Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ลุยแก้ปัญหาที่ดิน สอน. รพ.สต. ปลดล็อกบริการ

อบจ.เชียงรายเร่งปลดล็อกปัญหาที่ดิน “รพ.สต.-สอน.” หวังยกระดับบริการสุขภาพสู่ประชาชน

เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เดินหน้าแก้ปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.เชียงราย หลังได้รับการถ่ายโอนภารกิจจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจด้านการให้บริการสุขภาพต่อประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และถูกต้องตามกฎหมาย

เริ่มต้นด้วยความตั้งใจจริง สู่การระดมแก้ไขปัญหาในเชิงระบบ

ในการประชุมวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา อบจ.เชียงราย ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเดิม อาทิ สำนักงานธนารักษ์ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินสาธารณะ ซึ่ง รพ.สต. และ สอน. ตั้งอยู่ เพื่อให้การขออนุญาตใช้พื้นที่เป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบ

สถานการณ์ปัจจุบันของที่ดิน “รพ.สต. – สอน.” ในพื้นที่เชียงราย

จากข้อมูลเบื้องต้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายมีสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ และ รพ.สต. อยู่ในความรับผิดชอบทั้งสิ้น 211 แห่ง ซึ่งล้วนแต่ประสบปัญหาที่ดินยังไม่ได้รับการจัดการด้านเอกสารสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ โดยในจำนวนนี้ มีหลายแห่งตั้งอยู่บนที่ดินของหน่วยงานรัฐหลากหลายประเภท เช่น

  • ที่ราชพัสดุ (สำนักงานธนารักษ์)
  • ที่ดินป่าสงวน (กรมป่าไม้)
  • พื้นที่ ส.ป.ก. (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม)
  • ที่ดินศาสนสมบัติ (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)
  • ที่ดินของโรงเรียน หรือการไฟฟ้าฯ
  • ที่ดินเอกชนที่ชาวบ้านบริจาค

แต่ละกรณีล้วนมีข้อจำกัดเฉพาะ ซึ่งส่งผลต่อความล่าช้าในการขออนุญาตใช้พื้นที่ รวมถึงกระบวนการถ่ายโอนสิ่งปลูกสร้าง

ปัญหาเชิงระบบจากการถ่ายโอนภารกิจ

การถ่ายโอนภารกิจของ รพ.สต. และ สอน. จากกระทรวงสาธารณสุขมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามนโยบายกระจายอำนาจ เป็นแนวทางที่รัฐมุ่งหวังให้เกิดความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้นในระดับพื้นที่

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) พบว่า ภายหลังการถ่ายโอน มีสถานพยาบาลทั้งประเทศกว่า 4,452 แห่ง ที่ อบจ. ได้รับผิดชอบ โดยมีปัญหาด้านกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากถึง กว่า 90%

อบจ.เชียงรายเอง กำลังเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน โดยพบว่า หน่วยงานเจ้าของภารกิจเดิมยังไม่จัดทำเอกสารสิทธิ์ให้ครบถ้วน เช่น ยังไม่ขึ้นทะเบียนสิ่งปลูกสร้าง ส่งคืนสำนักงานธนารักษ์ หรือยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน

สาเหตุหลักของอุปสรรคในการอนุญาตใช้ที่ดิน

  1. การไม่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่เดิม: อาคารบางแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ์ หรือยังไม่มีการรังวัดเขตแน่นอน เช่น พื้นที่บริจาคจากชาวบ้าน หรือที่ราชพัสดุที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน
  2. หน่วยงานเดิมยังไม่ส่งมอบข้อมูลครบถ้วน: บางกรณีสิ่งปลูกสร้างยังไม่มีการขึ้นทะเบียนตามแบบฟอร์ม ทบ.6 หรือไม่มีหนังสือรื้อถอนจากเจ้าของเดิม ส่งผลให้หน่วยงานรับโอนอย่าง อบจ. ไม่สามารถดำเนินการต่อได้
  3. ขั้นตอนการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนมีความซับซ้อน: การดำเนินการต้องได้รับอนุมัติจากกรมป่าไม้ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาหลายชั้น ตั้งแต่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ จนถึงกรมส่วนกลาง

ความมุ่งมั่นของนายก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ย้ำในที่ประชุมว่า “อบจ.เชียงรายจะเร่งประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขออนุญาตใช้ที่ดินสถานพยาบาลเหล่านี้ เป็นไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเร็วที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่คือคุณภาพชีวิตของประชาชน”

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สำนักช่าง อบจ.เชียงราย เร่งจัดทำผังบริเวณ รังวัดที่ดิน และจัดเตรียมเอกสารประกอบคำขออย่างครบถ้วน พร้อมประสานงานกับสำนักงานธนารักษ์ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้จังหวัด เพื่อเร่งรัดขั้นตอนการอนุญาต

ความสำคัญของ รพ.สต. และ สอน. ต่อระบบสุขภาพไทย

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ (สอน.) เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่ประชาชนพึ่งพาเป็นด่านหน้าในการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพแม่และเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยในระบบสาธารณสุข

หากสถานพยาบาลเหล่านี้ไม่สามารถใช้อาคารหรือที่ดินได้อย่างถูกต้อง ย่อมกระทบต่อคุณภาพบริการและความปลอดภัยของประชาชนโดยตรง

ข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนในอนาคต

เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีแนวทางดังนี้

  • สร้างระบบฐานข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงกันระหว่าง สถ. – สธ. – ธนารักษ์ – ป่าไม้ เพื่อให้การดำเนินงานโปร่งใสและไม่ซ้ำซ้อน
  • เร่งจัดทำร่างระเบียบกลางว่าด้วยการถ่ายโอนและการใช้ประโยชน์ในที่ราชการร่วมกัน เพื่อลดภาระการขออนุญาตรายกรณี
  • เสนอแก้ไขกฎหมายบางประการที่เป็นอุปสรรค เช่น พ.ร.บ.ป่าไม้, พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ เพื่อให้เอื้อต่อภารกิจด้านสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ณ ต้นปี 2568 ระบุว่า มีสถานพยาบาล (รพ.สต. – สอน.) ที่ได้รับการถ่ายโอนจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวนทั้งสิ้น 4,452 แห่ง ทั่วประเทศ
  • จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า มากกว่า 90% ของสถานพยาบาลที่ถ่ายโอน ยังไม่ได้รับการจัดการเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างให้ถูกต้อง
  • ในจังหวัดเชียงราย อบจ.มีความรับผิดชอบดูแลสถานพยาบาลที่ถ่ายโอนแล้วถึง 211 แห่ง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกัน
  • รายงานจาก กรมป่าไม้ ระบุว่า พื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติครอบคลุมกว่า 38% ของพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคหลักของการใช้ประโยชน์พื้นที่ในหลายจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.), หนังสือด่วนมาก ลงวันที่ 6 มกราคม 2568
  • กรมป่าไม้, รายงานพื้นที่ป่าประเทศไทย ปี 2566
  • สำนักงานธนารักษ์จังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (การประชุมวันที่ 8 เมษายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายก อบจ. ลุยบ้านดู่ แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียด่วน

นายก อบจ.เชียงราย เร่งแก้น้ำเน่าบ้านดู่ หลังชาวบ้านร้องเรียนเดือดร้อน

เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – ปัญหาน้ำเน่าเสียในเขต ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย กลายเป็นวาระเร่งด่วน หลังประชาชนร้องเรียนต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ถึงความเดือดร้อนที่ทวีความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง

ประชาชนร้องเรียนปัญหาเน่ารุนแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

เมื่อเวลา 11.50 น. ของวันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่ตำบลบ้านดู่โดยด่วน หลังได้รับรายงานจากประชาชนเรื่อง น้ำขังรอการระบายจนเกิดน้ำเน่า ส่งกลิ่นเหม็นตลอดทั้งวัน

หลายครัวเรือนในพื้นที่ต้องประสบปัญหาไม่สามารถเปิดหน้าต่างบ้านได้ และบางพื้นที่เริ่มพบสัตว์พาหะ เช่น ยุง และแมลงวัน เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างผิดปกติ

นายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่จริง รับฟังประชาชนโดยตรง

ทันทีที่เดินทางถึงพื้นที่ นายก อบจ.เชียงราย ได้พบกับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมรับฟังผลกระทบและข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยได้เน้นย้ำว่า ทุกปัญหาที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน จะได้รับการดำเนินการอย่างเร่งด่วน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีหลายจุดในเขตชุมชนที่น้ำท่วมขังมานาน และไม่มีการระบายน้ำออกจากระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของน้ำเสียและขยะอินทรีย์

สั่งการหน่วยงานภายในทันที บูรณาการแก้ปัญหากับท้องถิ่น

นางอทิตาธร ได้สั่งการให้ สำนักช่างของ อบจ.เชียงราย เร่งสำรวจพื้นที่ที่มีปัญหาโดยละเอียด พร้อมทั้งประสานงานกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลบ้านดู่ เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนที่สุด

การดำเนินการครั้งนี้จะครอบคลุมทั้งการขุดลอกทางระบายน้ำที่ตื้นเขิน การติดตั้งระบบท่อระบายน้ำเพิ่มเติมในจุดที่จำเป็น และการจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วในการดูแลความสะอาดและความปลอดภัยของพื้นที่เสี่ยง

วางแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

ในระยะยาว อบจ.เชียงราย มีแผนร่วมมือกับหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและผังเมือง เพื่อ วางระบบระบายน้ำใหม่ ที่สามารถรองรับน้ำฝนในฤดูมรสุม รวมถึงปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมผ่านโครงการ บ้านดู่ร่วมใจดูแลสิ่งแวดล้อม” โดยสร้างเครือข่ายอาสาสมัครตรวจสอบและรายงานจุดเสี่ยงน้ำเน่าเสียในพื้นที่

ปัญหาน้ำเสียส่งผลกระทบกว้างทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ

ข้อมูลจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีรายงานการเจ็บป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำเสียเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็ก

ด้านภาคธุรกิจ โดยเฉพาะร้านอาหารในพื้นที่ตำบลบ้านดู่ ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน เนื่องจากกลิ่นเหม็นรบกวนลูกค้าและทำให้ยอดขายลดลงอย่างชัดเจน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเขตเมืองขยายตัว ต้องการการจัดการที่เป็นระบบ

เหตุการณ์ในตำบลบ้านดู่ สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เพียงพอ ย่อมนำไปสู่ปัญหาสะสมทั้งในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชน

การบูรณาการระหว่างท้องถิ่นกับจังหวัด และการมีส่วนร่วมของประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ (2567) พบว่า พื้นที่เขตเมืองในภาคเหนือกว่า 43% มีปัญหาน้ำเน่าเสียจากการระบายน้ำไม่เพียงพอ
  • เชียงรายมีอัตราการร้องเรียนเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นและน้ำเน่าในปี 2567 สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ (กรมอนามัย)
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า 61% ของประชาชนในเขตเมืองต้องการให้มีการลงทุนในระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ, รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2567
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ, รายงานการสำรวจความคิดเห็นประชาชน 2567
  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รายงานภาวะสุขภาพประชาชนจากมลภาวะ 2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทควันโดเชียงรายพร้อม ชิงแชมป์ประเทศไทยที่พัทยา

นายก อบจ.เชียงราย พบปะให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัด ก่อนลุยศึก G H Bank 2568

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้ให้การต้อนรับและพบปะเพื่อให้กำลังใจแก่นักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัดเชียงราย ซึ่งเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา “G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568” ประเภทต่อสู้ โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 10:00 น. ณ ห้องรับรองนายก อบจ.เชียงราย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยเข้าร่วม

การแข่งขัน “G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2568 ณ อาคารกรีฑาในร่ม ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี เป็นรายการสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาเทควันโดทั่วประเทศได้แสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะด้านกีฬา โดยนางอทิตาธรได้กล่าวชื่นชมน้อง ๆ นักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ที่ไม่เพียงเป็นเวทีในการชิงชัย แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดและพัฒนานักกีฬาเยาวชนสู่ระดับชาติในอนาคต

ความสำคัญของการแข่งขันและการเตรียมความพร้อม

การแข่งขันกีฬาเทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยเมืองพัทยา ร่วมกับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของ G H Bank (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) โดยมุ่งเน้นประเภทการแข่งขันแบบ “ต่อสู้” หรือ “เคียวรูกิ” ซึ่งเป็นรูปแบบที่เน้นทักษะการเคลื่อนไหว ความแข็งแกร่ง และกลยุทธ์ในการต่อสู้ ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในวงการกีฬาเทควันโด

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีว่า “การที่นักกีฬาเยาวชนจากจังหวัดเชียงรายได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเททั้งของตัวน้อง ๆ เองและทีมผู้ฝึกสอน อบจ.เชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักกีฬาของเรามีขวัญกำลังใจและความพร้อมในการแข่งขัน รวมถึงหวังว่าน้อง ๆ จะสามารถคว้าชัยชนะกลับมาเป็นเกียรติยศให้กับจังหวัดของเรา”

การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักกีฬาเทควันโดทั่วประเทศได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ พัฒนาทักษะกีฬาของตนเอง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการคัดเลือกนักกีฬาที่มีศักยภาพเพื่อก้าวสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในอนาคต นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันยังมีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาให้เป็น “เมืองแห่งกีฬา” และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี

ในการเตรียมความพร้อม ตัวแทนจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยได้นำเสนอรูปแบบการจัดการแข่งขันในที่ประชุม ณ ศาลาว่าการจังหวัดชลบุรี โดยระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะมีนักกีฬาและผู้ติดตามเข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง สะท้อนถึงความนิยมและความสำคัญของรายการนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้วางแผนจัดการในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน ที่พัก ความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้

การสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ยังได้กล่าวถึงบทบาทของ อบจ.เชียงรายในการสนับสนุนกีฬาเยาวชน โดยระบุว่า อบจ.ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬาในระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกซ้อม อุปกรณ์กีฬา และการเดินทางไปแข่งขันในรายการต่าง ๆ ซึ่งการแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเวทีที่ อบจ.เชียงรายให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักกีฬามีโอกาสพัฒนาศักยภาพและสร้างผลงานในระดับชาติ

“น้อง ๆ นักกีฬาเทควันโดเหล่านี้คืออนาคตของวงการกีฬาไทย และเป็นความหวังของจังหวัดเชียงราย เราเชื่อมั่นในความสามารถของน้อง ๆ และหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นบันไดก้าวแรกสู่ความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นต่อไป” นายก อบจ.เชียงรายกล่าว

รายละเอียดการแข่งขัน

การแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 จะจัดขึ้น ณ อาคารกรีฑาในร่ม ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2568 โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ตามน้ำหนักและเพศ ซึ่งนักกีฬาจากจังหวัดเชียงรายจะเข้าร่วมในประเภทต่อสู้ (เคียวรูกิ) ที่เน้นการใช้ทักษะการโจมตีและป้องกันตัวอย่างแม่นยำ

การแข่งขันครั้งนี้จะมีทั้งนักกีฬาเยาวชนและนักกีฬาทั่วไปจากทั่วประเทศเข้าร่วม ซึ่งคาดว่าจะเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือดและน่าติดตาม โดยสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานการตัดสินและกฎกติกาให้สอดคล้องกับการแข่งขันระดับสากล เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาที่มีโอกาสก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป

ผลกระทบต่อเมืองพัทยาและชลบุรี

การจัดการแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีในภาพรวม ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน ซึ่งรวมถึงนักกีฬา ทีมผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และผู้ชม คาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการใช้จ่ายในด้านที่พัก อาหาร และการท่องเที่ยว โดยเมืองพัทยาได้ตั้งเป้าหมายให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น “เมืองแห่งกีฬา” ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักกีฬาจากทั่วประเทศให้เข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการในอนาคต

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย

การแข่งขันครั้งนี้ได้เกิดการถกเถียงในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนนักกีฬาเยาวชน ฝ่ายหนึ่งมองว่า การที่ อบจ.เชียงรายและหน่วยงานท้องถิ่นให้การสนับสนุนนักกีฬาเทควันโดอย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและช่วยสร้างโอกาสให้เยาวชนในจังหวัดได้พัฒนาทักษะและมีเวทีแสดงความสามารถ ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แทนการหมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ในทางกลับกัน อีกฝ่ายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การให้ความสำคัญกับกีฬาเทควันโดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนากีฬาในภาพรวมของจังหวัดเชียงราย โดยชี้ว่า งบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนควรกระจายไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและครอบคลุมเยาวชนที่มีความสนใจหลากหลาย รวมถึงมองว่าการแข่งขันระดับชาติอาจสร้างความกดดันให้กับนักกีฬาเยาวชนมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

จากมุมมองที่เป็นกลาง การสนับสนุนของ อบจ.เชียงรายมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมกีฬาและสร้างโอกาสให้เยาวชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนากีฬาของชาติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะที่ให้มีการกระจายงบประมาณไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ ก็มีความสมเหตุสมผล เพื่อให้เกิดความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของเยาวชนในวงกว้าง การตัดสินใจในเรื่องนี้ควรพิจารณาจากความพร้อมของทรัพยากรและความสนใจของเยาวชนในจังหวัด โดยไม่ควรตัดสินว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่ควรมองหาความสมดุลที่เหมาะสมในการพัฒนากีฬาทั้งระบบ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนนักกีฬาเทควันโดในประเทศไทย: จากข้อมูลของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในปี 2566 มีนักกีฬาเทควันโดที่ลงทะเบียนทั่วประเทศประมาณ 15,000 คน โดยร้อยละ 60 เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี (ที่มา: สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, รายงานประจำปี 2566)
  2. การจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ: สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยระบุว่า ในช่วงปี 2565-2567 มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ 85 รายการ โดยร้อยละ 40 จัดในจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี (ที่มา: การกีฬาแห่งประเทศไทย, สถิติการแข่งขัน 2567)
  3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ในปี 2566 การท่องเที่ยวเชิงกีฬาสร้างรายได้ให้จังหวัดชลบุรีกว่า 2,500 ล้านบาท จากการจัดการแข่งขันและกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ (ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, รายงานเศรษฐกิจกีฬา 2566)

สรุป

การพบปะและให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัดเชียงรายของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนเยาวชนให้พัฒนาทักษะกีฬาและสร้างชื่อเสียงให้จังหวัด การแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย 2568 จะเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาได้แสดงศักยภาพ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองพัทยาในฐานะเมืองแห่งกีฬาและการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • อบจ.เชียงราย
  • สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย
  • การกีฬาแห่งประเทศไทย
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ปลูกจิตสำนึกเสริมคุณธรรมบุคลากร

อบจ.เชียงราย จัดโครงการปลูกจิตสำนึก เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติงานของบุคลากร ประจำปีงบประมาณ 2568

เชียงราย,27 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้จัดโครงการ ปลูกจิตสำนึกเพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติงานของบุคลากร ประจำปีงบประมาณ 2568″ โดยมี นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ณ วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

การจัดโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน ให้กับบุคลากรทุกระดับของ อบจ.เชียงราย รวมถึงส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการให้บริการประชาชน

เป้าหมายและรูปแบบการจัดโครงการ

โครงการนี้มีเป้าหมายให้บุคลากร อบจ.เชียงราย จำนวน 500 คน ได้รับการอบรม โดยในครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมจำนวน 300 คน แบ่งออกเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 150 คน การอบรมจัดขึ้นในรูปแบบของ การบรรยายธรรมะ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้บุคลากรได้ซึมซับหลักคุณธรรม จริยธรรม และนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ

วิทยากรและกิจกรรมภายในงาน

โครงการได้รับเกียรติจาก พระครูสังฆรักษ์ไพบูลย์ เป็นประธานอาราธนาศีล พร้อมด้วย พระมหาสมบัติ ปุญญสับปัตติ และ พระมหา ดร.ศรีพยัคฆ์ สิริวิญญู เป็นพระวิทยากรในการบรรยายธรรมะ ซึ่งเน้นย้ำเรื่อง การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การมีจิตสาธารณะ และการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

นอกจากนี้ สิบเอกภายุภัคค์ เสนางาม หัวหน้าฝ่ายวินัยและส่งเสริมคุณธรรม กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้กล่าวรายงานและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยให้การบริหารงานของ อบจ.เชียงรายเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน

หลักธรรมาภิบาลเป็นแนวทางสำคัญในการบริหารงานที่ยึดหลักความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วม ซึ่งการปฏิบัติงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลจะช่วยให้บุคลากรสามารถ ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล มีจริยธรรม และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการ

  • ฝ่ายสนับสนุน: ผู้เข้าร่วมโครงการหลายคนแสดงความเห็นว่า การได้รับฟังธรรมะจากพระวิทยากรทำให้เข้าใจหลักคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงานมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายกังวล: อย่างไรก็ตาม บางส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร และความกดดันจากภารกิจที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนบุคลากร อบจ.เชียงราย ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้: 300 คน จากเป้าหมายทั้งหมด 500 คน (ที่มา: อบจ.เชียงราย)
  • ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการในปีที่ผ่านมา: มากกว่า 90% ระบุว่าได้รับความรู้และสามารถนำไปใช้ในงานจริง (ที่มา: กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย)
  • จำนวนโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในหน่วยงานภาครัฐในปี 2567: กว่า 1,200 โครงการทั่วประเทศ (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน – ก.พ.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ยกระดับบริการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น

อบจ.เชียงราย จัดอบรมพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นยุคใหม่ ยกระดับการบริหารงานตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

เชียงราย,27 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้จัดโครงการอบรมพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นยุคใหม่ เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหาร สมาชิกสภา และข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้สอดคล้องกับ หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด

ในโอกาสนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมด้วย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน และได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการอบรม

เป้าหมายของโครงการ

การจัดอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ให้แก่บุคลากรในระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยเน้นย้ำให้การทำงานมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

เนื้อหาการอบรมและวิทยากร

ในระหว่างการอบรม ผู้เข้าร่วมได้รับฟังบรรยายพิเศษจาก นายฐิติกร สุขเสาร์ หัวหน้ากลุ่มตรวจสอบทรัพย์สิน จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การป้องกันการทุจริตในองค์กร และการบริหารงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

นายฐิติกร ได้เน้นย้ำถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

บทบาทของ อบจ.เชียงราย ในการบริหารงานตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายมีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะและส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่น โดยการปฏิบัติงานขององค์กรยึดหลัก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 รวมถึง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ซึ่งกำหนดแนวทางในการบริหารราชการให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง

หลักการสำคัญในการบริหารงาน ได้แก่:

  1. ความโปร่งใส และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
  2. การมีส่วนร่วมของประชาชน ในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนา
  3. การตรวจสอบและประเมินผล อย่างต่อเนื่อง
  4. การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า

ความเห็นจากผู้เข้าร่วมอบรม

ฝ่ายสนับสนุน: ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าการอบรมครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ฝ่ายกังวล: อย่างไรก็ตาม บางส่วนยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการนำหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไปใช้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารงบประมาณที่ต้องมีความรัดกุมและโปร่งใสอย่างแท้จริง ซึ่งต้องอาศัยการติดตามและตรวจสอบอย่างเข้มงวด

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนผู้เข้าร่วมอบรมในโครงการครั้งนี้: กว่า 150 คน (ที่มา: อบจ.เชียงราย)
  • สถิติการจัดอบรมด้านการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีในปี 2567: จัดอบรม 10 ครั้ง ครอบคลุมกว่า 1,000 คน (ที่มา: สำนักบริหารงานบุคคล อบจ.เชียงราย)
  • ระดับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมในปีที่ผ่านมา: 90% (ที่มา: ศูนย์ประเมินผลการอบรม อบจ.เชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ล่องแพแม่น้ำคำ เชียงราย พัฒนาท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชน

อบจ.เชียงราย ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “ล่องแพลำน้ำคำ” ตำบลแม่ฟ้าหลวง ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น สร้างรายได้ชุมชน

ผนึกกำลังทุกภาคส่วน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติ พายเรือเก็บขยะ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวตำบลแม่ฟ้าหลวง ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ณ ลำน้ำคำ บ้านสามัคคีใหม่ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.เชียงราย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “ล่องแพลำน้ำคำ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือ และยกระดับรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เปิดเส้นทาง “ลำน้ำคำ” เส้นเลือดธรรมชาติ เชื่อมชุมชนสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ

กิจกรรมหลักภายในงาน ได้แก่ การล่องแพสำรวจเส้นทางธรรมชาติของลำน้ำคำ ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านชุมชนบ้านสามัคคีใหม่ บรรยากาศโดยรอบยังคงอุดมด้วยธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และวิถีชีวิตพื้นบ้านที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพายเรือคายัคเก็บขยะในลำน้ำ เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำในพื้นที่

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาร่วมงาน คือการ “สร้างฝ่ายเบี่ยงทางน้ำ” เพื่อควบคุมระดับน้ำให้เหมาะสมต่อการล่องแพในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันตลิ่งพังและช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศของลำน้ำในระยะยาว

ย้ำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ต้องควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยไม่ละเลยประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยโครงการในลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่

“เราต้องการให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นสร้างรายได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะความงดงามของธรรมชาติ คือหัวใจของการท่องเที่ยวเชียงราย” นายรามิลกล่าว

ด้านผู้แทนจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ระบุว่า เส้นทาง “ล่องแพลำน้ำคำ” เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Eco Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน และการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คงอยู่ในระยะยาว

เสียงจากคนในพื้นที่ – การท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจชุมชน

นางสาคร สมบุญ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าแปรรูป เช่น กล้วยตาก ผ้าทอพื้นเมือง และอาหารท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

“เมื่อก่อนลำน้ำคำแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้คนเริ่มมาเที่ยวมากขึ้น ชาวบ้านก็ได้มีโอกาสขายของ บางคนก็เอาเรือมาพายให้บริการล่องแพ เป็นรายได้เสริมที่สำคัญมากในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้” นางสาครกล่าว

ในขณะเดียวกัน นายสุริยา แก้วคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสามัคคีใหม่ กล่าวว่า การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุนทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นและพร้อมจะร่วมมือในการพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวอยากกลับมาอีกครั้ง

มุมมองจากนักอนุรักษ์ – ควรติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่นักสิ่งแวดล้อมบางรายให้ความเห็นว่า จำเป็นต้องมีการติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความสมดุลของระบบนิเวศในลำน้ำคำ การสร้างฝ่ายเบี่ยงน้ำและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ ควรมีการศึกษาและวางแผนร่วมกับนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติเพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – ข้อดีควบคู่กับความระมัดระวัง

ในภาพรวม โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวลำน้ำคำของตำบลแม่ฟ้าหลวงนับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ห่างไกล แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการวางระบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายรูปแบบการท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันไปยังพื้นที่อื่นของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมพื้นที่แม่ฟ้าหลวง ปี 2567: ประมาณ 85,000 คน (สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย)
  • รายได้เฉลี่ยจากการขายสินค้าชุมชนต่อครัวเรือน/เดือน ในพื้นที่ตำบลแม่ฟ้าหลวง: 4,500 บาท (จากการสำรวจโดย อพท.เชียงราย)
  • จำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมล่องแพและพายเรือเก็บขยะ: 37 ครัวเรือน
  • พื้นที่ลำน้ำคำที่ใช้ในการจัดกิจกรรม: ประมาณ 3.5 กิโลเมตร
  • งบประมาณที่ใช้ในกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ครั้งนี้: 350,000 บาท (จาก อบจ.เชียงราย และการสนับสนุนร่วมจากภาคีเครือข่าย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.เชียงราย)
  • ข้อมูลภาคประชาชนจากบ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง
  • รายงานผลกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ประจำปีงบประมาณ 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบบ้าน ยกระดับ คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ-พิการ

อบจ.เชียงราย เร่งยกระดับที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและคนพิการ สร้างสังคมเข้มแข็งและปลอดภัย

ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด ติดตามผลโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปีงบประมาณ 2567

เชียงราย, 23 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตามแผนงานประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีการมอบบ้านที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วให้แก่ผู้รับการสนับสนุนทั้ง 4 รายในพื้นที่

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ ผู้นำชุมชน ตัวแทนหน่วยงานสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งร่วมกันสำรวจ ตรวจสอบ และมอบสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของผู้พักอาศัย

กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยบริการสาธารณสุข และกลุ่มเป้าหมายในระดับชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดให้หน่วยงานในท้องถิ่นเสนอแผนงานที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่

ในพื้นที่ตำบลป่าแงะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเทศบาลตำบลป่าแงะได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวน 4 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสบปัญหาสภาพที่อยู่อาศัยชำรุดทรุดโทรม และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้ชีวิต

หลังจากรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน จึงดำเนินการขอรับงบประมาณสนับสนุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละราย

เน้น “อยู่ดี มีสุข” ด้วยการปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้ใช้ชีวิตอย่างจำกัด

การปรับปรุงที่อยู่อาศัยครั้งนี้เน้นการเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุและคนพิการ เช่น การทำทางลาดสำหรับรถเข็น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การปรับพื้นบ้านให้เรียบเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการหกล้ม รวมถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอุปกรณ์ภายในบ้านให้เหมาะกับการใช้งานของผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย

โดยการดำเนินโครงการไม่เพียงมุ่งหวังให้ผู้รับการสนับสนุนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้สมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้สูงอายุและคนพิการได้ง่ายขึ้น ลดภาระการดูแลในระยะยาว และส่งเสริมสุขภาวะจิตที่ดีให้กับทั้งผู้พักอาศัยและสมาชิกในบ้าน

ผู้นำชุมชน – หน่วยงานท้องถิ่นร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระดับท้องถิ่น ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

“เราไม่ได้มองว่าเป็นแค่การสร้างหรือซ่อมบ้าน แต่เรากำลังคืนศักดิ์ศรีการใช้ชีวิตให้กับคนในชุมชน และช่วยให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมั่นคงและปลอดภัยในบ้านของตนเอง” นายมงคล กล่าว

ด้านนายอำนาจ อินทร์ทอง ผู้แทนจากกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายมีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายด้านการดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งในอนาคตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย

เสียงสะท้อนจากประชาชน – ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

นางคำปัน อินทชัย อายุ 72 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับการปรับปรุงบ้าน กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า “แต่ก่อนเดินลำบากมาก ห้องน้ำก็ไม่มีราวจับ พอมีบ้านใหม่แบบนี้ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ ไม่ต้องกลัวล้ม แล้วก็อุ่นใจที่มีคนมาช่วยดูแล”

ลูกหลานของนางคำปันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนหน้านี้เวลาจะอาบน้ำหรือพาแม่ไปไหน ต้องช่วยกันหลายคน แต่ตอนนี้แม่สามารถทำอะไรได้เองหลายอย่าง ก็สบายใจขึ้นทั้งบ้าน”

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – สะท้อนทั้งโอกาสและข้อจำกัด

แม้โครงการดังกล่าวจะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนและผู้นำชุมชนว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีเสียงสะท้อนจากบางภาคส่วนว่า งบประมาณสนับสนุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาพรวม และการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ยังมีข้อจำกัดจากระเบียบราชการที่เข้มงวด

ผู้แทนจากเครือข่ายผู้พิการในจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นว่า “โครงการดี แต่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือก็ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือในครัวเรือนที่ไม่มีคนกลางช่วยประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น”

ในด้านของหน่วยงานราชการ ยืนยันว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายพร้อมเปิดรับข้อเสนอใหม่จากทุกพื้นที่ หากหน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดทำแผนที่ชัดเจน และมีข้อมูลสนับสนุนอย่างครบถ้วน โดยกระบวนการตรวจสอบและพิจารณาจะยึดตามหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนผู้รับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในตำบลป่าแงะ: 4 ราย (ปีงบประมาณ 2567)
  • งบประมาณเฉลี่ยต่อหลัง: ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท/หลัง (ขึ้นอยู่กับสภาพบ้าน)
  • ผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย (ปี 2567): ประมาณ 195,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมด)
  • คนพิการที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 49,000 คน (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ)
  • หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลตำบลป่าแงะ, กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ข้อมูลประชากร)
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
  • เทศบาลตำบลป่าแงะ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายยกระดับ รพ.สต. มีทันตกรรม-ช่วยผู้พิการ

อบจ.เชียงราย เดินหน้ายกระดับ รพ.สต.บุญเรือง มอบยูนิตทันตกรรม พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการในพื้นที่

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เดินหน้านำนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus)” ลงสู่การปฏิบัติจริง ด้วยการส่งมอบยูนิตบริการทันตกรรมให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน ภายใต้โครงการปรับสภาพบ้านเพื่อผู้มีภาวะพึ่งพิง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

พิธีส่งมอบจัดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแสดงความยินดีและมอบกำลังใจแก่ผู้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

ยูนิตทำฟัน “ใกล้บ้าน” เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ คือการส่งมอบยูนิตทันตกรรมให้แก่ รพ.สต.บุญเรือง ซึ่งถือเป็นหน่วยบริการแห่งแรกของจังหวัดเชียงรายที่มีทันตแพทย์จากโรงพยาบาลประจำอำเภอหมุนเวียนให้บริการทันตกรรมแบบครบวงจร ได้แก่ การตรวจฟัน อุด ขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันปลอม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เปิดเผยว่า “เรามุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมได้ใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกล ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปากซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว”

โครงการปรับสภาพบ้าน สร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต

นอกเหนือจากบริการด้านทันตกรรมแล้ว อบจ.เชียงราย ยังร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อาทิ เทศบาลตำบลบุญเรือง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการ รพ.สต. และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ลงพื้นที่มอบบ้านที่ปรับสภาพแล้วให้แก่ผู้มีภาวะพึ่งพิง ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านการจัดสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย เช่น การติดตั้งราวจับ ทางลาด ห้องน้ำปลอดภัย รวมถึงการมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น เตียงนอนที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือหัวใจของความสำเร็จ

นางวาสนา ลำเปิงมี สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 2 อำเภอเชียงของ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของโครงการในวันนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”

โครงการนี้ไม่เพียงมุ่งหวังให้เกิดการปรับปรุงเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงอย่างยั่งยืน

สะท้อนนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” ในทางปฏิบัติ

นโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของ อบจ.เชียงราย ที่ต้องการยกระดับ รพ.สต. ให้กลายเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง และครอบคลุมทั้งมิติทางการแพทย์ พยาบาล ทันตกรรม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ในอนาคต อบจ.เชียงรายมีแผนขยายบริการรูปแบบเดียวกันนี้ไปยัง รพ.สต. แห่งอื่นทั่วจังหวัด โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ทัศนะจากทั้งสองฝ่าย: มิติที่แตกต่างแต่ร่วมสร้างสรรค์

ฝ่ายสนับสนุนโครงการ เห็นว่าแนวทางของ อบจ.เชียงราย เป็นแบบอย่างที่ดีของการกระจายบริการสาธารณสุขอย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ และสร้างมาตรฐานชีวิตที่ดีให้แก่ผู้เปราะบางในสังคม

อีกมุมหนึ่งของการวิพากษ์ มีข้อเสนอว่าการดำเนินโครงการลักษณะนี้ควรมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรที่ลงไปในพื้นที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บางความเห็นยังตั้งข้อสังเกตว่าควรมีการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ และรายงานความคืบหน้าสู่สาธารณะเพื่อสร้างความโปร่งใส

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • จำนวนประชากรในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ ปี 2567 มีประมาณ 8,540 คน โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 20.3% และผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐมากกว่า 215 คน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ, 2567)
  • จังหวัดเชียงรายมีจำนวน รพ.สต. ทั้งหมด 192 แห่ง โดยมีเพียง 8 แห่ง ที่มีทันตแพทย์ประจำแบบหมุนเวียน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • ในปีงบประมาณ 2566 กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนการปรับปรุงบ้านสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงไปแล้ว 78 ครัวเรือน และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ครัวเรือน
    (ที่มา: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • จากผลสำรวจปี 2566 พบว่า ผู้สูงอายุในพื้นที่เชียงรายที่มีปัญหาด้านการเข้าถึงบริการทันตกรรม ร้อยละ 64.7%
    (ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2566)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ
  • ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกนกมอบทุน เรียนได้ทุกที่ เลี้ยงชีพได้ที่เชียงราย

อบจ.เชียงราย เดินหน้านโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เดินหน้าสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ ผ่านโครงการ “ส่งน้องเรียน” ตามนโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” โดยมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาสู่ความสำเร็จในอนาคต

อบจ.เชียงราย มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่นักเรียนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น.โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายอับดุลกอเด็ร โกบยาหยัง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และนางน้ำผึ้ง สาธรรม รองผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นผู้แทนในการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือดังกล่าว

โครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย ภายใต้การดำเนินงานของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามแนวทางที่กำหนดใน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

ช่วยลดภาระผู้ปกครอง เพิ่มโอกาสทางการศึกษา

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับการศึกษาโดยไม่มีอุปสรรคทางด้านค่าใช้จ่าย โดยทุนการศึกษาที่มอบให้ในปีนี้มีทั้งหมด 250 ทุน แบ่งออกเป็นทุนละ 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาและความจำเป็นของแต่ละบุคคล รวมถึงการให้เงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับครอบครัวที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการสนับสนุนด้าน ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนสามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตรที่กำหนด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพและเลี้ยงชีพตนเองในอนาคตได้

ส่งน้องเรียน” โครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา

อบจ.เชียงรายเล็งเห็นว่า การสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ “ส่งน้องเรียน” จึงถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมุ่งเน้นให้พวกเขาสามารถเรียนจบและเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ปี 2566) พบว่า จังหวัดเชียงรายมีอัตราการออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรสูงถึง 8.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภาคเหนือ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวคือ ปัญหาความยากจนของครอบครัว และการขาดทุนทรัพย์ในการศึกษา ดังนั้นการสนับสนุนทุนการศึกษาของ อบจ.เชียงราย จึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถศึกษาต่อได้จนจบการศึกษา

สถิติและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาในไทย

จากข้อมูลของ ธนาคารโลก (World Bank, 2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาเพียง 49% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ที่ 55% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตราการเข้าเรียนที่ต่ำคือ ปัญหาค่าใช้จ่ายทางการศึกษา และ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) เปิดเผยว่า เด็กไทยที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพียง 22% เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีซึ่งมีโอกาสศึกษาต่อสูงถึง 78%

บทสรุปและแนวทางในอนาคต

การสนับสนุนทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ยากจนของ อบจ.เชียงราย เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ แนวทางการจัดสรรงบประมาณภาครัฐ ว่าควรเพิ่มการสนับสนุนทุนการศึกษาหรือพัฒนาสถาบันการศึกษาให้สามารถรองรับนักเรียนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ อบจ.เชียงรายยืนยันว่า จะดำเนินโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือเพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้โครงการนี้เป็นต้นแบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2566) / ธนาคารโลก (World Bank, 2566) / สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายลุย พัฒนาบุคลากร เครื่องจักรกล

อบจ.เชียงรายจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เสริมทักษะสู่การทำงานอย่างมืออาชีพ

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ แทน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ดำเนินการ

หลักสูตรและเป้าหมายของโครงการ

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อ เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร อบจ.เชียงราย ให้สามารถ ใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้ในภารกิจสำคัญขององค์กร โดยในปีนี้มุ่งเน้นที่หลักสูตร การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องจักรกลและยานพาหนะเบื้องต้น รถขุดสะเทินน้ำสะเทินบก และรถเครน”

เป้าหมายของการอบรม

  • พัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักของ อบจ.เชียงราย
  • รองรับภารกิจเร่งด่วน เช่น การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, การพัฒนาแหล่งน้ำ, และการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
  • กระจายบุคลากรและเครื่องจักรไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดอย่างทั่วถึง

ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 47 คน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลหนัก และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุง

โยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย ซึ่งให้ความสำคัญกับ การกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน เพื่อให้สามารถ รองรับภารกิจและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ:

  1. การขุดเจาะน้ำบาดาล – เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสะอาดให้ประชาชน
  2. การสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน – เพื่อจัดการน้ำในพื้นที่แล้งซ้ำซาก
  3. การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร – สนับสนุนภาคเกษตรกรรม
  4. เครื่องจักรกลสำหรับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย – เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
  5. พัฒนาเส้นทางเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแหล่งท่องเที่ยว – ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ

  • เจ้าหน้าที่ภาคสนามมองว่า การอบรมช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้ดีขึ้น ลดการสึกหรอของอุปกรณ์ และช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • ผู้นำท้องถิ่นชื่นชมโครงการว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงถนน และการสร้างแหล่งน้ำ

ฝ่ายที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • บางกลุ่มมองว่าจำนวนเครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย อาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกพื้นที่ ควรมีแผนการจัดสรรที่เป็นระบบมากขึ้น
  • เจ้าหน้าที่บางรายระบุว่าควรเพิ่มหลักสูตรการซ่อมบำรุงเชิงลึก เพื่อให้สามารถซ่อมเครื่องจักรได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการซ่อมจากศูนย์กลาง

สรุป

โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบจ.เชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น การพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ชนบท และการรับมือกับภารกิจฉุกเฉิน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัด แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความเพียงพอของเครื่องจักรและการเพิ่มหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดสรรงบประมาณและการขยายโครงการในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  / ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย  / สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News