Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

กลิ่นกาแฟชาหอมฟุ้ง! เชียงรายจัดใหญ่ Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025

 “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2025” เปิดฉากยิ่งใหญ่! เชียงรายนำทัพ 4 จังหวัดล้านนาตะวันออก ชูศักยภาพชา-กาแฟ สู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน

เชียงราย, 25 กรกฎาคม 2568 – ลานกาสะลองแน่นขนัด “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” ชูเสน่ห์กาแฟ-ชาล้านนา สร้างโอกาสใหม่สู่ตลาดโลก กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดและชาชั้นดีล่องลอยคลอเสียงเพลงสดจากศิลปินชื่อดัง ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย สะท้อนความคึกคักและสีสันของ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2025” (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025) ที่เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ ท่ามกลางผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติที่เข้าร่วมแน่นขนัด

งานนี้ถือเป็นความร่วมมือบูรณาการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน เพื่อนำศักยภาพกาแฟและชาคุณภาพระดับโลกของภูมิภาคล้านนาตะวันออก ก้าวสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงเรื่องราววัฒนธรรม-วิถีชีวิตกับประสบการณ์ท่องเที่ยว

ล้านนาตะวันออก แหล่งปลูกชา-กาแฟระดับโลก

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้จัดงาน เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพด้านการผลิตชาและกาแฟสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ เชียงรายเป็นแหล่งปลูกกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดี มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 30% ของประเทศ และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 721 ล้านบาทต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมชาก็เติบโตโดดเด่น โดยชาและกาแฟเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพืชเศรษฐกิจสำคัญ แต่ยังมีบทบาทในการอนุรักษ์ป่าไม้ รักษาดุลยภาพระบบนิเวศและสร้างเสถียรภาพให้เกษตรกรในพื้นที่

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภาคเหนือตอนบน 2 มีภูมิประเทศและสภาพอากาศที่เหมาะสม ชาและกาแฟของแต่ละพื้นที่จึงมีรสชาติ กลิ่น และเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อยอดเป็นอัตลักษณ์การท่องเที่ยวได้ดี” งานนี้จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ขยายตลาดใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลก ภายใต้นโยบายชาติว่าด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์และยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พ.ศ.2561-2580

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ สานวัฒนธรรม-การท่องเที่ยว

งาน “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงสินค้ากาแฟและชา แต่ยังสร้างการรับรู้ใหม่ให้กับแบรนด์กาแฟท้องถิ่น-ระดับโลกในภูมิภาคล้านนา เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยกิจกรรมหลากหลาย เช่น การสาธิตชงชา-กาแฟโดยบาริสต้าระดับประเทศ เวิร์กช็อปปลูกและดูแลต้นกาแฟ/ชา การประกวดชงกาแฟ การจับคู่เมล็ดกาแฟกับขนมพื้นเมือง ไปจนถึงเวทีสัมมนาเรื่อง “โอกาสชา-กาแฟไทยสู่ตลาดโลก” โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ ยังช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME อย่างเป็นรูปธรรม โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อกาแฟ ชา ผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลาย พร้อมรับคำแนะนำจากผู้ปลูกโดยตรง สัมผัสเสน่ห์ความเป็นล้านนาแท้จริงผ่าน “กาแฟถ้วยโปรด ชาจอกสุขภาพ”

อนาคตเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของล้านนา

“Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” เป็นโมเดลสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว และบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ธุรกิจ SME สู่ตลาดสากล กิจกรรมตลอด 4 วัน เปิดให้ชมฟรี พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่แห่งวัฒนธรรมเครื่องดื่มและสุขภาพแก่ผู้ร่วมงาน ทั้งยังเป็นเวทีสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคม ภาครัฐ เอกชน และกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่

เทศกาลนี้ สะท้อนความพร้อม “เชียงราย-ล้านนาตะวันออก” สู่ศูนย์กลางกาแฟ-ชาเอเชีย

ความสำเร็จของ “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและความพร้อมของเชียงรายและกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก ไม่เพียงแต่ในฐานะ “แหล่งปลูกกาแฟ-ชา” ที่ใหญ่ที่สุดของไทย แต่ยังพร้อมก้าวเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สุขภาพ และวัฒนธรรม” ระดับภูมิภาค สร้างรายได้ เสริมความยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เกษตรกร-ผู้ประกอบการท้องถิ่น

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

  • ส่งเสริมการสร้างแบรนด์ “กาแฟ-ชาล้านนา” และสนับสนุนการตลาดออนไลน์เชิงรุก
  • สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนให้เข้าถึงองค์ความรู้-เทคโนโลยี และตลาดต่างประเทศ
  • พัฒนาเทศกาลนี้ให้เป็นอีเวนต์ประจำปีระดับนานาชาติ ดึงดูดนักท่องเที่ยว-นักลงทุน
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผสานวัฒนธรรม-อาหาร-ภูมิปัญญาล้านนา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • ข้อมูลการปลูกกาแฟ-ชาของกระทรวงเกษตรฯ
  • งานสัมมนา Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย นำทัพ! สู่ตลาดมาตรฐานระดับชาติ หนุนเที่ยว สร้างงาน

เชียงรายยกระดับตลาดท้องถิ่น 4 แห่ง เข้ารอบประเมิน “ตลาดดีมีมาตรฐาน” ปี 2568 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 24 มิถุนายน 2568 – เทศบาลนครเชียงรายเดินหน้าส่งเสริมและยกระดับตลาดสดในพื้นที่ หลังได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงมหาดไทย ให้เข้าร่วมประเมิน “ตลาดดีมีมาตรฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้นโยบายการพัฒนาตลาดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสู่ความเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพให้ประชาชน เพิ่มมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัย และรักษาสิ่งแวดล้อม

ก้าวสำคัญ ตลาดดีมีมาตรฐาน สร้างงาน สร้างอาชีพ

โครงการ “ตลาดดีมีมาตรฐาน” เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งยกระดับตลาดท้องถิ่นทั่วประเทศให้เป็นตลาดที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และอาหารพื้นถิ่นที่หลากหลาย ตอบโจทย์วิถีชีวิตของประชาชน และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล โดยเน้นการพัฒนาตลาดให้เป็นพื้นที่สร้างรายได้ สนับสนุนอาชีพและส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน

เชียงรายผ่านเข้ารอบสุดท้าย 4 ตลาดเด่น

ในปีงบประมาณ 2568 จังหวัดเชียงรายมีตลาดที่ผ่านเข้าสู่รอบประเมินสุดท้ายจำนวน 4 แห่ง ได้แก่

  1. ตลาดสดเทศบาล 2 ศิริกรณ์
  2. ตลาดสดเทศบาลตำบลบ้านดู่
  3. ตลาดประชารัฐตำบลบ้านเหล่า อำเภอเวียงเชียงรุ้ง
  4. ตลาดสดเวียงชัย อำเภอเวียงชัย

การประเมินตลาดดีมีมาตรฐาน ดำเนินการโดยคณะกรรมการระดับจังหวัด นำโดยนายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด หอการค้าจังหวัดเชียงราย สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด อบจ.เชียงราย และท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย

ยกระดับมาตรฐานตลาด สุขาภิบาล สะอาด ปลอดภัย พร้อมส่งเสริมท่องเที่ยว

เทศบาลนครเชียงราย โดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้นางบังอร มะลิดิน รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พ.จ.อ. อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย นางนงคราญ กันกา ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาตลาดท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านสุขอนามัย ความสะอาด ความปลอดภัย รวมถึงการคัดสรรและจัดระเบียบพื้นที่การขายสินค้าให้มีมาตรฐาน พร้อมส่งเสริมการจัดกิจกรรมตลาดนัดเชิงสร้างสรรค์ เพิ่มความมีชีวิตชีวาและตอบโจทย์การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย

ความสำเร็จของการขับเคลื่อนตลาดดีมีมาตรฐานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม ผ่านการเชื่อมโยงตลาดท้องถิ่นกับภาคการท่องเที่ยว สร้างความมั่นคงให้กับอาชีพค้าขายและการผลิตสินค้าเกษตรในท้องถิ่น

วิเคราะห์ผลลัพธ์และโอกาส

การเข้าสู่รอบประเมินสุดท้ายของ 4 ตลาดในจังหวัดเชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารจัดการตลาดของท้องถิ่นที่สามารถรักษามาตรฐานด้านความสะอาด สุขาภิบาล และการบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการต่อยอดศักยภาพด้านเศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยววิถีชุมชน นำไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

การยกระดับตลาดในครั้งนี้ จะช่วยสร้าง “จุดขาย” ให้กับชุมชน เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ใหม่ กระจายโอกาสและสร้างความภาคภูมิใจแก่ประชาชนในพื้นที่ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงมหาดไทย
  • คณะกรรมการประเมินตลาดดีมีมาตรฐาน จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชาวเมียนมาริมชายแดนแม่สาย เก็บเศษเหล็กสร้างรายได้ ยามทหารช่างทำงาน

ทหารช่างเร่งสร้างพนังกั้นน้ำลำน้ำสาย รับมืออุทกภัยซ้ำซาก แม่สายหวังเห็นผลก่อนฤดูฝนมาเยือน

