Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สงกรานต์เชียงราย 5 วัน ดับ 7 เจ็บ 38 เมา-ขับเร็วไม่สวมหมวก

เชียงรายสรุปผลลดอุบัติเหตุสงกรานต์ 5 วัน พบผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 38 ราย ย้ำทุกภาคส่วนเร่งมาตรการเชิงรุกต่อเนื่อง

ประชุมวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย หวังป้องกันซ้ำซาก พร้อมเดินหน้าสร้างวินัยจราจรอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 16 เมษายน 2568 – ณ ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 15 เมษายน 2568 โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ มณฑลทหารบกที่ 37, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, สำนักงานประชาสัมพันธ์, ขนส่งจังหวัด, แขวงทางหลวง, แขวงทางหลวงชนบท, โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง

รายงานผลการดำเนินงาน 5 วัน พบอุบัติเหตุรวม 38 ครั้ง เสียชีวิต 7 ราย

จากการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดเชียงราย พบว่า ระหว่างวันที่ 11–15 เมษายน 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 38 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 38 คน และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยในวันที่ 15 เมษายน เพียงวันเดียว เกิดอุบัติเหตุ 4 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

ทั้งนี้ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่พบมากที่สุดได้แก่

  • ขับรถเร็วเกินกำหนด
  • ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ
  • ทัศนวิสัยไม่ดี
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย
  • การนั่งท้ายรถกระบะ

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสถิติจากปีก่อนที่ระบุว่า อุบัติเหตุทางถนนในช่วงสงกรานต์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมักเกิดขึ้นในเขตชุมชน เส้นทางระหว่างอำเภอ และบริเวณจัดงานเฉลิมฉลอง โดยผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

ที่ประชุมเสนอแนวทางยกระดับมาตรการป้องกัน เน้นตรวจรถ–ตรวจคน–ตรวจจุดเสี่ยง

นายครรชิต ชมภูแดง กล่าวว่า แม้จะมีการดำเนินการเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเทศกาล แต่จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บยังคงอยู่ในระดับที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ พร้อมเสนอแนวทางเพิ่มเติมจากที่ประชุม ดังนี้

  1. การตรวจสอบสภาพรถและร่างกายผู้ขับขี่ โดยเน้นหนักในช่วงก่อนการเดินทางกลับบ้านของประชาชนหลังสงกรานต์
  2. การเพิ่มจำนวนด่านตรวจจุดเสี่ยง ทั้งในเขตเมืองและตามเส้นทางรองที่เป็นเส้นทางลัด
  3. การตั้งจุดบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณสถานีขนส่งและจุดพักรถ
  4. รณรงค์สร้างจิตสำนึกในสถานศึกษาและชุมชน ทั้งก่อนและหลังเทศกาล เพื่อปลูกฝังวินัยจราจรในระยะยาว

การบูรณาการภาคีเครือข่าย และบทบาทของชุมชนสำคัญต่อการลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน

ที่ประชุมยังเน้นย้ำว่า ความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น หากแต่ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคประชาชน และชุมชน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนงานผ่านกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครที่สามารถเฝ้าระวังและให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง

ผลการประชุมจะถูกรายงานต่อศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนส่วนกลาง เพื่อพัฒนานโยบายระดับชาติ

นายครรชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเชียงรายจะได้นำข้อมูลที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ สรุปเป็นรายงานเสนอไปยังศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนส่วนกลาง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศ พร้อมยืนยันว่า จังหวัดเชียงรายจะยังคงเดินหน้าปรับปรุงแผนงานการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้มีความทันสมัย ครอบคลุม และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยจะไม่รอให้เกิดเหตุแล้วจึงแก้ไข

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานจาก ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ปี 2567 ระบุว่า สถิติอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 37 ราย โดยสาเหตุอันดับ 1 คือ ดื่มแล้วขับ
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนในปี 2567 มีถึง 64% ที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า การตั้งด่านตรวจจราจรเชิงรุกช่วยลดอุบัติเหตุได้เฉลี่ย 19% ในช่วงเทศกาลที่มีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เขื่อนแม่สรวยเข้ม เจ้าหน้าที่ตั้งด่าน รวบนักดื่ม 6 ราย เมาไม่ขับจับจริง

แม่สรวยตรวจเข้ม! เมาแล้วขับไม่รอด วันที่ 2 สงกรานต์ 2568 พบผู้กระทำผิด 6 ราย

อำเภอแม่สรวยเดินหน้าเชิงรุก บูรณาการทุกภาคส่วนตั้งด่านตรวจรอบเขื่อน คุมเข้มความปลอดภัยทางถนนในช่วงสงกรานต์

