Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์ วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง

 
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่ พระวิหารแก้ว วัดพระสิงห์พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พร้อมด้วย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำภาคเอกชน และพุทธศาสนิกชน ร่วมประกอบพิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์พระสิงห์ ประจำเมืองเชียงราย โดยมี ดร.ปัณณวิชญ์ พิบูลธนาภิรมย์ เป็นผู้อัญเชิญน้ำสรงประทาน ในโอกาสที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาตคญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานน้ำสรงเพื่อสรงถวายพระพุทธสิหิงค์ ในพิธีเลี้ยงสังเวยเทดาอารักษ์พระสิงห์ประจำเมืองเชียงราย ปีที่ 6

 

ชาวล้านนาได้มีความเชื่อต่อกันมาว่า เทวดาอารักษ์เมืองมีหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองให้สงบสุขร่มเย็น ปราศจากสิ่งชั่วร้าย จึงได้มีการประกอบพิธีเลี้ยงสังเวยเทวดาอารักษ์ขึ้น โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 โดยพิธีประกอบไปด้วย พิธีโองการบวงสรวงเครื่องสังเวยเทวดาอารักษ์ และถวายเครื่องสักการะ จากนั้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 9 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และอ่านประกาศประทานน้ำสรง จากนั้น พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ อัญเชิญน้ำสรงประทานสมเด็จพระสังฆราช ขึ้นประกอบพิธีถวายน้ำสรงพระพุทธสิหิงค์ โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ และดร.ปัณณวิชญ์ พิบูลธนาภิรมย์ ร่วมถวายน้ำสรงพระพุทธสิหิงค์ ตามลำดับ

 

วัดพระสิงห์เชียงราย (พระอารามหลวง) เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงรายมาแต่โบราณ ด้วยในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ พระพุทธรูปสำคัญของประเทศไทย ปัจจุบันวัดพระสิงห์มีสถานภาพเป็นพระอารามหลวงประจำจังหวัดเชียงราย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ (หรือพระสิงห์) จำลองศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง 37 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 66 เซนติเมตร ทั้งนี้ พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมประเพณีอันดีงาม ความเป็นสิริมงคล และเป็นการสร้างความสามัคคี สร้างขวัญกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนชาวเชียงราย ก่อให้เกิดความตระหนักสำนึกรักถิ่นกำเนิดให้อยู่คู่กับชาวล้านนาจังหวัดเชียงรายสืบไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เตรียมจัดตั้งศูนย์ชุมชน คุ้มครองเด็กในระดับตำบล 51 แห่ง

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ที่โรงแรมวังคำ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงรายนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองเด็กใน โครงการพัฒนาระบบและขับเคลื่อนกลไกการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปี 2567 โดยมีนางสาวปฏิญญา คงอาวุธ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงานกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย นายโสภณ แก้วล้อมทรัพย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย นำบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิศูนย์เพื่อน้องหญิง คณะกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 51 แห่ง เข้าร่วม

 

นางสาวปฏิญญา คงอาวุธ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ได้หาแนวทาง วิธีการในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและส่งเสริมความประพฤติเด็กให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมาตรา 24 ได้กำหนดให้ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่คุ้มครอง สวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขตพื้นที่ ที่รับผิดชอบ 

 

โดยมีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กในระดับชาติ และคณะกรรมการคุ้มครองเด็กในระดับจังหวัดเป็นกลไกในการประสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เพื่อให้การดำเนินงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก รวมทั้ง แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน จึงจำเป็นต้องส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กระดับตำบล โดยมีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับตำบลเป็นกลไกขับเคลื่อนงานการคุ้มครองเด็ก ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขต พื้นที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ปราศจากการถูกกระทำความรุนแรง ถูกทอดทิ้ง ถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบหรือมีพฤติกรรม ไม่สมควรแก่วัย ทำให้เด็กอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย เอื้ออำนวยให้เด็กและเยาวชนเจริญเติบโตมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต 

 

นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนที่ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการถูกกระทำความรุนแรง ถูกทอดทิ้ง ตกอยู่ในสภาพยากลำบาก ถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมอันไม่สมควรแก่วัย รวมไปถึงการขาดโอกาสในด้านต่างๆ ทางสังคมเป็นปัญหาอันดับต้นๆของประเทศ การปกป้องคุ้มครองและการให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชนจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ หากเด็กและเยาวชนไม่ได้รับการคุ้มครอง ดูแล และช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ 

 