เชียงราย,10 มิถุนายน 2568 – ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณลำน้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ขณะนี้เข้าสู่ช่วงสำคัญของโครงการก่อสร้าง “แนวป้องกันน้ำท่วมถาวร” โดย หน่วยทหารช่างจากจังหวัดราชบุรี ได้ระดมเครื่องจักรและกำลังพลลงพื้นที่ก่อสร้างกำแพงกันน้ำแบบเสาเหล็กเสียบแผ่นคอนกรีต และกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้ทันฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดเสี่ยงอุทกภัยซ้ำซาก โดยเฉพาะตลาดสายลมจอย แหล่งค้าขายหลักของแม่สาย ที่เคยได้รับความเสียหายรุนแรงจากน้ำหลากในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ และโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน ทำให้ภารกิจครั้งนี้เป็นมากกว่างานช่างทั่วไป แต่คือความหวังในการรักษาความมั่นคงของชีวิตชาวบ้าน

ชาวบ้านเฝ้าติดตามใกล้ชิด วางใจใน “แนวเหล็ก-คอนกรีต” ว่าเอาอยู่

ตลอดแนวลำน้ำสาย บรรยากาศการทำงานของทหารช่างเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาดูความคืบหน้าของโครงการด้วยความหวังและกำลังใจ โดยเฉพาะในช่วงวางเสาเข็ม วางคาน และติดตั้งแผ่นคอนกรีต ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการเสริมความมั่นคงของโครงสร้าง

“ทุกปีเราต้องยกของหนีน้ำ จนเหนื่อยใจ ปีนี้ขอให้กำแพงนี้เสร็จก่อนฝนมาเถอะ” เสียงจากแม่ค้าในตลาดสายลมจอยที่สะท้อนความรู้สึกของชุมชนได้อย่างชัดเจน

โครงสร้างแนวกั้นน้ำในครั้งนี้ เป็นแบบผสมผสานระหว่าง เสาเหล็กเสียบแผ่นคอนกรีต กับ กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก มีจุดเด่นคือรับแรงดันน้ำได้สูง และลดแรงกระแทกของตะกอนและวัสดุที่ไหลตามกระแสน้ำ นอกจากนี้ยังมีการวางแผนเชื่อมต่อโครงสร้างกับถนนและพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าพื้นที่ด้านหลัง

แรงงานเมียนมาร่วมเก็บเศษเหล็กหารายได้ ท่ามกลางเครื่องจักรที่ทำงานต่อเนื่อง

อีกด้านของโครงการก่อสร้าง คือภาพของแรงงานชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ฝั่งไทย ซึ่งเข้ามามีบทบาทแบบไม่เป็นทางการในพื้นที่ก่อสร้าง โดยอาศัยช่วงเวลาที่รถแม็คโครของทหารขุดเปิดหน้าดินบริเวณริมตลิ่ง ร่วมกันเก็บเศษเหล็กจากโครงสร้างเก่าใต้ดิน โดยบางคนใช้ค้อนทุบแผ่นคอนกรีตเดิมเพื่อดึงเหล็กเส้นออกไปขายในตลาดท้องถิ่น

แม้กิจกรรมนี้จะไม่ได้อยู่ในแผนงานของภาครัฐ แต่สะท้อนให้เห็นถึงอีกมิติหนึ่งของ “การอยู่รอด” ในพื้นที่ชายแดนที่ยังขาดโอกาสทางเศรษฐกิจ แรงงานเหล่านี้ไม่รบกวนงานหลักของทหารช่าง และได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่มองเห็นว่า “ความยากจนไม่ใช่อาชญากรรม” หากอยู่ภายใต้ขอบเขตของความปลอดภัย

ทหารช่างเดินหน้าภารกิจต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ท่ามกลางฝุ่น โคลน และความหวัง

จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ พบว่าหน่วยทหารช่างได้จัดแบ่งกำลังเป็น 2 ผลัด ปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่หยุดพัก โดยมีเป้าหมายเร่งรัดโครงการให้เสร็จในระยะเวลาที่กำหนด ก่อนพยากรณ์อากาศจะยืนยันแนวโน้มฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนมิถุนายน

เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เผยว่า ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมชลประทาน สำนักงานโยธาธิการฯ และองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อเร่งเบิกงบประมาณในส่วนของวัสดุและการขนส่ง รวมถึงร่วมกันวางแผนสำรองรับมือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจากฝนตกก่อนเสร็จสิ้นโครงการ

