Categories
AROUND CHIANG RAI HEALTH

กิ๋นสุก เป๋นสุข : “กาดละอ่อนเชียงราย” แข่งลาบเมือง สุกอร่อย สไตล์ล้านนา

ลาบเมืองชิงแชมป์รสเด็ด! กินสุกก็อร่อย ปลอดภัย สไตล์ล้านนา

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – การแข่งขัน “ลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย, ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และเชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จัดงาน “กาดละอ่อนเชียงราย” พร้อมจัดการแข่งขัน “ลาบเมือง – ส้มตำลีลา” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การแข่งขันลาบเมือง และส้มตำลีลา โดยมีรางวัลที่น่าสนใจ ได้แก่ โล่รางวัล, มีดทองคำ, ครกทองคำ, เกียรติบัตร และเงินรางวัล เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้แสดงความสามารถด้านการปรุงอาหารพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ของล้านนา การแข่งขันลาบเมืองแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี และรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป

โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและอาหารตัดสินผลงานอย่างเป็นธรรม ดังรายนามต่อไปนี้:

  1. คุณฐิติวัชร ไลสรรพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำนักงานการศึกษา อบจ. เชียงราย
  2. คุณอดิศักดิ์ เทพวงค์ ประธานสภาเยาวชน อบจ. เชียงราย
  3. คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  4. คุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  5. คุณโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

งานนี้ได้รับเกียรติจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ. เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ., นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ., และนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน

ผลการแข่งขัน: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในรสชาติล้านนา

ผลการแข่งขันในรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี มีดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: ทีมลาบ 65
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ทีมตำลาบห้าดาว
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ทีมสล่าเริงปอย

ผลการแข่งขันในรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป มีดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: ทีมลาบเฒ่าลีลา
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ทีมลาบลุงเป็ง ฝั่งหมิ่น
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ทีมลาบเริงปอย
  • รางวัลชมเชย: ทีมไส้อั่วแม่อุ้ยเขียว และทีมดาขันข้าว

การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงฝีมือการปรุงอาหาร แต่ยังเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมการทำอาหารพื้นบ้านของล้านนาให้คงอยู่ต่อไป รวมถึงสร้างความรักและความสามัคคีในชุมชนผ่านกิจกรรมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

กิ๋นสุก เป๋นสุข”: ชวนเปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุก อร่อยและปลอดภัย

นอกเหนือจากการแข่งขันแล้ว งานนี้ยังร่วมรณรงค์แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ปรุงสุก เพื่อสุขภาพที่ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของอาหารพื้นบ้านล้านนาที่บางเมนู เช่น ลาบดิบ หรือแหนมหมกไข่ มักนิยมรับประทานแบบดิบ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหากไม่มีการควบคุมความสะอาดอย่างเหมาะสม

แคมเปญนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก ซึ่งพบได้บ่อยในหลายภูมิภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือที่เมนูลาบดิบเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แม้ว่าจะมีรสชาติที่ถูกปากและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกิน แต่เมนูเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น พยาธิ แบคทีเรีย และไวรัส ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคพยาธิใบไม้ในตับ หรือแม้แต่โรคติดเชื้อรุนแรง

“กิ๋นสุก เป๋นสุข” ไม่ได้ห้ามการรับประทานอาหารดิบโดยสิ้นเชิง แต่ต้องการชวนให้ทุกคนลองปรับเปลี่ยนเมนูดิบที่คุ้นเคยมาปรุงให้สุก เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยยังคงรักษารสชาติที่อร่อยและเอกลักษณ์ของอาหารพื้นบ้านไว้ได้ แคมเปญนี้เน้นแนวคิด “สุกก็อร่อยได้” เพื่อให้ทุกครัวเรือนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อร่างกาย

ความเสี่ยงจากอาหารดิบและประโยชน์ของอาหารสุก

ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุกเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยในประเทศไทย โดยเฉพาะเมนูที่ทำจากเนื้อสัตว์ดิบ ปลาน้ำจืดดิบ หรือผักหมักที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม โรคที่พบได้บ่อยจากการบริโภคอาหารเหล่านี้ เช่น โรคพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งพบมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา และอีโคไล

ในทางกลับกัน การปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนที่เหมาะสมสามารถฆ่าเชื้อโรคและพยาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ลดทอนคุณค่าทางโภชนาการหรือรสชาติของอาหาร การเปลี่ยนมาใช้เมนูสุกจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน

กินอาหารสุกไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องเสียรสชาติที่คุ้นเคย

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ยังเน้นย้ำว่า การกินอาหารสุกไม่ใช่เรื่องยาก และไม่จำเป็นต้องเสียรสชาติที่ทุกคนชื่นชอบไป ตัวอย่างเช่น ลาบดิบที่ปกติใช้เนื้อดิบเป็นส่วนประกอบหลัก สามารถปรับเปลี่ยนเป็นลาบสุกโดยการนำเนื้อไปปรุงให้สุกก่อน แล้วปรุงรสตามสูตรดั้งเดิม ซึ่งยังคงความเผ็ดจัดจ้านและกลิ่นหอมของเครื่องเทศไว้ได้อย่างครบถ้วน หรือแหนมหมกไข่ที่สามารถอบหรือนึ่งให้สุก ก็ยังคงความอร่อยแบบดั้งเดิมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

“เราต้องการให้ทุกคนเห็นว่าการกินอาหารสุกเป็นเรื่องง่าย และยังคงรักษาความอร่อยที่คุ้นเคยไว้ได้ แคมเปญนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการลดความเสี่ยงจากโรคภัย และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยทุกคน” ผู้แทนจากกรมอนามัยกล่าว

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2567 มีผู้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงทั่วประเทศกว่า 800,000 ราย และมีผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสะสมกว่า 6 ล้านคน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก (ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, รายงานสถานการณ์โรคประจำปี 2567)

นอกจากนี้ รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยทั่วโลกกว่า 600 ล้านรายต่อปี และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย มีผู้ป่วยจากอาหารไม่ปลอดภัยถึง 150 ล้านรายต่อปี (ที่มา: WHO, Food Safety Factsheet, 2020)

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของคนไทย ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการสื่อสาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รุ่นที่ 6

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ชมผ้าไทยล้านนา ‘อัตลักษณ์อาภรณ์ฯ’ โชว์ Soft Power เชียงราย

ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย

วันที่ 19 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้จัดงาน อัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย 2568” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และกิจกรรมหลักด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

มรดกผ้าทอเชียงราย: จากภูมิปัญญาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2568 โดยมีเป้าหมายหลักในการ อนุรักษ์และส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ต่อยอดสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น สอดคล้องกับนโยบายผลักดัน Soft Power ไทยสู่ระดับโลก โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ที่ยูเนสโกยกย่องให้เชียงรายเป็น เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ” (City of Design)

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งานนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมทุนทางวัฒนธรรม และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์อย่างครบวงจร กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย:

  • การแสดงแบบแฟชั่นโชว์ นำเสนอชุดจากผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าอัตลักษณ์
  • นิทรรศการและสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการทอผ้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
  • บูธแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ อาทิ ผ้าทอ เครื่องประดับ ของฝาก และของที่ระลึก
  • การประกวดออกแบบแฟชั่น ซึ่งได้รับผลงานเข้าร่วมจากนักออกแบบรุ่นใหม่ 15 ผลงาน

อบจ.เชียงรายร่วมส่งเสริม Soft Power ผ่านวัฒนธรรมผ้าไทย

เวลา 18.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงาน โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน และ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานการจัดงาน ณ ลานจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย

การจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ สืบสานและส่งต่อมรดกทางภูมิปัญญาการทอผ้าเชียงรายให้คงอยู่ และเผยแพร่อัตลักษณ์การสร้างสรรค์เสื้อผ้าอาภรณ์ของเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยเน้นการนำผ้าไทยมาพัฒนาให้สอดคล้องกับแฟชั่นสมัยใหม่ ตอบโจทย์ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ความสำคัญของอุตสาหกรรมผ้าไทยต่อเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

อุตสาหกรรมผ้าไทยถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่มีศักยภาพของประเทศไทย โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567) ระบุว่า:

  • ตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยสร้างมูลค่า กว่า 280,000 ล้านบาทต่อปี
  • ร้อยละ 60 ของผู้ผลิตผ้าไทยเป็นผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น
  • ผ้าไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดส่งออก ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าฝ้ายทอมือ และผ้าชาติพันธุ์
  • อุตสาหกรรมผ้าไทยจ้างงานมากกว่า 500,000 คนทั่วประเทศ

สรุป

การจัดงาน อัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย 2568” ไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำคัญในการอนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าพื้นเมือง แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และส่งเสริม Soft Power ของประเทศไทยผ่านการออกแบบและสิ่งทอ งานนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับชุมชนท้องถิ่นและนักออกแบบรุ่นใหม่ในการนำเสนอผลงานสู่ตลาดที่กว้างขึ้น พร้อมผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้

ผ้าไทยคือมรดกทางวัฒนธรรม สืบสาน ต่อยอด สู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับโลก”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย /สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567 /สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ชิมลาบเหนือแท้ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’จัดแข่ง ‘ลาบเมือง’ 2 เมษาฯ

การบริโภคลาบเมือง: วิถีวัฒนธรรมอาหารเหนือ กับแนวทางสุขภาพที่ปลอดภัย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสมาคมสื่อมวลชนเชียงราย จัดงาน การแข่งขันลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ในวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางาเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำลาบพื้นเมืองล้านนา พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารปรุงสุกเพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพ

ประวัติและวิวัฒนาการของลาบเมือง

ลาบเมือง ถือเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีประวัติยาวนาน นิยมใช้เนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น เนื้อควาย เนื้อหมู หรือเนื้อวัว ในการประกอบอาหาร ซึ่งแต่เดิมมีการบริโภคลาบดิบหรือที่เรียกว่า ลาบดิบ” ที่มีสมุนไพรหลายชนิดเป็นส่วนผสม อาทิ มะแขว่น มะแหลบ ตะไคร้ ข่า และพริกลาบ ที่เชื่อกันว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและพยาธิได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ประชาชนบริโภคลาบแบบปรุงสุก หรือ ลาบคั่ว” เพื่อป้องกันโรคพยาธิและแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

ลาบเหนือ vs. ลาบอีสาน: ความแตกต่างที่สะท้อนวัฒนธรรม

  1. แหล่งที่มาและการใช้เนื้อสัตว์
    • ลาบเหนือมักนิยมใช้ เนื้อควาย เนื่องจากควายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันมากในภาคเหนือที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
    • ลาบอีสานนิยมใช้ เนื้อวัว เพราะภาคอีสานเป็นที่ราบสูง มีน้ำน้อย จึงเลี้ยงวัวมากกว่าควาย
  2. รสชาติและเครื่องเทศ
    • ลาบเหนือมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด ทำให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ
    • ลาบอีสานเน้นรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และมักใส่ข้าวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  3. กระบวนการปรุง
    • ลาบเหนือใช้วิธีการสับละเอียดและคลุกเคล้ากับเครื่องเทศหลายชนิด ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม
    • ลาบอีสานนิยมปรุงแบบด่วน ใช้เวลาน้อยกว่า สามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากปรุงเสร็จ

แนวทางส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย

เพื่อสนับสนุนการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรค องค์กรสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงสุก พร้อมทั้งแนะนำแนวทางดังต่อไปนี้:

  • บริโภคลาบคั่วแทนลาบดิบ เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและพยาธิ
  • เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ปลอดภัย และผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ
  • ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรที่สดใหม่ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการใช้เลือดสดที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า:

  • ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทยเกิดจากการบริโภค อาหารดิบ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มี อัตราผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสูงที่สุด ในประเทศ
  • การบริโภคลาบดิบมี ความเสี่ยงต่อโรคพยาธิและโรคติดเชื้อทางเดินอาหารมากกว่าการบริโภคอาหารที่ปรุงสุกถึง 5 เท่า

สรุป

การแข่งขันลาบเมืองในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านล้านนา แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ผ่านแนวคิด กินสุก เป็นสุข” ซึ่งเน้นการปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงของโรคพยาธิและแบคทีเรีย โดยยังคงความอร่อยของรสชาติลาบเหนือไว้ได้เช่นเดิม

ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค อร่อยได้ ไม่ต้องดิบ” เป็นแนวคิดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมารับประทานอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรมการกินลาบแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / รวมที่เที่ยวเชียงราย – chiangrai travel / ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, 2567

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย อทิตาธร – สลักจฤฎดิ์ เดินหน้าขอคะแนน

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย “ทักษิณ” อู้กำเมืองปลุกใจ ปราศรัยคึกคักก่อนเลือกตั้ง ส่วนอีกฝาก “อทิตาธร” ลงพื้นที่หาเสียงเข้มข้น 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่สนาม สิงห์ เชียงราย สเตเดียม ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างคึกคัก

อย่างไรก็ตาม กำหนดการปราศรัยของ นายทักษิณ มีการเลื่อนออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ 09.30 น. เป็น 12.00 น. เมื่อขึ้นเวที นายทักษิณ ได้เริ่มต้นปราศรัยด้วย ภาษาเหนือ (อู้กำเมือง) กล่าวคำขอโทษชาวเชียงรายที่รอท่ามกลางแดดร้อน พร้อมขอบคุณที่อดทนรอ

เชียงรายเปลี่ยนแปลงน้อย ท้องถิ่นต้องร่วมพัฒนา”

นายทักษิณ กล่าวว่า หลังจาก หายไป 17 ปี คิดว่าเชียงรายจะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อกลับมา พบว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันผลักดันให้เชียงรายเติบโต พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะสร้างโอกาสให้เต็มที่ และท้องถิ่นต้องเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา

ฐานรากของประเทศกำลังสึกหรอนายทักษิณ อธิบายว่า การที่ตนให้ความสำคัญกับ การเมืองท้องถิ่น มากขึ้น เป็นเพราะท้องถิ่นคือ หัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเปรียบเทียบว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจขณะนี้ไม่เหมือน วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ที่เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มธุรกิจระดับบน แต่ครั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปรียบเหมือนเสาเข็มบ้านกำลังพังลง จึงต้องอาศัยพลังจากท้องถิ่นและรัฐบาลทำงานเป็นทีม

ตรุษจีนนี้ “ใส่เสื้อแดง กินส้ม”

เนื่องจากวันปราศรัยตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน นายทักษิณ ได้พูดถึงประเพณีจีน โดยถามประชาชนว่า “ตรุษจีนนี้ชอบใส่เสื้อสีอะไร?” ซึ่งชาวเชียงรายตอบว่า “สีแดง” และถามต่อว่า “คนจีนชอบกินอะไร?” ทุกคนตอบว่า “ส้ม” ก่อนจะกล่าวติดตลกว่า

ตรุษจีนนี้ ขอให้พี่น้องใส่เสื้อแดงแล้วกินส้ม จะได้เจริญรุ่งเรือง

ซึ่งประชาชนบางส่วนตะโกนกลับว่า “คายขว้างแล้วเจ้า” หมายถึง ทิ้งไปแล้ว” ซึ่งนายทักษิณตอบกลับว่า “โอ้! ดีจัง

อยากใช้งานผมหรือไม่ ใช้ให้เต็มที่”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายทักษิณ กล่าวอ้อนขอคะแนนเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ และทีมผู้สมัคร ส.จ. พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า

อยากจะใช้งานผมหรือไม่? ใช้ให้เต็มที่เลย ตราบใดที่ผมยังแข็งแรง ยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ ผมจะทำงานให้ประเทศและประชาชนเต็มที่

พร้อมย้ำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยแบบจัดเต็ม และอวยพรให้ทุกคนโชคดีในวันปีใหม่จีน

กำหนดการเดินสายหาเสียงต่อเนื่อง

หลังจากปราศรัยที่เชียงราย นายทักษิณ เดินทางต่อไปยัง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ และเข้าพักค้างคืน ก่อนเดินทางไป จังหวัดลำพูน ในวันถัดไป

อีกฟากผู้สมัครจัดแผนปราศรัยใหญ่ 30 มกราคม ก่อนศึกเลือกตั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับ วันที่ 30 มกราคม 2568 จะเป็นวันสำคัญของการหาเสียงครั้งสุดท้าย โดยอทิตาธร วันไชยธนวงศ์มีกำหนดการจัด เวทีปราศรัยใหญ่ ก่อนเลือกตั้งที่ สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย

โดยช่วงเช้า ทีมงานของนางอทิตาธร จะเดินสายหาเสียงที่ อำเภอเทิง และมีการนัดรวมตัวกันของผู้สนับสนุนจำนวนมากก่อนเข้าสู่เวทีใหญ่ในช่วงค่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปราศรัย นั้นขึ้นอยู่กับหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น กระแสการตอบรับของประชาชน นโยบายของแต่ละผู้สมัคร รวมถึงทิศทางทางการเมืองระดับประเทศที่ส่งผลต่อท้องถิ่น

อทิตาธร” ลั่น! เชียงรายต้องไปต่อ ไม่เป็นเบี้ยทางการเมือง

นางอทิตาธร กล่าวย้ำว่า เชียงรายต้องการผู้นำที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพียง ตัวแทนของพรรคการเมืองระดับประเทศ พร้อมแสดงจุดยืนว่าหากได้รับเลือกตั้ง จะทำงานเพื่อท้องถิ่นเชียงรายโดยไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางการเมืองระดับชาติ

เธอยังระบุว่า เชียงรายต้องไปต่อ ไม่ใช่แค่สนามเล่นของพรรคการเมืองใหญ่ แต่ต้องเป็นของประชาชนทุกคน”

แนวโน้มและกระแสตอบรับของประชาชน

ศึกเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย ในปีนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสนามที่พรรคการเมืองใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างเต็มตัว และมีนายทักษิณ ชินวัตร ลงมาช่วยหาเสียงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม กระแสของกลุ่มผู้สนับสนุนที่เปลี่ยนแปลงท่าที และการที่มีผู้สมัครอิสระที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อาจส่งผลให้ผลการเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนสูง

การเลือกตั้งครั้งนี้ ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรม

ในระหว่างการหาเสียง ทุกพรรคการเมืองและผู้สมัครต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศเตือนว่า หากพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสียง ใช้อิทธิพล หรือกระทำผิดกติกาใดๆ อาจถูกพิจารณาให้ “ใบแดง” หรือ “ใบเหลือง” ได้

ผู้สมัครทั้งหมด รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง จะต้องดำเนินกิจกรรมภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

  1. การเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย มีความสำคัญอย่างไร?
    เลือกตั้ง อบจ. เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่มีอำนาจจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัด
  2. ทักษิณให้ความสำคัญกับท้องถิ่นมากขึ้นเพราะอะไร?
    เขามองว่าท้องถิ่นเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
  3. พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะการเลือกตั้งหรือไม่?
    การแข่งขันยังคงดุเดือด ต้องรอดูผลโหวตของประชาชน
  4. นโยบายของนางสลักจฤฎดิ์มีอะไรเด่น?
    เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวเชียงราย
  5. การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อการเมืองระดับประเทศอย่างไร?
    เป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งทั่วไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ปลุกไฟเยาวชนรุ่นใหม่ จัดมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังแรก) และศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย โดยมีนายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กล่าวต้อนรับ นายอดิศักดิ์ เทพวงศ์ ประธานสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย กล่าวรายงาน และมีสมาชิกศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย น้องๆเยาวชนในพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

เนื่องด้วยศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ได้เริ่มดำเนินการ โดยสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ร่วมกับกองสวัสดิการสังคม คัดเลือกคณะกรรมการสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ระดับโซน จำนวน 4 โซน ซึ่งประกอบด้วย
– โซน 1 ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.พญาเม็งราย และ อ.เวียงเชียงรุ้ง
– โซน 2 ได้แก่ อ.พาน อ.แม่ลาว อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย และ อ.ป่าแดด
– โซน 3 ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.ดอยหลวง และ อ.แม่จัน
– โซน 4 ได้แก่ อ.เชียงของ อ.ขุนตาล อ.เทิง และ อ.เวียงแก่น และได้จัดตั้งศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย 
 
โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ วันที่ 2 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับให้บริการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย และได้ขับเคลื่อนการทำงานด้านเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย ให้มีศักยภาพ ดังนั้น อบจ.เชียงราย ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย ด้านการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา ตลอดจนป้องกันและแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนทุกระดับ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้ ทักษะชีวิตให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรม พื้นที่สร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกซึ่งทักษะความรู้และความสามารถ เพื่อร่วมกันพัฒนา ขับเคลื่อนการทำงานด้านเด็กและเยาวชนไปพร้อมกัน ดังคำกล่าวที่ว่า “เด็กและเยาวชนคืออนาคตของชาติ”
 
ในงานมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย มีกิจกรรมมากมาย เช่น บูธเกม บูธกิจกรรม Workshop กาดละอ่อนเจียงฮาย2 การแข่งขัน”สุดยอดวงดนตรีสตริงเยาวชน” และการแสดงสุดอลังการของวงดนตรีลูกทุ่ง YRC Combo “ยุพราชมหาชน” จากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ สนับสนุน เด็กและเยาวชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเปิดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2023

 

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 66 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปยังสวนไม้งามริมน้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ทรงเปิดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2023 (Chiangrai Asean Flowers Festival 2023) ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเชียงราย ส่วนราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับจังหวัดเชียงราย ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่พื้นที่จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

สำหรับงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2023 เป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในท้องถิ่น โดยบริเวณสวนไม้งามริมน้ำกก มีกิจกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน ปีนี้มาภายใต้แนวคิด “When You Wish Upon A Star คำอธิษฐานผ่านดอกไม้ถึงดวงดาว” เนรมิตให้เป็นสวนไม้ดอกที่มีชีวิตในยามค่ำคืน การแสดง แสง สี เสียง ประติมากรรมศิลปะร่วมสมัย, อุทยานกล้วยไม้ และสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวนานาพันธุ์, การแสดงไฟประดับสวยงาม, การจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ, การจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของดีเชียงราย, ข่วงวัฒนธรรมแสดงวัฒนธรรมชนชาติพันธุ์ 17 ชาติพันธุ์ และนิทรรศการของส่วนราชการและภาคเอกชนต่าง ๆ พร้อมกระจายความสุขไปยัง 4 อำเภอ อาทิ อำเภอดอยหลวง อำเภอป่าแดด อำเภอแม่จัน และอำเภอพญาเม็งราย เพื่อก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ของพี่น้องประชาชนอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เชียงราย จัดกิจกรรมสภากาแฟ ยามเย็น บรรยากาศในสวนดอกไม้อาเซียน 2023

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 66  และที่สวนไม้งามริมน้ำกก ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นำโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม “สภากาแฟ” ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 

 

มีนายศรัณยู มีทองคำ นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อพบปะหารือข้อราชการระหว่างหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนของจังหวัดเชียงราย ซึ่งหน่วยงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย 

 

 

ได้ขอบคุณส่วนราชการต่างๆ ที่ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมสภากาแฟ และเข้าร่วมกิจกรรมมาโดยตลอด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งหวังให้หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนของจังหวัดเชียงราย ได้มีโอกาสมาพบปะหารือกันอย่างใกล้ชิด จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยตอนหนึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ฝากให้หัวหน้าส่วนราชการและทุกอำเภอช่วยกันรณรงค์ป้องกันหมอกควันไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง

 

 

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสื่อมวลชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมสภากาแฟวันนี้ และได้ประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมดอกไม้อาเซียน เชียงราย Chiangrai Flower and Art Festival 2023 ว่า “งานมหกรรมดอกไม้อาเซียน เชียงราย สวนไม้งามริมน้ำกก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในแต่ละปีจะจัดสวนดอกไม้ให้ออกมาเป็นที่ประทับใจของพี่น้องประชาชนคนเชียงรายและเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว ในปีที่ผ่านมามีการกระจายการจัดงานไป 4 อำเภอ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยว กระจายเศรษฐกิจ กระจายรายได้ 
 
 
 
ให้เกิดขึ้นกับประชาชนในแต่ละพื้นที่แต่ละอำเภอ ตามนโยบายเที่ยวเชียงรายเที่ยวได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ สำหรับปีนี้จัดงานภายใต้คำว่า “คำอธิษฐานผ่านดอกไม้ถึงดวงดาว” รูปแบบการจัดงานเป็นการรังสรรค์งานดอกไม้จัดแบบศิลปะมีการนำประติมากรรมซึ่งรังสรรค์โดยศิลปินในจังหวัดเชียงรายมาออกแบบในแต่ละแห่ง ในขณะเดียวกันได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้เห็นในประเทศไทยมารังสรรค์ผ่านเป็นกระบวนการจัดงานเพื่อให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในงาน และมีการจัดแสดงผลงานประติมากรรม Art Carnival จากขบวนพาเหรดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 มาจัดแสดงในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน เชียงราย ในครั้งนี้ด้วย
 
สำหรับการจัดกิจกรรม “สภากาแฟ” ครั้งที่ 4 เทศบาลนครเชียงราย จะเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมต่อไป
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

พิธีทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ธนาคารขยะจิตอาสา วัดสันมะนะ

 
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี วันพ่อแห่งชาติ และพิธีทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล โดย ธนาคารขยะจิตอาสา ณ วัดสันมะนะ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย โดยมีพระเดชพระคุณพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ประธานสงฆ์พิจารณาผ้าป่า และนายสมศักดิ์ ดอนชัย รักษาการกำนัน ต.ป่าอ้อดอนชัย นายสุรพ์พลฎ์ ดุรงคชยานุรักษ์ นายก ทต.ป่าอ้อดอนชัย นายจำนงค์ มหาวงค์ ประธานคณะกรรมการวัดสันมะนะ นายบัญญัติ ปันอินทร์ ประธานสภาวัฒนธรรม ต.ป่าอ้อดอนชัย นางโสรยา ทิพย์วัฒนา ประธานกลุ่มพัฒนาสตรี ต.ป่าอ้อดอนชัย นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย นายสะอาด ปัญญาดี ส.อบจ.เชียงราย อ.เมือง เขต 4 เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย
 
งานทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ครั้งที่ 2 และวันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นโดยวัดสันมะนะได้ริเริ่มจัดตั้งธนาคารขยะจิตอาสาเพื่อพัฒนาวัดและชุมชน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ซึ่งทุกวันที่ 5 ธันวาคมนั้น วัดสันมะนะได้จัดกิจกรรมทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลทุกปี เพื่อนำปัจจัยที่ได้จากการทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลมาใช้ในกิจกรรมของทางวัด และมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานในชุมชน โดยในปี 2566 ธนาคารขยะวัดสันมะนะ ได้ร่วมกับหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ได้จัด กิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ พร้อมกับถวายผ้าป่าขยะรีไซเคิล เพื่อเป็นการหาทุนสมทบกองทุนหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ในการดำเนิน กิจกรรมการออกเยี่ยมผู้ป่วย และใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ในปี 2566 ต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงรายเปิด วันลอยกระทง ประเพณียี่เป็ง ต.ดอยฮาง

 
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการสืบสานประเพณีวันลอยกระทง (ยี่เป็ง) พร้อมนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ณ ท่าน้ำแม่กก บริเวณลานอเนกประสงค์เทศบาลตำบลดอยฮาง หมู่ 3 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายวังพรรณ ปัญญา กำนันตำบลดอยฮาง กล่าวต้อนรับ และมีนายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮางกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการครั้งนี้
 
ทั้งนี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้กล่าวชื่นชมนายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาล กำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนตำบลดอยฮาง ที่ได้จัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวนี้ขึ้น แสดงให้เห็นถึงพลังของพี่น้องประชาชนตำบลดอยฮาง ที่จะรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามมิให้สูญหาย และเป็นการส่งเสริมสืบทอดประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป สร้างความสามัคคีเข้มแข็งในชุมชนท้องถิ่น ตลอดทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในตำบลดอยฮาง สร้างงานสร้างรายได้ อีกทั้งให้ความสำคัญ และร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเราเอาไว้ทำให้เด็ก และเยาวชนรุ่นหลัง ได้รู้จักกับประเพณีลอยกระทงและได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เปิดโครงการจัดการทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.45 น. ณ ห้องประชุมโรงเรียนปล้องวิทยาคม ตำบลปล้อง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายบุญตัน เสนคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพสมาชิกเครือข่ายการเรียนรู้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายพลวัฒน์ ปริญญาเจริญกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนปล้องวิทยาคม กล่าวต้อนรับ
 
การจัดโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายและบูรณาการ
การดำเนินงานด้านจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีกลุ่มเป้าหมาย คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย ทุกแห่ง สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุก สังกัด พี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แบ่งจัดเป็น 4 รุ่น ๆ ละ
200 คน ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจาก สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และสำนักวิชา วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News