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – เวลา 16.00 น. นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง นำโดยปลัดอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจภูธรแม่สรวย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สรวย และกำนันตำบลแม่สรวย จัดตั้งจุดตรวจบริเวณเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เพื่อควบคุมการใช้รถใช้ถนนของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา

ผลการดำเนินการเข้ม พบผู้กระทำผิดเมาแล้วขับจำนวน 6 ราย

จากการดำเนินการตรวจเข้มในวันที่สองของช่วงควบคุมเข้มสงกรานต์ 2568 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลักบริเวณทางเข้าออกเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นในช่วงวันหยุด โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเล่นน้ำที่ “แพเปียก” และกิจกรรมสงกรานต์ริมน้ำ ส่งผลให้การตั้งจุดตรวจต้องมีความเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่ พบผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 6 ราย มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที โดยนำตัวผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ต่อไป

ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง

การดำเนินการตรวจจับเมาแล้วขับครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของอำเภอแม่สรวย ที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนเดินทางเข้าออกจำนวนมาก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ เปิดเผยว่า การตรวจเข้มในพื้นที่รอบเขื่อนแม่สรวยไม่เพียงแต่เพื่อบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังของภาครัฐในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ศูนย์ปฏิบัติการฯ เผยแนวโน้มผู้ฝ่าฝืนยังคงพบต่อเนื่อง จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมเข้ม

จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของเทศกาลสงกรานต์ มีผู้กระทำผิดในข้อหาเมาแล้วขับเฉพาะในพื้นที่เขื่อนแม่สรวยรวม 9 ราย เฉลี่ยวันละ 4.5 ราย ซึ่งยังถือเป็นตัวเลขที่สูง และบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลัง 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนมักเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25–40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวสูงในช่วงเทศกาล โดยมากใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

ผสานความร่วมมือภาครัฐ-ท้องถิ่น-ชุมชน สร้างวินัยจราจรอย่างยั่งยืน

มาตรการที่อำเภอแม่สรวยดำเนินการในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงการตรวจจับผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครในพื้นที่ ซึ่งร่วมมือกันในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และแจ้งเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

โดยเฉพาะการให้ความรู้ในระดับชุมชนเกี่ยวกับอันตรายของการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา การแจกใบปลิวให้ความรู้แก่ผู้มาเที่ยว รวมถึงการใช้เสียงตามสายประกาศเตือนในเขตหมู่บ้านล้อมรอบเขื่อน เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในระดับรากหญ้า

เมาแล้วขับยังเป็นปัญหาเรื้อรัง ต้องบูรณาการหลายมิติ

จากการติดตามข้อมูลและรายงานจากหลายหน่วยงาน พบว่าปัญหาเมาแล้วขับยังคงเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางและเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้น แม้ว่าจะมีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พฤติกรรมเสี่ยงของบางกลุ่มยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

การดำเนินการของอำเภอแม่สรวยจึงนับเป็นต้นแบบของการดำเนินงานเชิงรุกในระดับอำเภอ ที่สามารถใช้ศักยภาพของภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างวินัยจราจร และลดสถิติอุบัติเหตุในระยะยาว

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • รายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศ 264 ราย โดยกว่า 38% ของอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับ
  • จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า อัตราการจับกุมผู้ขับขี่ที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่ากฎหมายกำหนดในช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12
  • สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รายงานว่า กลุ่มวัยทำงานอายุ 25–45 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการดื่มแล้วขับสูงที่สุดในช่วงเทศกาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (www.alcoholwatch.in.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สงกรานต์วันแรก! เชียงรายดับ 1 เจ็บ 8 เมาแล้วขับ

เชียงรายเผยสถิติอุบัติเหตุวันแรกสงกรานต์ 2568 เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 8 ราย

จังหวัดเชียงรายสรุปผลปฏิบัติการเข้ม ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน สั่งเข้มทุกหน่วยงานเดินหน้าควบคุมแอลกอฮอล์

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่าย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของวันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการควบคุมเข้มข้นด้านความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์

สถิติอุบัติเหตุวันแรก 8 เหตุการณ์ บาดเจ็บ 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย

จากรายงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 พบว่าเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่รวม 8 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 6 ราย เพศหญิง 2 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่คือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 7 คัน และรถเพื่อการเกษตร หรือที่เรียกว่า “รถอีแต๊ก” อีก 1 คัน

ช่วงเวลาที่พบการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือระหว่างเวลา 12.00 – 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับจากการทำบุญ หรือเริ่มออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ

สาเหตุหลักยังคงเดิม “ดื่มแล้วขับ” และ “ขับเร็วเกินกำหนด”

สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในวันดังกล่าว ยังคงมีลักษณะใกล้เคียงกับทุกปีที่ผ่านมา ได้แก่

  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ
  • การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
  • การตัดหน้ากระชั้นชิด และ
  • ทัศนวิสัยไม่ดีขณะขับขี่

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินมาตรการในการประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมักเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง

ตั้งจุดตรวจ 33 จุดหลัก และ 177 ด่านชุมชน ระดมกำลังดูแลทั่วพื้นที่

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน จังหวัดเชียงรายได้จัดตั้งจุดตรวจหลักรวม 33 จุด และตั้งด่านชุมชนกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 177 จุด โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดรวม 1,065 นาย ครอบคลุมถนนสายสำคัญ เส้นทางเข้า-ออกชุมชน และพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายกว่า 1,800 รายในวันเดียว

จากการรายงานของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในวันที่ 11 เมษายน 2568 มีการดำเนินคดีตามมาตรการ “10 รสขม” (10 ข้อหาหลักที่มักนำไปสู่อุบัติเหตุ) โดยมีการออกใบสั่งจำนวน 1,896 ราย และมีการว่ากล่าวตักเตือนผ่านแอปพลิเคชัน “ขับดี” อีกจำนวน 51 ราย ซึ่งสะท้อนถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน

ขนส่งจังหวัดเชียงรายตรวจเข้มรถโดยสารสาธารณะ สร้างความมั่นใจผู้โดยสาร

สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะรวม 390 คัน และตรวจความพร้อมพนักงานขับรถ 406 ราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารว่าการเดินทางในช่วงเทศกาลจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

เร่งควบคุมแอลกอฮอล์ในชุมชน เน้นป้องกันเชิงรุก

ในที่ประชุม นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมทุกวัน พร้อมกำชับให้ประสานงานกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อตรวจและประเมินผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชนตามแนวทางที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติกำหนด

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน เพื่อส่งเสริมบทบาทของด่านชุมชน และเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง เช่น ถนนใกล้สถานที่จัดงาน หรือตลาดที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเปิดเผย

เยาวชนคือจุดอ่อนใหม่ของการเกิดอุบัติเหตุ คำสั่งเข้มให้ผู้ปกครองร่วมควบคุม

ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นสำคัญอีกประการคือ พฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนและหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครองในการกำชับบุตรหลานให้ใช้งานรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • รายงานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ระบุว่าในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเกิดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์รวม 69 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บ 72 ราย
  • รายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า พฤติกรรม “ดื่มแล้วขับ” เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุกว่า 42% ของทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567
  • ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15 – 24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์สูงที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (www.roadsafetythai.org)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ข้อมูลปี 2567 พบว่า ‘เชียงราย’ ดื่มแอลกอฮอล์ ติดอันดับ 4

เชียงรายติดอันดับ 4 ประเทศไทย ผู้ดื่มสุราสูงสุดต่อแสนประชากร รณรงค์ 3 ต. สงกรานต์ 2568

เชียงใหม่, 9 เมษายน 2568 – จากข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดด้านการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย พบแนวโน้มที่น่ากังวลในช่วงก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีอุบัติเหตุและการสูญเสียจากการดื่มสุรามากเป็นพิเศษ สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายถูกจัดอยู่ใน ลำดับที่ 4 ของประเทศ ในจำนวนประชากรผู้ดื่มสุราต่อแสนคน โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์แอลกอฮอล์โลก-ไทย และผลกระทบที่ตามมา

จากรายงานสถานการณ์ระดับโลกโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชากรโลกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย ร้อยละ 43 หรือคิดเป็น 6.4 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 3 ล้านคนต่อปี หรือเฉลี่ยเสียชีวิต 1 คนในทุก ๆ 10 วินาที

ประเทศไทยเองก็เผชิญกับปัญหาดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ถือเป็นช่วงเสี่ยงที่สุดของปี ข้อมูลจากปี 2567 ระบุว่า มีอุบัติเหตุกว่า 20,000 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คน โดยพบว่าวันที่ 13 เมษายน เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด และสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก “ดื่มแล้วขับ

