Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2025 ผนึกกำลังขับเคลื่อนเชียงรายสู่ MICE City และ City of Design

ร้อยดวงใจผ่านสี่ฤดู “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ขับเคลื่อนเชียงรายสู่เมืองไมซ์ ท่ามกลางโจทย์ภัยพิบัติและการท่องเที่ยวคุณภาพ

เชียงราย, 16 ธันวาคม 2568 – สภากาแฟครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เปิดม่านยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด พร้อมประกาศเจตนารมณ์ยกระดับเชียงรายสู่เมืองแห่งการประชุมและนิทรรศการระดับสากล ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทุกรูปแบบ จากไฟป่า หมอกควัน ไปจนถึงแผ่นดินไหว

เวทีหารือข้อราชการสู่วาระการพัฒนาเชียงราย แสงไฟยามเย็นริมฝั่งแม่น้ำกกค่อยๆสะท้อนผิวน้ำ ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อเล่าเรื่องราวของเชียงราย บรรยากาศบริเวณสวนไม้งามริมน้ำกก ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย เต็มไปด้วยผู้นำฝ่ายบริหารจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายกว่าหลายสิบหน่วยงาน ที่มาร่วมกันในกิจกรรม “สภากาแฟ” ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในรูปแบบ Dinner Talk

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองช่วง โดยช่วงแรกเวลา 17.00 น. เป็นการพบปะหารือข้อราชการ และช่วงที่สองเวลา 19.00 น. เป็นการจัดในรูปแบบ Dinner Talk ที่ผสานบรรยากาศการรับรองแขกผู้มีเกียรติเข้ากับการนำเสนอวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดในระยะยาว นับเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและขับเคลื่อนภารกิจจังหวัดอย่างต่อเนื่อง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับและอธิบายถึงความสำคัญของเวที “สภากาแฟ” ว่าเป็นกลไกที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และสื่อมวลชน สั้นลงแต่ลึกขึ้น สามารถหารือได้ตรงประเด็นและต่อยอดไปสู่การลงมือทำได้จริง โดยเฉพาะในยุคที่เชียงรายถูกจับตามองทั้งในมิติการท่องเที่ยวและการบริหารจัดการภัยพิบัติ

นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งเพิ่งมาปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดครบหนึ่งเดือนพอดี (เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568) กล่าวว่า เวทีสภากาแฟลักษณะนี้เป็นโอกาสสำคัญในการทำความเข้าใจบริบทและความท้าทายของจังหวัดอย่างรอบด้าน พร้อมแสดงความชื่นชมต่อการทำงานของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เป็นผู้บริหารผู้หญิงที่เข้มแข็งและมีความสามารถ

เปิดตัว “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ภายใต้แนวคิดแห่งศรัทธา

บนเวทีที่รายล้อมด้วยดอกไม้และงานศิลปะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกันเปิดตัว “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” หรือ Chiangrai Flower and Art Festival 2025 ภายใต้แนวคิด “สายนธีแห่งศรัทธา ธ สถิตในใจตราบนิจนิรันดร์” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569

นางอทิตาธร อธิบายว่า แนวคิดของงานในปีนี้มิใช่เกิดจากการออกแบบเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากการมองย้อนกลับไปยังบาดแผลและความท้าทายที่จังหวัดเชียงรายเผชิญในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หมอกควัน ภัยแล้ง น้ำท่วม ไปจนถึงความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว เนื่องจากจังหวัดตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนที่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่

“ในทุกปีหลังจากจบงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนไม่เกินหนึ่งเดือน ดิฉันจะต้องกลับมาคิดว่างานในปีต่อไปเราจะจัดออกมาเป็นรูปแบบไหน แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็จะนำเอาความเป็นเชียงรายมาปรากฏในสถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของคนเชียงราย สำหรับการจัดงานในปีนี้ ธีมงานออกมาจากปัญหาของจังหวัดเชียงรายที่เราประสบปัญหาภัยเกือบทุกภัย ดังนั้นชาวเชียงรายจะไม่ท้อถอย เราจะต้องลุกขึ้นมายืนแล้วมองตัวเอง ย้อนรอยกลับไปถึงความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดเชียงราย” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกล่าว

สี่ฤดูกาลแห่งการฟื้นคืนชีวิต

แนวคิดหลักของงานใช้ “สายน้ำ” และ “สี่ฤดูกาล” เป็นสัญลักษณ์หลักเพื่อเล่าเรื่องการฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของเชียงราย ตั้งแต่ภูมิประเทศ ทิวเขา ลำน้ำ ระบบนิเวศ ไปจนถึงวิถีชีวิตของผู้คนและกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 17 กลุ่มที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