อาจส่งผลกระทบให้เด็กและเยาวชนตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อาจทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้นตกเป็นผู้เสียหาย ผู้ถูกกระทำ หรือผู้เปราะบางทางสังคมได้ การแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับตำบล (ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็ก) จึงเป็นเสมือนกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานการคุ้มครองเด็กในระดับ พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคุ้มครองสวัสดิภาพแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในทุกรูปแบบ จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบป้าย “ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กในระดับตำบล” ให้กับผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 51 แห่ง

 

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้รับฟังการบรรยายข้อมูลสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ เพิ่มพูนทักษะ องค์ความรู้ให้มีความพร้อม และเท่าทัน ต่อสถานการณ์ปัญหาของเด็กและเยาวชนตลอดจนการส่งเสริมและพัฒนาเชิงประเด็นต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในเครือข่ายพื้นที่ของตนเอง อีกทั้งยีงเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายการคุ้มครองเด็กในระดับตำบลในการให้ความช่วยเหลือ และสงเคราะห์คุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็กในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างและบูรณาการกลไกการคุ้มครองเด็กในระดับตำบลในอนาคต

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค จัดงาน วันระลึก ‘หมอบรัดเลย์’

 

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2024 โรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ได้จัดงาน “วันระลึกนายแพทย์แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์)  ผู้ที่มีคุณูปการต่อชาวสยาม” จุดประสงค์การจัดงานในครั้งนี้นอกจากเป็นการรำลึกถึงคุณหมอบรัดเลย์ท่านผู้เป็นบุคคลสำคัญที่ได้นำการแพทย์แผนปัจจุบันมาสู่ประเทศไทย 

 

โดยในงานนี้โรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คได้รับเกียรติ จากท่าน ว่าที่ร.ต.ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้  โดยมีศจ.ดร.ศิริรัตน์ ปุสุรินทร์คำ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค เป็นผู้กล่าวรายงาน มีการขับร้องประสานเสียงจากบุคลากรโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คในบทเพลง “ระลึกถึงคุณหมอบรัดเลย์” และที่พิเศษสุดคือได้รับเกียรติจาก อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ศิลปินชาวเชียงราย ร่วมวาดภาพคุณหมอบรัดเลย์พร้อมกับการบรรเลงเพลงของวงดุริยางค์โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม

 

ศจ.ดร.ศิริรัตน์ ปุสุรินทร์คำ กล่าวว่า ถึงการจัดงาน “วันระลึก นายแพทย์แดน บีช แบรด ลีย์ (หมอบรัดเลย์) ผู้ที่มีคุณูปการต่อชาวสยาม” เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณหมอบรัดเลย์ ท่านผู้เป็นบุคคลสำคัญที่ได้นำการแพทย์แผนปัจจุบันมาสู่ประเทศไทย

 

ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “วันระลึก นายแพทย์ แดเนียล บีช บรัดเลย์” หรือ “คุณหมอบรัดเลย์” ในครั้งนี้มิชชันนารีจากต่างประเทศเข้ามาประกาศศาสนาและทำพันธกิจในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก  ท่านเหล่านี้ ได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับพี่น้องชาวไทยเป็นอย่างมาก  หนึ่งในมิชชันนารีที่เรารำลึกถึงท่านในวันนี้คือ นพ.บรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) หรือ “ คุณหมอบรัดเลย์” ท่านมีคุณูปการต่อชาวไทยในหลายด้าน  ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์  ด้านการศึกษาและสิ่งตีพิมพ์

 

ซึ่งผลงานที่สำคัญของนายแพทย์แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์)  ผู้ที่มีคุณูปการต่อชาวสยามคือ  

  • การริเริ่มผ่าตัดด้วยการนำวิทยาการสมัยใหม่จากตะวันตกมาเข้ามาใช้
  • การริเริ่มการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษหรือฝีดาษ
  • ท่านเป็นคนแรกที่ทำการถ่ายเลือด เพื่อแก้ไขผู้ป่วยที่เสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก
  • เป็นผู้ตั้งร้านจำหน่ายยาและเป็นต้นกำเนิดความคิดของการทำคลินิกแห่งแรกในสยาม หรือที่เราเรียกว่า “ โอสถศาลา ”

 

