Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่น้ำสาย-รวก-โขง สารหนูเกินมาตรฐานคุกคามชีวิต คนเชียงรายจี้รัฐเร่งเจรจาเมียนมา

แม่น้ำสาย-รวก-โขง สารหนูเกินมาตรฐานคุกคามชีวิต คนเชียงรายรวมพลังจี้รัฐบาลไทยเร่งเจรจาเมียนมา

เชียงราย, 16 กรกฎาคม 2568 – วิกฤต “สารหนู” สะท้อนวิกฤตข้ามพรมแดน โดยเฉพาะ “สารหนู” ในแม่น้ำสาย รวก โขง และกก ของจังหวัดเชียงราย กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สะท้อนถึงความเปราะบางของทรัพยากรน้ำและวิถีชีวิตประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยแม่น้ำเหล่านี้เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของชีวิตและการเกษตรของคนเชียงราย ซึ่งปัจจุบันต้องเผชิญภัยเงียบที่คาดว่ามีต้นตอจากเหมืองแร่ในฝั่งเมียนมา

ประชุมเวทีรับฟังเสียงประชาชนจุดเริ่มต้นของการผลักดันเชิงนโยบาย


ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำปนเปื้อนโลหะหนัก โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน ท่ามกลางผู้เข้าร่วมอย่างคับคั่งจากหน่วยงานราชการ นักวิชาการ ภาคประชาชน และสื่อมวลชน เวทีนี้ได้เปิดพื้นที่ให้ชุมชนระบายความกังวลและเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

รองผู้ว่าฯ เชียงรายยืนยันว่า หน่วยงานราชการไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเดือนละ 2 ครั้ง ทั้งในแม่น้ำสายหลักและสาขา รวมถึงน้ำประปาและพืชผลทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชนผ่านช่องทางเพจประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และศูนย์ข้อมูล AIM เพื่อสร้างความมั่นใจในความโปร่งใสของภาครัฐ

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และสุขภาพ

แม้จะได้รับคำยืนยันเรื่องคุณภาพน้ำประปาและพืชผลว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่ชาวบ้านและนักวิชาการยังคงวิตกกังวลถึงผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะช้าง ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมสำคัญ ชาวบ้านเกรงว่าการใช้น้ำปนเปื้อนโลหะหนักจะกระทบต่อคุณภาพพืชผลและสุขภาพในอนาคต

เวทีนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึง “โครงการเขื่อนปากแบง” ซึ่งอาจทำให้สารพิษตกตะกอนสะสมมากขึ้น เมื่อแม่น้ำโขงนิ่งตัว เกิดอ่างน้ำขนาดใหญ่ นักวิชาการและประชาชนจึงเสนอให้รัฐให้ความสำคัญกับการวิจัยและหามาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาว

บทบาทของชุมชนและความโปร่งใสของข้อมูล

ภาคประชาชนและนักวิชาการเสนอแนวทางให้รัฐเร่งวิจัยหาต้นตอและแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในระยะยาว รวมถึงสร้างฐานข้อมูลคุณภาพน้ำและดินที่เป็นระบบ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเฝ้าระวังมลพิษ และเสนอให้รัฐรายงานสถานการณ์ต่อเนื่องและโปร่งใส

สิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน ยื่นหนังสือถึง AICHR – ก้าวสู่เวทีเจรจาระดับภูมิภาค

ในช่วงท้ายของเวที ได้มีการยื่นหนังสือผ่าน ผศ.ดร.ภาณุภัทร จิตเที่ยง จาก AICHR (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights) เพื่อขอให้คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอาเซียนเข้าตรวจสอบกรณีนี้ ถือเป็นการยกระดับปัญหาจากพื้นที่ท้องถิ่นสู่เวทีระดับภูมิภาค โดย AICHR พร้อมสนับสนุนพื้นที่ต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในกรอบอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีจากฝั่งรัฐบาลไทย เมื่อ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า รัฐบาลเมียนมาตอบรับคำเชิญของไทยในการหารือที่กรุงเนปิดอว์ ระหว่างวันที่ 4-8 สิงหาคมนี้ โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน นับเป็นการแสดงความสำคัญของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กับอนาคตความมั่นคงของชุมชนลุ่มน้ำ

กรณีสารหนูปนเปื้อนในลุ่มน้ำชายแดนเชียงรายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้อมูลจากทั้งฝั่งไทยและเมียนมาชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในมาตรฐานและแนวทางตรวจวัดคุณภาพน้ำ ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับการเจรจาระดับรัฐและอาเซียน พร้อมทั้งต้องสร้างระบบฐานข้อมูลและเครือข่ายเฝ้าระวังที่แข็งแกร่งให้ประชาชนมีบทบาทนำ

ขณะที่ความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน และรัฐ จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และสร้างแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบในระยะสั้น แต่ยังปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของคนลุ่มน้ำในระยะยาว