สวนไม้งามริมน้ำกกถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนตาม 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ โดยใช้การจัดวางไม้ดอกหลากหลายสายพันธุ์ผสานกับงานประติมากรรม แสง สี เสียง และเทคโนโลยีสมัยใหม่ภายใต้ธีม “เสียงสะท้อนและแสงสะท้อนแห่งกาลเวลา (The Reflex of Season)” ทั้งในยามกลางวันและกลางคืน

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเน้นย้ำว่า ทุกองค์ประกอบในสวนไม้งามไม่ได้มีไว้เพื่อถ่ายรูปแล้วผ่านไปเท่านั้น แต่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่ทำให้คนเชียงรายได้ย้อนมองตัวเอง ระลึกถึงความอุดมสมบูรณ์ดั้งเดิมของเมือง และตั้งคำถามร่วมกันว่าจะช่วยกันพลิกฟื้นเชียงรายให้กลับมาสมบูรณ์กว่านี้ได้อย่างไร

การจัดวางดอกไม้ในสวนแห่งนี้แตกต่างจากงานดอกไม้ในจังหวัดอื่น เพราะเชียงรายเป็น “เมืองแห่งการออกแบบ (City of Design)” ภายใต้เครือข่ายสร้างสรรค์ของยูเนสโก จึงมีศิลปินอยู่มากมาย การจัดวางดอกไม้จึงถูกจัดวางด้วยรูปแบบของศิลปะผสานกับความสวยงามของดอกไม้ และในช่วงกลางคืนจะมีการเติมประติมากรรมและเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่เพื่อให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ

สามโซนหลัก กระจายรายได้สู่ชุมชน

เพื่อลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวเฉพาะในเขตเมืองและกระจายรายได้สู่พื้นที่อื่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้วางแผนจัดงานครอบคลุม 3 โซนหลัก

โซนที่ 1: อำเภอเมืองเชียงราย – สวนไม้งามริมน้ำกก เป็นพื้นที่หลักในการจัดงานระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 มีการจัดแสดงไม้ดอก ศิลปะ โซน Food Truck อาหารพื้นถิ่น การจำหน่ายชา กาแฟ และผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึง “ข่วงวัฒนธรรม” ที่ถ่ายทอดเรือนวิถีชีวิตล้านนาและชาติพันธุ์กว่า 17 กลุ่ม

ทั้งนี้จะได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 22 ธันวาคม ซึ่งไม่เพียงยกระดับภาพลักษณ์ของงานในระดับชาติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรวมดวงใจชาวเชียงรายภายใต้แนวคิด “สายนธีแห่งศรัทธา”

โซนที่ 2: อำเภอเวียงชัย – หนองหลวง จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ภายใต้แนวคิด “นทีศรัทธา ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์” หนองหลวงเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่กว่า 9,000 ไร่ ที่ผูกโยงกับตำนานการล่มสลายของเมืองโยนกไชยบุรี มีเกาะต่างๆ ถึง 7 เกาะ โดยเฉพาะ “เกาะแม่ม่าย” ที่มีเรื่องเล่าตำนานแม่หม้ายและปลาไหลเผือก

การจัดงานในโซนนี้ไม่ได้เป็นเพียงการประดับดอกไม้ แต่ยังเป็นการคืนชีวิตให้กับพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรม โดยมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด ถือเป็นสัญญาณสำคัญว่ารัฐบาลให้ความสนใจต่อการพัฒนาพื้นที่รอบนอกเมืองอย่างจริงจัง

โซนที่ 3: อำเภอแม่สาย – วัดถ้ำเสาหินพญานาค พื้นที่ชายแดนอย่างแม่สายเคยประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงใช้การจัดงานไม้ดอกที่บริเวณวัดถ้ำเสาหินพญานาคต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ตามคำร้องขอของชาวแม่สายที่ต้องการ “รื้อฟื้นชีวิตและเศรษฐกิจพื้นที่” งานจะเปิดในวันที่ 20 ธันวาคม 2568

ประติมากรรมพญานาคเกี้ยวและบรรยากาศของถ้ำเสาหินไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการลุกขึ้นยืนใหม่ของชุมชนชายแดนที่ต้องเผชิญทั้งภัยธรรมชาติและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจจากการค้าชายแดน

เป้าหมาย “MICE City” และการยกระดับเมือง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เชื่อมโยงมหกรรมไม้ดอกเข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในภาพรวม โดยระบุว่าเชียงรายในวันนี้ได้รับการยอมรับในฐานะ “เมืองแห่งการออกแบบ (City of Design)” ภายใต้เครือข่ายสร้างสรรค์ของยูเนสโก ซึ่งสะท้อนผ่านจำนวนศิลปินและผลงานศิลปะที่กระจายอยู่ทั่วเมือง

งานมหกรรมไม้ดอกจึงทำหน้าที่เป็น “โชว์เคสกลางแจ้ง” ที่นำศักยภาพด้านการออกแบบของเชียงรายมาแสดงผ่านภูมิทัศน์ดอกไม้ งานประติมากรรม และแสงสีสื่อผสม โดยเชียงรายเลือกใช้ศิลปะและการออกแบบเป็นตัวขับเคลื่อนภาพลักษณ์จังหวัดอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังกล่าวถึงทิศทางสำคัญ คือการผลักดันเชียงรายให้เป็น “MICE City” หรือเมืองแห่งการประชุม สัมมนา และนิทรรศการ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการที่มีผู้บริหารระดับสูงจากหลายกระทรวงและหน่วยงานสำคัญเดินทางมาศึกษาดูงานและจัดกิจกรรมในเชียงรายอย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ธันวาคม จะมีผู้เข้าร่วมหลักสูตรด้านกระบวนการบริหารยุติธรรมระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมเข้ามาจำนวนกว่า 100 ท่าน และในวันที่ 18 ธันวาคม จะมีผู้เข้าร่วมหลักสูตรธรรมาภิบาลด้านการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขอีกกว่า 40 ท่าน ซึ่งล้วนเป็นผู้บริหารระดับสูงและบิ๊กเนมของประเทศ การต้อนรับกลุ่มผู้นำเหล่านี้ภายใต้บรรยากาศของเทศกาลไม้ดอก จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างประสบการณ์เชิงบวกและต่อยอดสู่ความร่วมมือในอนาคต

โจทย์ภัยพิบัติและการเตรียมความพร้อม

แม้โทนของงานมหกรรมไม้ดอกจะเต็มไปด้วยสีสันและความสวยงาม แต่ทั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดต่างย้ำตรงกันว่า “เชียงรายวันนี้ต้องเผชิญโจทย์หนักด้านภัยพิบัติ” ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัจจัยเชิงโครงสร้าง

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกล่าวถึงปัญหาไฟป่า หมอกควัน PM2.5 ภัยแล้ง น้ำท่วม และความเสี่ยงแผ่นดินไหวว่า เป็นภัยแทบทุกประเภทที่จังหวัดต้องประสบ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องคิดธีมงานใหม่ทุกปี โดยย้อนกลับไปที่รากฐานความอุดมสมบูรณ์ของเชียงราย เพื่อให้คนในพื้นที่ได้ร่วมกันทบทวนและหาวิธีฟื้นฟู

ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สะท้อนมุมมองเดียวกันในเชิงนโยบาย โดยกล่าวว่าได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยเฉพาะจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับ “การป้องกันมากกว่าการเยียวยา” โดยเฉพาะใน 3 มิติหลัก ได้แก่ อุทกภัย ปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

ผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ที่ต้องช่วยบูรณาการกับทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันก่อนที่จะเผชิญเหตุและทำการฟื้นฟูเยียวยา โดยเฉพาะเรื่อง PM2.5 และอุทกภัย

เมื่อวันเดียวกันนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ร่วมเปิดศูนย์บริหารจัดการข้อมูลด้านน้ำ โดยได้รับความอนุเคราะห์จากดร.รอยบุญ รัศมีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรสารสนเทศน้ำแห่งชาติ ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่จริงได้ ซึ่งจะช่วยในการเตรียมการป้องกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ขณะที่เชียงรายกำลังถูกวางบทบาทให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สวยงามของนักท่องเที่ยวที่มีคุณค่า เมืองก็ต้องพร้อมในเวลาเดียวกันที่จะเป็นแนวหน้าในการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะยิ่งทวีความซับซ้อนในอนาคต

นายอำเภอคนใหม่ “เชียงรายคือบ้านหลังที่สอง”

อีกหนึ่งเสียงที่น่าสนใจบนเวทีสภากาแฟในค่ำคืนนั้น คือคำกล่าวของนายญาณวุฒิ สุขพิมศรี นายอำเภอเมืองเชียงรายคนใหม่ ซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่เป็นวันที่สองพอดี แม้จะไม่ได้เป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด แต่ด้วยประสบการณ์ทำงานในจังหวัดเชียงรายรวมกว่า 15 ปี ทั้งในตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอและตำแหน่งระดับจังหวัด

นายอำเภอเมืองเชียงรายกล่าวว่า “เชียงรายคือบ้านหลังที่สอง” และย้ำถึงความพร้อมที่จะทำงานประสานกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเคยดำรงตำแหน่งพนักงานรองที่อำเภอเมืองเชียงรายเมื่อปี 2550 จากนั้นมาเป็นปลัดอำเภอเมืองเชียงรายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก่อนจะไปดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดเชียงราย และออกไปเป็นนายอำเภอที่อำเภอขุนตาล แม่ลาว เวียงชัย และแม่จัน ก่อนจะกลับมาเป็นนายอำเภอเมืองเชียงรายในครั้งนี้

คำกล่าวดังกล่าวมีนัยสำคัญในเชิงโครงสร้างการบริหาร เพราะอำเภอเมืองเชียงรายคือหัวใจของงานมหกรรมไม้ดอก ทั้งในฐานะพื้นที่จัดงานสวนไม้งามริมน้ำกก และในฐานะศูนย์รวมของกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการบริหารจัดการภัยพิบัติของจังหวัด

บูรณาการ 4 มิติสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

เมื่อมองภาพรวม “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” จึงมิใช่เพียงเทศกาลถ่ายรูปกับดอกไม้สวยงาม หากแต่ทำหน้าที่เสมือนแพลตฟอร์มบูรณาการที่เชื่อม 4 มิติหลักเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

มิติที่ 1: การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก การจัดงานกระจายไปยัง 3 โซนหลักใน 3 อำเภอ ช่วยเปิดพื้นที่ให้ชุมชนท้องถิ่น ร้านค้า ผู้ประกอบการชา กาแฟ อาหารพื้นถิ่น และผู้ผลิตสินค้าโอทอป ได้มีโอกาสพบปะนักท่องเที่ยวโดยตรงตลอดช่วงเทศกาล นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างกว้างขวาง

มิติที่ 2: อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ การนำวิถีชีวิตล้านนาและชาติพันธุ์กว่า 17 กลุ่มมาจัดแสดง ณ ข่วงวัฒนธรรมในสวนไม้งาม และการหยิบตำนาน “เกาะแม่ม่าย-เมืองโยนกไชยบุรี” มาเล่าใหม่ผ่านพื้นที่หนองหลวง สะท้อนความพยายามที่จะทำให้การท่องเที่ยวหยั่งลึกลงสู่รากของเรื่องเล่าท้องถิ่น ไม่ใช่เพียงการมาถ่ายรูปผ่านๆ

มิติที่ 3: การวางตำแหน่งเมืองในเวทีประเทศและนานาชาติ การเชื่อมงานดอกไม้เข้ากับสถานะ “City of Design” และเป้าหมายการเป็น “MICE City” ทำให้เชียงรายถูกมองไม่เพียงในมิติเมืองท่องเที่ยวฤดูกาลหนาว แต่เป็นเมืองที่พร้อมรองรับการประชุม สัมมนา และกิจกรรมระดับชาติ-นานาชาติ โดยใช้ศิลปะ การออกแบบ และภูมิทัศน์เป็นจุดแข็ง

มิติที่ 4: การบริหารจัดการภัยพิบัติและความยั่งยืน การพูดถึงไฟป่า หมอกควัน PM2.5 น้ำท่วม ภัยแล้ง และแผ่นดินไหวบนเวทีเดียวกับการเปิดตัวเทศกาลดอกไม้ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารจังหวัดเลือกจะมองความจริงทั้งสองด้านพร้อมกัน คือความสวยงามและความเปราะบางของเมือง และหันมาเน้นการป้องกันล่วงหน้ามากกว่าการรอเยียวยาความเสียหาย

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ในครั้งนี้จึงมีนัยสำคัญมากกว่าการจัดงานเทศกาลธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจังหวัดเชียงรายกำลังเตรียมความพร้อมในการยกระดับตัวเองไปสู่มิติใหม่ของการพัฒนา

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวย้ำว่า นอกจากผู้บริหารระดับสูงจากส่วนกลางที่จะเข้ามาในช่วงนี้แล้ว ยังมีผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากทั่วประเทศที่เดินทางเข้ามาศึกษาดูงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเชียงรายกำลังกลายเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการท้องถิ่นที่ผสานการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการเตรียมรับมือภัยพิบัติเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการขับเคลื่อนเชียงรายสู่เป้าหมายดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน สื่อมวลชน ไปจนถึงประชาชนในพื้นที่

เวทีสภากาแฟที่จัดขึ้นในครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจร่วมกันและหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จังหวัดกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายกล่าวทิ้งท้ายว่า “ภายใต้การจัดงานและการใช้งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายของเรา” สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการทำงานเพื่อประชาชน

ภาพอนาคตของเชียงราย

การเปิดตัวมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 พร้อมกับการจัดสภากาแฟครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จึงเป็นมากกว่าการจัดงานเทศกาล แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนจังหวัดไปสู่เป้าหมายในระยะยาว

ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เชียงรายอาจกลายเป็นต้นแบบของเมืองที่สามารถผสานการท่องเที่ยว วัฒนธรรม ศิลปะ และการบริหารจัดการภัยพิบัติเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยใช้อัตลักษณ์ของตัวเองเป็นจุดแข็งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ นักลงทุน และผู้ประกอบการจากทั่วโลก

การเป็น “MICE City” จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัด เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อประชุมหรือสัมมนามักมีกำลังซื้อสูงและใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป อีกทั้งยังช่วยกระจายนักท่องเที่ยวให้มาตลอดทั้งปี ไม่เฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

ในขณะเดียวกัน การเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนว่า เชียงรายเป็นเมืองที่มีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ และสามารถดูแลความปลอดภัยของผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ภายใต้แนวคิด “สายนธีแห่งศรัทธา ธ สถิตในใจตราบนิจนิรันดร์” จึงเป็นมากกว่าเทศกาลดอกไม้ธรรมดา แต่เป็นการร้อยเรื่องราวของความท้าทายและความหวังของจังหวัดเชียงรายเข้าด้วยกัน ผ่านสี่ฤดูกาลที่สะท้อนถึงวัฏจักรของชีวิต ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความเข้มแข็งของผู้คนที่พร้อมจะลุกขึ้นยืนและเดินหน้าต่อไปแม้จะเผชิญกับความยากลำบาก

การกระจายงานไปยัง 3 โซนหลัก ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย และอำเภอแม่สาย ไม่เพียงช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าทุกพื้นที่ในจังหวัดมีความสำคัญและมีศักยภาพในการพัฒนาเท่าเทียมกัน

ในขณะที่จังหวัดกำลังมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น “MICE City” และเสริมสร้างสถานะ “City of Design” เชียงรายก็ไม่ได้ลืมที่จะเตรียมรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการมองการณ์ไกลและความรับผิดชอบต่อประชาชนของผู้บริหาร

การจัดเวทีสภากาแฟในรูปแบบ Dinner Talk ที่ผสานบรรยากาศที่เป็นกันเองเข้ากับการหารือเรื่องการพัฒนาจังหวัดอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นถึงศิลปะการบริหารงานที่สามารถสร้างสรรค์พื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ติดตามข่าวเชิงนโยบายและการพัฒนาเมือง การจับตาดูว่าหลังม่านดอกไม้ จังหวัดเชียงรายจะสามารถแปลงบทสนทนาจากเวทีสภากาแฟและฉากอันงดงามในสวนไม้งามริมน้ำกก ให้กลายเป็นมาตรการเชิงรูปธรรมด้านการท่องเที่ยว การจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นได้มากน้อยเพียงใด จะเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไปในปี 2569 และปีต่อๆ ไป

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียงเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • ภาพโดย : กีรติ ชุติชัย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย
  • อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
  • สถาบันทรัพยากรสารสนเทศน้ำแห่งชาติ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเดินหน้าจัด ‘มหกรรมไม้ดอก 2025’ ปรับรูปแบบ ลดมหรสพ เน้นนิทรรศการน้อมรำลึก

จุดสมดุลเศรษฐกิจ-ความรู้สึก เชียงรายชวนนักท่องเที่ยวแต่ง ‘โทนสุภาพ’ ร่วมงานไม้ดอก

เชียงราย,28 ตุลาคม 2568 – ที่ห้องประชุมธรรมรับอรุณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย การประชุมราชการ (Morning Brief) ครั้งที่ 8/2568 มีวาระพิเศษที่ไม่ใช่แค่การติดตามผลการทำงานประจำเดือนเหมือนเช่นเคยอีกต่อไป หากแต่เป็นการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางเชิงภาพรวมของจังหวัดในห้วงเวลาที่ทั่วประเทศกำลังอยู่ในความโศกเศร้าหลังจากสำนักพระราชวังประกาศข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทั่วทั้งแผ่นดินต่างแสดงความอาลัยอย่างสุดหัวใจ

การประชุมครั้งนี้นำโดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อาทิ นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย และนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด เพื่อหารือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนต่อเนื่อง

หัวข้อสำคัญที่สุดของการประชุมครั้งนี้ คือทิศทางการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025”

เดินหน้าตามกำหนดการเดิม แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมอีกต่อไป

หลังการประชุม นางอทิตาธรยืนยันอย่างชัดเจนว่า อบจ.เชียงรายจะยังคงจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ตามกำหนดการที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือ

  • พื้นที่หลัก “สวนไม้งามริมน้ำกก” อำเภอเมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569
  • พื้นที่ขยายในอำเภอ ได้แก่ สวนสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569

หมายความว่า จังหวัดยังคงมุ่งหวังให้ช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีใหม่เป็นระยะเวลาที่เชียงรายจะดึงดูดการท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่นิยมเดินทางขึ้นเหนือในฤดูหนาว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจวัฒนธรรมล้านนา ธรรมชาติ และอากาศเย็น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ “จะจัดหรือไม่จัด” แต่อยู่ที่ “จะจัดอย่างไร”

นางอทิตาธรระบุชัดว่า การจัดงานปีนี้ “จะต้องมีการปรับให้เหมาะสม” เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความอาลัยจากการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยย้ำว่าการจัดงานต้องดำเนินไป “ภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางกลางของรัฐบาล” ที่ระบุให้ส่วนราชการและหน่วยงานท้องถิ่นระมัดระวังกิจกรรมที่อาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมหรือเกินความกาลเทศะ

เธอกล่าวในที่ประชุมว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ต้องสะท้อนทั้ง “ความจงรักภักดี” และ “ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้” ของพสกนิกรชาวเชียงรายและประชาชนชาวไทย

เมื่อแปลออกมาในเชิงปฏิบัติ รูปแบบของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จะถูกปรับใน 3 มิติใหญ่ คือ

  1. ลดกิจกรรมรื่นเริง
    กิจกรรมที่มีลักษณะเป็นความบันเทิง เช่น การแสดงมหรสพคึกคัก การแสดงคอนเสิร์ตเชิงบันเทิง หรือกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานเป็นหลัก จะถูกลดระดับหรือปรับโทน ไม่ใช่เพียงเพราะความเหมาะสมทางสังคม แต่เพื่อส่งสัญญาณถึงความเคารพและความอาลัยในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นการแสดงจิตวิญญาณร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ
  2. เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และจารีตท้องถิ่น
    อบจ.เชียงรายกำหนดให้งานในปีนี้เน้นการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับที่สะท้อนความอ่อนช้อย งดงาม และอัตลักษณ์ของเชียงราย เช่น ไม้ดอกฤดูหนาว ไม้ประดับหายาก การจัดสวนนิทรรศการเชิงศิลป์ และการออกแบบภูมิทัศน์ที่ใช้ดอกไม้เป็น “ภาษาทางความรู้สึก” มากกว่าจะเป็นเพียงฉากสำหรับท่องเที่ยวเช็คอิน
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดอกไม้ในปีนี้จะไม่ใช่เพียง “สีสันของงาน” แต่น่าจะถูกตีความให้เป็น “สัญลักษณ์ของการรำลึกถึง” และ “การถวายความเคารพ”
  3. จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึก
    จะมีการจัดนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมุ่งสะท้อนพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรมและหัตถกรรมพื้นถิ่น ตลอดจนพระราชดำริในการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตของราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

ประเด็นนี้มีนัยสำคัญในทางสัญลักษณ์อย่างยิ่ง เพราะสมเด็จพระพันปีหลวงทรงได้รับการยกย่องมาโดยตลอดในฐานะ “แม่ของแผ่นดิน” ผู้ทรงมีบทบาทโดดเด่นในการผลักดันงานหัตถศิลป์ ผ้าไทย งานจักสาน งานทอมือ และงานอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย — ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของอัตลักษณ์ภาคเหนือรวมถึงเชียงราย การนำแนวทาง “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” มาเป็นแกนของงานมหกรรมไม้ดอกในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การแสดงความอาลัยเชิงพิธีเท่านั้น แต่เป็นการวางบทบาทของเชียงรายในฐานะเมืองที่เข้าใจคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม และพร้อมถ่ายทอดต่อสาธารณะ

เชียงรายต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เชียงรายก็ต้องเป็นจังหวัดที่ “รู้กาลเทศะ”

อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดอย่างชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ของ อบจ.เชียงราย คือการ “ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว” โดยเชิญชวนให้ผู้มาเยือนร่วมแต่งกายด้วยโทนสีไว้ทุกข์หรือสีสุภาพตลอดช่วงการจัดงาน

คำขอนี้สะท้อนความพยายามของจังหวัดในการสร้างบรรยากาศร่วมไว้อาลัยในพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่เพียงผ่านพิธีการหรือคำกล่าวเปิดงาน แต่ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการยกระดับงานท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่แสดงความเคารพร่วมกันในฐานะ “สาธารณะทางความรู้สึก”

การขอความร่วมมือด้านการแต่งกายแบบนี้ มักจะปรากฏในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญเหตุการณ์สำคัญระดับสถาบัน ซึ่งสะท้อนว่านโยบายของจังหวัดในครั้งนี้ไม่ได้มองงานไม้ดอกเป็นเพียงอีเวนต์เชิงเศรษฐกิจ แต่ยกระดับไปสู่พื้นที่เชิงสังคมและจิตใจร่วม

ในอีกด้านหนึ่ง การเดินหน้าจัดงานตามกำหนดการเดิมในช่วงวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ก็มีความหมายเชิงเศรษฐกิจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เดือนธันวาคมถึงต้นมกราคมเป็นช่วงที่เชียงรายมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดของปี อากาศเย็นเป็นแม่เหล็กตามธรรมชาติ ขณะที่สีสันทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณีล้านนา อาหารพื้นถิ่น และภูมิทัศน์ริมน้ำกก ล้วนเป็นจุดขายของจังหวัดมาอย่างยาวนาน งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนในอดีตมักถูกใช้เป็น “เวทีหลัก” ในการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ทั้งผู้ประกอบการที่พัก โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านงานหัตถกรรม ตลอดจนเครือข่ายเกษตรกรไม้ดอกไม้ประดับ

กล่าวอีกมุมหนึ่ง งานนี้ไม่ใช่เพียงงานที่จัดเพื่อความสวยงาม แต่เป็น “จุดกระจายเม็ดเงินปลายปี” ของจังหวัดเชียงราย

การตัดสินใจ “เดินหน้าจัด – แต่ลดความรื่นเริง และเพิ่มความสงบสำรวม” จึงเป็นจุดสมดุลที่สะท้อนแนวทางของฝ่ายบริหารท้องถิ่น จังหวัดยังต้องขยับเศรษฐกิจและดูแลความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยบรรยากาศแห่งความโศกอาลัยระดับชาติ

ในที่ประชุม นางอทิตาธรยังย้ำประเด็นเรื่อง “การบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” พร้อมมอบหมายให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งด้านการจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย การดูแลสภาพแวดล้อมจราจร และการบริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่จัดงานทั้งสามจุดคือ ริมน้ำกก หนองหลวง เวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค แม่สาย ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวชายแดนสำคัญ

ถ้อยคำลักษณะนี้ชวนให้สังเกตว่า งานมหกรรมไม้ดอกฯ ไม่ใช่การจัดโดยหน่วยงานเดียว แต่เป็นงานที่ต้องใช้พลังของทั้งจังหวัด ทั้งหน่วยงานวัฒนธรรม เกษตรและสหกรณ์ การท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยความมั่นคง ตำรวจ ท้องถิ่นอำเภอ รวมถึงชุมชนเจ้าของพื้นที่ร่วมกันดูแลภาพลักษณ์ของจังหวัดต่อสายตาคนทั้งประเทศ

มิติเชิงวัฒนธรรม ดอกไม้ในปีแห่งการอาลัย

หากมองเชิงสัญลักษณ์ การจัดงานดอกไม้ภายใต้บรรยากาศความอาลัย ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย ดอกไม้ถูกใช้เสมอในวัฒนธรรมไทยเพื่อแสดงความเคารพ ความระลึก และพระเกียรติคุณ โดยเฉพาะดอกไม้สีขาว สีอ่อนโทนสุภาพ หรือไม้ดอกที่จัดเป็นลวดลายเชิงสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์

เมื่อ อบจ.เชียงรายประกาศว่าจะ “เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” นั่นหมายความว่างานปีนี้อาจไม่ใช่เพียงการประกวดความสวยงามของไม้ดอก หากแต่อาจเป็นพื้นที่เล่าเรื่องความผูกพันระหว่างเชียงรายกับสถาบันฯ ผ่านการตีความด้วยสื่อที่อ่อนโยน เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้สำหรับทุกเพศทุกวัย

ทิศทางเช่นนี้ยังสอดคล้องกับบทบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงในประวัติศาสตร์สังคมไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจด้านศิลปหัตถกรรมชนเผ่าและกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ ทั้งงานผ้า การทอ การปัก การอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนบนพื้นที่สูง ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับจังหวัดในพื้นที่ล้านนา รวมทั้งเชียงรายด้วย การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติภายในงานจึงอาจเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นบทบาทเหล่านี้ชัดเจนขึ้น

กล่าวในเชิงเนื้อหา งานไม้ดอกฯ ปีนี้อาจกลายเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนรุ่นพ่อแม่และรุ่นลูกมายืนอยู่ในภาพเดียวกัน—ภาพที่ไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวย ๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่เป็นภาพของการเรียนรู้ร่วมกันว่า ความผูกพันของ “ชาติ-สถาบัน-ท้องถิ่น” มีมิติที่ลึกกว่าในเชิงอารมณ์

การบริหารจังหวัดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ผู้บริหาร อบจ.เชียงราย พูดถึง “ความโปร่งใส” และ “การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ” ในการประชุม Morning Brief ครั้งที่ 8/2568 จุดนี้สะท้อนมุมมองการทำงานเชิงรุกด้านธรรมาภิบาลท้องถิ่น เพราะโดยปกติ งานท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปลายปีมักถูกจับตาในสองเรื่องเสมอ คือค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมพื้นที่ (ตกแต่งภูมิทัศน์ ระบบแสง-เสียง การบริหารเวทีกิจกรรม โครงสร้างชั่วคราว) และความคุ้มค่าต่อประชาชนในพื้นที่

การย้ำเรื่อง “งบประมาณต้องโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” จึงเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่า อบจ.จะวางตัวเองในฐานะองค์กรที่พร้อมถูกตรวจสอบในสายตาสังคม โดยเฉพาะในโครงการสาธารณะที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงและอยู่ในความสนใจของสื่อและประชาชนทั้งในจังหวัดและนอกจังหวัด

การวางน้ำเสียงเช่นนี้ยังสะท้อนการทำงานเชิงป้องกันความเสี่ยงทางสังคมเช่นกัน เพราะในยุคปัจจุบัน โครงการของหน่วยงานท้องถิ่นสามารถถูกตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ผ่านโซเชียลมีเดีย หากกระบวนการใช้งบประมาณไม่ชัดเจน ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งคำถามเชิงศรัทธาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น

งานดอกไม้ที่ไม่ใช่แค่งานดอกไม้

“มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” จึงไม่ใช่แค่งานท่องเที่ยวประจำฤดูหนาวของจังหวัดเชียงรายอีกต่อไป หากแต่มันกำลังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เชิงสาธารณะของความทรงจำร่วมและความอาลัย ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกทางเศรษฐกิจในปลายปีที่ถูกคาดหวังว่าจะกระจายรายได้สู่คนในจังหวัด

ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งประเทศกำลังแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การจัดงานในบรรยากาศที่สำรวมขึ้น ลดความเป็น “มหรสพ” เพิ่มความเป็น “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและศิลปวัฒนธรรม” อาจเป็นแบบจำลองใหม่ของการจัดงานสาธารณะในระดับจังหวัด ว่าจะสามารถผสานเศรษฐกิจ-วัฒนธรรม-ความรู้สึกร่วมของสังคมได้อย่างไรในเวลาเดียวกัน

ในทางปฏิบัติ การเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้แต่งกายโทนไว้ทุกข์ คือการส่งสารเชิงสังคมว่า ทุกคนที่มาเยือนเชียงรายในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียง “นักท่องเที่ยว” แต่เป็น “ผู้ร่วมยืนในช่วงเวลาเดียวกันของประวัติศาสตร์ร่วมชาติ”

และในทางการบริหาร นี่คือบททดสอบสำคัญของ อบจ.เชียงราย ว่าจะสามารถเดินเชือกเส้นบาง ๆ ระหว่าง “การรักษาความรู้สึกของคนทั้งประเทศ” กับ “การรักษาความยืนยาวของเศรษฐกิจท้องถิ่น” ไปจนจบงานได้อย่างไร

เพราะเมื่อม่านดอกไม้ปิดลงในวันที่ 7 มกราคม 2569 สิ่งที่จังหวัดเชียงรายจะเหลืออยู่ไม่ใช่แค่ภาพถ่ายสวนดอกไม้ยามรุ่งสางริมแม่น้ำกก แต่คือคำตอบว่า เชียงรายสามารถเป็นต้นแบบการจัดงานท้องถิ่นในยามที่ทั้งประเทศกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ร่วมได้หรือไม่ และคำตอบนั้น ไม่ได้สำคัญเฉพาะกับเชียงรายเท่านั้น แต่อาจกลายเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่น ๆ ของไทยในอนาคตด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News