ผลงานทางด้านการศึกษาและสิ่งตีพิมพ์ของท่านก็มีอย่างมากมาย  ท่านเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการพิมพ์และโรงพิมพ์   อาทิเช่น  การหล่อแท่นพิมพ์ภาษาไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก  พิมพ์เอกสารราชการไทยฉบับแรก    พิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยฉบับแรก  พิมพ์พจนานุกรมไทยฉบับแรก  พิมพ์ตำราการแพทย์  พิมพ์ตำราเรียนภาษาไทย  และตำราอื่นๆ อีกมากมาย ทางโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คขอขอบคุณทุกท่าน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในจังหวัดเชียงรายที่เข้าร่วมงานนี้ครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ดังระดับประเทศ SME D Bank ดันพริกแกง “แม่น้อย” เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 พริกแกงรสเลิศแบรนด์ “แม่น้อย” สูตรต้นตำรับภาคเหนือที่อยู่คู่ชาวเชียงราย มากว่า 40 ปี ทุกวันนี้ เติบโตเป็นสินค้าดังระดับประเทศ เมื่อทายาทธุรกิจ เข้ามาสานต่อและต่อยอด ด้วยมาตรฐานการผลิต และไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและแปลกใหม่อยู่เสมอ ขับเคลื่อนให้ขยายตลาดได้ทั้งผ่านโมเดิร์นเทรดและเป็นของฝากยอดฮิต รวมถึง ส่งออกต่างประเทศ ที่สำคัญ กิจการนี้ มีส่วนช่วยสร้างงาน และสร้างสุขให้แก่คนในชุมชน ได้ทำงานที่บ้านเกิด โดย SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทยเสริมทัพเติมพลังให้เดินหน้าได้ตามแผนธุรกิจที่วางไว้
 
 
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2519“นวลน้อย ธารทองไพบูลย์” หรือ “แม่น้อย” ประกอบอาชีพแม่ค้าขายพริกแกงในตลาดสด จ.เชียงราย ด้วยรสชาติยอดเยี่ยม จากสูตรเด็ดเคล็ดลับเฉพาะตัว พริกแกงแม่น้อยขายดิบ ขายดี ขึ้นแท่นเป็นเจ้าดังประจำตลาด และยังขายส่งให้ร้านค้าต่างๆ ในท้องถิ่น
 
 
พริกแกงแม่น้อยยกระดับจากขายในตลาดสดสู่สินค้าระดับประเทศ เมื่อทายาทธุรกิจ คุณ“เบญจวรรณ ภัทรธรรมกุล” ลูกสาวที่คลุกคลีช่วยแม่ขายพริกแกงในตลาดสดมาตั้งแต่เด็ก และจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อาหาร กับสามี “ภาณุ ภัทรธรรมกุล”เข้ามาช่วยสานต่ออาชีพครอบครัว เมื่อปี พ.ศ.2535  จากผลิตในรูปแบบครัวเรือน และขายปลีกขายส่งแบบบ้านๆ ในตลาดสดประจำท้องถิ่น สู่การแปรรูปเป็นพริกแกงในบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ เพื่อขยายตลาดได้กว้างไกลยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับบริหารธุรกิจในนามนิติบุคคล บริษัท ภาเบญ ฟู้ดส์ จำกัด และสร้างแบรนด์ “แม่น้อย” 
 
 
นายภาณุ กล่าวว่า พริกแกงตักสดเก็บได้ไม่นาน ทำให้ไม่สามารถส่งขายพื้นที่ไกลๆ ได้ ตอนนั้น ทางภาคเหนือ ยังไม่มีผู้ผลิตพริกแกงที่เป็นมาตรฐานเลย เราเลยลองผลิตพริกแกงใส่บรรจุภัณฑ์สุญญากาศ สะอาดและเก็บไว้ได้นาน เป็นเจ้าแรกของภาคเหนือแล้วไปเสนอขายตามร้านขายส่งต่างๆ  ทำให้ขยายตลาดได้กว้างขึ้นจากเฉพาะในอำเภอเมืองเชียงราย ก็ขยายไปสู่อำเภอรอบนอก และต่อไปถึงจังหวัดใกล้เคียง พร้อมปรับปรุงกระบวนการผลิต สร้างโรงงาน และนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิต”
 
 
ด้วยการเน้นให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานเป็นสิ่งสูงสุด แม้จะเป็นผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอี ทว่า พริกแกงแม่น้อย  มีมาตรฐานด้านการผลิตและผลิตภัณฑ์ระดับสากล ระดับส่งออกได้เช่น อย. GMP และฮาลาล เป็นต้น ทำให้ได้รับโอกาสขยายตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพาสินค้าขายผ่านโมเดิร์นเทรด ถือเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ยอดขายเติบโตก้าวกระโดด
 