พนังกั้นน้ำ…มากกว่าการป้องกัน แต่คือการฟื้นความมั่นใจของคนชายแดน

สิ่งที่กำลังก่อสร้างขึ้นริมลำน้ำสาย ไม่ใช่เพียงแค่ “พนังกั้นน้ำ” หากแต่เป็น “เส้นแบ่ง” ระหว่างความสูญเสียซ้ำซากกับโอกาสในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชุมชน ความร่วมมือระหว่างทหาร วิศวกร และชาวบ้าน สะท้อนให้เห็นว่าภารกิจเชิงวิศวกรรมอาจกลายเป็นเครื่องมือของการฟื้นฟูสังคม

อีกด้านหนึ่ง ปฏิกิริยาของแรงงานเมียนมาที่เข้าเก็บเศษเหล็ก ยังชี้ให้เห็นว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนควรพิจารณาเรื่อง “เศรษฐกิจรายย่อย” ควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้ความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ยิ่งทวีความรุนแรง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • หน่วยทหารช่างราชบุรี
  • กองทัพภาคที่ 3
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
  • รายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

‘ม.พะเยา’ คว้าเหรียญทอง เวทีนานาชาติ “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

บพท. นำ 3 นวัตกรรมเด่นคว้ารางวัลระดับโลก ในงาน KIDE 2024 ณ ไต้หวัน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) นำโดย ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. พร้อมทีมผู้บริหารและนักวิจัย คัดเลือก 3 ผลงานนวัตกรรมเด่นส่งเข้าร่วมประกวดในงาน 2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO (KIDE 2024) ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2567 งานนี้เป็นเวทีระดับนานาชาติที่รวมนวัตกรรมกว่า 500 ผลงานจาก 30 ประเทศทั่วโลก

ผลงานนวัตกรรมจากประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจาก บพท. และคว้ารางวัลทั้ง 3 ผลงาน ประกอบด้วย:

รางวัลเหรียญทอง (GOLD MEDAL): “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยพะเยา นำโดย เอกรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ และคณะ ผลงานนี้ผสานภูมิปัญญาล้านนาเข้ากับศาสตร์ญี่ปุ่น เกิดเป็นลวดลายอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน ผ่านเทคนิคการพิมพ์ลายผ้าและนวัตกรรมที่ช่วยลด Carbon Footprint โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL) และรางวัลพิเศษ (Special Award) จากประเทศโปแลนด์:

“เครื่องเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิจากโอ่งมังกร”
นวัตกรรมที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน สร้างความชื้นต่ำและลดอุณหภูมิในโรงเรือน ทำให้สามารถผลิตเห็ดในและนอกฤดูกาลได้ เพิ่มผลผลิตและรายได้ของคนในชุมชน งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำ

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL): “บ้านปลามีชีวิต”

นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำ ออกแบบให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ มีอายุการใช้งานยาวนาน ลดการซ่อมแซม และช่วยเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในชุมชน ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยว

ขยายผลนวัตกรรม ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า ความสำเร็จจากการประกวดในครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการสร้างนวัตกรรมที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ชุมชน นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าสู่ตลาดโลก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ

ในปี 2568 บพท. วางแผนขยายผลนวัตกรรมเหล่านี้สู่การใช้งานจริงในชุมชน พร้อมทั้งสร้างพื้นที่เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้กับชุมชนต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

งาน KIDE 2024: เวทีโชว์ศักยภาพระดับโลก

งาน KIDE 2024 เป็นเวทีนานาชาติที่รวมผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรม และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ ความสำเร็จของทีมวิจัยไทยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล

การคว้ารางวัลในเวทีนี้เป็นกำลังใจสำคัญสำหรับนักวิจัยและผู้พัฒนานวัตกรรมในประเทศไทยที่จะมุ่งมั่นสร้างผลงานที่มีคุณค่าและยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย ผนึกกำลัง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เชียงรายเดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในการนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายหลักคือการนำเอาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย: ผู้ขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในฐานะหน่วยงานทางวิชาการ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาโครงการ โดยจะนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของตลาด

ชุมชนท้องถิ่น: ผู้สร้างสรรค์และผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง

ชุมชนท้องถิ่นทั้งสามแห่ง ได้แก่ ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว โดยนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยการนำเสนอเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชน จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

โครงการนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อจังหวัดเชียงราย ดังนี้

  • การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก: สร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น
  • การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม: ช่วยอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
  • การสร้างงาน: สร้างโอกาสทางการงานให้กับคนในชุมชน
  • การพัฒนาการท่องเที่ยว: ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

บทสรุป

โครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยั่งยืน โดยการนำเอาศักยภาพของชุมชนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE