Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไทย-จีนกระชับสัมพันธ์ เร่งแก้ปัญหาน้ำโขงชายแดนเชียงราย

รมว.ทรัพยากรน้ำจีนเยือนเชียงราย กระชับความร่วมมือบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – นายหลี่ กั๋วอิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ เดินทางเยือนจังหวัดเชียงราย เพื่อลงพื้นที่ศึกษาและติดตามความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชายแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง – แม่น้ำรวก – แม่น้ำสาย พร้อมหารือแนวทางพัฒนาโครงการป้องกันอุทกภัยและแล้ง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC)

ในการนี้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วมต้อนรับและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ชายแดนตอนบนของประเทศไทย

เชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน พัฒนาความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในด้านการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งครอบคลุมทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยี และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนได้จัดสรร “กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund)” เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เสนอโดยประเทศสมาชิกในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย

สถานีตรวจวัดน้ำเชียงแสน จุดยุทธศาสตร์สำคัญของความร่วมมือ

นายหลี่ กั๋วอิง และคณะได้ลงพื้นที่สถานีตรวจวัดน้ำเชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยสถานีดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบระดับน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้สำหรับการวางแผนป้องกันอุทกภัย และภัยแล้งของทั้งสองประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยและจีน มีส่วนสำคัญในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า

ลุ่มน้ำรวก-แม่น้ำสาย ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง สร้างผลกระทบต่อประชาชน

แม่น้ำรวกและแม่น้ำสาย เป็นแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศคดเคี้ยวผ่านที่ราบลุ่มและเขาสูง ทำให้ในฤดูฝนมักเกิดน้ำหลากรุนแรง ส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมและเขตชุมชนทั้งสองฝั่งประเทศ ส่วนฤดูแล้งกลับประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยได้ดำเนินโครงการวิจัยร่วมกับฝ่ายจีนและเมียนมา เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ทั้งในด้านการแจ้งเตือนภัยและการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน

ไทย-จีน-เมียนมา ร่วมผลักดันโครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมือง

หนึ่งในโครงการสำคัญที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐบาลจีน คือ “โครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัยภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การประเมินความต้องการของชุมชน การพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ และการอบรมเพื่อเสริมศักยภาพชุมชน

นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วม 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมา และจีน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในระดับภูมิภาค

ลงพื้นที่ศึกษาผลกระทบอุทกภัยในแม่สาย – ท่าขี้เหล็ก

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากจีน ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อติดตามสถานการณ์และประเมินความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น รวมถึงสำรวจโครงสร้างพื้นฐานในจุดเสี่ยง เช่น สถานีสูบน้ำ สะพานข้ามแม่น้ำ และตลาดท้องถิ่น

ภาพรวมของการสำรวจและประชุมหารือในครั้งนั้น นำไปสู่ข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อวางแผนติดตั้งสถานีตรวจวัดข้อมูลอุตุ – อุทกวิทยาในบริเวณต้นน้ำสาย – รวก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ระบบแจ้งเตือนภัยในพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แสดงความเห็นสองด้านต่อความร่วมมือดังกล่าว

ฝ่ายสนับสนุนความร่วมมือไทย-จีน มองว่าการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการน้ำ จะช่วยยกระดับความสามารถของชุมชนไทยในการตั้งรับภัยพิบัติ และเป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ยังขาดการพัฒนาอย่างทั่วถึง

ฝ่ายที่มีความกังวล บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีที่มีจีนเป็นผู้นำ อาจมีอิทธิพลต่อทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคมากเกินไป และอาจกระทบต่ออธิปไตยด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการแบ่งปันข้อมูลและประโยชน์ร่วมกัน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ปี 2567 รวมกว่า 9,200 ไร่ (ข้อมูลจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, 2567)
  • จำนวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 13,000 คน (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย, 2567)
  • จำนวนสถานีตรวจวัดน้ำในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยที่เชื่อมโยงระบบกับจีน ปัจจุบันมี 12 แห่ง (กรมทรัพยากรน้ำ, 2568)
  • กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง (MLC Special Fund) จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการร่วมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี (สำนักงานความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • คณะกรรมการกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (MLC Secretariat)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“หมู่บ้านศีล 5” ที่วัดศรีบุญยืน อ.เชียงแสน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีลห้า” ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ณ วัดศรีบุญยืน บ้านศรีบุญยืน หมู่ที่ 10 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระราชสิริวชิโรดม เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ) ธรรมยุทธ และเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน คณะสงฆ์ นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท.ตลอดจนพี่น้องประชาชน คณะศรัทธา เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก


     จากนั้น พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ของทางหมู่บ้านและวัดที่ได้นำเสนอและจัดนิทรรศการมาแสดงจุดเด่นของหมู่บ้าน อาทิ รางวัลเกียรติคุณหมู่บ้าน โครงการชุมชนต้นแบบด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ การบริหารกลุ่มออมทรัพย์ดีเด่น โครงการโคกหนองนาโมเดล ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ที่โดดเด่น เช่นเครื่องจักรสาน และอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี Soft Power ทางด้านอาหาร วัตามแบบฒนธรรมด้านอาหารของชุมชนบ้านศรีบุญยืน การแต่งกายผู้ชายส่วนใหญ่เสื้อแขนยาวสีเข้มๆ ที่เรียกว่า “ม่อฮ่อม” และผู้หญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมใส่ผ้าซิ้นทอลายขวาง ตามแบบพื้นบ้าน ภาษาที่ใช้ในชุมชนของบ้านศรีบุญยืน คือ “อู้กำเมือง” หรือภาษาเหนือ ส่วนที่เหลือ “อู้กำยอง” ที่เป็นส่วนน้อยเนื่องจากมีแต่ผู้ชาย เพาระเป็นคนเก่าแก่ที่มาจากลำพูน และอื่นๆ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย Kick Off โครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” 

 

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” ณ วัดป่ายางสบยาบ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยนางสุวาภรณ์ จิตต์พลีชีพ รองประธานแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการอำเภอเชียงแสน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น คณะครูและนักเรียน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี

      ในการนี้ นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ โดยมีนางสุรีย์ศรี แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน พัฒนาการอำเภอและเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จาก 18 อำเภอ ร่วมพิธี 

       สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 2019 รวมทั้งใช้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่ของประชาชน เกิดผลดีต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  

     กระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำแนวพระราชดำริดังกล่าว มาขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ร่วมกับประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด และภาคีเครือข่ายการพัฒนา ดำเนินโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” เพื่อต่อยอดขยายผลการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจังหวัดเชียงราย ได้พิจารณาคัดเลือกบ้านสบยาบ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน เป็นพื้นที่ดำเนินงาน 

        สำหรับกิจกรรมในวันนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ได้บูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเชียงแสน เทศบาลตำบลแม่เงิน และประชาชนบ้านสบยาบ ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” ดังนี้

1. กิจกรรม “ผู้นำต้นแบบตัวอย่างที่เห็นจริง” Kick off กิจกรรม โครงการ “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ปันสุข” โดยร่วมกันปลูกไม้ผลและปลูกผักสวนครัว ภายในบริเวณวัดป่ายางสบยาบและบริเวณ 2 ข้างทางของหมู่บ้าน

2. การมอบเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์ไม้ให้แก่ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา สถานศึกษาและตัวแทนครัวเรือน เพื่อนำไปขยายพันธุ์ผัก และต่อยอดไปสู่การจัดตั้งเป็นศูนย์แบ่งปันเมล็ดพันธุ์ระดับตำบล 

3.กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และจัดทำวีดิทัศน์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ฮักษา คน ดิน น้ำ ป่า กับ บ้านแม่สุภาพ จันแปงเงิน พื้นที่เกษตร

 

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรยั่งยืน บ้านแม่สุภาพ จันแปงเงิน ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายคุณสุภาพและครอบครัว ร่วมกับ มูลนิธิรักษ์ไทย สำนักงานเกษตรอำเภอเชียงแสน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเชียงแสน เทศบาลตำบลแม่เงิน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เงิน และเครือข่ายองค์กรชุมชนในพื้นที่ ร่วมกันจัดกิจกรรม เปิดพื้นที่เรียนรู้ “เกษตรเยียวยา ฮักษา คน ดิน น้ำ ป่า เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร” ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการเกษตรกับแกนนำเกษตรกรจากพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พะเยา และเชียงราย มากกว่า 160 คน โดยได้รับเกียรติจาก นายปราณพัฒน์ หาญชัย ปลัดอำเภอเชียงแสน จังหวัดชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด

 

นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์จากหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนแรงบันดาลใจของครอบครัวคุณสุภาพแล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้ เรียนรู้ จากฐานการเรียนรู้ เกี่ยวกับการคืนชีวิตให้ดินจากวัสดุธรรมชาติ ฐานการเรียนรู้เกษตรผสมผสนเพื่ออาหารและรายได้ที่มั่นคงและฐานการเรียนรู้การปลูกถั่วเหลืองพืชทางเลือกหลังนา จากแกนนำเกษตรกรตำบลแม่เงิน นอกจากนี้ยังผู้เข้าร่วมทุกคน ยังได้ทานอาหารและขนม ที่นำวัตถุดิบในแปลงเกษตรคุณสุภาพและเครือข่าย เช่น แกงแคไก่ น้ำพริกผักต้ม น้ำผลไม้จากสมุนไพรในแปลง ส้มตำ เป็นต้น

 

คุณรัตนา ศรีธนะ แกนนำเกษตรกร อำเภอจุน จังหวัดพะเยา หนึ่งในแกนนำเกษตรเครือข่ายเกษตรกรในโครงการ She Feed the World กล่าวว่า “เห็ดชั่วโคตร ที่ปลูกต้นไม้ เอาเชื้อเห็ดมาเติม มันยะได้มันยั่งยืน สัตว์เลี้ยงทั้งกบ ปลา ที่มีอยู่สามารถขายได้ในราคาที่สูง และที่สำคัญทุกตารางนิ้วมันสร้างอาหารได้ น่าสนใจมาก” ขณะที่ คุณอัมพร จากจังหวัดพะเยา ย้ำว่า “ฉันติดตามคุณสุภาพ จาก Facebook มานาน วันนี้ได้มีโอกาสมาพื้นที่จริง รู้สึกดีใจมาก และเห็นคุณสุภาพทำในสิ่งที่เฮาฮัก ฮักในสิ่งที่เฮาทำ มันคือความสุข ที่ฉันจะนำไปประยุกต์ใช้ในแปลงตนเองที่พะเยา”

 

สุดท้าย สุภาพ จันแปงเงิน กล่าวย้ำ ว่า เธอและครอบครัวมีความสุข มีอาหารและรายได้ที่มั่นคง นอกจากนี้เธอยังมีส่วนช่วยให้คนในชุมชนได้รวมกลุ่มทำงานร่วมกันทั้งการพัฒนาด้านการเกษตร การส่งเสริมบทบาทผู้หญิง และยุติการใช้ความรุนแรง ที่มีส่วนช่วยให้คนในชุมชนที่เคยประสบกับปัญหาเช่นเดียวกับเธอ มีความสุข หายจากภาวะซึมเซา ติดเตียงได้ เธอและความครัวมีความสุขมากและจะทำมันต่อไป

 

สุภาพ จันแปงเงิน เล่าถึงชีวิตและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเธอลุกขึ้นมาเผชิญกับปัญหาที่เธอไม่คิดว่ามีทางออก….

จากความพยายามของ สุภาพ จันแปงเงิน และครอบครัว ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงพื้นที่นาที่เธอได้รับมรดกของพ่อแม่ สู่ระบบเกษตรผสมผสาน การส่งเสริมบทบาทหญิงชาย มีหน่วยงานหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานเกษตรอำเภอเชียงแสน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเชียงแสน เทศบาลตำบลแม่เงิน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่เงิน ได้เข้ามาสนับสนุนครอบครัวคุณสุภาพ ในการพัฒนาพื้นที่เกษตรเป็นแหล่งเรียนรู้ และหนึ่งในหน่วยงานที่เข้ามาร่วมสนับสนุน คือ โครงการ She Feed the World ดำเนินงานโดย มูลนิธิรักษ์ไทย ภายใต้การสนับสนุนจาก PepsiCo Foundation โดยการประสานงานจาก องค์การแคร์ นานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีเป้าหมายในการทำงานเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารในระดับครัวเรือน ประเทศ และโลก และความมั่นคงด้านรายได้ของครัวเรือน

 

วันนี้ทุกตารางนิ้วในพื้นที่ 3 ไร่ 3 งาน 75 ตาราวาง คือ แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศเกษตรที่อาศัยความเกื้อกูลกันของสิ่งต่างๆในแปลง โดยไม่ใช้สารเคมี มีความหลากหลายของพืช สัตว์ และเห็ดนานาชนิด มีพืชหลายระดับตั้งแต่พืชหัว พืชคลุมดิน พืชและไม้พุ่มขนาดเล็ก ไม้ผลระดับสูง ไม้ผลและไม้ใช้สอยที่เป็นไม้เด่นหรือไม้ที่มีเรือนยอดสูงสุดในแปลง ซึ่งช่วยเกื้อกูลในการเจริญเติบโตของสัตว์ ทั้งหอย สัตว์น้ำ แมงและแมลง นก หนู กระรอก งู ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้ใหกับครอบครัว ความสำเร็จนี้ได้รับการยอมรับทั้งในระดับชุมชน ตำบล อำเภอและจังหวัด ซึ่งพิสูจน์ได้จากรางวัลมากมายที่ คุณสุภาพ และครอบครัวได้รับ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิรักษ์ไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.สัญจร ลงพื้นที่ อ.เชียงแสนเยี่ยม รพ.สต.ในสังกัด รับข้อเสนอประชาชน

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย สิบเอกวิมล รู้ทำนอง ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายสุวิน เครื่องสีมา สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เชียงแสน เขต 1 นายอนุรักษ์ ทองเสรี สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เชียงแสน เขต 2 ลงพื้นที่ อ.เชียงแสน รับฟังปัญหาความต้องการและความเดือดร้อน รวมทั้งข้อเสนอการดำเนินการ ต่าง ๆ ของ อบจ.เชียงราย ในพื้นที่ อ.เชียงแสน ในโครงการมหกรรม อบจ.สัญจร ประจำปี 2567 ณ หอประชุมโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม โดยมีนายรังสรรค์ ไชยพุฒ นายก ทต.โยนก นางเกศสุดา สังขกร นายก ทต.เวียงเชียงแสน นายสุเทพ ล้อสีทอง ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในการเสนอความต้องการและเสนอปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ครั้งนี้ด้วย
 
 
พร้อมกันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อ.เชียงแสน โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.เชียงราย และรพ.สต. ในการช่วยเหลือการเข้าถึงสิทธิการดูแลด้านต่าง ๆ จากกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อไป นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม การให้บริการของ รพ.สต.บ้านเวียงแก้ว และสอบถามปัญหาต่าง ๆ เพื่อเร่งดำเนินการในการแก้ไข พร้อมผลักดันการแจ้งปัญหาสุขภาพด้วยแอปพลิเคชัน LINE OA ของ รพ.สต.และของ อบจ.เชียงราย เพื่อลดปัญหาและภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้รับบริการอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สืบสานการทำโคมแขวนเวียงเชียงแสน

 

   

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00-16.00 น. ณ อาคารหอประชุมสามเหลี่ยมทองคำ เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมฝึกอบรมการจัดทำโคมแขวน และประดับโคมแขวนตามแหล่งท่องเที่ยว ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 -20 ตุลาคม 2566

ทั้งนี้ นายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง มอบหมายให้นายกำแพง จันทกุล รองนายกเทศมนตรีตำบลเวียง เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม และนางสาวจุฑารัตน์ เกษมราษฎร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป กล่าวรายงาน 

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย

 ⁃ การบรรยายให้ความรู้เรื่อง สะเปา และโคมส่องสว่างในรูปแบบต่างๆ โดยอาจารย์กฤตดนัย สมบัติใหม่ ศิลปินหัตถศิลป์ล้านนา

 ⁃ การปฏิบัติการทำโคมแปดเหลี่ยม หรือโคมรังมดส้ม

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางกัลยา แก้วประสงค์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ผู้ประสานงานอำเภอเชียงแสน นายเอกณัฏฐ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมอบรมฯ ในครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

ณพิชญา นันตาดี, กัลยา แก้วประสงค์ : รายงาน
เอกณัฏฐ์ กาศโอสถ, สำนักงานเทศบาลตำบลเวียง : ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ขับเคลื่อน 10 สุดยอดเที่ยวชุมชน ยลวิถี ปี 3 วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน

 

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 กระทรวงวัฒนธรรม คัดเลือกชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2566 เพื่อประกาศยกย่อง เชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจแก่ชุมชนและผู้ให้การสนับสนุนการขับเคลื่อน พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปยังชุมชนที่ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้อยู่ดีมีสุข ดำรงชีวิตตามวิถีวัฒนธรรมที่ดีงาม ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

 
ในวันนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นางสาวกฤษยา จันแดง นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วยนางกัลยา แก้วประสงค์ และนางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ลงพื้นที่ปรึกษาหารือแนวทางการพัฒนาต่อยอด สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

กฤษยา จันแดง, กัลยา แก้วประสงค์ : รายงาน

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย : ภาพ

อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News