 
“การส่งสินค้าเข้าห้างโมเดิร์นเทรด เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย เนื่องจากต้องปรับตัวอย่างรุนแรง เพื่อยกระดับธุรกิจทุกๆ ด้าน ให้ตอบโจทย์เกณฑ์ของโมเดิร์นเทรดและความต้องการตลาดทั่วประเทศได้เหมาะสม ยอมรับว่า ช่วงปีแรก หนักหนาสาหัสมาก เพราะต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งการสต็อกสินค้า ลงทุนเครื่องจักร และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่เมื่อสินค้าเริ่มติดตลาด ประกอบกับการพัฒนาผลิตภาพ (productivity) และมีสินค้าใหม่มาออกต่อเนื่อง สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับ” 
 
 
คุณเบญจวรรณ กล่าวเสริมว่า พริกแกงแม่น้อย มีจุดเด่นของการเป็นพริกแกงสูตรต้นตำรับเมืองเหนือแท้ๆ ที่รักษารสชาติแบบดั้งเดิม แต่เสิร์ฟในรูปโฉมใหม่ที่สะอาดปลอดภัยและได้มาตรฐาน  ทำให้เหมาะจะซื้อเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว ยามมาเยือนจังหวัดทางภาคเหนือ ขณะเดียวกันคนทุกภูมิภาคที่อยากได้พริกแกงเหนือแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นพริกแกงน้ำเงี้ยวพริกแกงอังเลพริกแกงข้าวซอย ฯลฯ ก็สามารถซื้อหาไปประกอบอาหารกินเองได้ง่ายๆ  
 
 
ขณะเดียวกัน นำพื้นฐานความชำนาญเดิมต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เสมอ ตัวอย่างความสำเร็จ คือ “พริกแกงหมาล่า”ที่เห็นเทรนด์ฮิตในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ  จึงทดลองผลิตออกสู่ตลาด  โดยใช้เครื่องจักร และวัตถุดิบที่มีอยู่แล้ว นำมาพัฒนาสูตรรสชาติที่คาดว่าถูกปากคนไทย ปรากฏว่า ทุกวันนี้ พริกแกงหมาล่าแบรนด์แม่น้อย เป็นสินค้าขายดี จนผลิตไม่ทันความต้องการตลาด
 
 
ไอเดียต่อยอดสร้างสินค้าใหม่ ๆ เสมอทำให้ปัจจุบัน พริกแกงแม่น้อย มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 40 ชนิด ส่งขายทั่วประเทศ ผ่านโมเดิร์นเทรดชื่อดัง ร้านของฝากและช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ กำลังผลิตพริกแกงกว่า 4-5 ตันต่อวัน และใช้เครื่องเทศกว่า 14-15 ตันต่อเดือน โดยมีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank สาขาเชียงรายเข้ามาเสริมแกร่งสนับสนุนการเติบโต ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่าง ๆ  ช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ รวมถึง ยกระดับลงทุนเพิ่มกำลังผลิต ช่วยให้กิจการเดินหน้าตามแผนได้อย่างไม่มีสะดุด
 
 
การเดินทางต่อยอดธุรกิจพริกแกงแม่น้อย มากว่า 30 ปี  ความภูมิใจของ ภาณุ และเบญจวรรณ  คือ ได้สานต่ออาชีพที่บุกเบิกโดยคุณแม่  ให้ยืนหยัดเป็นเสาหลักสร้างอาชีพ ช่วยสนับสนุนคนในชุมชนท้องถิ่นบ้านเกิด  ให้มีงานทำ โดยแรงงานกว่า110 ชีวิต ที่อยู่กันมาเหมือนครอบครัว มากกว่า 90% เป็นคนในท้องถิ่น ทั้งคนไทยและชาวไทยภูเขา ได้ทำงานที่บ้านเกิด ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานเข้าไปทำงานในเมือง ช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  
 
 
“ผมอยากให้กิจการของเราเป็นเอสเอ็มอีที่จิ๋วแต่แจ๋ว  ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าได้รับคุณค่าที่ยิ่งใหญ่จากผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน มีการพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง เมื่อบริษัทเราสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคงก็จะสามารถกลับมาดูแลพนักงานได้อย่างดีที่สุด ซึ่งเราสองคนคิดเสมอว่า ที่ธุรกิจเดินมาได้ถึงวันนี้  เพราะพนักงานทุกคนช่วยกัน ดังนั้น เราอยากจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด” นายภาณุ กล่าว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ยาสูบเปิดประมูล 798.06 ล้าน สถานีใบยาเวียงพาน เริ่ม ส.ค. 67

