Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” นำทีมวัฒนธรรมเชียงราย ร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

 

ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

 

การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

 

การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

 

บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

**สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567: ส่งเสริมความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน**

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

**ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”**

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

**การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG**

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

**การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส**

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

**บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน**

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS UPDATE

นายกรัฐมนตรี ร่วมงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566”

 

วันนี้ (6 กันยายน 2566) เวลา 11.45 น. ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมงานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) รวมพลังคนไทยต่อต้านคอร์รัปชัน โดยมีนายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เครือข่ายองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเข้าร่วม โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านคอรัปชันร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกองค์กรทุกภาคส่วน
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การปราบปรามการทุจริตและเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของรัฐบาล และเป็น “หน้าที่” ของหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องสนับสนุน และปฏิบัติตาม อย่างไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เป็นอันดับที่ 101 ของโลก ในด้านของดัชนีการรับรู้การทุจริต เป็นอันดับ 4 ของอาเซียน ตามหลังสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากที่จะทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อภาครัฐแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เศรษกิจไทยถดถอย และมีผลต่อเนื่องไปสู่ปัญหาการขับเคลื่อน GDP ของประเทศอีกด้วย เพื่อที่จะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไป ทางรัฐบาลมีนโยบาย ทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็ง และนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในกระบวนการต่าง ๆ ของภาครัฐ ทำให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะช่วยพี่น้องประชาชนได้ทั้งความโปร่งใส และการให้บริการภาครัฐที่เร็วยิ่งขึ้น ใช้หลักนิติธรรมที่มั่นคงแข็งแรงมาจากระบบการเขียนกฎหมาย และการออกกฎหมายที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อช่วยกันกำหนดทิศทางและอนาคตของตัวเองและของประเทศ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดกระบวนการและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เปลี่ยน “รัฐอุปสรรค” ให้เป็น “รัฐสนับสนุน” และป้องกันการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินสินบนจากประชาชน
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นอกจากกฎหมายที่เข้มแข็งแล้ว รัฐบาลของเราจะให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและการลงโทษที่เฉียบขาดและครอบคลุม เจ้าหน้าที่รัฐในหลาย ๆ ตำแหน่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และในระดับสูงจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใส และเปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบการมีกฎหมายที่เข้มแข็ง เน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก  และการบังคับใช้กฎหมายที่โปร่งใส ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้นี้จะส่งเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานของสังคมที่เคารพในกฎหมายร่วมกัน และขจัดการคอร์รัปชันให้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งนอกจากนิติธรรมที่มั่นคงแข็งแรงแล้ว เราจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อช่วยให้เราสามารถเกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ ตัวอย่าง นโยบายที่จะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้คือ
 
1) ใช้ระบบการจ่ายเงินภาครัฐผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เงินสด
2) เปิดให้ขอใบอนุญาตและการติดต่อราชการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และทำให้ขอได้โดย “ง่าย” เป็น One-stop service (พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565) 
3) ปรับปรุงระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้ทันสมัยและโปร่งใส เพื่อป้องกันการทุจริต และเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบได้ตามแนวทาง Open Government
4) ปรับเปลี่ยนการบริหารประเทศของรัฐบาลให้เป็น Digital Government และปรับใช้เทคโนโลยีสำหรับระบบการอนุมัติ การอนุญาต การควบคุมตรวจสอบ เพื่อให้มีความโปร่งใส และลดการต้องใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้ติดต่อกับประชาชน
 
นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าภายใต้การทำงานของรัฐบาล ปัญหาการคอร์รัปชันจะลดลง ความโปร่งใสและเป็นธรรมจะเพิ่มมากขึ้น และตามมาด้วยความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากประชาชนและนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบที่ดีต่อเศรษกิจของประเทศต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับข้อเสนอจากนายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จำนวน 5 ข้อ ดังนี้
1. กำหนดให้การปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนทุกภาคส่วน
มีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน พร้อมมี War Room เพื่อการทำงานอย่างทันเหตุการณ์
2. สนับสนุนให้ ป.ป.ช. สตง. และ ป.ป.ท. ทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ เป็นกลาง มีเอกภาพออกจากรัฐบาล
3. เร่งรัดการออกกฎหมายต่อต้านคอร์รัปชันที่ค้างคาอยู่ เช่น กฎหมายข้อมูลสาธารณะในความครอบครองของรัฐ กฎหมายปกป้องผู้เปิดโปงคอร์รัปชัน หรือกฎหมายป้องกันการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นต้น
4. ทุกหน่วยงานต้องพร้อมเปิดเผยข้อมูล นับจาก TOR ไปจนถึงสัญญาต่าง ๆ ในรูปแบบที่สามารถเชื่อมโยงกับ ACT Ai ตามมาตรฐานสากลได้อย่างโปร่งใสและถูกต้อง
5. แก้ไขกฎระเบียบราชการต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลปัญหาคอร์รัปชัน และเมื่อพบกรณีทุจริตคอร์รัปชัน ให้ติดตามแก้ไขลงโทษในทันที อย่าประวิงเวลาจนประชาชนลืม นอกจากนี้ ยังมีการตั้งวอร์รูมแก้ปัญหาเชิงรุก ปลุกพลังคนไทยร่วมตรวจสอบโครงการเสี่ยงทุจริตคอร์รัปชัน ด้วยเว็บไซต์ “ACT Ai” “แค่สงสัยก็เสิร์ชเลย” องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566”

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News