เชียงรายในภาพรวมของภาคเหนือ: ความน่ากังวลในเชิงพฤติกรรมและสุขภาพ

ในภาคเหนือมีโรงกลั่นสุราที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 985 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10 แห่ง จังหวัดเชียงรายเองถือว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีความเข้มข้นของการบริโภคสุราสูงที่สุด โดยถูกจัดอยู่ใน อันดับที่ 4 ของประเทศ รองจากจังหวัดขอนแก่น ลำปาง และมหาสารคาม ส่วนจังหวัดพะเยาอยู่ในอันดับที่ 5

สำหรับจังหวัดเชียงราย สถิติชี้ว่ามีการบริโภคสุราสูงถึง 7.17 ลิตรต่อคนต่อปี และยังพบว่า นักดื่มหน้าใหม่มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ บางรายอยู่ในระดับประถมศึกษา โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการได้รับสุราจากผู้ปกครองหรือคนในครอบครัว

สงกรานต์วิถีไทย สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์” 

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2568 ที่ลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายงดเหล้า และมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม จัดแถลงข่าว “สงกรานต์วิถีไทย สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์”  โดย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า  งานประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นวาระพิเศษของสังคมไทย เป็นกิจกรรมสำหรับครอบครัว หลายปีที่ผ่านมา คนไทยต้องเผชิญความสูญเสียจากอุบัติเหตุ การคุกคามทางเพศ การทะเลาะวิวาทและความรุนแรง จากพฤติกรรมเสี่ยงโดยเฉพาะในพื้นที่จัดงานเล่นน้ำที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีจุดเริ่มต้นของปัญหาส่วนหนึ่งมาจาก “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์”

ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562-2566 มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเฉลี่ยถึง 4,519 ราย ผลกระทบสำคัญคือ “เหยื่อจากผู้ดื่มแล้วขับ” มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เฉพาะเทศกาลสงกรานต์ 2567 มีเหยื่อจากผู้ดื่มแล้วขับมากถึง 207 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ราย 

“จากการสำรวจข้อมูลโดยมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ปี 2567 ครอบคลุม 18 จังหวัด มีกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน พบว่า ประชาชน 91.4% เห็นด้วยว่าการจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้าช่วยลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ 90%  เห็นด้วยว่าการจัดงานปลอดเหล้าช่วยลดปัญหาการทะเลาะวิวาท 87% เห็นว่าจัดงานไม่มีเหล้าจะช่วยลดพฤติกรรมลวนลามและการล่วงละเมิดทางเพศ ขณะที่ 75.2% ชอบงานสงกรานต์แบบปลอดเหล้ามากกว่างานที่มีเหล้า” นพ.พงศ์เทพ กล่าว 

ขอเชิญชวนให้ปรับค่านิยมและพฤติกรรมใน 6 เรื่อง

ด้านนายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม กล่าวว่า ความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เกิดจากค่านิยมและความเชื่อของสังคมที่เชื่อว่า การดื่มช่วยทำให้สนุก และช่วยทำให้สนิทสนมกันไว รวมถึงความเครียดจากการทำงานและสภาพสังคมทำให้เกิดการดื่มหนักในช่วงสงกรานต์เพราะต้องการปลดปล่อยความเครียด นอกจากนี้สังคมไทยเกิดอาการชินและยอมรับพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สคล. มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม และภาคีเครือข่ายขอเชิญชวนให้ปรับค่านิยมและพฤติกรรมใน 6 เรื่อง ได้แก่

  1. ดื่มไม่ขับ 
  2. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ 
  3. ไม่ขาย ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงานสงกรานต์
  4. ให้ความสำคัญต่อความสนุกที่ยั่งยืนมากกว่าความสนุกชั่วคราว
  5. สนุกได้โดยไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  6. สนิทได้โดยไม่พึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ หากทุกภาคส่วนร่วมกันควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเอาจริงจังกับมาตรการโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย ปลอดเหล้าแล้ว สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง

เชียงรายกับการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

จังหวัดเชียงรายมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการลดอัตราการบริโภคสุรา โดยมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระดับอำเภอ ตำบล และชุมชน ตั้งแต่ระดับการเรียนรู้ในโรงเรียน การส่งเสริมการจัดงานปลอดเหล้าในช่วงเทศกาล ไปจนถึงการเชิญชวนร้านค้าเข้าร่วมเป็น “พื้นที่ปลอดแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตาม จากสถิติในปีที่ผ่านมา ยังพบว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับสุราในพื้นที่จังหวัดเชียงรายยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่นชาย ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการเชิงป้องกัน และพัฒนาระบบติดตามพฤติกรรมดื่มสุราของกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่

การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และภาคเอกชน

นอกจากหน่วยงานรัฐแล้ว ภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ในชุมชน เช่น งานสงกรานต์ปลอดเหล้า กิจกรรมกีฬาชุมชน หรือเวทีเยาวชนเพื่อเรียนรู้ผลกระทบของแอลกอฮอล์

ในปีนี้ จังหวัดเชียงรายยังเปิดเวทีให้หน่วยงานหรือบุคคลที่มีผลงานดีเด่นในการรณรงค์และควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลงานเข้ารับการคัดเลือกเพื่อรับรางวัลเกียรติยศ เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งถือเป็นอีกแรงจูงใจที่ช่วยสร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานอย่างยั่งยื

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • ประชากรโลก ดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 6.4 ลิตรต่อคนต่อปี (WHO, 2023)
  • ประเทศไทย มีประชากรดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 7.17 ลิตรต่อคนต่อปี (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2566)
  • เชียงราย ติดอันดับ 4 ของประเทศ ในอัตราผู้ดื่มสุราต่อแสนประชากร (สำนักงานควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่, 2567)
  • โรงกลั่นสุราในภาคเหนือ มีจำนวน 985 แห่ง โดยจังหวัดเชียงรายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดิม
  • อุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ปี 2567 ทั่วประเทศเกิดกว่า 20,000 ครั้ง เสียชีวิตมากกว่า 300 คน (ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน)
  • วันเสี่ยงสูงสุด คือวันที่ 13 เมษายน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสูงที่สุดในรอบสัปดาห์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • องค์การอนามัยโลก (WHO)
  • ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดเชียงราย
  • ภาพโดย : KANJO Review
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

กทม.-เชียงราย แชมป์เสียชีวิต 13 ราย พบเยาวชนอายุเพียง 10 ปี ดื่มแล้วขับ

 
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567 ที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 ว่า ตั้งแต่วันที่ 11 – 15 เมษายน เกิดอุบัติเหตุสะสม 1,564 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บสะสม 14,621 ราย ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.37 ในจำนวนนี้ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1,593 ราย ลดลงร้อยละ 8.29 ส่วนผู้เสียชีวิตสะสม 206 ราย ลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 2.74 โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและเชียงราย 13 ราย ร้อยเอ็ด 12 ราย และนครราชสีมา 10 ราย

 

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นขับรถเร็ว ร้อยละ 43.19 การดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ ร้อยละ 23.92 และตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 15.28 โดยพบว่าเกิดเหตุบนถนนสายรองในอบต.หรือในหมู่บ้านถึง ร้อยละ 31.88 ด่านชุมชนจึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยคัดกรองผู้มีอาการมึนเมาสุรา ซึ่งในช่วง 5 วันนี้ สามารถสกัดกั้นคนเมาไม่ให้ออกมาขับขี่บนท้องถนนได้ถึง 9,144 ราย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ขับขี่รถยนต์/รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 66.29 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย/ไม่สวมหมวกนิรภัย ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น

 

“ที่น่าเป็นห่วงคือ พบเยาวชนอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่ดื่มแล้วขับถึง 324 ราย โดยมีอายุน้อยที่สุดเพียง 10 ปี กระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งการตรวจตราร้านค้า สถานที่และเวลาห้ามจำหน่าย และการห้ามจำหน่ายให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมทั้งมีการตั้งด่านตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทุกราย โดยหากเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จะมีการสืบเอาผิดไปถึงร้านค้าที่จำหน่ายให้ด้วย“ นายแพทย์ชลน่านกล่าว

 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า ช่วงวันที่ 16 – 17 เมษายน นี้ ประชาชนเริ่มเดินทางกลับมาทำงานตามปกติ การจราจรจึงมีความหนาแน่นมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้อ่อนเพลียระหว่างขับรถได้ง่าย และมีโอกาสเกิดอาการหลับในสูง ดังนั้น ก่อนเดินทางจึงควรตรวจเช็คสภาพรถและเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง ระหว่างขับรถหากรู้สึกอ่อนล้าหรือง่วง ขอให้จอดพักผ่อนที่จุดบริการประชาชนแล้วค่อยไปต่อ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด สวมหมวกนริภัย/คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล และหากพบผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1669 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News