ในอนาคต หากสามารถยกระดับกลไกการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และมนุษยชนได้จริง เชียงรายและลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมาจะเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการปัญหาข้ามพรมแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ข้อมูลจาก เวทีฟังเสียงประชาชนลุ่มน้ำสาย รวด โขง ผลกระทบจากสายน้ำปนเปื้อน เหมืองแร่ที่ต้นน้ำ
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • เพจ AIM ศูนย์ข้อมูลกลางเพื่อการรับรู้และติดตามสถานการณ์น้ำเชียงราย
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดศูนย์ผ้า ‘ปางห้า’ คงอัตลักษณ์ของผ้าทอเชียงราย แบบที่เรียกว่า “ชิ้นเดียวในโลก” และพิเศษเฉพาะคุณ

 

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ จินนาลักษณ์ กระดาษสา เทศบาลตำบลแม่สายและบริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป จำกัด เปิดศูนย์ผ้าปางห้า และร้าน ModalooM ภายใต้ Welcome to Chiang Rai Shop สาขาที่ 3 อย่าง เป็นทางการ ณ ศูนย์ผ้าปางห้า หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

 

สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า โครงการจำหน่ายสินค้าของสมาชิกสมาคมสตรี นักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย ร่วมกับสินค้า 10 ชาติพันธุ์แม่สาย พัฒนาแผนงานเพื่อส่งเสริมผ้าไทยของจังหวัดเชียงราย แบบเต็มรูปแบบจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ และหลักการนำเสนอตัวสินค้าที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และการเชื่อมโยงการพัฒนาตัวสินค้าให้ตรงตามกับความต้องการของตลาด และยังคง มี อัตลักษณ์ของผ้าทอเชียงรายแบบที่เรียกว่า “ชิ้นเดียวในโลก” และพิเศษเฉพาะคุณ โดยสนับสนุนให้สินค้าและบริการของสมาชิกทำการตลาดและการขาย ให้เป็นไปตามกลไกของสถานการณ์ปัจจุบัน นำของที่ไม่ได้ใช้มาใช้ หรือสินค้าที่มีอยู่เพิ่มช่องทาง เสริม เล็งเห็นจุดเชื่อมในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของสินค้าที่ผลิตในเชียงราย

 

โดยคนเชียงราย ส่งเสริมเชียงราย สร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ ทำอย่างไรที่จะ นำเอา สินค้าต่างๆโดยเฉพาะ เริ่มต้นจากกลุ่มสมาชิก ในการมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์และบริการให้เกิดการพัฒนาตัวสินค้าให้ถึงความต้องการของลูกค้า ของที่มีประโยนช์เก็บไว้นำมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ ตีตรามาจากเชียงราย รับประกัน คุณภาพ รวมถึงการขยาย ทั้งกลุ่มลูกค้า พัฒนา ทำการตลาดในทุกช่องทาง แบบ ขายตรง ขายส่ง ทั้งในเชียงราย ในไทยและต่างประเทศ

 

การเชื่อมต่อคือ เอาสินค้ามาเสนอขายและเป็น supplier ของ บางธุรกิจในเชียงราย เช่น ผลิตสินค้าใช้ใน ร้านอาหาร และโรงแรม เราสามารถ กล่าวได้ว่า การสนับสนุนสินค้าในจังหวัดเชียงราย ช่วยเหลือสนับสนุนสร้างความยั่งยืน ในจังหวัดก่อน ออกนอกจังหวัด
 
ทั้งนี้ สมาคมสตรี ได้ตั้งทีมบริหารโครงการเพื่อรวบรวมสินค้าของสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมสมาคมสตรีจัดเตรียม พื้นที่ขาย สินค้าของสมาชิกเพิ่มช่องทางการขาย และร่วมในการพัฒนาตัวสินค้า
 
สาขาแรก : เปิดขายภายใต้ชื่อ WELCOME TO CHIANGRAI SHOP ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายเปิดร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าในวันที่ :8 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทย และ นักท่องเที่ยว
 
สาขาที่ 2 : เปิดขายภายใต้ชื่อ WELCOME TO CHIANGRAI SHOP ณ วัดพระธาตุดอยเวา เปิดร้านจำหน่ายสินค้าในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทย ชาวต่างชาติและ นักท่องเที่ยว
 
สาขาที่ 3 เปิดขายภายใต้ชื่อ ModalooM ณ ศูนย์ผ้าปางห้า เปิดร้านจำหน่ายสินค้าในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ นักท่องเที่ยวการส่งออกนอกประเทศ trade การค้า และเปิดกลุ่มลูกค้าทางการค้าส่งออก หรือ ส่งขายนอกพื้นที่เชียงราย เป้าหมายการเปิดร้านจากเชียงรายสู่ทั่วประเทศ อาทิเช่น เซ็นทรัลเชียงใหม่ กรุงเทพ พัทยา และศูนย์การค้าสยามพารากอน ไอคอนสยาม จังชีลอน ภูเก็ต
 
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนประสานงานที่ปรึกษาสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย โทร. 061 659 4540, โทร. 097 135 7074
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News