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ยสท.ได้จัดประชุมรับฟังความเห็นและทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) ในการเปิดประมูลเช่าที่ดินย่านไพรมแอเรีย 3 แปลง สัมปทานเช่ายาวสุด 30 ปี โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และนักลงทุนสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ขั้นตอนหลังจากนี้คาดว่าจะเปิดขายซองประกวดราคาได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567 นี้

 

โครงการเปิดประมูลสัมปทานที่เช่าในครั้งนี้ มีบริษัท ออทรานส์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการ นำเสนอรายละเอียดที่ดิน 3 แปลง ดังนี้

 

1.ที่ดินโฉนดเลขที่ 4744 และ 5215 พื้นที่รวม 2-2-93 ไร่ อยู่ในซอยสุขุมวิท 10 เขตคลองเตย เดิมเป็นที่พักของผู้บริหาร ยสท. ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์ ประเมินมูลค่าตลาดอยู่ที่ 756.83 ล้านบาท วางแผนให้เช่า 30 ปี ทำเลติดสวนป่าเบญจกิติฝั่งเหนือ เหมาะสำหรับพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ทั้งที่อยู่อาศัย และกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่น ๆ

 

2.พื้นที่บางส่วนของสำนักงานใหญ่ ยสท. เขตคลองเตย (ติดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์) ขนาด 9 ไร่ โฉนดเลขที่ 3505 และ 3507 ประเมินมูลค่าตลาด 920.73 ล้านบาท รูปแบบให้เช่าที่ดินเปล่า พร้อมอาคารกีฬาในร่ม สนามแบดมินตัน และสนามเทนนิส วางแผนเปิดประมูลเช่าระยะกลาง 10 ปี เหมาะสำหรับพัฒนาโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์และลานกีฬากลางแจ้ง

 

และ 3.แปลงที่ดินสถานีใบยาเวียงพาน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พื้นที่รวม 75 ไร่ ทำเลติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ประเมินมูลค่าตลาด 798.06 ล้านบาท ทำเลยุทธศาสตร์การค้าชายแดน และเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้เพิ่มศักยภาพของแปลงที่ดิน แวดล้อมด้วยสถานที่ราชการ โรงพยาบาล สวนสาธารณะ เหมาะสำหรับพัฒนาโครงการขนาดใหญ่

 

ผู้ว่าการ ยสท. กล่าวว่า ยสท.มีทรัพย์สินรวมกัน 150 แปลง พื้นที่มากกว่า 6,000 ไร่ ทุกแปลงมีการศึกษาและบรรจุอยู่ในผังแม่บทการใช้ประโยชน์ที่ดิน มีการวิเคราะห์ศักยภาพและความเป็นไปได้ นำมาสู่การเปิดประมูลเฟสแรก 3 แปลงไฮไลต์ดังกล่าว

 

ถัดจากนี้ ยสท.ยังมีที่ดินทำเลศักยภาพสูง อาทิ แปลงโรงงานยาสูบ 1 ด้านหน้าติดถนนเจริญกรุง ด้านหลังติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เอเชียทีค พื้นที่ 5 ไร่เศษ ใกล้กันมีอีกแปลงขนาด 3 ไร่เศษ รวมทั้งในภาคเหนือ อาทิ ลำปางที่เตรียมประมูลให้เช่าอาคารสำนักงานริมถนนบุญวาทย์ และมีแผนเปิดให้เช่าอาคารสำนักงานที่กระจายในภาคเหนือและภาคอีสาน สัญญาเช่า 3 ปี เป็นต้น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบิ๊กธุรกิจที่ ยสท.เชิญมาร่วมทำ Market Sonding ครั้งนี้ อาทิ บริษัท เฮอริเทจ เอสเตท, กลุ่มมาบุญครอง, PTTOR, นายณ์ เอสเตท, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, แอสเซทไวส์, เซ็นทรัลพัฒนา, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย หรือ FPT เป็นต้น

 

ทั้งนี้ ยสท.เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง ปัจจุบันมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ และบางส่วนเหลือจากการใช้งาน สามารถนำมาจัดหาประโยชน์ด้วยการให้เช่าเชิงพาณิชย์ เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร

 

นโยบายนำทรัพย์สินมาเปิดประมูลให้เช่านั้น ริเริ่มในปีงบประมาณ 2566 โดยได้ว่าจ้างที่ปรึกษาในการจัดทำผังแม่บทหรือมาสเตอร์แพลน โดยพิจารณาแบ่งศักยภาพที่ดินเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ที่ดินที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ที่ดินที่มีศักยภาพเชิงอุตสาหกรรม และที่ดินที่มีศักยภาพเชิงเกษตร ตามแผนจะเปิดประมูลสัญญาเช่าแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สูงสุด 30 ปี

