
“แสงแรกแห่งล้านนา” อุโมงค์ดอยหลวงทะลุฉลุย! รถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ความหวังใหม่เชื่อมไทย-ลาว-จีน
เชียงราย, 8 กรกฎาคม 2568 – “ทะลุแล้ว…อีกหนึ่งความก้าวหน้า อีกขั้นของความสำเร็จ” เสียงแห่งความยินดีดังกึกก้องที่อุโมงค์ดอยหลวง จังหวัดเชียงราย หนึ่งในหัวใจสำคัญของโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เมื่อการเจาะทะลุ (Breakthrough) อุโมงค์ขนาดมหึมาได้สำเร็จก่อนกำหนดถึง 19 เดือน ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชัยชนะทางวิศวกรรม แต่คือแสงแห่งความหวังที่จะฉายส่องอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนือของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
อุโมงค์ดอยหลวง สัญลักษณ์แห่งศักยภาพไทย ก้าวข้ามความท้าทายทางธรณีวิทยา
อุโมงค์ดอยหลวง ซึ่งมีความยาว 3,400 เมตร เป็นหนึ่งในสี่อุโมงค์หลักของโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือเส้นใหม่นี้ การก่อสร้างถือเป็นงานวิศวกรรมที่มีความซับซ้อนสูง เนื่องจากภูมิประเทศและธรณีวิทยาบริเวณดังกล่าวเป็น หินภูเขาไฟและดินเหนียว ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคนิคขั้นสูงอย่าง Drill & Blast (เจาะและระเบิด) ร่วมกับการขุดด้วยเครื่องจักร (Excavator)
เดิมที การขุดเจาะและงานคอนกรีตภายในอุโมงค์ถูกประมาณการว่าจะใช้เวลาถึง 40 เดือน (3 ปี 4 เดือน) ทว่าด้วยศักยภาพของทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญชาวไทย รวมถึงการบริหารจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้งานนี้สำเร็จได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ถึง 19 เดือน ณ เดือนมิถุนายน 2568 ความคืบหน้าโดยรวมของงานก่อสร้างอุโมงค์ดอยหลวงอยู่ที่ประมาณ 54% ซึ่งเร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ 7%
“การเจาะทะลุอุโมงค์ดอยหลวงได้เร็วกว่ากำหนดถึง 19 เดือน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของบุคลากรไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับเมกะโปรเจกต์” นายอธิรัฐ กะตังค์ หัวหน้าโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ กล่าว “นี่คือสัญญาณที่ดีว่าโครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดการในปี 2571 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจภาคเหนือสู่ประตูการค้ากับลาวและจีน”
นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและมาตรฐานสากล โดยมีการเสริมกำแพงโครงเหล็กและผนังคอนกรีต ติดตั้งแผ่นกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม รวมถึงระบบระบายน้ำที่ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกอุโมงค์ มีการศึกษาแนวการไหลของน้ำเพื่อรองรับน้ำป่าในฤดูฝนอย่างละเอียด และเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ยังมีการจัดสร้าง ทางเชื่อมฉุกเฉิน (Cross Passages) จำนวน 14 จุด สำหรับการอพยพตามมาตรฐานสากลในทุกๆ ระยะ 240 เมตร
ความคืบหน้าภาพรวมแม้มีอุปสรรคแต่เดินหน้าไม่หยุด
จากข้อมูลล่าสุด (ณ เดือนมกราคม 2568) โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งมีระยะทางรวม 323.1 กิโลเมตร และมูลค่าโครงการรวมกว่า 1.28 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากงบประมาณอนุมัติเบื้องต้น 85,845 ล้านบาท ในปี 2561) มีความคืบหน้าโดยรวมกว่า 25% แม้ว่า ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จะรายงานว่าภาพรวมโครงการยังล่าช้ากว่าแผนประมาณ 3.7% แต่ความสำเร็จในการเจาะอุโมงค์ดอยหลวงที่รวดเร็วกว่ากำหนดมาก แสดงให้เห็นถึงการเร่งรัดในงานโครงสร้างสำคัญที่มีความซับซ้อนสูง
สำหรับงานโครงสร้างสำคัญอื่นๆ:
- อุโมงค์แม่กา (พะเยา): ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีความคืบหน้าประมาณ 17.8% และมีการจัดซ้อมแผนกรณีอุโมงค์ถล่มเพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
- งานระบบราง: คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2569 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2571
- สะพานและทางยกระดับ/ทางลอด: มีการนำเทคโนโลยีอย่าง Curved Precast Reinforced Concrete Railway Arch Culverts (BEBO) มาใช้ เพื่อความแข็งแรงและลดระยะเวลาการก่อสร้าง
ปมร้อนเวนคืนที่ดินโจทย์ใหญ่ที่ต้องคลี่คลาย
แม้การก่อสร้างจะคืบหน้าไปมาก แต่โครงการยังคงเผชิญกับประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ การเวนคืนที่ดิน ซึ่งคืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว แต่ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคที่ต้องมีการประชุมหารือเพื่อแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาหลักคือ ข้อร้องเรียนจากชาวบ้านเกี่ยวกับการประเมินค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม โดยมีการเปรียบเทียบกับราคาการเวนคืนของกรมทางหลวงและโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการคิดราคา นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังได้ลงพื้นที่ประกาศเข้าครอบครองและใช้ประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ก่อนการเวนคืนในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจและความขัดแย้งในชุมชนได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ท้องถิ่น ให้ความเห็นว่า “การแก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดินที่เหลืออยู่ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากชุมชนในระยะยาว หากปัญหานี้ยังคงอยู่ อาจนำไปสู่ความล่าช้าในบางพื้นที่ ความท้าทายทางกฎหมาย และอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของโครงการ แม้ว่าการก่อสร้างทางกายภาพจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วในส่วนอื่นๆ ก็ตาม”
แสงสว่างทางเศรษฐกิจโอกาสมหาศาลสู่ล้านนาและภูมิภาค
โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ไม่ใช่แค่เส้นทางคมนาคม แต่คือ กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาคเหนือตอนบน ด้วยประโยชน์และโอกาสที่หลากหลาย
- กระตุ้นการค้าชายแดนและโลจิสติกส์ เส้นทางนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ จากไทยไปยัง สปป.ลาว, เมียนมา, และจีนตอนใต้ ผ่าน ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นทางถนน R3A (เชียงของ-โม่ฮาน-คุนหมิง) และรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรของไทย
- ฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามตลอดเส้นทาง รถไฟจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้าถึงภาคเหนือตอนบนได้สะดวกสบายขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิมและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดรายได้และการจ้างงานในท้องถิ่น
- ลดต้นทุนและเพิ่มขีดแข่งขัน คาดการณ์ว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าระยะไกล ทำให้สินค้าไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาด E-commerce ขนาดใหญ่ของจีนได้ง่ายขึ้น
- สร้างงานและกระจายรายได้ การก่อสร้างและการดำเนินงานโครงการจะสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนอย่างมหาศาล
- โลจิสติกส์สีเขียว การขนส่งทางรางช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการขนส่งทางถนนถึง 6 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เชิงกลยุทธ์ปูทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
เพื่อให้โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์และสร้างประโยชน์สูงสุด รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องดำเนินงานเชิงรุกในหลายด้าน:
- เร่งรัดและแก้ไขปัญหาการก่อสร้าง วิเคราะห์ความล่าช้าเชิงลึกในแต่ละสัญญา และพิจารณากลไกแรงจูงใจหรือบทลงโทษผู้รับจ้าง เพื่อกระตุ้นให้งานเดินหน้าตามแผน รวมถึงการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ
- จัดการปัญหาเวนคืนที่ดินอย่างเป็นธรรม จัดตั้งช่องทางการสื่อสารที่โปร่งใสกับชุมชน ทบทวนหลักเกณฑ์การประเมินค่าชดเชยให้สอดคล้องกับราคาตลาด และจัดทำแผนการเยียวยาและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุม
- พัฒนาระบบป้องกันภัยธรรมชาติที่ยั่งยืน เร่งนำมาตรฐานระบบระบายน้ำและมาตรการลดความเสี่ยงภัยในระบบรางไปปฏิบัติใช้ ติดตั้งระบบ “DRT Alert” เพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติ และจัดการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ
- ส่งเสริมการเชื่อมโยงโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสริม เช่น ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ (Dry Port) ผลักดันการเจรจาและประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลในห่วงโซ่อุปทาน
- เตรียมความพร้อมของภาคส่วนในพื้นที่ หน่วยงานท้องถิ่นควรจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟ ส่งเสริมการท่องเที่ยวรอง พัฒนาทักษะแรงงานในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นในการปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ความสำเร็จของการเจาะทะลุอุโมงค์ดอยหลวงเป็นเพียง “แสงแรก” ที่ส่องนำทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองของภาคเหนือ การสานต่อโครงการให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมกับการแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอย่างเป็นธรรม จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ กลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงไทยสู่เวทีโลกได้อย่างแท้จริง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
- กรมการขนส่งทางราง (ขร.)
- กระทรวงคมนาคม
- ธนารักษ์พื้นที่เชียงราย
- TEAM GROUP
- ผู้รับจ้างโครงการ: กิจการร่วมค้า ไอทีดี-เนาวรัตน์, กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 2, กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 3