Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายน้อมรำลึก “แม่ฟ้าหลวง” จัดพิธีทานหา สืบสานพระราชปณิธานยั่งยืน

ณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงศูนย์รวมดวงใจแห่งการรำลึกและสืบสานพระราชปณิธาน

เชียงราย, 18 กรกฎาคม 2568 – เชียงรายน้อมรำลึก “แม่ฟ้าหลวง” จัดพิธีทานหา แสดงความกตัญญูในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ บรรยากาศที่อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) อำเภอเมืองเชียงราย เต็มไปด้วยความสงบและความศรัทธา เมื่อคณะผู้บริหารจังหวัดเชียงราย นำโดย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, ข้าราชการ, ทหาร, ตำรวจ, นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ, ผู้บริหารสถานศึกษา, ผู้นำชุมชน, และประชาชนหลากหลายชาติพันธุ์ มาร่วมพิธี “ทานหาแม่ฟ้าหลวง” เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “แม่ฟ้าหลวง” ของชาวไทยภูเขา

พระราชกรณียกิจจากวิสัยทัศน์สู่ต้นแบบการพัฒนาโลก

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะพื้นที่สูงในจังหวัดเชียงราย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของปัญหายาเสพติด ความยากจน และการทำลายป่า

ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเห็นว่าการ “ให้โอกาส” สำคัญกว่าการลงโทษ พระราชดำรัส “คนดีไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี แต่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีทางเลือก” กลายเป็นปรัชญาสำคัญของโครงการพัฒนาดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มุ่งเน้นการให้ทางเลือกอาชีพและความมั่นคงในชีวิตแก่ชาวบ้าน โดยเชื่อว่าหากมีอาชีพและสุขภาพที่ดี ก็จะหลุดพ้นจากวงจรความยากจนและความไม่รู้

จุดเปลี่ยนแห่งดอยตุงจาก “สามเหลี่ยมทองคำ” สู่ต้นแบบความยั่งยืน

เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ถึงดอยตุงในปี 2530 พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอย่างหนัก ชุมชนหลากหลายชาติพันธุ์กว่า 29 หมู่บ้านขาดโอกาสทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม พระองค์ทรงมีพระราชดำริ “ตกลงจะมาสร้างบ้านที่นี่ แต่ถ้าไม่มีโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ฉันก็จะไม่มา” สะท้อนพระราชหฤทัยแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่แห่งนี้ให้เป็น “บ้าน” ที่มีทั้งป่าและผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

โครงการพัฒนาดอยตุงแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ:

  • ระยะ “อยู่รอด” สนองความต้องการพื้นฐาน
  • ระยะ “พอเพียง” ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและยกระดับอาชีพ
  • ระยะ “ยั่งยืน” มุ่งสร้างชุมชนที่บริหารจัดการตนเองได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 30 ปีคือป่าไม้ดอยตุงขยายจาก 28% เป็น 77% (หรือ 87% ในบางช่วงเวลา) พื้นที่ที่เคยปลูกฝิ่นกลายเป็นพื้นที่เกษตร วิสาหกิจชุมชน และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า เร็วกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึง 3 เท่า จนยูเอ็นและ UNODC ยอมรับให้ “ดอยตุงโมเดล” เป็นแบบอย่างของโลกในการแก้ปัญหายาเสพติดและพัฒนาชนบทแบบครบวงจร

สะท้อนรากเหง้าความกตัญญูและพลังศรัทธาชุมชน

พิธีทานหาในวันนี้ถือเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกร โดยเฉพาะชาวไทยภูเขา ซึ่งต่างยกย่องพระองค์ว่า “แม่ฟ้าหลวง” หรือ “แม่ของแผ่นดิน” ไม่เพียงเพราะพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์ เช่น การจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสา (พอ.สว.) เพื่อดูแลผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบุกเบิกโครงการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด (บ้านผาหมี) การพัฒนาอาชีพ สร้างโรงเรียน สร้างสาธารณูปโภค และก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ของภาคเหนือ

ในพิธีทานหา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคารพและความกตัญญูยิ่งยวด เมื่อคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา และอาจารย์นคร พงษ์น้อย ได้นำถวายเครื่องราชสักการะ ณ พระราชานุสาวรีย์ ท่ามกลางการร่วมแรงร่วมใจของข้าราชการ ผู้นำชุมชน และเยาวชนรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นว่าสายใยแห่งความผูกพันระหว่าง “แม่ฟ้าหลวง” กับประชาชนยังคงเหนียวแน่น ไม่เสื่อมคลาย

พระราชมรดกที่ยังคงขับเคลื่อนสังคมและชุมชน

นอกเหนือจากโครงการพัฒนาดอยตุง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังมีพระราชกรณียกิจมากมายในเชียงราย ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี หรือแม้แต่การริเริ่มโครงการต้นแบบด้านการจัดการขยะเป็นศูนย์ ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนา (อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง) และผลักดันผลิตภัณฑ์ “ดอยตุง” สู่ตลาดโลก

