Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ผ้าไทยใส่สนุก มมท.เชียงรายรณรงค์ สืบสานภูมิปัญญา

เชียงรายส่งเสริมผ้าไทย “ใส่ให้สนุก” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สืบสานภูมิปัญญา

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้ารณรงค์สวมใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวันผ่านโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” โดยมุ่งสร้างความตระหนักในคุณค่าของผ้าพื้นถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าไทย พร้อมผลักดันให้ผ้าไทยเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายประจำวันของประชาชนอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นางสินีนาฏ ทองสุข ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ได้นำสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยอำเภอแม่ลาว ลงพื้นที่จัดกิจกรรมรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย ณ บ้านแม่ต๊าก หมู่ที่ 5 ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะผ้าไทย และการสร้างอัตลักษณ์ที่สง่างามในแบบไทยร่วมสมัย

ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากผ่านภูมิปัญญา

โครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” มีเป้าหมายในการสนับสนุนผู้ประกอบการผ้าพื้นถิ่นทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย และการสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ โดยในกิจกรรมที่จัดขึ้น ณ ตำบลบัวสลี ได้มีการสาธิตการพิมพ์ลายผ้าด้วยเทคนิค Eco Print ซึ่งใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใบไม้ ดอกไม้ มาสร้างลวดลายเฉพาะตัวบนผืนผ้า เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กับการสืบสานภูมิปัญญาชุมชน

กลุ่มผ้าพิมพ์ลายตำบลบัวสลี ถือเป็นกลุ่มตัวอย่างของการรวมกลุ่มในระดับชุมชนที่มีความเข้มแข็ง ทั้งในด้านการจัดการ การผลิต และการสร้างเครือข่ายจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งช่วยให้ครัวเรือนในพื้นที่มีรายได้เสริมและสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

ขยายผลสู่ทุกอำเภอของเชียงราย

บ้านแม่ต๊ากในครั้งนี้ ถือเป็นพื้นที่ที่ 15 จาก 18 อำเภอที่คณะทำงานของชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงรายได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะ พูดคุย ให้กำลังใจ และรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง โดยมีเป้าหมายให้ทุกอำเภอในจังหวัดเชียงรายมีส่วนร่วมในโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” อย่างทั่วถึงภายในปี 2568

นางสินีนาฏ ทองสุข กล่าวว่า “การส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยไม่ใช่เพียงแค่การแต่งกายให้สวยงาม แต่เป็นการแสดงถึงความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย การเคารพต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น และการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่ในชุมชนของตนเอง”

ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่ลาว ที่ทำการปกครองอำเภอแม่ลาว ท้องถิ่นอำเภอแม่ลาว พัฒนาการอำเภอแม่ลาว ตลอดจนผู้นำชุมชน อาทิ กำนันและผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลบัวสลี ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง

นอกจากการเรียนรู้เทคนิคการพิมพ์ผ้าแล้ว ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ผ้าพิมพ์ลาย เครื่องแต่งกายพื้นถิ่น และของที่ระลึกจากชุมชนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับท้องถิ่นอีกด้วย

มุมมองจากทั้งสองฝ่าย

ด้านผู้สนับสนุนโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” มองว่าเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและเหมาะสมต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรยังผันผวน อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชนมีความภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง

ขณะที่อีกฝ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่บางส่วน แสดงความคิดเห็นว่า ควรมีการปรับรูปแบบกิจกรรมให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดเยาวชนให้เข้ามามีส่วนร่วม และควรเน้นการสร้างตลาดรองรับที่ยั่งยืนมากกว่าการรณรงค์เพียงระยะสั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สามารถนำไปใช้ประกอบการพัฒนาโครงการในระยะต่อไป

แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมผ้าไทย

ข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนกลุ่มผู้ผลิตผ้าพื้นเมืองมากกว่า 8,000 กลุ่มทั่วประเทศ สร้างรายได้รวมกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี โดยภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตและจำหน่ายผ้าไทยสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 41.5 ของตลาดผ้าไทยในประเทศ

เฉพาะในจังหวัดเชียงราย มีจำนวนกลุ่มทอผ้าและพิมพ์ผ้ากว่า 360 กลุ่ม ครอบคลุมเกือบทุกอำเภอ โดยกลุ่มที่มีความโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มทอผ้าไทลื้อ กลุ่มผ้าชาติพันธุ์อาข่า และกลุ่มผ้า Eco Print ตำบลบัวสลี ซึ่งต่างได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนาแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และการเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายสมัยใหม่

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนกลุ่มผู้ผลิตผ้าไทยในประเทศไทย (ปี 2567): มากกว่า 8,000 กลุ่ม
  • รายได้รวมจากอุตสาหกรรมผ้าไทยในปี 2567: ประมาณ 2,500 ล้านบาท
  • จังหวัดเชียงรายมีจำนวนกลุ่มผ้าพื้นถิ่น: มากกว่า 360 กลุ่ม (ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ปี 2567)
  • สัดส่วนผ้าไทยที่ผลิตในภาคเหนือ: ร้อยละ 41.5 ของตลาดผ้าไทยทั้งประเทศ (กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปี 2567)

ทัศนคติแบบเป็นกลาง

จากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน แม้จะมีข้อเสนอแนะบางส่วนเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาและการขยายผลในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในระดับชุมชน

โครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” จึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อวัฒนธรรม แต่ยังเป็นเครื่องมือหนึ่งในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของสังคมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย / สมาคมแม่บ้านมหาดไทย / สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย / กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย / สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย / ที่ทำการปกครองอำเภอแม่ลาว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายลงพื้นที่ ช่วยผู้ประสบภัยพายุแม่ลาว

เชียงรายวิกฤต พายุถล่มหนัก รพ.เสียหาย ผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือ


เชียงราย, 19 มีนาคม 2568 – พายุฤดูร้อนพัดถล่มหลายอำเภอในเชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือนและสถานที่ราชการเสียหายหนัก นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสา และประชาชนในพื้นที่ เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุพายุฤดูร้อนที่พัดถล่ม อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้น การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายและซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงสถานที่ราชการ เช่น โรงเรียนอนุบาลป่าก่อดำ ตำบลป่าก่อดำ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก อาคารอเนกประสงค์และอาคารเรียนได้รับความเสียหายหลายจุด

พายุที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 18.20 น. ทำให้เกิดฝนตกหนักและพายุลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่อย่างรุนแรง หลายครอบครัวกำลังเร่งซ่อมแซมหลังคาบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากแรงลมที่พัดกระหน่ำ

ผู้ว่าฯ เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัย

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม โรงพยาบาลแม่ลาว ซึ่งได้รับความเสียหายหนักจากพายุ อาคารผู้ป่วยในไม่สามารถรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติมได้ โครงสร้างหลังคาของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (ห้องแล็บ) เสียหายจนไม่สามารถให้บริการได้ และมีน้ำรั่วซึมในหลายจุด

มาตรการเร่งด่วนของโรงพยาบาลแม่ลาว

เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย โรงพยาบาลแม่ลาวได้ออกประกาศให้ผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นสามารถกลับบ้านได้ก่อนกำหนด พร้อมทั้ง ประสานโรงพยาบาลเครือข่าย เพื่อรองรับผู้ป่วย ดังนี้:

  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ รับผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉิน
  • โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร รับผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวและมีอาการคงที่
  • โรงพยาบาลพาน ให้บริการตรวจเลือดเร่งด่วน

ทางโรงพยาบาลยังได้เคลื่อนย้าย อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง ออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำฝนและไฟฟ้าลัดวงจร พร้อม ประสานเทศบาลตำบลป่าก่อดำ ในการจัดการกับสิ่งกีดขวางที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้าออกโรงพยาบาล ทั้งนี้ ได้มีการ ตั้งศูนย์รายงานการบาดเจ็บ ณ ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแม่ลาว เพื่อรับแจ้งเหตุและดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจากพายุฤดูร้อน

แผนฟื้นฟูและการช่วยเหลือจากภาครัฐ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า อำเภอแม่ลาวได้รับผลกระทบหนักที่สุด และทางจังหวัดพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยได้สั่งการให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการแจกจ่ายวัสดุก่อสร้าง เช่น กระเบื้องและอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน ให้แก่ผู้ประสบภัย

ในส่วนของ โรงพยาบาลแม่ลาว จะเสนอของบประมาณจาก เขตตรวจสุขภาพ เพื่อเร่งซ่อมแซม ขณะที่ สถานศึกษา จะเสนอของบประมาณจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ วัดที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายได้เปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนผู้ประสบภัยผ่านแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก สภากาชาดไทย

รายงานความเสียหายจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.) รายงานว่าพายุครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอแม่ลาว เป็นหลัก ครอบคลุม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลจอมหมอกแก้ว, ตำบลป่าก่อดำ, ตำบลบัวสลี และตำบลดงมะดะ โดยส่งผลกระทบต่อ:

  • โรงพยาบาลแม่ลาว เสียหายหนักในหลายจุด
  • โรงเรียนอนุบาลจอมหมอกแก้ว หลังคาหอประชุมพังเสียหาย
  • ศาลาการเปรียญวัดดอนจั่น และห้องน้ำวัด ได้รับความเสียหาย
  • ป้ายปั๊ม ปตท. ถูกแรงลมพัดจนได้รับความเสียหาย

มี ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จากการถูกป้ายเวทีล้มทับบริเวณหัวไหล่

พายุยังส่งผลกระทบในพื้นที่ อำเภอพาน, อำเภอป่าแดด, อำเภอเวียงเชียงรุ้ง, อำเภอเมืองเชียงราย และเทศบาลนครเชียงราย โดยมีบ้านเรือนเสียหาย รวมอย่างน้อย 15 หมู่บ้านใน 8 ตำบล และมีหน่วยงานราชการเสียหาย 2 แห่ง รวมถึงวัดอีก 1 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

สถิติที่เกี่ยวข้องกับพายุฤดูร้อนในภาคเหนือ

  • พายุฤดูร้อนในภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน
  • เชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนบ่อยที่สุดในภาคเหนือ โดยเฉลี่ย 5-7 ครั้งต่อปี
  • ในปี 2567 พายุฤดูร้อนสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาททั่วประเทศ

สรุป

พายุฤดูร้อนที่พัดถล่มจังหวัดเชียงรายส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะ อำเภอแม่ลาว ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทางจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนและดำเนินมาตรการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย / กรมอุตุนิยมวิทยา ปี 2567

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงและป้องกันไฟป่าหมอกควัน อ.แม่ลาว

 

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 67 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ลาว พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ สมาชิกวุฒิสภาพร้อมคณะลงพื้นที่อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ในโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน คณะที่ 2 ได้ร่วมประชุมเพื่อหารือข้อราชการและรับฟังการรายงานจากส่วนราชการในประเด็นต่างๆ โดยมี นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒ นายอำเภอแม่ลาว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ เพื่อหารือในการเตรียมการป้องกันการเผาป่า การแก้ไขปัญหาหมอกควัน PM2.5 การดูแลสุขภาพประชาชน และการส่งเสริมการผลิตและบริโภคผักปลอดสารพิษเพื่อเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang rai Wellness City) และประเด็นอื่นๆ ที่สำคัญ

 

ในการนี้ พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ สมาชิกวุฒิสภา คณะที่ 2 พร้อมคณะลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 ตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว ซึ่งเป็นบ้านของนางแก้วรัตน์ ไพยราช ที่ได้มีการส่งเสริมการผลิตปลูกและบริโภคผักปลอดสารพิษหลายชนิดภายในบริเวณรอบบ้านเต็มไปด้วยพืชผักสวนครัว สมุนไพร การเลี้ยงปลาธรรมชาติ และอื่นๆ อีกมายแบบครบวงจร เพื่อเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang rai Wellness City) ต่อไป
 
 
หลังจากนั้น คณะสมาชิกวุฒิสภา คณะที่ 2 ได้ลงื้นที่ไปยังบ้านป่าซ่างเหนือ หมู่ที่ 1 ตำบลโป่งแพร่ อำเภอแม่ลาว เพื่อเยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM2.5 ที่มีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อป้องกันไฟป่าได้เป็นอย่างดี เช่น การทำแนวป้องกันไฟป่าเขตติดต่อระหว่างอำเภอ การจัดเวรยามเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังไฟป่า ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้อำเภอแม่ลาว ยังไม่พบว่ามีการเผาป่าหรือพบจุดความร้อนแต่อย่างใด จึงขอชื่นชมนายอำเภอแม่ลาว และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้ช่วยกันป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ได้อย่างเข้มแข็ง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

เปิดศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว ณ พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย ต.บัวสลี อ.แม่ลาว จ.เชียงราย โดยมีนายบุญส่ง กาบแก้ว ประธานชมรม อพม.อ.แม่ลาว กล่าวรายงาน และมีท่านพระครูสังฆรักษ์เรวัฒน์ เรวโต ผู้อำนวยการสำนักงานวิชาการ ผู้นำชุมชน ประธานและสมาชิกสภา อบต. ผอ.รพ.สต.และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

 

ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว จัดตั้งโดยการรวมกลุ่มของ อพม.ทั้ง 5 ตำบลใน อ.แม่ลาว ได้แก่ ต.โป่งแพร่ ต.จอมหมอกแก้ว ต.ป่าก่อดำ ต.ดงมะดะ และ ต.บัวสลี มีวัตถุประสงค์ร่วมกันคือ ให้ความ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ และศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว เป็นศูนย์ประสานงานร่วมกัน ในการอำนวยการ ประสาน ส่งต่อเพื่อขอรับความ ช่วยเหลือ การจัดทำระบบข้อมูล อพม. การระดมทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานของ อพม. การเสนอความเห็นต่อกระทรวงในการพัฒนางาน อพม. รวมทั้งช่วยเหลือผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง และผู้ยากไร้ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว เพิ่มกำลังใจในการดูแลผู้ป่วยให้ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News