Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เปิดเกมเศรษฐกิจ 2,400 ล้าน! เชียงรายเจ้าภาพ Spartan World Championship

เชียงรายจารึกประวัติศาสตร์กีฬาโลก คว้าเจ้าภาพ “Spartan SUPER World Championship” 3 ปีซ้อน (2026–2028) ผลักดันเมืองรองสู่เวทีนานาชาติ วางหมาก “Longer Stay” ปลุกเศรษฐกิจสะพัด 2,400 ล้านบาท

เชียงราย,20 กันยายน 2568 — ห้องไลบรารี่ เล้าท์ โรงแรมเฮอริเทจคึกคักตั้งแต่เช้า ผู้บริหารภาครัฐ–เอกชน นักวิ่งแนว OCR และสื่อมวลชนหลากสำนักจับจ้อง “จุดเปลี่ยน” ใหม่ของเมืองเหนือ เมื่อจังหวัดเชียงรายลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับพันธมิตร 4 องค์กร เพื่อเดินหน้าผลักดันสิทธิ์เจ้าภาพจัด Spartan SUPER World Championship ต่อเนื่อง 3 ปี (พ.ศ. 2569–2571) ถือเป็นก้าวประวัติศาสตร์ของเอเชีย หากได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการตามโรดแมปของผู้จัดสากล

เอกสารความร่วมมือครั้งนี้มีผู้แทนร่วมลงนามได้แก่

  1. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย,

  2. ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) – TCEB,

  3. Mr. Matthew Brooke รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก Spartan Race Inc., และ

  4. นายบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รันริโอ (ประเทศไทย) จำกัด

สารัตถะของ MOU ระบุกรอบความร่วมมือเพื่อผลักดันการจัดการแข่งขัน รอบชิงแชมป์โลกประเภท “Super 10K”สิงห์ปาร์ค เชียงราย ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยตั้งเป้าให้เชียงรายก้าวขึ้นเป็น “เมืองเทศกาลระดับโลก” ใช้งานกีฬามวลชนเสริมพลังเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างคน และสร้างแบรนด์เมืองระยะยาว จังหวัดเชียงรายกำลังกลายเป็น “หมุดหมาย” หน้าใหม่ของเมืองเหนือสุดในสยาม เมื่อ 4 ภาคี อย่างสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB, Spartan Race Inc. และบริษัท รันริโอ (ประเทศไทย) จำกัด—ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อผลักดันให้เชียงรายเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Spartan SUPER World Championship ต่อเนื่อง 3 ปี (ค.ศ. 2026–2028) ณ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี

สำหรับโลกกีฬา OCR (Obstacle Course Racing) นี่ไม่ใช่แค่งานวิ่ง แต่นี่คือ “บทพิสูจน์” ทั้งร่างกายและจิตใจ—คลาน ลุยโคลน ปีนป่าย แบกหาม และข้ามไฟ—การผสานความแข็งแกร่ง กำลังใจ และวินัยเข้าด้วยกัน ภายใต้แบรนด์ Spartan ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกและกำหนดมาตรฐานชนิดกีฬานี้ในกว่า 40–45 ประเทศทั่วโลก มีทั้งรายการระดับสมัครเล่นไปจนถึงชิงแชมป์ทวีปและชิงแชมป์โลก โดยประเภท “Super” มีระยะ 10 กิโลเมตร พร้อมอุปสรรคเฉลี่ยราว 25 ด่าน—โครงสร้างการแข่งขันระดับสากลที่แฟน ๆ OCR ทั่วโลกคุ้นเคยดี

Mr. Matthew Brooke รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก และ บริษัท รันริโอ (ประเทศไทย) จำกัด

Spartan เป็นแบรนด์ระดับโลกที่สร้างชุมชนจาก ความยืดหยุ่น (resilience), ความมุ่งมั่น (grit), ความแข็งแกร่ง (strength) และเหนืออื่นใดคือ ความเป็นหนึ่งเดียว (togetherness). ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงเชียงราย ผมเห็นทุกองค์ประกอบที่เราตามหา” — Matthew Brooke รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก Spartan Race Inc. กล่าวระหว่างพิธีลงนาม

จากห้องประชุม “ไลบรารี่ เล้าท์” สู่ปฏิทินโลก

พิธีลงนาม ณ ห้องไลบรารี่ เล้าท์ โรงแรมเฮอริเทจ จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 20 กันยายน 2568 เปรียบเสมือนการ “เลี้ยวเข้าสู่โค้งสุดท้าย” ของการเสนอสิทธิ์เมืองเจ้าภาพ โดยทั้ง 4 องค์กรแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันชัดเจน—เชียงรายพร้อมใช้มหกรรมกีฬาระดับโลกเป็น แม่เหล็ก (Magnet) กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และยกระดับสมรรถนะการจัดงานนานาชาติของเมืองรองอย่างเป็นระบบ

ในเดือนตุลาคม 2568 ที่งาน Spartan SUPER World Championship 2025 ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จะมีพิธีประกาศชื่อ “เชียงราย” บนเวทีโลกอย่างเป็นทางการ พร้อมพิธีโบกธงชาติไทย ซึ่งหมายถึงชื่อ “Chiang Rai” จะถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินนานาชาติของ Spartan ตั้งแต่เดือนมกราคม 2569 เป็นต้นไป—คือจุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังสู่รอบไฟนอลประเภท Super บนผืนดินเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเครือการแข่งขันนี้

“Spartan” คืออะไร ทำไมจึงเป็นเกมใหญ่ของเมือง

กีฬาประเภท OCR อยู่ภายใต้กรอบของ World Obstacle (FISO) องค์กรนานาชาติที่ทำงานด้านมาตรฐาน ความปลอดภัย และการยอมรับในระดับโลก โดย Spartan คือตัวแสดงหลักที่สร้างฐานแฟนจำนวนมากจาก “สนามมาตรฐาน + ประสบการณ์สนาม” ผ่านรายการหลากหลาย (Sprint/Super/Beast/Ultra ฯลฯ) และอีเวนต์เกือบตลอดทั้งปีในหลายทวีป

บุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รันริโอ (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับ ประเภท “Super” ที่เชียงรายจะเป็นเจ้าภาพรอบชิงแชมป์โลกนั้น กติกาสากลากำหนด “วิ่ง 10K + อุปสรรค ~25 ด่าน” และเป็นขั้นกลางที่ท้าทายกว่าสาย Sprint อย่างมีนัยสำคัญ—นักกีฬาต้องมีความฟิตทั้ง upper body และ lower body รวมถึงทักษะการทรงตัว/สมดุล (body balance) เพื่อผ่านอุปสรรคบนเส้นทางธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะสนาม ซึ่งเป็นลายเซ็นของแบรนด์ Spartan ในทุกประเทศ

สปาร์ตันไม่ได้ต้องการ ‘การเอาชนะ’ แต่ต้องการ ‘การพิชิต’ (Conquer)—พิชิตสิ่งกีดขวางตรงหน้าไปทีละด่าน…” — บุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รันริโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงปรัชญาของงาน

ในมุมเชิงการแข่งขัน “เวิลด์แชมเปียนชิพ” ไม่ได้เปิดกว้างแก่ทุกคน เพราะผู้เข้าชิงตำแหน่งต้องผ่านรอบคัดเลือกในระดับ National Series / Regional Series สะสมแต้ม ผ่านระบบจัดอันดับและ Token เพื่อได้สิทธิ์ลงไฟนอล “Super” ซึ่งเป็นเส้นทางที่เข้มข้นคล้ายสนามสอบระดับประเทศ—จึงไม่น่าแปลกใจว่าจากผู้เข้าร่วม Spartan ทั่วโลกนับ ล้านคน/ปี จะมีเพียง “หยิบมือ” ที่ได้ตั๋วสู่ไฟนอล ทว่า “เอฟเฟกต์มวลชน” ของแบรนด์ยังเกิดขึ้นควบคู่ผ่านรายการ open class และกิจกรรมคอมมูนิตี้ในสัปดาห์อีเวนต์ ที่เปิดให้คนทั่วไปสัมผัสประสบการณ์ Spartan ได้เช่นกัน (บริบทจำนวนประเทศ/กิจกรรมภายใต้ Spartan อ้างอิงหน้าองค์กร)

เมืองรองสู่ “World Sport Tourism Destination” ทำไมต้องเชียงราย

สิงห์ปาร์ค เชียงราย คือแลนด์สเคปโล่งกว้าง รายล้อมไร่ชา–เนินเขา มีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางคอร์สอุปสรรคหลายเซกเมนต์ รวมถึงโซนรีคัฟเวอรี/เอ็กซ์โป/แฟนโซน ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงครอบครัวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด—จุดถ่ายรูป, ปั่นจักรยาน, ไร่ชา, ซิปไลน์ และเทศกาลระดับนานาชาติอย่างบอลลูน—ช่วยผสาน “สนามแข่ง” กับ “เดสติเนชัน” ได้ในจุดเดียว (ข้อมูลทางการจาก ททท.)

ด้านการเดินทาง ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง–เชียงราย (CEI) อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงราว 8–9 กิโลเมตร ใช้เวลารถยนต์ประมาณ 15–20 นาที (ขึ้นกับสภาพจราจรและจุดหมายปลายทาง) ซึ่งเป็นระยะที่เอื้อให้เกิด “ฮับรับ–ส่ง” สำหรับนักกีฬาต่างชาติและทีมงานได้สะดวกกว่าหลายเมืองแข่งขันในต่างประเทศ (อ้างอิงข้อมูลระยะทางสนามบิน/เมือง)

ปัจจัยเชิงระบบที่ช่วยหนุนอีกชั้นคือบทบาทของ TCEB ในฐานะหน่วยงานรัฐด้าน MICE—การประชุม, นิทรรศการ, อีเวนต์ระดับนานาชาติ—ซึ่งมี “เครื่องมือสนับสนุน” ทั้งด้านการประสานงาน, กลไกสนับสนุนเชิงงบประมาณตามหลักเกณฑ์, และการทำงานร่วมกับจังหวัด/เอกชนเพื่อให้การเป็นเจ้าภาพเกิดผลทางเศรษฐกิจสูงสุด (อ้างอิงเอกสารและรายงานผลการสนับสนุนของ TCEB)

ภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ และรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ TCEB

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 800 ล้านบาท/ปี กับ “ตัวคูณเวลาพำนัก”

ฝ่ายจัด–ภาครัฐคาดการณ์นักกีฬาและผู้ติดตามรวมกว่า 60,000 คน จาก กว่า 50 ประเทศ ตลอด 3 ปี และประเมินเม็ดเงินหมุนเวียน ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท/ปี (รวม 2,400 ล้านบาท) โดยมาจากค่าโดยสาร/โรงแรม/ร้านอาหาร/การท่องเที่ยวต่อเนื่อง–เชื่อมเมืองใกล้เคียง ตลอดจน มูลค่า PR ที่สะท้อนภาพลักษณ์จังหวัดสู่สายตาโลกผ่านคอนเทนต์ของแบรนด์และผู้ติดตามนับล้าน

แม้ตัวเลขดังกล่าวเป็น “ประมาณการ” จากเจ้าภาพ อย่างไรก็ดี ประสบการณ์ก่อนหน้าในไทยสะท้อนให้เห็นว่า Spartan ดึง ผู้เข้าร่วมเป็นพัน–หลักหมื่น และ ผู้ติดตามหลักหมื่น สร้างผลคูณรายได้ระดับ หลายร้อยล้านบาท ในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ (รายงานจากสื่อกระแสหลัก) ซึ่งช่วยยืนยัน “ทิศทาง” ของตัวเลขที่เชียงรายตั้งความหวังไว้ได้ในระดับหนึ่ง

หัวใจสำคัญของผลคูณคือแผนยุทธศาสตร์ “Longer Stay Campaign”—ทำอย่างไรให้นักกีฬา/ทีมงาน/ผู้ติดตาม อยู่เชียงรายนานขึ้น ไม่ใช่แค่มา–แข่ง–กลับ หากยืดเวลาเป็น 7–14 วัน ผ่านกิจกรรมคู่ขนาน เช่น เทศกาลอาหาร “Taste of Spartan”, งานดนตรี After Party แนว world/ethnic, เส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ–วัฒนธรรม (ไร่ชา, ดอยตุง, คาเฟ่–กาแฟพิเศษ, วิถีชนเผ่ามลายู–ลาหู่–อาข่า ฯลฯ) และกิจกรรมอาสาสมัครชุมชน—ทั้งหมดนี้สอดรับภาพใหญ่ของ TCEB/MICE ที่ผลักดันเมืองรองไทยให้เป็น Sport Hub / Training Center ระดับเอเชีย

“ทำอย่างไรให้เขาอยู่เชียงราย สองอาทิตย์ ได้ไหม—นี่คือโจทย์” — บุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ชี้ทิศทางยุทธศาสตร์ที่ต้องขับเคลื่อนทั้งจังหวัดร่วมกัน

ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

สนาม” กับ “เมือง” โจทย์ความพร้อมที่ต้องไปด้วยกัน

ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวย้ำว่า “โอกาสแบบนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อย หลายจังหวัดอยากได้ แต่วันนี้เกิดขึ้นที่เชียงราย” พร้อมระบุว่าทุกภาคส่วน—หน่วยงานรัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา—จะบูรณาการกำลังคน/อาสาสมัคร/ลอจิสติกส์ เพื่อรองรับมาตรฐานสากลของงาน

โจทย์หลักที่ต้องเร่งวางแผนเชิงปฏิบัติการ ได้แก่

  1. ที่พัก–การเดินทาง: กระจายตัวรองรับนักกีฬาหลายหมื่นคนในสัปดาห์อีเวนต์ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซันปลายปี (ธ.ค.) ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปหนาแน่นอยู่แล้ว
  2. การจราจร–ความปลอดภัย: วางแผนเส้นทางเข้า–ออกสิงห์ปาร์ค, จุดจอดรับ–ส่ง, หน่วยแพทย์สนาม, ระบบสื่อสารฉุกเฉินตามมาตรฐาน OCR/Spartan
  3. สิ่งแวดล้อม–ชุมชน: จัดการขยะ/น้ำเสียจากอีเวนต์, ใช้วัสดุรีไซเคิลในแฟนโซน/เอ็กซ์โป, เปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นจำหน่ายสินค้า OTOP/Local และบริการทัวร์ชุมชน
  4. คน–ทักษะ (Upskill/Reskill): เตรียมอาสาสมัครสนาม/ล่าม/ช่างเทคนิคอุปสรรค, ฝึกอบรม first aid และความรู้ด้านมาตรฐานความปลอดภัยสากลของ OCR เพื่อสร้าง “ขีดความสามารถใหม่” ให้กับคนเชียงราย

นอกจากนั้น ภาคส่วนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ–ไลฟ์สไตล์ต้อง “จับคู่–ต่อยอด” กับ คอมมูนิตี้สปาร์ตัน ที่มีพฤติกรรมบริโภคเฉพาะ—อาหารสุขภาพ, กาแฟพิเศษ, เวิร์กชอปโยคะ/ฟื้นฟู, สปอร์ตกายภาพ—เพื่อยืดเวลาพำนัก ให้เงินหมุนเวียนอยู่ในจังหวัดนานขึ้นจริง ไม่ใช่เพียงตัวเลขบนเวทีแถลง

นางนิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

เรื่องเล่าจากสนาม จาก “โคลน–เชือก–ไฟ” สู่ “ภาพจำเชียงราย”

หากมองผ่านเลนส์สื่อสังคมออนไลน์ โพสต์จากนักกีฬาสปาร์ตันทรงพลังเสมอ—รอยยิ้มตอนข้ามไฟ, มือที่ยื่นดึงเพื่อนข้ามกำแพง, หรือภาพพื้นโคลนที่ใคร ๆ ภูมิใจจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก—ทุกเฟรมคือ “PR ธรรมชาติ” ที่ยากประเมินมูลค่า เมื่อเชียงรายกลายเป็นฉากหลังของคอนเทนต์ระดับโลก ภาพไร่ชา–ภูเขา–ศิลปะวัดวา (เช่น วัดร่องขุ่น/วัดร่องเสือเต้น) จะค่อย ๆ กลายเป็น ภาพจำใหม่ ของเดสติเนชันกีฬาเอาท์ดอร์ในเอเชีย—นี่คือ เสถียรภาพทางภาพลักษณ์ (reputation capital) ที่ขยายเวลานานกว่าสัปดาห์แข่งขัน

ประสบการณ์ในไทยก่อนหน้านี้ สะท้อนว่าเมืองเจ้าภาพได้รับแสงสปอร์ตไลต์ชัดเจน: The Nation เคยรายงานว่าอีเวนต์ Spartan Thailand 2023 สองสนามใหญ่ (พัทยา–ภูเก็ต) “คาดต้อนรับนักกีฬากว่า 10,000 คน และสร้างรายได้รวมกว่า 500 ล้านบาท” ขณะที่ Bangkok Post ระบุสนามเชียงใหม่ปี 2022 คาดผู้เข้าร่วมกว่า 4,000 คนจาก 30 ประเทศ และเม็ดเงินหมุนเวียนราว 300 ล้านบาท—กรณีศึกษาที่ส่งสัญญาณว่าหากเชียงรายวาง Longer Stay ได้ตรงใจและทำ “แพ็กเกจกีฬา + เที่ยว” ให้โดนตลาดสากล เม็ดเงิน 800 ล้านบาท/ปีอาจไม่ไกลเกินเอื้อม

เชียงรายในสมการ “MICE + Sport” จากสนามสู่ระบบนิเวศเศรษฐกิจ

บทบาทของ TCEB สำคัญยิ่งในเฟสหลังประกาศเมืองเจ้าภาพ—ไม่เพียงสนับสนุนอีเวนต์หลัก แต่ยังสามารถ “ต่อยอด” ด้วยการดึง การประชุม/ประชุมเชิงปฏิบัติการ ของเครือข่าย Spartan (เจ้าหน้าที่เทคนิค, ผู้ตัดสิน, ทีมจัดการความปลอดภัย, ผู้จัดซีรีส์ทวีป) มาจัดในไทยช่วงก่อน–หลังอีเวนต์ เพื่อให้การใช้จ่ายของคณะทำงานกระจายสู่ภาคบริการมากขึ้น และช่วยสร้าง “องค์ความรู้” ให้คนท้องถิ่น—จากการจัดสนาม, บริหารอุปสรรค, ไปจนถึงการทำ event operations ตามมาตรฐานโลก (ข้อมูลบทบาท/เครื่องมือสนับสนุน TCEB)

ในชั้นเชิงนโยบาย “Sport Tourism” กำลังกลายเป็น Soft Power ด้านสุขภาพ–ไลฟ์สไตล์ของไทย เมืองที่เคยเป็น MICE City อย่างพัทยา ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ต่างใช้กลยุทธ์ “เทศกาลกีฬา” ดึงเม็ดเงินคุณภาพ—และเชียงรายซึ่งมีทุนวัฒนธรรม–ธรรมชาติชัดเจน พร้อมเครือข่ายเอกชน–สถาบันการศึกษา เข้าสู่ “วงจรดี” เดียวกันได้ หากยกระดับมาตรฐานและเปลี่ยน “อีเวนต์หนึ่งสัปดาห์” เป็น ฤดูกาลกีฬา (Sporting Season) ที่ต่อเนื่องตลอดปี

คลี่ปม–จับมือ–เดินหน้า งานใหญ่ของ “ทั้งเมือง”

การเป็นเจ้าภาพ Spartan SUPER World Championship ไม่ใช่งานของคนกีฬาเพียงกลุ่มเดียว แต่เป็นงานของ “ทั้งเมือง”—ตั้งแต่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ผู้ผลิตของที่ระลึก ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่นและเยาวชนที่จะเข้ามาเป็นอาสาสมัครสนาม ทุกวงจรล้วนอยู่ในสมการรายได้ของจังหวัดดังนี้

  • ก่อนงาน (T-12 ถึง T-1 เดือน): โฟกัสการก่อสร้าง/ทดสอบอุปสรรค, ฝึกกำลังคน, เปิดคอร์ส trial, เดินสายโปรโมต “แพ็กเกจ Longer Stay” และดีล early bird สำหรับทัวร์เนินเขา–ไร่ชา–คาเฟ่–งานคราฟต์ (ใช้หน้าที่วัด/ชุมชนเป็นเวทีย่อย)
  • สัปดาห์งาน (T-0): โฟกัสความปลอดภัย–โลจิสติกส์–การจราจร, จัดโซน Fan Village ที่เน้นสินค้าชุมชน/OTOP, ตั้ง “ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวกีฬา” เชื่อมเส้นทางต่อยอดหลังจบแข่ง
  • หลังงาน (T+1 ถึง T+4 สัปดาห์): เก็บข้อมูล spend per capita และ length of stay, ทำแผนเยียวยาสิ่งแวดล้อม (เก็บขยะ, คืนสภาพสนาม), ทำคอนเทนต์ “Best Moments of Chiang Rai” ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์/ทีมถ่ายทอด เพื่อรีมาร์เก็ตติ้งสู่ฤดูกาลถัดไป

หากทุกฟันเฟืองเดินไปทิศเดียวกัน เป้าหมาย “เศรษฐกิจสะพัด 2,400 ล้านบาทใน 3 ปี” ย่อมมีฐานรองรับจริง—ไม่ใช่เพียงตัวเลขในสไลด์งานแถลง

จาก “สนามโลก” สู่ “เมืองโลก”

การเลือกเชียงรายเป็นเจ้าภาพ Spartan SUPER World Championship 2026–2028 คือ “สัญญาณ” ว่าเมืองรองของไทยพร้อมยืนบนเวทีกีฬาโลก—ไม่ใช่ด้วยสนามกีฬาอันทันสมัยเพียงอย่างเดียว แต่ด้วย ภูมิทัศน์ธรรมชาติ, ทุนวัฒนธรรม, และ ระบบคน–บริการ ที่กำลังจะได้รับการยกระดับครั้งใหญ่

“วันนี้ ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกัน เพื่อเป็นเจ้าภาพร่วมอย่างสง่างาม”—คำกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สอดรับกับวิสัยทัศน์ของ TCEB และพันธมิตร Spartan/รันริโอ

เส้นทางข้างหน้ามีทั้ง “โคลน–เชือก–กำแพง” ให้เชียงรายต้องพิชิตทีละด่าน—แต่หาก “ทีมเชียงราย” เดินไปพร้อมกัน เป้าหมาย เมืองกีฬา–ท่องเที่ยวระดับโลก ที่คนทั้งโลกอยากมา “วิ่ง–พัก–ใช้ชีวิต” ที่นี่อย่างน้อย สองสัปดาห์ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

ตัวเลข “ผู้เข้าร่วมรวม 60,000 คน” และ “เม็ดเงินสะพัด 800 ล้านบาท/ปี (รวม 2,400 ล้านบาท/3 ปี)” เป็น ประมาณการจากผู้จัดและหน่วยงานคู่สัญญาในการลงนาม MOU วันที่ 20 กันยายน 2568 ซึ่งผู้เขียนข่าวระบุแหล่งที่มาไว้โดยชัดแจ้ง และนำไปเทียบเคียงกับผลลัพธ์งาน Spartan ในไทยที่มีรายงานอย่างเป็นทางการจากสื่อกระแสหลักก่อนหน้าเพื่อประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ตัวเลขจริงอาจแตกต่างตามภาวะเศรษฐกิจโลก สภาพอากาศในช่วงจัดงาน กำลังซื้อ และปัจจัยหน้างานอื่น ๆ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • World Obstacle (FISO)
  • Spartan Race (Global/Thailand)
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT)
  • ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง–เชียงราย
  • Thailand Convention & Exhibition Bureau (TCEB)
  • The Nation Thailand และ Bangkok Post.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

พันธุ์ไทย ผนึก สิงห์ปาร์ค เชียงราย ในแคมเปญ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน”

 

พันธุ์ไทย ผนึก สิงห์ปาร์ค เชียงราย บุกตลาดชาหมื่นล้านผ่านแคมเปญ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน” ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ดันยอดขายทะลุเป้า 20%

สององค์กรหัวใจไทย บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด และ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด ร่วมกันเผยความสำเร็จของการรุกตลาดชามูลค่าหมื่นล้านบาท ต่อยอดผลิตภัณฑ์จากเชียงรายสู่เมืองน่านกับแคมเปญ ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน’ กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังจากเปิดตัวเพียง 1 เดือน สามารถปั้นยอดขายเติบโตกว่า 20% ด้วยงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และสื่อสารไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นขยายฐานตลาดชาพรีเมียม แมส เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่ดื่มกาแฟ พร้อมร่วมกันส่งเสริมชาอัสสัมจาก จ.น่านให้เป็นที่รู้จัก สานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชน สร้างอาชีพให้เกษตรกร ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อมและรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

“ชา” เป็นตลาดที่เติบโตและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากรายงานของ Spherical Insights บริษัทวิจัยด้านการตลาดชื่อดัง เปิดเผยว่า “ตลาดชา” ทั่วโลกในปี 2566 มีมูลค่า 49.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2566 – 2576 ตลาดชาทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.09% ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 98.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2576 ซึ่งในด้านการบริโภคนั้น สถาบันชาและกาแฟ แห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีการประเมินว่าภายในปี 2568 วัฒนธรรมการดื่มชานอกบ้านจะสูงขึ้น 5% และจะมีปริมาณชาเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 พันล้านกิโลกรัมในปีเดียวกัน ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการบริโภคและมีมูลค่าตลาดสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยในปี 2565 มีมูลค่าตลาดสูงถึง 13,299 ล้านบาท

คุณอนันต์ รัตนมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดชามีการขยายตัวขึ้นทุกปี ทั้งจากเทรนด์รักสุขภาพและกระแสความนิยมของผู้บริโภค พันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสหลังจากประสบความสำเร็จกับแคมเปญ ‘อร่อย เวรี มัทฉะ’ ที่พันธุ์ไทยพัฒนาสูตรชาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตชาตัวจริงอย่าง สิงห์ปาร์ค นำสุดยอดชา มารุเซ็น มัทฉะ พรีเมียม จ.เชียงราย มาพัฒนาเมนูมัทฉะตามแบบฉบับของพันธุ์ไทย ซึ่งได้รับความนิยมจนมีกระแสเรียกร้องให้นำมาบรรจุเป็นเมนูถาวร เราจึงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สู่การเปิดตัว ‘ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน’ ชาดำสายพันธุ์อัสสัมที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นจาก จ.น่าน มีกลิ่นหอมชาคั่วและมีรสชาติเข้มข้นที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การดื่มด่ำชาพรีเมียมในราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟแล้ว ยังสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้บริการร้านพันธุ์ไทยให้เปิดใจทดลองอีกด้วย”

 

คุณพรประภา ชัยโตษะ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า “ชาน่าน หรือ ชาแห่งสายหมอก ชาคุณภาพที่ปลูกในภูมิประเทศที่มีเทือกเขาวางตัวในแนวเหนือใต้ มีสภาพภูมิอากาศเย็นชื้น และมีฝนตกสม่ำเสมอ ดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชาอัสสัมมีคุณลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร คงความเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นและรสชาติของอารยธรรมแห่งชาป่าสืบเนื่องมานานกว่า 100 ปี ชาน่านได้รับการปลูกและดูแลโดยเกษตรกรไทย พิถีพิถันเก็บเพียง 5 ใบแรกของยอดชา เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ส่งตรงถึงโรงงานแปรรูปชาอัสสัมแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดใน จ.น่าน เพื่อรักษาคุณภาพคงความสดใหม่ของใบชาให้มากที่สุด พร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตและแปรรูปที่ทันสมัย ก่อนจะนำมาเบลนด์เป็นสูตรเฉพาะของพันธุ์ไทย และครีเอทเมนูใหม่พร้อมเสิร์ฟความหอมอร่อยถึงมือลูกค้า”

“ความร่วมมือกับพันธุ์ไทยนี้เป็นการดึงจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์ที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจน มาต่อยอด เพิ่มคุณค่าและส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในหลากหลายมิติ นับเป็นการดำเนินงานที่ผสานกันอย่างลงตัว ด้วยอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนด้วยการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย ไปพร้อมๆ กับการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดโครงการส่งเสริมการปลูกชาของชุมชนในพื้นที่ จ.น่าน โดยการให้องค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกชาให้ได้คุณภาพ ส่งผลให้การบุกรุก ตัดไม้ทำลายป่า และการทำไร่เลื่อนลอยมีปริมาณลดลง เนื่องจากการปลูกชาอัสสัมต้องอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ผืนป่า รักษาธรรมชาติ ทำให้ระบบนิเวศกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน” คุณพรประภา กล่าวเสริม

นอกจากนี้ พันธุ์ไทยยังประกาศการรุกตลาดชาอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ “คนพันธุ์TEA ที่พันธุ์ไทย” ผ่านเทคโนโลยี CGI ในรูปแบบ Hyper Realistic VDO ด้วยภาพผู้หญิงไซส์ยักษ์ใหญ่ นั่งจิบชาโชว์ความสดชื่นอยู่บนร้านกาแฟพันธุ์ไทย มีการสื่อสารทั้ง Online ผ่าน Social Media ต่างๆ และ Offline ผ่าน Digital Billboard ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และสร้างการรับรู้ว่าพันธุ์ไทยจริงจังกับการรุกตลาดชาครั้งนี้ อีกทั้งแบรนด์ยังสร้างการรับรู้ผ่าน Influencer และ KOL ทั้ง Mega, Micro และ Nano ทั้งสายกิน สายเที่ยว สายไลฟ์สไตล์ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากสิงห์ ปาร์ค เชียงรายในการร่วมงานกับ คุณเชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดง เซเลบริตี้ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้มีความผูกพันกับเมืองน่าน มาบอกเล่าเรื่องราวของชาน่านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

พันธุ์ไทย ชวนสัมผัสความหอมละมุน ดื่มด่ำรสชาติสุดพรีเมียมกับ “ชาอัสสัมพันธุ์ไทยน่าน” ที่พันธุ์ไทยชงสดทุกแก้ว เพื่อดึง Taste Note ที่โดดเด่น แบบ Nutty Tone ซึ่งเป็นกลิ่นหอมเอกลักษณ์ของชาอัสสัมออกมาได้ชัดที่สุด ดื่มแล้วได้ After Taste ที่สะอาด สดชื่น พันธุ์ไทยจึงนำมาสร้างสรรค์หลากหลายความอร่อย สดชื่นถึง 6 เมนู 6 คาแรคเตอร์ พร้อมเสิร์ฟในราคาเริ่มต้นเพียง 45.-

• ชาอัสสัมออริจินอลร้อน (Authentic Assam Tea) 45.- ดื่มด่ำรสชาติสุดคลาสสิค หอมกลิ่นชาคั่ว

• ชาอัสสัมน้ำผึ้งมะนาวร้อน (Harmony Honey Lime Assam Tea) 55.- ชาดำเข้มข้น หวานอมเปรี้ยวด้วย น้ำผึ้ง มะนาว ชุ่มคอ

• ชาอัสสัมเบอร์รี (Berry Bliss Assam Tea) 70.- หวานนิดเปรี้ยวหน่อย อร่อยฉ่ำไปกับเนื้อสตรอว์เบอร์รีและมัลเบอร์รี

• ชาอัสสัมยูซุ (Yuzu Youthful Assam Tea) 70.- รีเฟรชความสดใสด้วยส้มยูซุ หวานซ่อนเปรี้ยว

• ชาอัสสัมพีช (Peach Passion Assam Tea) 70.- สดชื่นไปกับพีช เปรี้ยวอมหวาน หอมละมุน

• ชาอัสสัมบ๊วยมะนาว (Plum-Lime Lush Assam Tea) 70.- ความลงตัวของบ๊วยและมะนาว ครบรส อร่อยลงตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สิงห์ปาร์ค เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News