 

เบื้องต้น ทรัพย์สินของ ยสท.กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค ตามสัดส่วนทรัพย์สิน คือ พื้นที่ภาคอีสาน มีทรัพย์สินมากสุด สัดส่วน 54.67% รองลงมาอยู่ในภาคอีสาน สัดส่วน 32.00% และภาคกลาง มีสัดส่วนทรัพย์สิน 13.33%

 

รายละเอียด 3 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ “ภาคเหนือ” มี 82 แปลง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย 26 แปลง, เชียงใหม่ 40 แปลง, แพร่ 14 แปลง และลำพูนกับลำปางจังหวัดละ 1 แปลง

 

“ภาคอีสาน” 6 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย 22 แปลง, นครพนม 11 แปลง, ขอนแก่น 10 แปลง ร้อยเอ็ด 2 แปลง และบึงกาฬ 1 แปลง

 

“ภาคกลาง” 4 แปลง ได้แก่ กรุงเทพฯ 10 แปลง สุโขทัยและเพชรบูรณ์จังหวัดละ 4 แปลง และพระนครศรีอยุธยา 2 แปลง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การยาสูบแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงราย ติด 1 ใน 5 ‘เมืองรอง’ ค้นหาใน อโกด้า ช่วงต้นฤดูฝนมากสุด

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 จากข้อมูลของ อโกด้า (Agoda) แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ พบว่า จังหวัดเมืองรองที่นักเที่ยวชาวไทยค้นหามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จันทบุรี นครศรีธรรมราช นครนายก ราชบุรี และเชียงราย ตามลำดับ โดยจังหวัดเมืองรองเหล่านี้มีที่เที่ยวที่หลากหลาย เที่ยวได้ไม่จำเจ ตั้งแต่การออกเที่ยวเพื่อดื่มดำไปกับธรรมชาติ จนถึงการไปชิมอาหารรสชาติพื้นเมือง

 

สถิติการค้นหาเมืองรองมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน โดยจากทั้ง 5 เมืองรองที่ถูกค้นหามากที่สุด พบว่า นครนายก (อันดับ 3) เป็นจังหวัดที่มียอดการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งการค้นหาเมืองรองที่เพิ่มขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์การท่องเที่ยวที่นักเดินทางต้องการค้นหาประสบการณ์ที่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อนจากเมืองรองมากขึ้น

 

Pierre Honne ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย อโกด้า กล่าวว่า ความนิยมเที่ยวเมืองรองที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวไทยต้องการสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย และต่างไปจากเดิม ความร่วมมือระหว่างอโกด้าและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการค้นหาเมืองรองโดยรวมที่เพิ่มขึ้น อโกด้ายินดีและพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดเมืองรองที่มีความโดดเด่นในแง่มุมต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
 
 

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวไทย สถิติจากอโกด้ายังชี้ให้เห็นถึงปริมาณการค้นหาที่พักในจังหวัดเมืองรองของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น  โดยเมืองรองที่นักเที่ยวต่างชาติค้นหามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงราย อุดรธานี นครศรีธรรมราช จันทบุรี และตรัง ตามลำดับ โดยจังหวัดเหล่านี้มีความโดดเด่นทั้งด้านวัฒนธรรม   และภูมิทัศน์ที่สวยงามหลากหลาย จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยี่ยมเยียนเพื่อสัมผัสความเป็นไทย

 

ด้วยตัวเลือกที่พักที่มีความหลายหลายจากอโกด้า ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบ ไปจนถึงเกสต์เฮาส์ที่มีเสน่ห์ ช่วยให้การค้นหาที่พักสำหรับทุกการเดินทาง เช่น การเที่ยวเมืองรองในช่วงต้นฤดูฝนเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่เคย นอกจากนี้แพลตฟอร์มอโกด้ายังมีบริการต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ครอบคลุมในทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวในหรือต่างประเทศ ทั่วโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อโกด้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงราย จัดโครงการส่งเสริมการ ท่องเที่ยววิถีถิ่นตามสีสันแห่งล้านนา

 

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมการพัฒนาและนำเสนอเมนูอาหารถิ่น อาหารชาติพันธุ์ ส่งเสริมการสร้างท่องเที่ยววิถีถิ่นตามสีสันแห่งล้านนา (The color of Lanna : The way of life) โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน กลุ่มเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดเชียงราย เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดเชียงราย และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว กว่า 80 คน เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 มิถุนายน 2567

 

นางสาวขนิษฐา แจ่มน่าน นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีถิ่นตามสีสันแห่งล้านนา ครั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพบุคคลากรด้านการท่องเที่ยว ชุมชน และกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ในจังหวัดเชียงราย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการของกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง โดยมีการอบรมให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาหารและสุขอนามัยในการประกอบอาหาร การออกแบบการจัดรายการอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และอาหารว่าง เมนูอาหารถิ่น อาหารชาติพันธุ์ 
 
 
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว การออกแบบและจัดตกแต่งอาหาร การนำเสนอเมนูอาหารถิ่น อาหารชาติพันธุ์ และกระบวนการขั้นตอนการปรกอบอาหารที่ถูกต้อง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ชมรมเชฟและพ่อครัว จังหวัดเชียงราย มาให้คำแนะนำวิธีการขั้นตอนการประกอบอาหารที่ถูกต้องและถูกสุขอนามัย สร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าบนพื้นฐานอัตลักษณ์ประจำถิ่น อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เตรียมงบประมาณ 35 ล้าน ปี 68 สร้างถนนเข้าตลาด อ.พาน ตลาดหกแยก

 

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2567 09.00 น.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลตำบลเมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย แขวงทางหลวงพะเยา ประกอบไปด้วย นายพูนศักดิ์ เมาะราษี ผอ.แขวงทางหลวงพะเยา,นายสมัย จันทัน รอง ผอ.ฝ่ายวิศวกรรม แขวงการทางพะเยา,นายวรวุฒิ ชำนาญชัย หัวหน้าหมวดแขวงทางหลวงแม่ใจ แขวงทางหลวงพะเยา,นายสุดเขต วิเศษ วิศวกรแขวงทางหลวงพะเยา พร้อมด้วยภาคส่วนท้องที่ท้องถิ่น เช่น นายวชิร ดวงแสงทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองพาน,ผู้แทนจากนายวุฒิกร คำมา ฝ่ายอำเภอพาน,ผู้แทนจากส.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตอำเภอพาน และตัวแทนภาคประชาชนท้องที่ท้องถิ่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 200 คน ร่วมกันทำประชาพิจารณ์โครงการปรับปรุงโครงสร้างทางหลวง บริเวณแยกบ้านดอย กม.889+000 ถึง กม.889+725

 

นายพูนสวัสดิ์ เมาะราษี ผอ.แขวงทางหลวงพะเยาเปิดเผยว่า แขวงทางหลวงพะเยาจะดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงทางแยกบ้านดอย ปรับปรุงผิดจราจรเป็นพื้นคอนกรีตเพคเม้นท์ หนา 25 เซนติเมตร ทั้งขาขึ้นและขาล่องบริเวณแยกบ้านดอย พร้อมติดตั้งเสาไฟแสงสว่าง ไฮแมส สูง 25 เมตร จำนวน 4 ต้น และปรับปรุงช่องทางซ้ายผ่านตลอดมีฉนวนกั้นช่วงขาขึ้นมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงราย ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ดำเนินการ 180 วัน แล้วเสร็จ เดือน พ.ย.67  พร้อมทั้งเผย โครงการถนนบายพาสเข้าตลาดอำเภอพานบริเวณตลาดนัดคลองถมหกแยก ว่า จะใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการสำรวจออกแบบ เมื่อออกแบบเสร็จก็จะมีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้งประมาณเดือนสิงหาคม 2567

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : แขวงทางหลวงพะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เรือนจำกลางเชียงราย เปิดมุมกาแฟ “หับเผย BY กลางเชียงราย”

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ที่เรือนจำกลางเชียงราย ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย ได้จัดพื้นที่ส่วนหน้าของเรือนจำกลางเชียงราย ซึ่งเป็นบริเวณประตูทางเข้าเรือนจำกลางเชียงราย ให้เป็นร้านกาแฟแห่งใหม่ ชื่อว่า “หับเผยคาเฟ่ BY กลางเชียงราย” และ คาร์แคร์ล้างรถ ที่ชื่อ “หับเผย คาร์แคร์ BY กลางเชียงราย” โดยสถานที่ทั้ง 2 อยู่ติดกัน มีร่มเงาจากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เย็นสบาย

 

