม้มีมาตรการจากรัฐ แต่ก็ต้องเร่งปรับปรุงขั้นตอนการเยียวยาให้เข้าถึงประชาชนโดยตรงมากขึ้น”

สถิติที่เกี่ยวข้องกับพายุฤดูร้อนในประเทศไทย

  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูร้อน (2565 – 2567): 44 ราย
  • จำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย: 217,639 หลัง
  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ: 210,186 ครัวเรือน
  • ช่วงเวลาที่พายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อย: มีนาคม – พฤษภาคม
  • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในรอบ 3 ปี: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

สรุป:

  • รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และช่วยเหลือประชาชนในช่วงพายุฤดูร้อน 2568
  • มาตรการหลัก ได้แก่ การแจ้งเตือนล่วงหน้า, ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง, จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว
  • นักวิชาการแนะนำให้พัฒนาเทคโนโลยีการพยากรณ์ ขณะที่ประชาชนเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งปรับปรุงกระบวนการเยียวยาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย / กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ / กรมอุตุนิยมวิทยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ต่างชาติเที่ยวไทยใกล้แตะ 10 ล้านคน รัฐหนุนทุกหน่วยงานรับตลาดโต

ต่างชาติเที่ยวไทยใกล้แตะ 10 ล้านคน รัฐหนุนทุกหน่วยงานรับตลาดโต

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 15 พ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทุกช่องทางรวมแล้ว 9.47 ล้านคน  สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแล้ว 3.91 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังคงมาจากประเทศในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน

รัฐบาลได้สนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคท่องเที่ยว รักษาแรงส่งการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีน ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าปี 66 น่าจะเดินทางมาไทยได้ 5.3 ล้านคน หรือหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ก็อาจจะถึง 7 ล้านคน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)  ระบุว่า 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-เม.ย.66) มีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาไทยแล้ว 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากที่จีนมีนโยบายให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประทศได้ตั้งแต่ 6 ก.พ. 66 เป็นต้นมา

ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ บวท. คาดว่าเที่ยวบินจากประเทศจีนจะยังเพิ่มขึ้นอีก โดยคาดว่าเดือนพ.ค. จะมีเที่ยวบินจีน 5,330 เที่ยวบิน, มิ.ย. 6,090 เที่ยวบิน, ก.ค. 7,150 เที่ยวบิน, ส.ค. 7,460 เที่ยวบิน และก.ย.  7,340 เที่ยวบิน ส่งผลให้ตลอดปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-ก.ย. 66) มีเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทย 46,175 เที่ยวบิน 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้ปริมาณเที่ยวจีนที่คาดการณ์ไว้นี้ยังคงน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด19 อยู่ร้อยละ 66 แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องก็ได้เตรียมการเพื่อรองรับ เพื่อให้ไม่เกิดความติดขัดต่อเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งส่วนของการพิจารณาจัดสรรตารางการบินให้สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน การบริหารจัดการความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ มีความร่วมมือกับหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของจีน เป็นต้น

ทางด้านกระทรวงคมนาคมก็ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้ให้บริการภาคพื้นชั่วคราว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริการภาคพื้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิให้ประกอบการให้บริการภาคพื้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงาน จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการภาคพื้นอยู่ 2 ราย เพื่อลดปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้าต่อไป  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE