Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ล่องแพแม่น้ำคำ เชียงราย พัฒนาท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชน

อบจ.เชียงราย ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “ล่องแพลำน้ำคำ” ตำบลแม่ฟ้าหลวง ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น สร้างรายได้ชุมชน

ผนึกกำลังทุกภาคส่วน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติ พายเรือเก็บขยะ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวตำบลแม่ฟ้าหลวง ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ณ ลำน้ำคำ บ้านสามัคคีใหม่ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.เชียงราย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “ล่องแพลำน้ำคำ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือ และยกระดับรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เปิดเส้นทาง “ลำน้ำคำ” เส้นเลือดธรรมชาติ เชื่อมชุมชนสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ

กิจกรรมหลักภายในงาน ได้แก่ การล่องแพสำรวจเส้นทางธรรมชาติของลำน้ำคำ ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านชุมชนบ้านสามัคคีใหม่ บรรยากาศโดยรอบยังคงอุดมด้วยธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และวิถีชีวิตพื้นบ้านที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพายเรือคายัคเก็บขยะในลำน้ำ เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำในพื้นที่

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาร่วมงาน คือการ “สร้างฝ่ายเบี่ยงทางน้ำ” เพื่อควบคุมระดับน้ำให้เหมาะสมต่อการล่องแพในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันตลิ่งพังและช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศของลำน้ำในระยะยาว

ย้ำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ต้องควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยไม่ละเลยประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยโครงการในลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่

“เราต้องการให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นสร้างรายได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะความงดงามของธรรมชาติ คือหัวใจของการท่องเที่ยวเชียงราย” นายรามิลกล่าว

ด้านผู้แทนจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ระบุว่า เส้นทาง “ล่องแพลำน้ำคำ” เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Eco Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน และการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คงอยู่ในระยะยาว

เสียงจากคนในพื้นที่ – การท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจชุมชน

นางสาคร สมบุญ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าแปรรูป เช่น กล้วยตาก ผ้าทอพื้นเมือง และอาหารท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

“เมื่อก่อนลำน้ำคำแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้คนเริ่มมาเที่ยวมากขึ้น ชาวบ้านก็ได้มีโอกาสขายของ บางคนก็เอาเรือมาพายให้บริการล่องแพ เป็นรายได้เสริมที่สำคัญมากในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้” นางสาครกล่าว

ในขณะเดียวกัน นายสุริยา แก้วคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสามัคคีใหม่ กล่าวว่า การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุนทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นและพร้อมจะร่วมมือในการพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวอยากกลับมาอีกครั้ง

มุมมองจากนักอนุรักษ์ – ควรติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่นักสิ่งแวดล้อมบางรายให้ความเห็นว่า จำเป็นต้องมีการติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความสมดุลของระบบนิเวศในลำน้ำคำ การสร้างฝ่ายเบี่ยงน้ำและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ ควรมีการศึกษาและวางแผนร่วมกับนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติเพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – ข้อดีควบคู่กับความระมัดระวัง

ในภาพรวม โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวลำน้ำคำของตำบลแม่ฟ้าหลวงนับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ห่างไกล แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการวางระบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายรูปแบบการท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันไปยังพื้นที่อื่นของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมพื้นที่แม่ฟ้าหลวง ปี 2567: ประมาณ 85,000 คน (สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย)
  • รายได้เฉลี่ยจากการขายสินค้าชุมชนต่อครัวเรือน/เดือน ในพื้นที่ตำบลแม่ฟ้าหลวง: 4,500 บาท (จากการสำรวจโดย อพท.เชียงราย)
  • จำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมล่องแพและพายเรือเก็บขยะ: 37 ครัวเรือน
  • พื้นที่ลำน้ำคำที่ใช้ในการจัดกิจกรรม: ประมาณ 3.5 กิโลเมตร
  • งบประมาณที่ใช้ในกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ครั้งนี้: 350,000 บาท (จาก อบจ.เชียงราย และการสนับสนุนร่วมจากภาคีเครือข่าย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.เชียงราย)
  • ข้อมูลภาคประชาชนจากบ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง
  • รายงานผลกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ประจำปีงบประมาณ 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบบ้าน ยกระดับ คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ-พิการ

อบจ.เชียงราย เร่งยกระดับที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและคนพิการ สร้างสังคมเข้มแข็งและปลอดภัย

ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด ติดตามผลโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปีงบประมาณ 2567

เชียงราย, 23 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตามแผนงานประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีการมอบบ้านที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วให้แก่ผู้รับการสนับสนุนทั้ง 4 รายในพื้นที่

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ ผู้นำชุมชน ตัวแทนหน่วยงานสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งร่วมกันสำรวจ ตรวจสอบ และมอบสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของผู้พักอาศัย

กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยบริการสาธารณสุข และกลุ่มเป้าหมายในระดับชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดให้หน่วยงานในท้องถิ่นเสนอแผนงานที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่

ในพื้นที่ตำบลป่าแงะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเทศบาลตำบลป่าแงะได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวน 4 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสบปัญหาสภาพที่อยู่อาศัยชำรุดทรุดโทรม และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้ชีวิต

หลังจากรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน จึงดำเนินการขอรับงบประมาณสนับสนุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละราย

เน้น “อยู่ดี มีสุข” ด้วยการปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้ใช้ชีวิตอย่างจำกัด

การปรับปรุงที่อยู่อาศัยครั้งนี้เน้นการเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุและคนพิการ เช่น การทำทางลาดสำหรับรถเข็น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การปรับพื้นบ้านให้เรียบเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการหกล้ม รวมถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอุปกรณ์ภายในบ้านให้เหมาะกับการใช้งานของผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย

โดยการดำเนินโครงการไม่เพียงมุ่งหวังให้ผู้รับการสนับสนุนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้สมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้สูงอายุและคนพิการได้ง่ายขึ้น ลดภาระการดูแลในระยะยาว และส่งเสริมสุขภาวะจิตที่ดีให้กับทั้งผู้พักอาศัยและสมาชิกในบ้าน

ผู้นำชุมชน – หน่วยงานท้องถิ่นร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระดับท้องถิ่น ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

“เราไม่ได้มองว่าเป็นแค่การสร้างหรือซ่อมบ้าน แต่เรากำลังคืนศักดิ์ศรีการใช้ชีวิตให้กับคนในชุมชน และช่วยให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมั่นคงและปลอดภัยในบ้านของตนเอง” นายมงคล กล่าว

ด้านนายอำนาจ อินทร์ทอง ผู้แทนจากกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายมีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายด้านการดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งในอนาคตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย

เสียงสะท้อนจากประชาชน – ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

นางคำปัน อินทชัย อายุ 72 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับการปรับปรุงบ้าน กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า “แต่ก่อนเดินลำบากมาก ห้องน้ำก็ไม่มีราวจับ พอมีบ้านใหม่แบบนี้ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ ไม่ต้องกลัวล้ม แล้วก็อุ่นใจที่มีคนมาช่วยดูแล”

ลูกหลานของนางคำปันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนหน้านี้เวลาจะอาบน้ำหรือพาแม่ไปไหน ต้องช่วยกันหลายคน แต่ตอนนี้แม่สามารถทำอะไรได้เองหลายอย่าง ก็สบายใจขึ้นทั้งบ้าน”

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – สะท้อนทั้งโอกาสและข้อจำกัด

แม้โครงการดังกล่าวจะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนและผู้นำชุมชนว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีเสียงสะท้อนจากบางภาคส่วนว่า งบประมาณสนับสนุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาพรวม และการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ยังมีข้อจำกัดจากระเบียบราชการที่เข้มงวด

ผู้แทนจากเครือข่ายผู้พิการในจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นว่า “โครงการดี แต่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือก็ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือในครัวเรือนที่ไม่มีคนกลางช่วยประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น”

ในด้านของหน่วยงานราชการ ยืนยันว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายพร้อมเปิดรับข้อเสนอใหม่จากทุกพื้นที่ หากหน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดทำแผนที่ชัดเจน และมีข้อมูลสนับสนุนอย่างครบถ้วน โดยกระบวนการตรวจสอบและพิจารณาจะยึดตามหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนผู้รับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในตำบลป่าแงะ: 4 ราย (ปีงบประมาณ 2567)
  • งบประมาณเฉลี่ยต่อหลัง: ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท/หลัง (ขึ้นอยู่กับสภาพบ้าน)
  • ผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย (ปี 2567): ประมาณ 195,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมด)
  • คนพิการที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 49,000 คน (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ)
  • หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลตำบลป่าแงะ, กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ข้อมูลประชากร)
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
  • เทศบาลตำบลป่าแงะ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายยกระดับ รพ.สต. มีทันตกรรม-ช่วยผู้พิการ

อบจ.เชียงราย เดินหน้ายกระดับ รพ.สต.บุญเรือง มอบยูนิตทันตกรรม พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการในพื้นที่

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เดินหน้านำนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus)” ลงสู่การปฏิบัติจริง ด้วยการส่งมอบยูนิตบริการทันตกรรมให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน ภายใต้โครงการปรับสภาพบ้านเพื่อผู้มีภาวะพึ่งพิง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

พิธีส่งมอบจัดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแสดงความยินดีและมอบกำลังใจแก่ผู้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

ยูนิตทำฟัน “ใกล้บ้าน” เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ คือการส่งมอบยูนิตทันตกรรมให้แก่ รพ.สต.บุญเรือง ซึ่งถือเป็นหน่วยบริการแห่งแรกของจังหวัดเชียงรายที่มีทันตแพทย์จากโรงพยาบาลประจำอำเภอหมุนเวียนให้บริการทันตกรรมแบบครบวงจร ได้แก่ การตรวจฟัน อุด ขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันปลอม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เปิดเผยว่า “เรามุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมได้ใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกล ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปากซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว”

โครงการปรับสภาพบ้าน สร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต

นอกเหนือจากบริการด้านทันตกรรมแล้ว อบจ.เชียงราย ยังร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อาทิ เทศบาลตำบลบุญเรือง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการ รพ.สต. และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ลงพื้นที่มอบบ้านที่ปรับสภาพแล้วให้แก่ผู้มีภาวะพึ่งพิง ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านการจัดสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย เช่น การติดตั้งราวจับ ทางลาด ห้องน้ำปลอดภัย รวมถึงการมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น เตียงนอนที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือหัวใจของความสำเร็จ

นางวาสนา ลำเปิงมี สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 2 อำเภอเชียงของ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของโครงการในวันนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”

โครงการนี้ไม่เพียงมุ่งหวังให้เกิดการปรับปรุงเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงอย่างยั่งยืน

สะท้อนนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” ในทางปฏิบัติ

นโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของ อบจ.เชียงราย ที่ต้องการยกระดับ รพ.สต. ให้กลายเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง และครอบคลุมทั้งมิติทางการแพทย์ พยาบาล ทันตกรรม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ในอนาคต อบจ.เชียงรายมีแผนขยายบริการรูปแบบเดียวกันนี้ไปยัง รพ.สต. แห่งอื่นทั่วจังหวัด โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ทัศนะจากทั้งสองฝ่าย: มิติที่แตกต่างแต่ร่วมสร้างสรรค์

ฝ่ายสนับสนุนโครงการ เห็นว่าแนวทางของ อบจ.เชียงราย เป็นแบบอย่างที่ดีของการกระจายบริการสาธารณสุขอย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ และสร้างมาตรฐานชีวิตที่ดีให้แก่ผู้เปราะบางในสังคม

อีกมุมหนึ่งของการวิพากษ์ มีข้อเสนอว่าการดำเนินโครงการลักษณะนี้ควรมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรที่ลงไปในพื้นที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บางความเห็นยังตั้งข้อสังเกตว่าควรมีการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ และรายงานความคืบหน้าสู่สาธารณะเพื่อสร้างความโปร่งใส

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • จำนวนประชากรในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ ปี 2567 มีประมาณ 8,540 คน โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 20.3% และผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐมากกว่า 215 คน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ, 2567)
  • จังหวัดเชียงรายมีจำนวน รพ.สต. ทั้งหมด 192 แห่ง โดยมีเพียง 8 แห่ง ที่มีทันตแพทย์ประจำแบบหมุนเวียน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • ในปีงบประมาณ 2566 กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนการปรับปรุงบ้านสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงไปแล้ว 78 ครัวเรือน และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ครัวเรือน
    (ที่มา: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • จากผลสำรวจปี 2566 พบว่า ผู้สูงอายุในพื้นที่เชียงรายที่มีปัญหาด้านการเข้าถึงบริการทันตกรรม ร้อยละ 64.7%
    (ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2566)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ
  • ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกนกมอบทุน เรียนได้ทุกที่ เลี้ยงชีพได้ที่เชียงราย

อบจ.เชียงราย เดินหน้านโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เดินหน้าสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ ผ่านโครงการ “ส่งน้องเรียน” ตามนโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” โดยมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาสู่ความสำเร็จในอนาคต

อบจ.เชียงราย มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่นักเรียนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น.โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายอับดุลกอเด็ร โกบยาหยัง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และนางน้ำผึ้ง สาธรรม รองผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นผู้แทนในการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือดังกล่าว

โครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย ภายใต้การดำเนินงานของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามแนวทางที่กำหนดใน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

ช่วยลดภาระผู้ปกครอง เพิ่มโอกาสทางการศึกษา

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับการศึกษาโดยไม่มีอุปสรรคทางด้านค่าใช้จ่าย โดยทุนการศึกษาที่มอบให้ในปีนี้มีทั้งหมด 250 ทุน แบ่งออกเป็นทุนละ 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาและความจำเป็นของแต่ละบุคคล รวมถึงการให้เงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับครอบครัวที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการสนับสนุนด้าน ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนสามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตรที่กำหนด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพและเลี้ยงชีพตนเองในอนาคตได้

ส่งน้องเรียน” โครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา

อบจ.เชียงรายเล็งเห็นว่า การสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ “ส่งน้องเรียน” จึงถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมุ่งเน้นให้พวกเขาสามารถเรียนจบและเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ปี 2566) พบว่า จังหวัดเชียงรายมีอัตราการออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรสูงถึง 8.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภาคเหนือ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวคือ ปัญหาความยากจนของครอบครัว และการขาดทุนทรัพย์ในการศึกษา ดังนั้นการสนับสนุนทุนการศึกษาของ อบจ.เชียงราย จึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถศึกษาต่อได้จนจบการศึกษา

สถิติและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาในไทย

จากข้อมูลของ ธนาคารโลก (World Bank, 2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาเพียง 49% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ที่ 55% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตราการเข้าเรียนที่ต่ำคือ ปัญหาค่าใช้จ่ายทางการศึกษา และ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) เปิดเผยว่า เด็กไทยที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพียง 22% เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีซึ่งมีโอกาสศึกษาต่อสูงถึง 78%

บทสรุปและแนวทางในอนาคต

การสนับสนุนทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ยากจนของ อบจ.เชียงราย เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ แนวทางการจัดสรรงบประมาณภาครัฐ ว่าควรเพิ่มการสนับสนุนทุนการศึกษาหรือพัฒนาสถาบันการศึกษาให้สามารถรองรับนักเรียนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ อบจ.เชียงรายยืนยันว่า จะดำเนินโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือเพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้โครงการนี้เป็นต้นแบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2566) / ธนาคารโลก (World Bank, 2566) / สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายลุย พัฒนาบุคลากร เครื่องจักรกล

อบจ.เชียงรายจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เสริมทักษะสู่การทำงานอย่างมืออาชีพ

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ แทน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ดำเนินการ

หลักสูตรและเป้าหมายของโครงการ

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อ เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร อบจ.เชียงราย ให้สามารถ ใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้ในภารกิจสำคัญขององค์กร โดยในปีนี้มุ่งเน้นที่หลักสูตร การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องจักรกลและยานพาหนะเบื้องต้น รถขุดสะเทินน้ำสะเทินบก และรถเครน”

เป้าหมายของการอบรม

  • พัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักของ อบจ.เชียงราย
  • รองรับภารกิจเร่งด่วน เช่น การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, การพัฒนาแหล่งน้ำ, และการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
  • กระจายบุคลากรและเครื่องจักรไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดอย่างทั่วถึง

ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 47 คน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลหนัก และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุง

โยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย ซึ่งให้ความสำคัญกับ การกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน เพื่อให้สามารถ รองรับภารกิจและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ:

  1. การขุดเจาะน้ำบาดาล – เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสะอาดให้ประชาชน
  2. การสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน – เพื่อจัดการน้ำในพื้นที่แล้งซ้ำซาก
  3. การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร – สนับสนุนภาคเกษตรกรรม
  4. เครื่องจักรกลสำหรับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย – เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
  5. พัฒนาเส้นทางเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแหล่งท่องเที่ยว – ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ

  • เจ้าหน้าที่ภาคสนามมองว่า การอบรมช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้ดีขึ้น ลดการสึกหรอของอุปกรณ์ และช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • ผู้นำท้องถิ่นชื่นชมโครงการว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงถนน และการสร้างแหล่งน้ำ

ฝ่ายที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • บางกลุ่มมองว่าจำนวนเครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย อาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกพื้นที่ ควรมีแผนการจัดสรรที่เป็นระบบมากขึ้น
  • เจ้าหน้าที่บางรายระบุว่าควรเพิ่มหลักสูตรการซ่อมบำรุงเชิงลึก เพื่อให้สามารถซ่อมเครื่องจักรได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการซ่อมจากศูนย์กลาง

สรุป

โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบจ.เชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น การพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ชนบท และการรับมือกับภารกิจฉุกเฉิน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัด แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความเพียงพอของเครื่องจักรและการเพิ่มหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดสรรงบประมาณและการขยายโครงการในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  / ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย  / สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ซ่อมใหม่ “สะพานฮาแหล่จะ” แลนด์มาร์คเชียงราย เริ่มมีนา 68

อบจ.เชียงราย ร่วมลงนาม MOU ดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมบ้านแคววัวดำ – บ้านผาเสริฐ

เชียงราย, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้าื่อข่าวรายงานว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมระหว่างบ้านแคววัวดำ หมู่ 12 ตำบลแม่ยาว และบ้านผาเสริฐ หมู่ 6 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, นายปิยพันธุ์ ธนะโสภณ ประธานคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ, นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยาว, นายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นที่ปรึกษาโครงการ

วัตถุประสงค์ของโครงการ

การซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นไปเพื่อฟื้นฟูการใช้งานให้สามารถใช้สัญจรได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน

ปัจจุบันทางคณะกรรมการโครงการได้คัดเลือก บริษัท บีเทคกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างภายใต้งบประมาณ 6,170,000 บาท ซึ่งได้รับเงินบริจาคจากเอกชน 2 แห่ง ได้แก่:

  1. สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 โครงการ “ช่อง 8 ปันน้ำใจ” จำนวน 6,000,000 บาท
  2. โรงแรมโฆษะขอนแก่น และกลุ่ม Kosa Group จำนวน 170,000 บาท

รายละเอียดของการก่อสร้าง

โครงการนี้ประกอบด้วย:

  • การสร้างสะพานแขวนใหม่โดยใช้โครงสร้างลวดสลิงเดิม
  • การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ
  • การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เอื้อต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว

โครงการคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างภายในเดือนมีนาคม 2568 และแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 หากไม่มีอุปสรรคใดๆ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเดินทางไกลขึ้นเนื่องจากสะพานพัง รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของตำบลแม่ยาวและตำบลดอยฮาง โดยเฉพาะธุรกิจท้องถิ่น ร้านอาหาร และสินค้า OTOP ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น

ประโยชน์ของโครงการ

  • อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน: สะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นเส้นทางหลักของชาวบ้านจากตำบลแม่ยาว, ตำบลดอยฮาง และตำบลห้วยชมภู ที่ต้องใช้ในการเดินทางไปทำงาน, ไปโรงเรียน และไปยังสถานพยาบาล
  • ลดระยะทางการเดินทาง: สะพานช่วยร่นระยะทางไปกลับได้ถึง 10 กิโลเมตร ทำให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
  • ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว: คณะกรรมการโครงการตั้งเป้าหมายให้สะพานฮาแหล่จะเป็น แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ความเป็นมาของสะพานแขวนฮาแหล่จะ

สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากสถานทูตญี่ปุ่น เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทไทย โดยสะพานเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งพืชผลทางการเกษตรและการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของชุมชน

อย่างไรก็ตาม สะพานได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ที่ระดับน้ำในแม่น้ำกกเพิ่มสูงขึ้นจนสะพานพังเสียหาย ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้เส้นทางอ้อมที่มีระยะทางไกลขึ้นและอาจมีอันตรายในการเดินทาง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

การซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากจิตอาสา 100% จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ โดยคณะกรรมการโครงการและผู้เกี่ยวข้องต่างมุ่งมั่นให้สะพานกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

ทางคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ และมั่นใจว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จตามกำหนด และสะพานแขวนฮาแหล่จะจะกลับมาเป็นเส้นทางหลักที่ปลอดภัยและเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาในจังหวัดเชียงรายต่อไป

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • สะพานแขวนฮาแหล่จะ ถูกสร้างขึ้นในปี 2541 และใช้สัญจรมากกว่า 1,000 คน/วัน ก่อนจะได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
  • งบประมาณโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ 6,170,000 บาท ได้รับการสนับสนุนจาก 2 องค์กรเอกชน
  • สะพานแห่งนี้ช่วยร่นระยะทางเดินทางของประชาชนในพื้นที่ได้ถึง 10 กิโลเมตร
  • การซ่อมแซมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน กรกฎาคม 2568 และคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น 20-30% ในปีแรกหลังเปิดใช้งาน

อ้างอิง: ข้อมูลจากคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และเทศบาลตำบลแม่ยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งอบรมดูแลสุขภาพจิต ผู้ใช้ยา รับมือปัญหาชุมชน

เชียงรายเปิดอบรมดูแลสุขภาพจิตผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน เสริมศักยภาพบุคลากรรับมือปัญหา

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –    โรงแรม เอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนอย่างเหมาะสม ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการปฏิบัติงานในศูนย์คัดกรองยาเสพติด โดยมีบุคลากรผู้รับผิดชอบงานยาเสพติดและสุขภาพจิตจากสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเข้าร่วม

ปัญหายาเสพติดในเชียงราย: ความท้าทายที่ต้องรับมือ

นายญาณาฤทธิ์กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายยังคงเป็นเรื่องสำคัญ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดมากกว่าผู้ติดยาเสพติด ซึ่งเมื่อมีการเสพยาเสพติดในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ขาดสติ หวาดระแวง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเองและผู้อื่น

อบจ.เชียงราย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างบูรณาการ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหายาเสพติด จึงมีนโยบายในการส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานทางการแพทย์ สถานพยาบาล หน่วยงานทางปกครอง หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม

อบจ.เชียงราย มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยแบบบูรณาการ โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุม เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชน การอบรมบุคลากรที่ดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และให้การช่วยเหลือหลังการบำบัดรักษา โดยการประคับประคอง ให้คำแนะนำ คำปรึกษา เสริมสร้างกำลังใจและสร้างแรงจูงใจ ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ

การอบรม: เพิ่มศักยภาพบุคลากรดูแลผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน

การอบรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนอย่างเหมาะสม โดยจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์จำแนกระดับความรุนแรงของผู้ป่วย การวางแผนการดูแล หรือการส่งต่อที่เหมาะสม รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงการเพิ่มศักยภาพสำหรับบุคลากรในการปฏิบัติงานในศูนย์คัดกรองยาเสพติด

การอบรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับบุคลากร แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกลับไปเสพยาเสพติดซ้ำ ก่อความรุนแรงซ้ำ รวมถึงปัญหาด้านสังคมที่เกี่ยวข้องกับการติดยาเสพติด และสร้างความสงบสุขให้แก่ชุมชน

อบจ.เชียงราย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การอบรมในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพจิตผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน และเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งเครื่องพัฒนาบุคลากร สู่การทำงานมืออาชีพรับใช้ประชาชน

เชียงรายเร่งพัฒนาบุคลากร เสริมศักยภาพการทำงานสู่มืออาชีพ

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –   ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา ชั้น 2 อบจ.เชียงราย] นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีคณะวิทยากรและผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการ

การบรรยายช่วงเช้า: แผนพัฒนาท้องถิ่นและการบริหารสัญญา

ในช่วงเช้าของการอบรม นายสุกรรณ์ คำภู ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น ได้บรรยายในหัวข้อ “การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการจัดทำโครงการ” โดยเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และการจัดทำโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อ “สังเกตการบริหารสัญญา การลดความเสี่ยงของงานก่อสร้าง” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

การบรรยายช่วงบ่าย: การบริหารสัญญาและการใช้เงินสำรองจ่าย

ในช่วงบ่าย ผอ.กองคลัง อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาและการเงิน ได้แก่

  1. การบริหารสัญญา
  2. การแจ้งหยุดงาน การแจ้งเข้างาน การแก้ไขสัญญาจ้าง
  3. การตรวจรับโครงการ
  4. แนวทางการใช้เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเน้นถึงความสำคัญของการบริหารสัญญาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน

อบจ.เชียงราย มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ

อบจ.เชียงราย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีภารกิจในการพัฒนาครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดการตอบสนองความต้องการของประชาชน บุคลากรจึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

ดังนั้น อบจ.เชียงราย จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และขีดความสามารถในการทำงานที่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกระดับ ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง สามารถประกันคุณภาพของงานที่ทำได้ รวมทั้งมีไหวพริบในการจัดการ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และทำงานอย่างจริงจังโดยมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด

โครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘อทิตาธร’ ชี้แจงภาพกับ ‘อนุทิน’ ยันไปแจกการ์ดเชิญแต่งงานให้ลูกสาว

อทิตาธร วันไชยธนวงค์ ปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย พร้อมชี้แจงภาพร่วมเฟรมกับอนุทิน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00 น. ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ทำการติดตามกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ ซึ่งทราบมาว่าจะเข้ามาสวดสวดมนต์และทำสมาธิที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์หลังมีประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คือ ภาพถ่ายที่ปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของนายอนุทิน พร้อมข้อความว่า
ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงานผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย”

ภาพดังกล่าวนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางหารได้รับการเลือกตั้ง 261,301 คะแนน ในการชิงแบบพรรคอิสระ ทให้เกิดคำถามจากประชาชนในชาวเชียงราย

อทิตาธร เปิดใจถึงภาพถ่ายกับอนุทิน และเหตุผลของการเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์อทิตาธรถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอชี้แจงว่า การเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพาลูกสาว (น้องป่าน)ไปแจกการ์ดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568

ที่จริงตามมารยาทต้องเชิญผู้ใหญ่อย่างน้อยสองเดือนล่วงหน้า แต่เพราะติดช่วงเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่เลย หลังเลือกตั้งเสร็จ จึงรีบไปเชิญผู้ใหญ่ที่กระทรวง”

นอกจากนี้ อทิตาธรยังเปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับนายอนุทินเกี่ยวกับปัญหาสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วมและถนนการเกษตร ซึ่งได้รับคำมั่นจากรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการช่วยเหลือ

หารือปัญหาเยียวยาน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐาน

ในโอกาสเดียวกัน อทิตาธรได้ใช้โอกาสนี้ นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังมีประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จากทางรัฐบาล

“พี่ได้แจ้งกับท่านรัฐมนตรีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ เช่น ถนนบ้านฟาร์มเมืองงิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และสะพานที่พังในอำเภอเวียงแก่นและอำเภอเทิงซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเกษตร”

อทิตาธรเปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเมตตาจะเดินทางมา ตรวจ ราชการ รับฟังข้อมูลที่เชียงราย ใน อาทิตย์หน้า และจะหาแนวทางช่วยเหลือ ชาวเชียงราย และจะหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แผนงานหลังเลือกตั้ง เตรียมพบกระทรวงอื่นๆ

อทิตาธรระบุว่า หลังจากเข้าพบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็มีวางแผนที่จะ เดินทางไปพบกระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชียงราย เช่น

  • กระทรวงเกษตรฯ: หารือเรื่องการแก้ปัญหาวัชพืชและการเผาไหม้
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ: พูดคุยเรื่องไฟป่าและ PM 2.5
  • กรมโยธาธิการฯ: วางแผนแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานและระบบน้ำ

“พี่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเชียงราย ก็จะเดินหน้าทำงานต่อทันที”

เหตุผลที่เลือกไปกระทรวงมหาดไทยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันถัดจากการเลือกตั้ง อทิตาธรตอบว่า เป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะต้องเตรียมงานแต่งของลูกสาว และลูกสาวเองก็สอบถามตลอดว่าจะเชิญผู้ใหญ่ตอนไหน

ลูกสาวยังพูดติดตลกเลยว่า รอหลังเลือกตั้งแล้วผลออกก่อนก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าแพ้เลือกตั้งจะได้ไม่ต้องพิมพ์การ์ดเยอะ”

ยืนยันจุดยืน “อิสระ” ไม่สังกัดพรรคการเมือง

สำหรับคำถามที่ว่าการปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทินจะสะท้อนถึงการสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ อทิตาธรได้ย้ำชัดว่า

ยังเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด นอกจากฟังเสียงของประชาชน และมีอิสระทางความคิด”

ทางด้านอทิตาธรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเป็นอิสระทำให้สามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเชียงราย

รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีรัฐมนตรีจากหลายพรรค ถ้าจำกัดตัวเองอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยากขึ้น”

อทิตาธรได้ฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า

“พี่นกอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายต่อไป และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งหรือความแตกแยกทางการเมือง เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของจังหวัด” ย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งจบแล้ว และสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวไปข้างหน้า

สร้างความเข้าใจกับประชาชนเชียงราย

อทิตาธรฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า ความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดยังเหมือนเดิม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเชียงรายอย่างเต็มที่

พี่นกไปทุกกระทรวงและพูดคุยกับทุกพรรค ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เชียงรายได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวพี่ค่ะ”

สรุปข่าว

  • อทิตาธร วันไชยธนวงค์ เริ่มปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย
  • ชี้แจงว่า ภาพถ่ายกับอนุทิน เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงานแต่งของลูกสาว และหารือปัญหาน้ำท่วม
  • ยืนยันว่า ยังคงเป็นนักการเมืองอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด
  • เตรียมเข้าพบ กระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย อทิตาธร – สลักจฤฎดิ์ เดินหน้าขอคะแนน

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย “ทักษิณ” อู้กำเมืองปลุกใจ ปราศรัยคึกคักก่อนเลือกตั้ง ส่วนอีกฝาก “อทิตาธร” ลงพื้นที่หาเสียงเข้มข้น 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่สนาม สิงห์ เชียงราย สเตเดียม ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างคึกคัก

อย่างไรก็ตาม กำหนดการปราศรัยของ นายทักษิณ มีการเลื่อนออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ 09.30 น. เป็น 12.00 น. เมื่อขึ้นเวที นายทักษิณ ได้เริ่มต้นปราศรัยด้วย ภาษาเหนือ (อู้กำเมือง) กล่าวคำขอโทษชาวเชียงรายที่รอท่ามกลางแดดร้อน พร้อมขอบคุณที่อดทนรอ

เชียงรายเปลี่ยนแปลงน้อย ท้องถิ่นต้องร่วมพัฒนา”

นายทักษิณ กล่าวว่า หลังจาก หายไป 17 ปี คิดว่าเชียงรายจะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อกลับมา พบว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันผลักดันให้เชียงรายเติบโต พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะสร้างโอกาสให้เต็มที่ และท้องถิ่นต้องเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา

ฐานรากของประเทศกำลังสึกหรอนายทักษิณ อธิบายว่า การที่ตนให้ความสำคัญกับ การเมืองท้องถิ่น มากขึ้น เป็นเพราะท้องถิ่นคือ หัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเปรียบเทียบว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจขณะนี้ไม่เหมือน วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ที่เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มธุรกิจระดับบน แต่ครั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปรียบเหมือนเสาเข็มบ้านกำลังพังลง จึงต้องอาศัยพลังจากท้องถิ่นและรัฐบาลทำงานเป็นทีม

ตรุษจีนนี้ “ใส่เสื้อแดง กินส้ม”

เนื่องจากวันปราศรัยตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน นายทักษิณ ได้พูดถึงประเพณีจีน โดยถามประชาชนว่า “ตรุษจีนนี้ชอบใส่เสื้อสีอะไร?” ซึ่งชาวเชียงรายตอบว่า “สีแดง” และถามต่อว่า “คนจีนชอบกินอะไร?” ทุกคนตอบว่า “ส้ม” ก่อนจะกล่าวติดตลกว่า

ตรุษจีนนี้ ขอให้พี่น้องใส่เสื้อแดงแล้วกินส้ม จะได้เจริญรุ่งเรือง

ซึ่งประชาชนบางส่วนตะโกนกลับว่า “คายขว้างแล้วเจ้า” หมายถึง ทิ้งไปแล้ว” ซึ่งนายทักษิณตอบกลับว่า “โอ้! ดีจัง

อยากใช้งานผมหรือไม่ ใช้ให้เต็มที่”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายทักษิณ กล่าวอ้อนขอคะแนนเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ และทีมผู้สมัคร ส.จ. พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า

อยากจะใช้งานผมหรือไม่? ใช้ให้เต็มที่เลย ตราบใดที่ผมยังแข็งแรง ยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ ผมจะทำงานให้ประเทศและประชาชนเต็มที่

พร้อมย้ำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยแบบจัดเต็ม และอวยพรให้ทุกคนโชคดีในวันปีใหม่จีน

กำหนดการเดินสายหาเสียงต่อเนื่อง

หลังจากปราศรัยที่เชียงราย นายทักษิณ เดินทางต่อไปยัง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ และเข้าพักค้างคืน ก่อนเดินทางไป จังหวัดลำพูน ในวันถัดไป

อีกฟากผู้สมัครจัดแผนปราศรัยใหญ่ 30 มกราคม ก่อนศึกเลือกตั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับ วันที่ 30 มกราคม 2568 จะเป็นวันสำคัญของการหาเสียงครั้งสุดท้าย โดยอทิตาธร วันไชยธนวงศ์มีกำหนดการจัด เวทีปราศรัยใหญ่ ก่อนเลือกตั้งที่ สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย

โดยช่วงเช้า ทีมงานของนางอทิตาธร จะเดินสายหาเสียงที่ อำเภอเทิง และมีการนัดรวมตัวกันของผู้สนับสนุนจำนวนมากก่อนเข้าสู่เวทีใหญ่ในช่วงค่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปราศรัย นั้นขึ้นอยู่กับหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น กระแสการตอบรับของประชาชน นโยบายของแต่ละผู้สมัคร รวมถึงทิศทางทางการเมืองระดับประเทศที่ส่งผลต่อท้องถิ่น

อทิตาธร” ลั่น! เชียงรายต้องไปต่อ ไม่เป็นเบี้ยทางการเมือง

นางอทิตาธร กล่าวย้ำว่า เชียงรายต้องการผู้นำที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพียง ตัวแทนของพรรคการเมืองระดับประเทศ พร้อมแสดงจุดยืนว่าหากได้รับเลือกตั้ง จะทำงานเพื่อท้องถิ่นเชียงรายโดยไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางการเมืองระดับชาติ

เธอยังระบุว่า เชียงรายต้องไปต่อ ไม่ใช่แค่สนามเล่นของพรรคการเมืองใหญ่ แต่ต้องเป็นของประชาชนทุกคน”

แนวโน้มและกระแสตอบรับของประชาชน

ศึกเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย ในปีนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสนามที่พรรคการเมืองใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างเต็มตัว และมีนายทักษิณ ชินวัตร ลงมาช่วยหาเสียงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม กระแสของกลุ่มผู้สนับสนุนที่เปลี่ยนแปลงท่าที และการที่มีผู้สมัครอิสระที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อาจส่งผลให้ผลการเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนสูง

การเลือกตั้งครั้งนี้ ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรม

ในระหว่างการหาเสียง ทุกพรรคการเมืองและผู้สมัครต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศเตือนว่า หากพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสียง ใช้อิทธิพล หรือกระทำผิดกติกาใดๆ อาจถูกพิจารณาให้ “ใบแดง” หรือ “ใบเหลือง” ได้

ผู้สมัครทั้งหมด รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง จะต้องดำเนินกิจกรรมภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

  1. การเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย มีความสำคัญอย่างไร?
    เลือกตั้ง อบจ. เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่มีอำนาจจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัด
  2. ทักษิณให้ความสำคัญกับท้องถิ่นมากขึ้นเพราะอะไร?
    เขามองว่าท้องถิ่นเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
  3. พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะการเลือกตั้งหรือไม่?
    การแข่งขันยังคงดุเดือด ต้องรอดูผลโหวตของประชาชน
  4. นโยบายของนางสลักจฤฎดิ์มีอะไรเด่น?
    เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวเชียงราย
  5. การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อการเมืองระดับประเทศอย่างไร?
    เป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งทั่วไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News