โดย นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย กล่าวถึงที่มาของชื่อร้านกาแฟ “หับเผย” ว่า คำว่า “หับเผย” เป็นภาษาโบราณ ที่อดีตเจ้าหน้าที่จะเข้าออกเรือนจำ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “คุก” มาตอนเช้าก็จะมาเปิดประตูเราจะเรียกว่า “เผย” และเมื่อถึงเวลาเลิกงานก็จะปิดประตูเรือนจำ ซึ่งจะเรียกว่า “หับ” จึงเป็นที่มาของคำว่า “หับเผย” นั้นเอง
สำหรับที่มาของการเปิดร้านบริการทั้ง 2 แห่ง คือร้านกาแฟ “หับเผย” และ คาร์แคร์ “หับเผย” เพื่อเป็นการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังก่อนปล่อย โดยการจำแนกผู้ต้องที่มาฝึกวิชาชีพในสถานที่แห่งนี้ จะเป็นผู้ต้องขังชั้นกลางขึ้นไป คือเหลือโทษสูงไม่เกิน 3-5 ปี โดยทางเรือนจำจะคัดผู้ต้องขังหญิงมาทำการฝึกประสบการณ์การทำกาแฟ การบริการ
 
 
ทั้งนี้ เรือนจำฯ ก็ทำการฝึกฝีมืออยู่เป็นประจำในเรือนจำ แต่เราได้เปิดโอกาสให้ได้ปฏิบัติจริง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับสนับสนุนวิทยากรจากสถาบันการศึกษา มาทำการฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังอยู่เป็นประจำ ทำให้กาแฟที่ “หับเผยคาเฟ่ BY กลางเชียงราย” มีราคาไม่สูงมากนัก เพราะถือว่าเป็นการฝึกวิชาชีพ ส่วนกาแฟที่นำมาบริการ มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน เป็นวิสาหกิจชุมชนอำเภอแม่สรวย คือ “ดอยช้าง”
 
 
นอกจากนี้ยังมี “หับเผย คาร์แคร์ BY กลางเชียงราย” ที่คอยให้บริการทุกๆ คน ในราคาที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งผู้ที่มาฝึกวิชาชีพจะเป็นผู้ต้องขังชาย โดยเปิดบริการตั้งแต่ 08.30-16.30 น. จึงอยากขอให้ทุกๆ ท่าน ที่ผ่านไปมาบริเวณเรือนจำกลางเชียงราย ได้แวะเข้ามาใช้บริการล้างรถ ชิมกาแฟ ขนมที่หลากหลาย เพื่อเป็นการให้กำลังใจผู้ต้องขังทุก ๆ คน ที่พวกเขาต้องการโอกาสจากทางสังคมเมื่อพ้นโทษออกไป”
 
 
ในการนี้ ทางเรือนจำกลางเชียงราย ยังได้จัดตั้งวงดนตรีขึ้นมา ที่มีชื่อวง “หับเผย แบนด์” ซึ่งจัดแสดงดนตรีสดให้กับนักท่องเที่ยวได้รับฟังเพลงเพราะๆ ในช่วงงานสำคัญต่าง ๆ รวมทั้ง การนำผลิตภัณฑ์งานทำมือ การปักผ้า การทำกระเป๋า จากฝีมือผู้ต้องขังชาย และหญิง ออกมาจำหน่ายด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เตรียมเคาะ 2 SME เชียงราย ให้เงินทุนพัฒนาสนับสนุนสินค้า

 

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมนารายณ์ ชั้น 2 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ประจำจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งมีคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ประจำจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมพิจารณาความคืบหน้าของผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณา กลั่นกรอง และคัดเลือกเอสเอ็มอีที่มีคุณสมบัติและเข้าข่ายได้รับการสนับสนุน ด้านสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โครงการสินเชื่อ ลดโลกร้อน Decarbonize Loan (ปี 2566) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีผู้ขอกู้รายใหม่จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ไท้ หยวน จินซาน จำกัด ประกอบกิจการ โรงอบลำไย ที่อยู่ 194 หมู่ 9 ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และบริษัท เวียงป่าเป้า วิศวกรรม (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการ ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการเกษตร (เครื่องสีกาแฟ , เครื่องคั่วกาแฟ และอื่นๆ ที่อยู่ 68 หมู่ 3 ตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และผู้กู้รายเก่าพิจารณาเพิ่มเติม จำนวน 1 ราย ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นงเยาว์ ฟู้ดส์ โปรดักส์ ประกอบกิจการ แปรรูปสับปะรด ที่อยู่ 238 หมู่ 14 ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

 

ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ ลงมติเห็นชอบ และส่งมอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (สาขาแม่สาย) (SME D BANK) เป็นผู้ดำเนินการวิเคราะห์การอนุมัติสินเชื่อต่อไป
 
 
กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งมั่นสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและเติบโตได้อย่างมั่นคงและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป
 
 
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจสามารถสมัครสินเชื่อได้ผ่านเว็บไซต์ของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ www.thaismefund.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News