Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงราย เริ่มสมรสเท่าเทียมไทย มอบสิทธิเท่าเทียมทุกอัตลักษณ์ทางเพศ

กฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มบังคับใช้ คู่รักทั่วไทยร่วมจดทะเบียนวันแรก

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 นับเป็นวันที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เปิดโอกาสให้บุคคลทุกอัตลักษณ์ทางเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมายไทย

จุดเริ่มต้นของวันสำคัญ

กฎหมายสมรสเท่าเทียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกันยายน 2567 และมีผลบังคับใช้ในวันนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งปรับแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนถ้อยคำในเอกสารราชการจาก “ชาย-หญิง” เป็น “บุคคล” และ “สามี-ภริยา” เป็น “คู่สมรส”

กิจกรรมวันแรกของกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มต้นที่ ที่ว่าการอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ซึ่งคู่รักคู่แรกได้ทำการจดทะเบียนสมรสต่อหน้านายบดินทร์ เทียมภักดี นายอำเภอเวียงชัย และเจ้าหน้าที่งานทะเบียน โดยมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความยินดี

Kick Off การจดทะเบียนสมรสทั่วประเทศ

นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย เปิดเผยว่า การจดทะเบียนสมรสวันแรกนี้จัดขึ้นในที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 แห่งทั่วประเทศ สำนักงานเขต 50 เขตในกรุงเทพมหานคร และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ โดยกิจกรรมเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่น ๆ เช่น ที่กรุงเทพฯ มีคู่รักกว่า 300 คู่ร่วมจดทะเบียนสมรส

สิทธิและประโยชน์จากสมรสเท่าเทียม

กฎหมายสมรสเท่าเทียมมอบสิทธิเสมือนคู่สมรสที่เป็นชาย-หญิง เช่น

  • การจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส
  • สิทธิในการหย่าและการดูแลบุตร
  • การให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาล
  • สิทธิได้รับสวัสดิการจากรัฐ
  • การอุปการะบุตรบุญธรรม

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเท่าเทียมในสังคมไทย แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติว่าเป็นประเทศที่เคารพในสิทธิมนุษยชน

เส้นทางสู่กฎหมายสมรสเท่าเทียม

การต่อสู้เพื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มต้นมานานกว่าทศวรรษ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบในวาระที่หนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรในเดือนธันวาคม 2566 และผ่านวุฒิสภาในเดือนมิถุนายน 2567 ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา

การเตรียมตัวจดทะเบียนสมรส

ผู้ที่ประสงค์จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมต้องเตรียมเอกสาร ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือรับรองโสด (กรณีสมรสกับชาวต่างชาติ) ใบหย่าตัวจริง (กรณีเคยจดทะเบียนสมรส) และพยาน 2 คน พร้อมบัตรประชาชน

ผลกระทบและความสำคัญ

การเปิดให้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความเท่าเทียมและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับคู่สมรสในด้านสิทธิกฎหมายและสวัสดิการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS UPDATE

“สมรสเท่าเทียมไทย จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 4 ล้านคน”

ไทยพร้อมรับกฎหมายสมรสเท่าเทียม คาดดึงดูดนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดของแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว Agoda (อโกด้า) ซึ่งประเมินถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกัน โดยกฎหมายดังกล่าวมีกำหนดเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่รับรองกฎหมายดังกล่าว และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันและเนปาล

ดึงดูดนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี

จากการประเมินของ Agoda คาดการณ์ว่าการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคนต่อปี หรือราว 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 69,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 2 ปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้

กระจายรายได้ทั่วทุกภาคส่วน

รายได้จากการท่องเที่ยวดังกล่าวจะกระจายไปยังหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย อาทิ การจองที่พัก การบริการอาหารและเครื่องดื่ม การจับจ่ายซื้อสินค้า และการเดินทางภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว

สร้างงานกว่า 152,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังส่งผลดีต่อการสร้างงาน โดยคาดว่าจะสามารถสนับสนุนการจ้างงานเพิ่มอีก 152,000 ตำแหน่ง โดยในจำนวนนี้ 76,000 ตำแหน่ง จะเกิดขึ้นโดยตรงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอีก 76,000 ตำแหน่ง จะกระจายไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ยังคาดว่าผลเชิงบวกจากกฎหมายดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยเพิ่มขึ้น 0.3%

ดันไทยสู่เจ้าภาพ WORLD PRIDE 2030

รัฐบาลไทยยังตั้งเป้าหมายในการเสริมสร้างยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน “WORLD PRIDE 2030” ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศระดับโลก โดยมีตัวอย่างจากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่เป็นเจ้าภาพในปี 2023 สามารถสร้างรายได้สูงถึง 185.6 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท

สนับสนุนความหลากหลาย เสริมเศรษฐกิจไทย

“รัฐบาลพร้อมสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ รวมถึงเสริมภาพลักษณ์ความเปิดกว้างของประเทศไทยในเวทีโลก” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

เดินหน้าสู่อนาคตที่เท่าเทียม

การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แต่ยังถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ไทยกำลังเดินหน้าสู่อนาคตที่เท่าเทียมและเปิดกว้าง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Agoda (อโกด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News