Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ลำไยเชียงรายล้นตลาด ราคาดิ่งหนัก! รองนายกฯ อบจ.ลงพื้นที่ดอยลาน รับฟังปัญหาเกษตรกร

อบจ.เชียงรายเร่งแก้ “ลำไยล้นตลาด”! รองนายกฯ ลงพื้นที่ดอยลาน รับฟังปัญหาเกษตรกร พร้อมประสาน “ผู้ว่าฯ-รมว.เกษตรฯ” ด่วน

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – ลำไยเชียงรายราคาดิ่ง-ผลผลิตล้นตลาดรองนายกฯ อบจ. ลงพื้นที่ดอยลาน ร่วมหาทางออก วิกฤตเกษตรกร

สถานการณ์ราคาลำไยตกต่ำและผลผลิตล้นตลาดในจังหวัดเชียงรายปีนี้ สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตตำบลดอยลาน อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกลำไยสำคัญของภาคเหนือ เกษตรกรจำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตที่ล้นโรงอบจนไม่สามารถขายได้ กลายเป็นภาระสะสมในชีวิตและหนี้สิน

ในช่วงเช้าวันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้มอบหมายให้ นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย และนางสาวอริญชยา กายาไชย สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 6 ลงพื้นที่ตำบลดอยลาน เพื่อพบปะพูดคุยและรับฟังปัญหาโดยตรงจากกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการโรงอบในพื้นที่ รวมถึงรับฟังข้อมูลจากบริษัท ไทย หม่าน อี้ จำกัด ผู้ประกอบการโรงอบรายใหญ่ประจำตำบล เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาแนวทางแก้ไขวิกฤตครั้งนี้

ภาพรวมปัญหา ผลผลิตล้น-ราคาตก-โรงอบรับไม่ไหว

จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูล พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหาลำไยสดล้นตลาด โรงอบไม่สามารถรับซื้อได้หมด เนื่องจากปริมาณผลผลิตปีนี้สูงเกินความต้องการของตลาด โดยราคาลำไยสดคุณภาพดี (เกรด AA) เฉลี่ยอยู่เพียง 8-10 บาท/กก. (ต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ย 15-16 บาท/กก.) ขณะที่ลำไยเกรดรอง (A, B, C) ราคาตกต่ำเหลือ 2-5 บาท/กก. และบางโรงอบถึงกับหยุดรับซื้อลำไยเกรดต่ำ ทำให้เกษตรกรจำนวนมากจำใจต้องปล่อยให้ลำไยเน่าเสียหรือแจกจ่ายฟรีให้ชุมชนโดยไม่ได้รายได้

“ปีนี้ลำไยเต็มสวนแต่ไม่มีที่ขาย โรงอบก็เต็ม บางเจ้ารับซื้อแบบจำกัดปริมาณ โรงร่อนรับได้น้อยมาก เกษตรกรขาดทุนต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นต้องกู้เงินนอกระบบมาจุนเจือครอบครัว” ตัวแทนเกษตรกรเผย

ปัญหานี้ไม่เพียงกระทบเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังกระทบเศรษฐกิจฐานรากทั้งระบบ เนื่องจากเชียงรายถือเป็นจังหวัดปลูกลำไยรายใหญ่ อันดับ 3 ของประเทศ รองจากเชียงใหม่และลำพูน ผลผลิตที่ล้นตลาดเกินศักยภาพของระบบแปรรูปและตลาดรับซื้อ นำไปสู่ราคาดิ่งลงต่ำต่อเนื่อง

อบจ.เชียงรายเดินหน้าประสานทุกภาคส่วน เร่งช่วยเหลือเฉพาะหน้าและวางแนวทางยั่งยืน

นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย เปิดเผยภายหลังการหารือว่า “อบจ.เชียงรายรับทราบความเดือดร้อนของเกษตรกรทุกคน จะไม่นิ่งนอนใจโดยเด็ดขาด เบื้องต้นได้ประสานโรงอบไทย หม่าน อี้ รับซื้อลำไยเพิ่มขึ้นจากเดิมเพื่อช่วยระบายผลผลิตออกจากสวน ลดแรงกดดันในพื้นที่ พร้อมทั้งจะรวบรวมข้อเสนอแนะและปัญหาจากเกษตรกรทุกกลุ่ม นำไปรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาวโดยเร็วที่สุด”

วิกฤตลำไยเชียงราย บททดสอบใหญ่ “ระบบจัดการผลผลิตไทย”

ปัญหาลำไยล้นตลาดและราคาตกต่ำไม่ได้เกิดขึ้นเพียงปีนี้ แต่เป็นปัญหาซ้ำซากที่สะสมมานาน ข้อมูลกรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ปี 2568 ปริมาณผลผลิตลำไยสดในภาคเหนือพุ่งสูงกว่าปีที่แล้วถึง 12% ขณะที่ตลาดส่งออกหลักอย่างจีนและเวียดนามต่างมีข้อจำกัดเรื่องนำเข้าและมีผลผลิตในประเทศเองมากขึ้น ทำให้พึ่งพิงตลาดในประเทศเป็นหลัก โรงอบในพื้นที่ไม่สามารถรับซื้อลำไยได้ทันกับผลผลิตที่หลั่งไหลออกมาพร้อมกัน

ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา:

  • การรับฟังปัญหาและประสานงานรวดเร็ว: การที่ อบจ.เชียงราย ส่งรองนายกฯ ลงพื้นที่รับฟังเสียงประชาชนอย่างใกล้ชิด แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาจริงจัง ต่างจากการสื่อสารผ่านระบบราชการปกติที่อาจล่าช้าและห่างไกลข้อเท็จจริง
  • บทบาท “องค์กรปกครองท้องถิ่น” ในวิกฤต: การประสานงานเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่ผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงเกษตรฯ สะท้อนการขับเคลื่อนปัญหาขึ้นสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายได้ตรงจุด ไม่ใช่แค่ “ฟังแล้วจบ” ในระดับท้องถิ่น
  • แนวทางบรรเทาฉุกเฉิน: แม้การรับซื้อลำไยเพิ่มของโรงอบจะช่วยได้เพียงบางส่วนและชั่วคราว แต่หากรัฐเร่งสนับสนุนการกระจายตลาด ส่งเสริมการแปรรูป ผลักดันตลาดออนไลน์หรือส่งเสริมการส่งออกนอกฤดู น่าจะช่วยสร้างสมดุลให้กับอุปทานที่ล้นตลาดได้มากขึ้น

ข้อเสนอแนะสู่ความยั่งยืน:

  • ระบบข่าวกรองและบริหารจัดการผลผลิต: ควรวางระบบติดตามผลผลิตและคาดการณ์ปริมาณล่วงหน้าอย่างแม่นยำ เพื่อป้องกันภาวะล้นตลาดซ้ำซาก และผลักดันการวางแผนการผลิตแบบยั่งยืน
  • การเสริมศักยภาพแปรรูปและเพิ่มมูลค่า: ควรเร่งรัดสนับสนุนโรงงานแปรรูปขนาดเล็กในพื้นที่ กระตุ้นการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จากลำไย เพิ่มโอกาสส่งออก และลดการพึ่งพาตลาดสดเพียงอย่างเดียว
  • ส่งเสริมความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน: ต้องสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกร-โรงอบ-ผู้ส่งออก เพิ่มความเข้มแข็งและยืดหยุ่นให้ระบบรับมือวิกฤตได้ดีขึ้นในอนาคต

สรุป:

สถานการณ์ลำไยล้นตลาดที่เชียงรายในปีนี้ ถือเป็น “สัญญาณเตือน” ระบบเกษตรกรรมไทยทุกระดับ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและเชิงโครงสร้าง เชียงรายจะสามารถเปลี่ยนวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสสร้างความแข็งแกร่งให้เกษตรกรในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • บริษัท ไทย หม่าน อี้ จำกัด
  • กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • รายงานข่าวสถานการณ์ผลผลิตลำไยภาคเหนือ (2568)
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

บจ.เชียงรายเปิดสะพานข้ามลำน้ำเกี๋ยง เสริมโครงสร้าง ช่วยน้ำท่วมโรงเรียนแม่คำ

อบจ.เชียงรายลุยแก้ปัญหา! เปิดใช้สะพานใหม่ข้ามลำน้ำเกี๋ยง อ.เชียงแสน พร้อมเร่งช่วยน้ำท่วมโรงเรียนบ้านแม่คำ

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – อบจ.เชียงรายเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิต เปิดใช้สะพานใหม่ข้ามลำน้ำเกี๋ยง ลดต้นทุนขนส่ง หนุนเศรษฐกิจฐานราก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ยังคงสานต่อนโยบาย “สร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชุมชน” ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดใช้งานสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามลำน้ำเกี๋ยง บ้านห้วยเกี๋ยง หมู่ 8 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นจากการต้อนรับของชุมชน โดยมีผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

สะพานใหม่แห่งนี้มีขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 12 เมตร สร้างขึ้นเพื่อทดแทนสะพานเดิมที่ถูกน้ำกัดเซาะจนชำรุดเสียหายอย่างหนักจากเหตุอุทกภัยในรอบหลายปีที่ผ่านมา สะพานเก่ากลายเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง การขนส่งผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงชีวิตประจำวันของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่เสี่ยงอันตรายจากกระแสน้ำเชี่ยว อบจ.เชียงรายจึงได้เร่งรัดจัดสรรงบประมาณกว่า 1,775,000 บาท ผ่านความเห็นชอบของประชาคมท้องถิ่น เพื่อดำเนินการก่อสร้างโดยเทศบาลตำบลเวียง

เปิดสะพานใหม่เพิ่มศักยภาพชุมชน ลดความเสี่ยงอุทกภัย

สะพานข้ามลำน้ำเกี๋ยงแห่งใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาและความมั่นคงในชีวิตประจำวันของประชาชน ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงปลอดภัย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งในด้านการสัญจร การขนส่งสินค้าและผลผลิตการเกษตร ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

เป้าหมายของโครงการนี้ชัดเจน ได้แก่

  • อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการสัญจร สำหรับประชาชนในหมู่บ้านและผู้ใช้เส้นทาง
  • ลดภาระค่าใช้จ่าย ในการเดินทางของประชาชนและต้นทุนขนส่งผลผลิต
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจชุมชน ด้วยเส้นทางคมนาคมที่สมบูรณ์
  • ป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยซ้ำซาก ลดความเสี่ยงจากน้ำกัดเซาะและน้ำท่วมขัง

เร่งช่วยเหลือโรงเรียนบ้านแม่คำ สู้ภัยน้ำท่วม

ในวันเดียวกัน นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะ ยังได้ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนบ้านแม่คำ (ธรรมาประชาสรรค์) ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังจนส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนและความเป็นอยู่ของคณะครูและนักเรียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น อบจ.เชียงรายได้นำน้ำดื่ม 50 แพ็คไปมอบให้โรงเรียน และสั่งการให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่โดยด่วน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งสำรวจและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

 “สะพานแห่งความหวัง” และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง – ต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนของท้องถิ่น

การเปิดใช้งานสะพานข้ามลำน้ำเกี๋ยงและการลงพื้นที่ช่วยเหลือโรงเรียนบ้านแม่คำของ อบจ.เชียงรายในครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนของบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าใจและตอบโจทย์ชีวิตจริงของประชาชนในทุกมิติ

จุดเด่นและผลลัพธ์สำคัญ:

  • แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง: สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กใหม่ เป็นการแก้ปัญหาถึงรากฐานและยั่งยืน ลดความเสียหายจากน้ำท่วมขังในระยะยาว และป้องกันการถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในช่วงวิกฤต
  • เสริมศักยภาพเศรษฐกิจและการเกษตร: การคมนาคมสะดวกขึ้น เอื้อให้เกษตรกรส่งผลผลิตสู่ตลาดได้รวดเร็ว ช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของพื้นที่
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน: การจัดสรรงบประมาณและดำเนินการโดยผ่านความเห็นชอบของประชาคม สะท้อนให้เห็นว่าท้องถิ่นรับฟังและตอบสนองต่อความต้องการแท้จริงของชุมชน
  • บูรณาการช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน: การลงพื้นที่ช่วยเหลือโรงเรียนบ้านแม่คำอย่างทันท่วงที เป็นการดูแลและเยียวยาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและครอบครัวในพื้นที่อย่างจริงจัง
  • พัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน: ความร่วมมือระหว่าง อบจ.เชียงราย เทศบาลตำบลเวียง และผู้นำชุมชน ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุด

ข้อเสนอแนะและประเด็นท้าทาย:

  • ควรจัดทำแผนบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานของสะพาน
  • วางแผนป้องกันน้ำท่วมทั้งระบบเพื่อความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะจุด
  • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาสาธารณประโยชน์ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

สรุป:

การเปิดใช้งานสะพานใหม่ข้ามลำน้ำเกี๋ยงและการช่วยเหลือโรงเรียนบ้านแม่คำโดย อบจ.เชียงราย คือแบบอย่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มุ่งมั่นพัฒนาอย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ชีวิตประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ถือเป็นโมเดลต้นแบบของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการดูแลคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในระดับชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน
  • กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI HEALTH

“โฮงยาใกล้บ้าน Plus” สู่สุขภาพดี! อบจ.เชียงรายนำร่อง HPV DNA Test ทั่วจังหวัด

อบจ.เชียงราย Kick off! “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” รุกตรวจ HPV DNA Test คัดกรองมะเร็งปากมดลูกสตรีเชียงราย หวังลดอัตราการเสียชีวิต

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – อบจ.เชียงรายขับเคลื่อน “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” ต้นแบบสุขภาพชุมชนสตรี ในโลกยุคใหม่ที่ความเท่าเทียมและการเข้าถึงบริการสุขภาพถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ประกาศก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิง ด้วยการเดินหน้าโครงการ “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” ภายใต้นโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” ผ่านการ Kick off กิจกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงที่สุดในปัจจุบัน

กิจกรรม Kick off ดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องประชุมธรรมรับอรุณ อบจ.เชียงราย และผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 211 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทั่วทั้งจังหวัด โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมนายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขกล่าวรายงาน ขณะที่หัวหน้าส่วนราชการ อสม. และเจ้าหน้าที่ รพ.สต. กว่า 10,000 คน เข้าร่วมพิธีอย่างคึกคัก

HPV DNA Test ทางรอดใหม่ของสตรีเชียงราย

มะเร็งปากมดลูกยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของหญิงไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 30-59 ปี ที่ยังเข้าถึงการตรวจคัดกรองไม่ทั่วถึง โครงการนี้จึงมุ่งเป้าให้ผู้หญิงในกลุ่มเสี่ยงได้รับการตรวจคัดกรองด้วย HPV DNA Test ซึ่งสามารถเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง ช่วยลดอุปสรรคทั้งเรื่องความเขินอาย การเดินทาง และลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ นับเป็นการพลิกโฉมระบบสาธารณสุขชุมชนในเชียงราย

นอกจากนี้ยังมีการอบรมโดยนางอภิษฎา สุวรรณ ศิวเสน นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่และจิตอาสา อสม. ให้สามารถนำความรู้ไปขยายผลในพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ

การเข้าถึง-การป้องกัน-การดูแลต่อเนื่อง

อบจ.เชียงรายตั้งเป้าให้สตรีกลุ่มเป้าหมายทั่วทั้งจังหวัดเข้าถึงการตรวจคัดกรองอย่างครอบคลุม ภายใต้แนวคิด “ป้องกันก่อนเกิด ยิ่งเร็วยิ่งรอด” นอกจากตรวจแล้ว ยังเน้นการให้ข้อมูล การดูแลหลังการตรวจคัดกรอง ไปจนถึงการส่งต่อรักษาหากพบความผิดปกติ และที่สำคัญคือ การสร้างความตระหนักรู้ให้ผู้หญิงไทยทุกคนเห็นความสำคัญของการตรวจและดูแลสุขภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง

โครงการ “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” ไม่ได้หยุดอยู่แค่กิจกรรมตรวจ แต่ยังขับเคลื่อนสู่การสร้างเครือข่ายสุขภาพท้องถิ่นที่แข็งแรง มี อสม. และ รพ.สต. ทำงานเชิงรุก ลงพื้นที่ ให้ความรู้ ชวนสตรีร่วมตรวจด้วยความเข้าใจ พร้อมกับสนับสนุนอุปกรณ์และการบริหารจัดการระบบข้อมูลที่แม่นยำและต่อเนื่อง

อบจ.เชียงราย – ผู้นำท้องถิ่นติดอาวุธสุขภาพสตรีไทยด้วยนวัตกรรมและเครือข่าย

การ Kick off ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA Test สะท้อนให้เห็นว่าเชียงรายเป็นจังหวัดนำร่องในการยกระดับคุณภาพชีวิตสตรี ด้วยการวางนโยบายเชิงรุกที่เน้น “ป้องกันก่อนแก้ไข” ซึ่งตอบโจทย์การแก้ปัญหาสุขภาพเชิงระบบของผู้หญิงอย่างแท้จริง

ประเด็นเด่นที่สำคัญ:

  • ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรอง: HPV DNA Test คือมาตรฐานใหม่ของการคัดกรองโรค ช่วยตรวจพบไวรัสสายพันธุ์เสี่ยงก่อมะเร็งในระยะเริ่มต้น
  • สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของสุขภาพ: การให้สตรีสามารถเก็บตัวอย่างเอง ลดอุปสรรคด้านเวลา ความกลัว หรือข้อจำกัดด้านวัฒนธรรม ช่วยให้เข้าถึงมากขึ้น
  • ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายท้องถิ่น: การผนึกกำลังของ อสม. รพ.สต. และผู้เชี่ยวชาญคือรากฐานของความยั่งยืน ไม่ใช่โครงการระยะสั้น
  • เน้นต่อเนื่องทุกขั้นตอน: ไม่หยุดแค่ตรวจ แต่ครอบคลุมถึงการติดตาม ส่งต่อ รักษา และเยียวยาแบบเบ็ดเสร็จ

ความท้าทายและข้อเสนอแนะ

แม้ความพร้อมของเชียงรายจะโดดเด่น แต่ความท้าทายคือการเข้าถึงกลุ่มหญิงเปราะบาง เช่น ผู้ด้อยโอกาสหรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล การสื่อสารแบบเข้าใจง่ายและเหมาะสมกับแต่ละชุมชน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณ-บุคลากร-ระบบสนับสนุน เพื่อให้โครงการดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

สรุป:

โครงการ “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” ของอบจ.เชียงราย คือแบบอย่างของการขับเคลื่อนงานสาธารณสุขที่ก้าวทันโลก ใช้เทคโนโลยี สร้างเครือข่าย และใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อลดการสูญเสียและยกระดับสุขภาพผู้หญิงไทยทั้งจังหวัดอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย
  • กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย
  • รายงานข่าวภาคสนามและข้อมูลสาธารณสุขจังหวัด
  • ข้อมูลสถานการณ์และสถิติจากสถาบันวิจัยมะเร็งปากมดลูกแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ENVIRONMENT

เชียงราย: อบจ.ระดมพลช่วยประชาชน หลังแม่น้ำอิงล้นตลิ่ง ย้ำหลัก PDOSS เบ็ดเสร็จ

อบจ.เชียงรายผนึกกำลัง ลุยน้ำท่วม แม่น้ำอิงล้นตลิ่ง มอบความช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ประชาชน สะท้อนการบริหารจัดการภัยพิบัติแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS)

เชียงราย, 27 กรกฎาคม 2568 – ในยามที่สถานการณ์อุทกภัยจากน้ำในแม่น้ำอิงล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงรายยังคงน่าเป็นห่วง นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือ “นายกฯ นก” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วนเมื่อเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เพื่อเยี่ยมเยียน มอบความช่วยเหลือ และรับฟังปัญหาจากประชาชนผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงการบริหารจัดการสาธารณภัยเชิงรุกที่ยึดหลักการช่วยเหลือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้กรอบแนวคิดการบริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) ของประเทศไทย

ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงของการลงพื้นที่ นางอทิตาธร พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย, เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย, สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขตอำเภอเทิง, หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด อบจ.เชียงราย ได้เข้าตรวจเยี่ยมและประเมินสถานการณ์ใน 3 อำเภอที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเทิง ซึ่งเป็นจุดที่เผชิญกับวิกฤตความเดือดร้อนมากที่สุด

ลงพื้นที่จริง มอบยา-สิ่งของจำเป็น พร้อมรับฟังปัญหาและวางแผนแก้ไขตรงจุด

การลงพื้นที่ของนายกฯ นก และคณะในครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านโดยตรงในหลากหลายมิติ ทั้งปัญหาด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำท่วมขัง การขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค การเข้าถึงอาหารและยารักษาโรค รวมถึงความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของหลายครัวเรือนในพื้นที่ ข้อมูลที่ได้รับจากประชาชนโดยตรงนี้จะถูกนำกลับไปประมวลผลเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

ในระหว่างการเยี่ยมเยียน นายกฯ นก ได้มอบยาสามัญประจำบ้านและสิ่งของจำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แสดงถึงความเอาใจใส่ต่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาวะวิกฤต “ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านเข้มแข็ง อบจ.เชียงรายจะอยู่เคียงข้างและไม่ทอดทิ้งกันแม้ในยามยากลำบากที่สุด” นายกฯ นก กล่าวให้กำลังใจชาวบ้าน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเป็นที่พึ่งของประชาชน

เบื้องหลัง “PDOSS” การบริหารจัดการสาธารณภัยแบบบูรณาการของไทย

สถานการณ์อุทกภัยในเชียงรายครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพและกลไกการทำงานของระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยที่เน้นการทำงานแบบเบ็ดเสร็จและบูรณาการ หรือที่รู้จักกันในกรอบแนวคิด “PDOSS” (Public Disaster Operation Single System) ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นชื่อหน่วยงานราชการโดยตรง แต่เป็นแนวทางเชิงระบบที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของวงจรภัยพิบัติ ตั้งแต่การป้องกัน การเตรียมความพร้อม การเผชิญเหตุ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ

โดยมี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้กระทรวงมหาดไทย เป็นศูนย์กลางประสานงานหลักในระดับชาติ ทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการสาธารณภัยในระดับจังหวัด และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อย่างเช่น อบจ.เชียงราย ที่เป็นแนวหน้าในการป้องกัน เฝ้าระวัง และให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบโดยตรง

สาระสำคัญของ “PDOSS” คือการวางรากฐานทางกฎหมายและนโยบายที่แข็งแกร่ง โดยมี พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เป็นกฎหมายแม่บท และมี แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และ 2564-2570 เป็นเข็มทิศแนวทางในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ยังมีการประยุกต์ใช้หลักปฏิบัติสากลที่สำคัญ เช่น หลักปฏิบัติ 10 ประการเพื่อสร้างเมืองที่ยืดหยุ่น” และ กรอบเซนไดว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของสหประชาชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกมาปรับใช้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติในทุกระดับ

โครงสร้างการทำงานแบบบูรณาการนี้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นให้กับชุมชน

ผลลัพธ์และบทเรียนจากวิกฤต มุ่งสู่การฟื้นฟูที่ยั่งยืน

การทำงานของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนายกฯ นก ในครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนของการ บริหารจัดการเชิงรุก” ในภาวะวิกฤต ที่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกจ่ายถุงยังชีพหรือให้กำลังใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการสำคัญในการเก็บข้อมูลปัญหา การวิเคราะห์ และการวางแผนฟื้นฟูอย่างรอบด้าน ซึ่งครอบคลุมถึง:

  • การฟื้นฟูสาธารณูปโภค: ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • การฟื้นฟูสุขภาพจิต: ให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งหลังเผชิญเหตุการณ์วิกฤต
  • การเร่งเยียวยาเกษตรกร: วางแผนมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร
  • การลงทุนเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า: รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบ Cell Broadcast และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการประเมินความเสี่ยงและแจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำและทันเวลา เพื่อลดความสูญเสียในอนาคต

แม้ระบบ PDOSS และแผนรับมือภัยพิบัติของไทยจะได้รับคำชื่นชมในเวทีสากล โดยมีตัวอย่างที่โดดเด่นจากการรับมือเหตุการณ์สึนามิปี 2547 และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสื่อสารและประเมินความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที แต่ก็ยังมีโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:

  • ประสิทธิภาพของการฟื้นฟูในระยะยาว: การฟื้นฟูที่ซับซ้อนและใช้ระยะเวลานานยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องได้รับการสนับสนุนทรัพยากรและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
  • การเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่น: การลงทุนในการสร้างความรู้และทักษะให้กับชุมชนในการเฝ้าระวังและรับมือภัยพิบัติด้วยตนเอง
  • การสร้างฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน: การจัดเก็บข้อมูลภัยพิบัติและการประเมินความเสียหายอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน เพื่อเป็นข้อมูลที่แม่นยำในการวางแผนเยียวยาและฟื้นฟู รวมถึงรองรับภัยพิบัติรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ข้อเสนอแนะและทิศทางในอนาคตสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง เมืองปลอดภัย”

เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของชุมชนและประสิทธิภาพของการบริหารจัดการสาธารณภัยในระยะยาว ควรพิจารณาข้อเสนอแนะและกำหนดทิศทางในอนาคตดังนี้:

  • การมีส่วนร่วมของชุมชนที่เข้มแข็ง: เนื่องจากภัยพิบัติมีความซับซ้อนมากขึ้น การใช้พลังของชุมชนและเครือข่ายอาสาสมัครจะเข้ามาช่วยลดช่องว่างของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย การให้ความรู้ และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
  • การสร้างมาตรฐานฐานข้อมูลที่เป็นระบบ: การลงทุนในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการประเมินความเสียหายและความต้องการของประชาชนหลังภัยพิบัติอย่างเป็นระบบและสามารถบูรณาการข้อมูลได้ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนเยียวยาและฟื้นฟูได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
  • การพัฒนาและขยายการใช้เทคโนโลยีเตือนภัย: ควรมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องและขยายการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบเตือนภัย Cell Broadcast และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที
  • การเสริมสร้างศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: การจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน และเป็นแกนหลักในการสร้างความยืดหยุ่นในระดับชุมชน

การลงพื้นที่ของนายกฯ นกและทีม อบจ.เชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการสาธารณภัยที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของท้องถิ่นไทยในการสร้าง ชุมชนเข้มแข็ง เมืองปลอดภัย” ที่ไม่ว่าจะเผชิญวิกฤตครั้งใด ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ด้วยหัวใจแห่งการแบ่งปันและความร่วมมือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย: ข้อมูลการลงพื้นที่และแนวทางการปฏิบัติงานของ อบจ.เชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย: ข้อมูลเกี่ยวกับกรอบ PDOSS, บทบาทหน้าที่, และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
  • แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570: เอกสารนโยบายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย
  • รายงานสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย: ข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่
  • กรอบเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ สหประชาชาติ (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction): กรอบแนวคิดและหลักปฏิบัติสากลที่ประเทศไทยนำมาประยุกต์ใช้
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

มหากาพย์ 24 ชม.! ‘อาร์ม วิญญู’ ระดมพลช่วยหมู 1,150 ตัว พ้นวิกฤตน้ำท่วมเทิง

ภารกิจ 24 ชั่วโมงไม่หยุด: ทีมกู้ภัยเชียงรายช่วยหมู 1,150 ตัว หนีน้ำท่วมฉับพลัน

เชียงราย,ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เมื่อธรรมชาติทดสอบความมุ่งมั่นของมนุษย์ เสียงเรือยนต์ดังก้องไปทั่วพื้นที่น้ำท่วมบ้านห้วยไคร้ หมู่ 6 อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ไม่ใช่เสียงของการขนส่งสินค้าตามปกติ แต่เป็นเสียงของภารกิจกู้ภัยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องใช้เวลานานถึง 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือหมูกว่า 1,150 ตัวให้รอดพ้นจากน้ำท่วมฉับพลันครั้งรุนแรง

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องราวของการช่วยเหลือสัตว์ แต่เป็นบทพิสูจน์ความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่รัฐและอาสาสมัครที่ไม่ยอมถอย แม้เมื่อความเหนื่อยล้าจะถึงขีดสุด และความมืดจะปกคลุมพื้นที่

เมื่อพายุ “วิภา” นำมาซึ่งวิกฤต

สถานการณ์เริ่มต้นจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ที่ก่อให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดเชียงราย น้ำป่าล้นไหลหลากเข้าชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเขตบ้านห้วยไคร้ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหมูและไก่สำคัญของจังหวัด

นายกนก หรือ อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากบ้านห้วยไคร้ตั้งแต่ช่วงกลางดึก ไม่ว่าจะทางโซเชียลหรือคนแจ้งมาโดยตรงพบว่ามีฟาร์มหมูและฟาร์มไก่จำนวนมากตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะหมูมากกว่า 1,000 ตัว และไก่อีกหลายร้อยตัวที่ต้องอพยพด่วน

“เมื่อวานตอนช่วงเช้าเลย ที่มีโพสต์กันในเฟซบุ๊ก จากของท่านนายกฯ ด้วย และหลายคนได้แชร์มา แล้วก็ขอให้ทางหน่วยงานที่มีอุปกรณ์ เครื่องมือ พวกเรือต่างๆ เข้าไปช่วย” เลขาอาร์ม หรือ วิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของภารกิจ

การระดมกำลังและความท้าทายแรก

เมื่อทีมจาก อบจ.เชียงราย นำโดยนายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก พร้อมด้วยพันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และบุคลากรกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย เดินทางถึงพื้นที่ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม

สิ่งที่พบคือภาพที่น่าตกใจ ฟาร์มหมูที่ให้เกษตรกรในพื้นที่เลี้ยงหมู กลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมสูงถึงเอวและอก หมูกว่า 1,150 ตัวติดอยู่ในสภาวะวิกฤต ต้องใช้เรือเข้าไปช่วยเหลือ

“พอไปถึงประมาณสัก 10 โมง 11 โมง ช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีเรือของชาวบ้านเป็นเรือลำเล็กประมาณสัก 2 ถึงสามลำ ที่ขนได้ครั้งละ 2 ถึง 3 ตัวไม่เกิน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมีหนึ่งลำที่ขนได้ประมาณ 10 ตัวอีกหนึ่งลำ” นายวิญญู อธิบายถึงสถานการณ์ในช่วงแรก

ความยากลำบากในการดำเนินภารกิจ

ความท้าทายหลักของภารกิจนี้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนหมูเท่านั้น แต่รวมถึงสภาพพื้นที่ที่ต้องใช้เรือเดินทางระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร จากฟาร์มมาถึงถนนลาดยางของหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 10-15 นาที ในช่วงกลางวัน

“ช่วงแรกหมูยังมีแรงอยู่ มันดิ้น เราต้องจับใส่กรงก่อน ใช้เวลาเป็นหลายนาที เป็นเกือบชั่วโมงบางครั้ง การลำเลียงแต่ละรอบใช้เวลานานมาก ตั้งแต่เที่ยงมาจนถึง 5-6 โมงเย็น ขนได้แค่ 200-300 ตัวเอง ในช่วงแรก” วิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย เผยถึงอุปสรรคในช่วงต้น

สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อมีทีมกู้ภัยจากหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ รวมเกือบ 20 ทีม จำนวนคนรวมกว่า 100 คน แต่พื้นที่ที่จำกัดและการขาดการประสานงานที่ลงตัว ทำให้การทำงานในช่วงแรกค่อนข้างช้า

เลขาอาร์ม หรือ วิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย

จุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อความมืดเข้าปกคลุม

เมื่อเวลาผ่านไปถึงหลัง 18.00 น. ความมืดเริ่มปกคลุมพื้นที่ การทำงานกลายเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น ต้องมีการวางระบบไฟส่องสว่างและให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย หลายทีมเริ่มถอนตัวออกไป

“หลังจาก 4 ทุ่ม ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเหลือแค่ 5 ทีม ตอนนั้นจะมีอบจ. ตำรวจ และกู้ภัยอีกสัก 2-3 ทีมที่ยังเหลืออยู่” นายวิญญู เล่าถึงช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

แต่นี่กลับเป็นจุดที่การทำงานเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะหมูเริ่มอ่อนแรง ไม่ดิ้นมากเหมือนเดิม ทำให้สามารถจับโยนลงเรือได้เลย โดยไม่ต้องใส่กรง การวางแผนและการประสานงานดีขึ้น

ช่วงวิกฤตสุดท้ายการตัดสินใจที่ยากลำบาก

เมื่อเวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน หมูที่เหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 200-300 ตัว ทีมกู้ภัยส่วนใหญ่ขอถอนตัวเนื่องจากความเหนื่อยล้า เหลือเพียง 2 ทีมคือ อบจ.เชียงราย และตำรวจ

“เราคุยกันว่า ตอนแรกก็อยากถอนแต่เห็นหมูแล้วมันไม่ไหว ตอนนั้นหมูเหลือประมาณ 200 กว่าตัว มันเหมือนจะไม่เยอะ เราช่วยมาแบบทั้งวัน แล้วเหลือแค่สองร้อยกว่าตัวเอง ถ้าปล่อยไว้ โอกาสตายมีสูงมาก เพราะน้ำมันขึ้นเรื่อยเรื่อย แล้วหมูมันอ่อนแรงแล้ว” นายวิญญู เล่าถึงการตัดสินใจสำคัญ

วีรกรรมในยามคืนการยืนหยัดจนท้ายที่สุด

หลังจากเที่ยงคืน การทำงานดำเนินต่อไปด้วยเรือเพียง 3 ลำ คือ อบจ.เชียงราย 2 ลำ และตำรวจ 1 ลำ จำนวนคนลดลงเหลือเพียง 20 กว่าคน แต่ความมุ่งมั่นไม่ลดลง

เมื่อถึงตี 3 ทีมตำรวจแจ้งขอถอนตัวเนื่องจากไม่ไหว เหลือเพียงทีมจาก อบจ.เชียงราย 5 คน กับเรือ 2 ลำ รวมกับเจ้าหน้าที่ของฟาร์มที่ยังคงช่วยเหลืออยู่ประมาณ 15-20 คน

“เราก็เลยบอกว่า งั้นเราขอสู้ต่อไปจนจบ เพราะว่าถ้าปล่อยไว้น่าจะตายทั้งหมด ตอนนั้นจำนวนหมูหลังตี 3 น่าจะเหลือประมาณ 150 ตัวบวกลบ” นายวิญญู เล่าถึงช่วงที่ท้าทายที่สุด

การเคลียร์ครั้งสุดท้ายเมื่อแสงอรุณส่องทาง

จากตี 3 กว่าจนถึงเกือบ 7 โมงเช้า ทีมที่หลงเหลือทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน หมูในฟาร์มถูกเคลียร์ออกไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ภารกิจยังไม่จบ

“ประมาณ 7-8 โมงเช้า เราขับเรือวนดูรอบตัวอีกรอบ ก็เห็นหมูลอยคออยู่ตามกอไผ่ มีบางตัวอยู่นอกฟาร์ม เราต้องลงไปจับในน้ำเลย ลึกประมาณไม่ถึง 2 เมตร อันนั้นยากกว่าอยู่ในฟาร์มอีก เพราะต้องดึงขึ้นเรือเอง” นายวิญญู อธิบายถึงช่วงสุดท้าย

ภารกิจสิ้นสุดลงในเวลา 11.00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม หลังจากดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

ผลลัพธ์และบทเรียน

จากหมูทั้งหมด 1,150 กว่าตัว อัตราการสูญเสียอยู่ที่ไม่เกิน 5% หรือประมาณ 4-5% ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จที่น่าประทับใจ ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้

นายวิญญู มองว่า บทเรียนสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมที่ธรรมชาติไม่มีกำหนดการตายตัว อยากจะก่อตัวขึ้นเมื่อไร มีรูปแบบอย่างไรเราไม่สามารถรับรู้นอกจากต้องพร้อมรับเท่านั้น”

สำหรับด้านการปฏิบัติงาน ปัญหาหลักอยู่ที่การจำกัดของพื้นที่ การสัญจรที่ยาก และการขาดศูนย์ปฏิบัติการที่ชัดเจน แต่ทุกหน่วยงานสามารถประสานงานและช่วยเหลือกันได้เป็นอย่างดี “สิ่งสำคัญคือการที่ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ ไม่ถอดใจยังทำภารกิจต่อเนื่องจนกว่าจะช่วยเสร็จทั้งหมด มันทำให้ทีมที่อยู่ก็พร้อมที่จะทำต่อ มันเหมือนมีคนไม่ทิ้งแล้วเราจะทิ้งไปได้ยังไง” นายวิญญูพูดทิ้งท้าย

หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ

ความหมายเชิงลึกของภารกิจ

ภารกิจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงหลายมิติที่สำคัญ:

ด้านการจัดการภัยพิบัติ: แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของการจัดการวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เศรษฐกิจ ซึ่งต้องการการประสานงานระหว่างหน่วยงานหลายฝ่าย และการตัดสินใจที่รวดเร็ว

ด้านจิตวิญญาณมนุษย์: การที่เจ้าหน้าที่ยินดีทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงโดยไม่หยุดหย่อน แม้ในสภาวะที่เหนื่อยล้าและท่ามกลางความมืด แสดงถึงจิตสำนึกในการรับใช้สังคมที่แท้จริง

ด้านเศรษฐกิจ: การช่วยเหลือสัตว์เศรษฐกิจไม่ได้เป็นเพียงการดูแลสัตว์ แต่เป็นการปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของเกษตรกรและห่วงโซ่อุปทานอาหาร

ด้านการสื่อสาร: การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการขอความช่วยเหลือและประสานงาน แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีในการจัดการภัยพิบัติยุคใหม่

ความต่อเนื่องและการเตรียมรับมือในอนาคต

อบจ.เชียงราย ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการอพยพ การจัดหาสิ่งของยังชีพ และการฟื้นฟูในระยะต่อไป

ภารกิจครั้งนี้จะกลายเป็นต้นแบบสำหรับการจัดการภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เศรษฐกิจในอนาคต และเป็นบทพิสูจน์ว่า เมื่อความมุ่งมั่นและการทำงานเป็นทีมมาบรรจบกัน ไม่มีภารกิจใดที่เป็นไปไม่ได้

การดำเนินการในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤต ที่ทุกความช่วยเหลือจำเป็นต้องดำเนินอย่างรวดเร็วและทั่วถึง นี่คือเรื่องราวของวีรกรรมเงียบๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความมืดและน้ำท่วม เพื่อความหวังที่จะเห็น 1,150 ชีวิตได้กลับไปสู่ความปลอดภัย

หน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย,กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย,สถานีตำรวจในพื้นที่อำเภอเทิง,หน่วยกู้ภัยจากหลายองค์กร,อาสาสมัครและชาวบ้านในพื้นที่,สมาคมกู้ชีพกู้ภัยเทิงการกุศล-หน่วยกู้ภัยเทิง,กู้ภัยบุญช่วย,กู้ภัยเทิง,กู้ภัยศิริกรณ์,กู้ภัยปิยะมิตรแม่สาย,กู้ภัยสิงห์,ตำรวจน้ำ,ตำรวจตระเวนชายแดน,กู้ภัยแสงธรรมเทิง,กู้ภัยแสงธรรมขุนตาล,กู้ภัยเจริญเมือง,กู้ภัยแสงแก้ว,กองร้อยทหารพราน,อส.เทิง,ศ.เขต 15

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การสัมภาษณ์พิเศษ นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย
  • รายงานการปฏิบัติงาน กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย
  • ข้อมูลจากผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในพื้นที่
  • รายงานสถานการณ์น้ำท่วม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งช่วยน้ำท่วม เปิดศูนย์ PREDOS

เชียงรายเร่งส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าหลาก แม่เปา อ.พญาเม็งราย
อบจ.เชียงราย ผนึกกำลังท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายวางแผนรับมือภัยพิบัติอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 4 กรกฎาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นำโดยนางอทิตธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ. ลงพื้นที่มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากฝนตกต่อเนื่องเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

พิธีส่งมอบสิ่งของจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น. ณ ที่ว่าการอำเภอพญาเม็งราย โดยมีนายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย ให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอภาพรวมของสถานการณ์และแนวทางการรับมือภัยพิบัติในพื้นที่

ชื่นชมการประสานงานฉับไว หนุนระบบเตือนภัยทันท่วงที

นายอำเภอพญาเม็งราย กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราได้เตรียมวางแผนล่วงหน้าในทุกมิติ ทั้งการเตรียมกำลังพลและเครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ ที่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ โดยเฉพาะ อบจ.เชียงรายและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เข้าพื้นที่รวดเร็วมากทันทีหลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการตอบสนองเหตุฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ”

เขายังกล่าวถึงแผนฟื้นฟูหลังเกิดภัย อาทิ การสำรวจและเยียวยาความเสียหายในด้านชีวิตและความเป็นอยู่ เช่น เครื่องครัว เครื่องนอน รวมถึงบ้านเรือนและทรัพย์สินต่าง ๆ ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง โดยมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและส่งเรื่องเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

เปิดนโยบายศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ “PREDOS” รับมือภัยธรรมชาติระยะยาว

นางอทิตธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีว่า “เชียงรายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและมีภูมิประเทศซับซ้อน การเกิดน้ำป่าไหลหลากจึงเป็นสิ่งที่ต้องรับมืออย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อบจ. ได้จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ ‘PREDOS’ ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งระบบ ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่กักเก็บน้ำ แก้มลิง การสร้างระบบเตือนภัยร่วมกับ สสน. และการใช้ดาวเทียมของ GISTDA ในการเฝ้าระวังลุ่มน้ำต่าง ๆ”

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อร่วมสำรวจและวางแผนพัฒนาระบบระบายน้ำ รวมถึงการจัดทำข้อมูลร่วมกันผ่านระบบศูนย์กลาง ซึ่งจะถูกส่งต่อถึงระดับอำเภอและท้องถิ่นเพื่อดำเนินการอย่างทันที

เร่งฟื้นฟูพื้นที่และเยียวยาสุขภาพประชาชน

อบจ.เชียงรายยังได้ส่งเครื่องจักรกลเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เพื่อเร่งขุดลอก ล้างดินโคลน และฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการต่อเนื่องถึง 6 วัน โดยหลังจากเสร็จสิ้นจะทยอยย้ายเครื่องมือไปช่วยเหลือพื้นที่อื่นที่ประสบภัยเช่นกัน

ในส่วนของสุขภาพ อบจ. ยังจัดทีมจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด ลงพื้นที่ให้บริการด้านจิตวิทยา การดูแลสุขภาพ และการแจกจ่ายยาให้กับผู้ประสบภัยโดยตรง

ย้ำการทำงานแบบบูรณาการ-เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติอย่างครอบคลุม

นางอทิตธร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะไม่หยุดแค่การบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้า แต่ยังวางแผนระบบฟื้นฟู เยียวยา และป้องกันภัยพิบัติในอนาคตให้ครอบคลุมทั้งน้ำท่วมและปัญหาอื่น ๆ เช่น PM2.5 โดยยกระดับศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติให้เป็นแบบ One Stop Service พร้อมดำเนินการร่วมกับกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เช่น ปภ., ชลประทาน, เกษตร ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที”

สถานการณ์ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด – มีผู้สูญหายจากน้ำป่าหลาก

แม้การช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและครอบคลุม แต่จากรายงานของผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ยังพบว่ามีผู้สูญหายจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมค้นหายังคงปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องในการค้นหาร่างผู้สูญหาย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วนในช่วงเวลานี้

สรุปสถานการณ์ (ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2568)

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบ: ตำบลแม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย
  • สาเหตุ: น้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนักต่อเนื่อง
  • การดำเนินการ: อบจ.เชียงรายส่งทีม เครื่องจักร สิ่งของช่วยเหลือ ลงพื้นที่ทันที
  • มาตรการระยะยาว: จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติแบบบูรณาการ (PREDOS)
  • ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง: การค้นหาผู้สูญหาย และการฟื้นฟูระบบน้ำ-สุขภาพในชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ที่ว่าการอำเภอพญาเม็งราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานพัฒนาภาคพลเรือน อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายผนึก CEA เตรียมเปิด TCDC ยกระดับศักยภาพนักออกแบบท้องถิ่น

เชียงรายเดินหน้าพัฒนา Kick-off ปรับปรุงศูนย์ TCDC จุดเปลี่ยนใหม่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ภาคเหนือ

เชียงราย, 24 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รับเทรนด์โลกอนาคต หลังองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ประกาศ “Kick-off” ลงพื้นที่เตรียมปรับปรุงอาคาร “เชียงรายครีเอทีฟซิตี้เซ็นเตอร์” ถนนสิงห์ไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย สู่การเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เชียงราย ศูนย์กลางความรู้และนวัตกรรมสำหรับนักออกแบบและผู้ประกอบการท้องถิ่นในภาคเหนือ

เริ่มต้นยุคใหม่ พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้ นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะผู้แทน CEA, คณะกรรมการตรวจรับงานก่อสร้าง, ผู้บริหารโครงการ, ทีมควบคุมงาน บริษัท จี22 วิศวกรและสถาปนิก จำกัด, ผู้รับจ้างก่อสร้าง บริษัท ไทยประเสริฐ กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และทีมนักออกแบบ 1922 Architects ลงพื้นที่สำรวจอาคารที่จะพัฒนาเป็น TCDC เชียงรายอย่างเป็นระบบ

การสำรวจพื้นที่ในครั้งนี้ มุ่งเน้นการประเมินศักยภาพของสถานที่เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านการออกแบบ นวัตกรรม และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของท้องถิ่น เชื่อมโยงกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการกระจายโอกาสด้านองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่สู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง

ประชุมวางยุทธศาสตร์ สร้างแบรนด์เชียงรายสู่ตลาดโลก

ภายหลังจากการสำรวจพื้นที่ คณะทำงานทั้งหมดได้เดินทางต่อไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ วางแผนการสนับสนุนระยะยาว และกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างศูนย์ TCDC ให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สร้างโอกาสให้นักออกแบบ นักศึกษา ผู้ประกอบการ และประชาชน ได้เข้าถึงองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้าง “เชียงรายแบรนด์” ขยายตลาดไปสู่เวทีระดับชาติและสากล

ในที่ประชุมได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก อบจ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมได้รับแนวทางจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ประธานในที่ประชุม) เพื่อวางแผนการพัฒนาศูนย์ฯ ใน 10 จังหวัดเป้าหมายทั่วประเทศ

จุดเปลี่ยนใหญ่ สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจภาคเหนือ

การเดินหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เชียงราย ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการวางรากฐานเศรษฐกิจใหม่ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ผ่านการพัฒนา “Creative Space” หรือพื้นที่แห่งความรู้สร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อศักยภาพของผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักศึกษา และประชาชนในเชียงรายและภาคเหนือ ทั้งยังช่วยกระจายโอกาสและยกระดับมาตรฐานการแข่งขันสู่ระดับสากลอย่างเป็นรูปธรรม

TCDC เชียงราย จะกลายเป็นศูนย์กลางในการอบรม ถ่ายทอดความรู้ จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายกับศูนย์ฯ TCDC ส่วนกลางและเครือข่ายภูมิภาค สร้างเสริมความสามารถให้กับนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ สอดคล้องกับเป้าหมาย “Creative Economy” ของประเทศ และนโยบายเชียงรายเมืองนวัตกรรมสร้างสรรค์

บทวิเคราะห์โอกาสและผลลัพธ์

การเปิดตัวโครงการปรับปรุงพื้นที่ TCDC เชียงรายในวันนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของจังหวัดอย่างแท้จริง หากโครงการแล้วเสร็จและดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นทั้ง “Co-working Space” และ “Creative Hub” ที่สร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการในภาคเหนือ ยกระดับศักยภาพการแข่งขัน สร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ยั่งยืน

โครงการนี้ยังเป็นเวทีสำคัญในการกระจายอำนาจทางความคิด นำองค์ความรู้สมัยใหม่และเทคโนโลยีสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางโอกาส และเป็นต้นแบบความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักออกแบบ และประชาชนในท้องถิ่น ที่จะร่วมขับเคลื่อน “เชียงรายแบรนด์” สู่ตลาดโลกในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
  • บริษัท จี22 วิศวกรและสถาปนิก จำกัด
  • บริษัท ไทยประเสริฐ กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
  • 1922 Architects
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายฉลอง 3 ปีศูนย์เยาวชน ปลุกพลังเด็กรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าแสดงออก

ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ฉลองครบรอบ 3 ปี ปลุกพลังสร้างสรรค์เยาวชนรุ่นใหม่ พร้อมดันเวทีความสามารถสู่สาธารณะ

เชียงราย, 23 มิถุนายน 2568 – ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย ได้จัดงานมหกรรม “ครบรอบ 3 ปี ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย” อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนับเป็นหลักไมล์สำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของท้องถิ่นในการพัฒนาเยาวชนอย่างรอบด้านและต่อเนื่อง

สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ เปิดเวทีแสดงความสามารถ

ภายในงานได้ผนึกกำลังความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายที่สนับสนุนพื้นที่ จนทำให้เยาวชนชาวเชียงรายได้มีเวทีแสดงความสามารถต่อสาธารณะอย่างเต็มที่ ซึ่งตลอดทั้งวันบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ปกครอง เยาวชน นักเรียน และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

กิจกรรมสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง “ลูกทุ่งสุดถิ่นไทย” รอบชิงชนะเลิศ โดยมีสามทีมสุดยอดจากโรงเรียนชั้นนำของจังหวัดเชียงรายเข้าสู่รอบชิง ได้แก่ YRC. Combo (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย), ดาวรุ่งลูกทุ่ง ท.6 (โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย) และ CR-PAO Dance (โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย) พร้อมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากแวดวงดนตรีและศิลปะ เช่น คุณทัศนีย์ พูลเจริญ, คุณเผ่าเทพ อรรถไกวัลวที และคุณปริญญา กันทะวงค์ ร่วมตัดสิน

จุดประกายฝัน เติมศักยภาพเยาวชนสู่อนาคต

นายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า “กิจกรรมในครั้งนี้คือหลักฐานของความร่วมมือและความตั้งใจจริงในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนเชียงราย ไม่เพียงแค่ส่งเสริมทักษะทางศิลปะ ดนตรี หรือกีฬา แต่ยังมุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันชีวิต มีทักษะปรับตัวในยุคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว สามารถคิด วิเคราะห์ และแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของสังคมในวันข้างหน้า”

บูรณาการงานพัฒนา สร้างเครือข่ายเยาวชนเข้มแข็ง

ภายในงาน ยังมีเวที Workshop, บูธเกม, “กาดละอ่อนเจียงฮาย” รวมถึงโซนกิจกรรมสร้างเสริมทักษะชีวิตที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างเครือข่ายระหว่างแกนนำเยาวชน ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ภาครัฐในแต่ละอำเภอให้ขับเคลื่อนงานเด็กและเยาวชนอย่างเป็นระบบ

โครงการพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงรายภายใต้การดำเนินงานของศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในทุกมิติ ให้เยาวชนสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิต พร้อมเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและคุณค่าต่อจังหวัดและประเทศชาติในอนาคต

ไฮไลต์พิเศษและเสียงสะท้อนจากเวที

ไฮไลต์ที่สร้างสีสันให้กับงานคือ Free Concert จากศิลปิน “เอ็ดดี้ ตลาดแตก” ที่จุดประกายความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งกิจกรรมประกวดและโชว์ความสามารถของเยาวชนที่สะท้อนพลังสร้างสรรค์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเชียงราย

เสียงสะท้อนจากเยาวชนและผู้ปกครองส่วนใหญ่ชื่นชมในแนวทางการจัดงานที่ให้เยาวชนมีเวทีในการแสดงศักยภาพ ฝึกฝนความกล้าแสดงออก และได้ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ พร้อมยืนยันจะนำความรู้และประสบการณ์จากงานมหกรรมครั้งนี้กลับไปต่อยอดในชีวิตจริง

บทวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ

การฉลองครบรอบ 3 ปีศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย เป็นตัวอย่างของการพัฒนาเยาวชนบนฐานความร่วมมือทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้พื้นที่สร้างสรรค์เป็นกลไกสำคัญ เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้คิด ได้ลงมือทำ และได้แสดงศักยภาพของตนเอง ขณะเดียวกันยังเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมและการพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งหากดำเนินงานต่อเนื่องและขยายผลสู่ระดับอำเภอและตำบล จะช่วยให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งเยาวชนคุณภาพในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย
  • กลุ่มงานส่งเสริมกิจกรรมเด็กและเยาวชน ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายผนึกกรมวิทย์ฯ หยุดมะเร็งปากมดลูก ด้วย HPV DNA Test

อบจ.เชียงรายเดินหน้ารณรงค์ “ฮ่วมแฮง ฮ่วมใจ๋ ดูแลแม่ญิงเจียงฮาย หยุดมะเร็งปากมดลูก” คิกออฟตรวจคัดกรองด้วยเทคโนโลยี HPV DNA Test สร้างสุขภาวะหญิงไทย

เชียงราย, 17 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่ภัยสุขภาพสำหรับผู้หญิงยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของสังคมไทย “มะเร็งปากมดลูก” ถือเป็นโรคร้ายแรงที่พรากชีวิตหญิงไทยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะรุดหน้าแต่ความตระหนักรู้และการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จึงเดินหน้ายกระดับสุขภาพหญิงไทย ด้วยการเปิดตัวโครงการ “ฮ่วมแฮง ฮ่วมใจ๋ ดูแลแม่ญิงเจียงฮาย หยุดมะเร็งปากมดลูก” (FINDING HPV STOP CERVICAL CANCER) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

จุดเริ่มต้นความร่วมมือ รู้ก่อน รักษาก่อน ปลอดภัย

โครงการนี้เริ่มต้นด้วยความร่วมมือระหว่างอบจ.เชียงราย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ที่ให้การต้อนรับนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมคณะ ในกิจกรรม Kick off พร้อมด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ทีมสาธารณสุขระดับพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย

จุดเด่นของกิจกรรมในครั้งนี้อยู่ที่การแนะนำวิธีตรวจคัดกรองด้วย HPV DNA Test เทคโนโลยีใหม่ที่มีความแม่นยำสูงกว่าการตรวจแบบเดิม (Pap Smear) สามารถตรวจจับเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูงทั้ง 14 สายพันธุ์ ที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้อย่างชัดเจน และสามารถเก็บตัวอย่างด้วยตนเองที่บ้าน สะดวก ปลอดภัย และลดความเขินอายในการรับบริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับผู้หญิงไทยอายุ 30-60 ปี ทุกสิทธิ์ประกันสุขภาพ รวมถึงหญิงที่มีอายุ 15-29 ปี ในกลุ่มเสี่ยงสูง

รณรงค์สร้างความมั่นใจ “เปลี่ยนความเขินอาย เป็นความมั่นใจ”

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ทั้งเจ้าหน้าที่ อสม. และตัวแทนชุมชน โดยได้รับฟังข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งปากมดลูก อธิบายถึงแนวทาง “รู้เร็ว รักษาเร็ว โอกาสหายสูง” ยิ่งพบเร็ว โอกาสหายขาดยิ่งมาก และเน้นให้ผู้หญิงเปลี่ยนความกังวลใจ ความกลัว หรือความเขินอายในการตรวจ เป็นพลังใจในการดูแลสุขภาพตัวเอง โดยสโลแกนประจำโครงการ “เปลี่ยนความเขินอาย เป็นความมั่นใจ แม่นยำ ตรวจง่าย ได้ผลไว” ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น

นายก อบจ.เชียงราย ยังเชิญชวนสตรีในจังหวัด เข้ารับชุดตรวจ HPV DNA Test ได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้าน เพราะสามารถตรวจเพียงครั้งเดียว แต่ครอบคลุมถึง 14 สายพันธุ์หลัก ลดความยุ่งยากและไม่ต้องขึ้นขาหยั่งเหมือนในอดีต

ขยายผลเฝ้าระวังและป้องกัน สร้างต้นแบบ “อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ”

การดำเนินโครงการครั้งนี้ไม่เพียงตอบโจทย์นโยบาย “อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus)” เท่านั้น แต่ยังเดินหน้าขยายบริการครอบคลุมทุกอำเภอในเชียงราย รวมถึงหมู่บ้านและชุมชนห่างไกล ผ่านเครือข่ายอสม.ที่ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น เพื่อให้สามารถให้ข้อมูล รณรงค์ และติดตามผลกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ กลไกการขับเคลื่อนนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย และยังได้รับความร่วมมือจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ ที่ร่วมพัฒนารูปแบบคัดกรองเชิงรุกและวางระบบเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางอนาคต

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทย ผ่านการรณรงค์เชิงรุกและขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ปูรากฐานระบบเฝ้าระวังเชิงรุกอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังสร้างต้นแบบการดูแลสุขภาพที่สามารถนำไปขยายผลในระดับประเทศ

ความสำเร็จของโครงการในระยะยาวขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ หน่วยบริการสุขภาพในท้องถิ่น เครือข่าย อสม. และความตื่นตัวของหญิงไทยในการดูแลสุขภาพตนเอง ยิ่งมีการขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ห่างไกลมากเท่าใด โอกาสที่จะหยุดวงจรมะเร็งปากมดลูกในไทยก็ยิ่งใกล้ความจริงมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลุกจิตอาสา อบจ.เชียงรายจัด ‘ต้นกล้าความดี’ พัฒนาเยาวชนสู่สังคม

อบจ.เชียงรายเดินหน้าสร้างเยาวชนต้นแบบ “ต้นกล้าความดี” จุดประกายคนรุ่นใหม่หัวใจจิตอาสา พัฒนาสังคมเชียงรายอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 14 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่สังคมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมาย การปลุกจิตสำนึกและส่งเสริมบทบาทของเยาวชนจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุด องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ริเริ่มโครงการ “กลุ่มต้นกล้าความดี” ซึ่งเป็นแคมป์เยาวชนที่มุ่งเน้นการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคม

จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ

พิธีเปิดโครงการจัดขึ้นในเช้าวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนราชการ คณะวิทยากร และตัวแทนองค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง การอบรมในครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่อง 2 วัน ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะ “ปลุกพลังคนรุ่นใหม่” ให้เป็นกำลังสำคัญของจังหวัด

กิจกรรมหลากหลาย สร้างแรงบันดาลใจและความสามัคคี

ตลอดการอบรม เยาวชนจากทุกอำเภอในจังหวัดเชียงรายได้รับโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เช่น การบรรยายในหัวข้อ “กลไกจังหวัด และบทบาทหน้าที่ผู้มีส่วนร่วม” และ “สภาเยาวชนและการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรจากสมาคมสร้างสรรค์อนาคตเด็กและเยาวชน ซึ่งได้นำเสนอแนวคิดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อการเติบโตเป็นพลเมืองจิตอาสา

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และเวิร์กช็อปพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และการสร้างเครือข่ายเยาวชนในรูปแบบที่สนุกสนานและเข้มข้น โดยมีคณะกรรมการสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรม สร้างความกลมเกลียวและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนอย่างเห็นได้ชัด

วางรากฐานสู่อนาคต สร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่

โครงการ “ต้นกล้าความดี” นี้ถูกออกแบบมาเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นพลเมืองดีให้กับเยาวชน เน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย พร้อมกับเปิดพื้นที่เรียนรู้ให้เยาวชนได้แสดงออกถึงศักยภาพ และพัฒนาให้เติบโตเป็นผู้นำที่สามารถรับผิดชอบต่อสังคมทั้งในระดับชุมชนและจังหวัด

นายก อบจ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีเปิดอย่างชัดเจนว่า “การลงทุนกับเยาวชนคือการวางรากฐานให้กับอนาคตของจังหวัดเชียงราย โครงการต้นกล้าความดี เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ มีจิตสำนึกต่อสังคม และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

การจัดค่ายและกิจกรรมส่งเสริมเครือข่ายเยาวชนในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินหน้าตามนโยบายพัฒนาเยาวชนเชิงรุกของ อบจ.เชียงราย ที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่เรียนรู้ เสริมทักษะชีวิต สร้างโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ยังตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและมีพลเมืองที่มีจิตสาธารณะ

จากกิจกรรม “กลุ่มต้นกล้าความดี” ในครั้งนี้ เยาวชนเชียงรายจะเติบโตขึ้นไปเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมในอนาคต ถ่ายทอดพลังความคิดสร้างสรรค์และจิตอาสาสู่สังคมไทย ต่อยอดสู่การพัฒนาจังหวัดเชียงรายและประเทศชาติในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • สมาคมสร้างสรรค์อนาคตเด็กและเยาวชน
  • สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News