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังคงดำเนินการสืบสานพระราชปณิธาน ส่งเสริมโมเดล “ธุรกิจที่ทำให้โลกดีขึ้น” ขยายผลสู่การพัฒนาชุมชนในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้หลักการ “มหาวิทยาลัยที่มีชีวิต” และ “ชุมชนต้องช่วยเหลือตัวเองได้”

พระราชมรดกเพื่ออนาคตและแรงบันดาลใจสำหรับการพัฒนา

ปรัชญา “ช่วยชาวบ้านให้ช่วยตัวเอง” ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงวางรากฐานไว้ กลายเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูป่าไม้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างองค์รวม หรือการสร้างโอกาสทางการศึกษาและเศรษฐกิจ “ดอยตุงโมเดล” ไม่ได้หยุดอยู่แค่เชียงราย แต่ขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้านและกลายเป็นกรณีศึกษาของโลกในเวทีสหประชาชาติ

พระราชกรณียกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ “การปลูกป่า ปลูกคน” ไปจนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงให้กับชุมชน ตอกย้ำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องอาศัยการให้โอกาส มองเห็นคุณค่าและศักยภาพในตัวคน เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

พิธีทานหาแม่ฟ้าหลวงในวันนี้ คือการยืนยันถึงพระราชมรดกอันทรงคุณค่าของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชน ผู้บริหาร นักพัฒนา และประชาชนทุกหมู่เหล่า ตราบจนวันนี้และตลอดไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง
  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • รายงานสรุปโครงการพัฒนาดอยตุงฯ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ส่องแสงเจิดจ้า สร้างสีสันเมืองเชียงราย

เชียงรายผนึกกำลังทุกภาคส่วน กระตุ้นการท่องเที่ยว ต้อนรับฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่

เชียงราย 11 พฤศจิกายน 2567 – นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเพื่อวางแผนฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เน้นย้ำความร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ในการประชุมดังกล่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงรายให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ จังหวัดเชียงรายได้เตรียมกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาเยือน

ผสมผสานทุกองค์ประกอบ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง

จังหวัดเชียงรายมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยผสมผสานกิจกรรมทางด้านกีฬา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การชิมอาหารพื้นเมือง และการสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

เซ็นทรัล เชียงราย จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ต้อนรับนักท่องเที่ยว

เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองท่องเที่ยว ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ขึ้น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สูง 15 เมตร ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Chiang Rai The Sense of Art” ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของดินแดนแห่งศิลปะและดอกไม้ของจังหวัดเชียงราย ผ่านการนำดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ มาประดับตกแต่งบนต้นคริสต์มาส

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สัญลักษณ์แห่งความสร้างสรรค์และภูมิปัญญาชาวดอย

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” นับเป็นผลงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และชุมชน โดยใช้ผ้าพื้นเมืองและเครื่องประดับจากชนเผ่ามาประดับตกแต่ง ซึ่งเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ของชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างสรรค์แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน

กิจกรรมภายในงาน

  • ชม “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” และสัมผัสความสวยงามของศิลปะและดอกไม้
  • ช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรม จากชุมชนต่างๆ
  • ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อย
  • ร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การแสดงดนตรี การประกวด และเวิร์คช็อป

ช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีที่เชียงราย

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ที่นี่

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน

จังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองแห่งขุนเขาและวัฒนธรรมล้านนา พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แสนประทับใจ

พบกับพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก                     https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จย่า ณ ดอยตุง เชียงราย

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 น. ได้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ณ ท้องพระโรงในพระตำหนักดอยตุง ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้

“พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์” 

พิธีนี้จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงอุทิศพระวรกายและเวลาเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมิได้ทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยาก พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “พระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์” และ “พระมารดาแห่งการแพทย์ชนบท” นอกจากนี้ ยังทรงได้รับการขนานนามว่า “แม่ฟ้าหลวง” ของปวงชนชาวไทย

ในพิธีนี้ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา และหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล พร้อมด้วยนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รวมถึงผู้มีเกียรติ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประชาชน ได้เข้าร่วมพิธีด้วยจิตคารวะ

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

ภายในงาน พระราชวชิรคณี (ประเสริฐ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา ได้ทำหน้าที่เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมด้วยพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ (บุญมา มานิโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 และเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จำนวน 10 รูป ที่ได้ร่วมกันสวดพระพุทธมนต์ สดับปกรณ์ และอนุโมทนา เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ดำเนินการจัดพิธีในครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมและพัฒนาชนบทของไทย ในทุกภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมโครงการต่างๆ ในด้านการแพทย์ชนบทและการพัฒนาชุมชน ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของไทย ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงทำอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พระองค์ได้ก่อตั้งโครงการหลวงต่าง ๆ ซึ่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาพยาบาลและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร นอกจากนี้ ทรงส่งเสริมการศึกษาและสังคมสงเคราะห์ให้กับประชาชนในชนบท โดยไม่เคยทรงละเลยในการช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาส

เพื่อแสดงถึงความเคารพ

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ก็ได้เข้าร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศลครั้งนี้เช่นกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อแสดงถึงความเคารพและน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

พิธีบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการประพฤติตนตามแบบอย่างของพระองค์ ที่ทรงมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุด

โดยสรุปแล้ว

โดยสรุปแล้ว พิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการศึกษา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

“สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10” โฉมใหม่! เนรมิตดอกไม้แสนต้น กับแนวคิด “ดอกไม้ระบายดอย”

 

วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จัดพิธีเปิดงาน “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10” อย่างเป็นทางการแล้ว ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานมากมาย อาทิ พุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย วิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย ปวิณ ชำนิประศาสน์ และ ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ ศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนการตลาด สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคเหนือ 

 

ซึ่งบรรยากาศลมหนาวปลายปีกลับมาอีกครั้ง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ชวนสัมผัสความสุขกับธรรมชาติบริสุทธิ์บนดอยตุงกับงาน “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10” เทศกาลแห่งความสุขที่สูงที่สุดในประเทศไทย ปีนี้มาพร้อมกับสวนแม่ฟ้าหลวงโฉมใหม่ ตื่นตาตื่นใจกว่าทุกปีภายใต้แนวคิด “ดอกไม้ระบายดอย” เนรมิตดอกไม้ที่ชาวดอยตุงปลูกเองกว่า 100,000 ต้น ผสานภูมิทัศน์รูปแบบใหม่ โดยภูมิสถาปนิกชื่อดังระดับประเทศ พร้อมกาดชุมชนบนถนนคนเดินกว่า 80 ร้านมาให้ช็อปท้าลมหนาว ในระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2567 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย 

 

โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กระผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นทุกฝ่ายร่วมกันจัดงานสีสันแห่งดอยตุงขึ้นในครั้งนี้  ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นการสืบสานวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนไปสู่นักออกแบบรุ่นใหม่ อันจะเป็นการสร้างรายได้และความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ต่อไป

 

ในส่วนนายประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฏิบัติการธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ 
กล่าวถึงความพิเศษของการจัดงานในปีนี้ว่า งานสีสันแห่งดอยตุงจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนและสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ไฮไลต์ของปีนี้ คือ การปรับภูมิทัศน์ของสวนแม่ฟ้าหลวงโฉมใหม่ ที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชิญ ธัชพล สุนทราจารย์ ภูมิสถาปนิกชื่อดังระดับประเทศ มาออกแบบใหม่ เป็นทุ่งดอกไม้ไล่สีพาสเทล โดยใช้ดอกไม้เมืองหนาวกว่า 100,000 ต้นจากดอกไม้ 10 สายพันธุ์ อาทิ ดอกบลูซัลเวีย ดอกแวววิเชียร ดอกดาวกระจายโซนาต้า ดอกรองเท้านารี และดอกกล้วยไม้พันธุ์ฟาแลนนอปซิส เป็นต้น กลายเป็นอีกจุดถ่ายรูปเช็คอินแห่งใหม่ท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อม และเบื้องหลังดอกไม้อันสวยงาม คือ การจ้างงานเกษตรกรบนดอยตุงนับร้อยชีวิตที่ปลูก ฟูมฟัก และรังสรรค์สวนใหม่นี้ขึ้นมาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน

 

นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนผ่านงานหัตถกรรม อาหารพื้นถิ่น ไม้ดอกไม้ประดับ และการแสดงของเด็กรอบโครงการพัฒนาดอยตุงฯ แล้ว ยังมีกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวทุกคนในครอบครัวมากมาย อาทิ 

 

สายคาเฟ่ ห้ามพลาดมุมระเบียงดอย และ Slow Bar กลางสวนดอกไม้สำหรับดื่มด่ำกาแฟดริปสุดพิเศษเฉพาะงานสีสันแห่งดอยตุงครั้งนี้ พร้อมฟินกับไอศกรีมดอยตุง 3 ลายออกใหม่ ไอศกรีมดอกไม้ระบายดอย รสอัญชันน้ำผึ้งมะนาว ไอศกรีมน้องหมี่ก่า รสนมชมพู และไอศกรีมน้องโต รสชาไทย อร่อยท้าลมหนาว แถมนำไปถ่ายรูปกับสวนสวยได้อีก และฟินสุดกับของที่ระลึกงานสีสันแห่งดอยตุงครั้งที่ 10 ของที่ระลึกโปรเจกต์พิเศษระหว่าง DoiTung x WHITE HAT. ออกแบบโดย ชะเอม-ปัณรสี ศะศินิล นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ที่ถ่ายทอดดอกไม้ 7 สายพันธุ์ในสวนแม่ฟ้าหลวงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ อาทิ เสื้อยืด กระเป๋าผ้า สมุดกระดาษสา แก้วเซรามิก และกระเป๋าใส่เหรียญ 

 

ส่วนสายชิม เชิญอิ่มอร่อยกับอาหารเหนือและอาหารชนเผ่าสุดลำ ขนมพื้นบ้าน และเครื่องดื่มสูตรพิเศษ จากร้านค้าชุมชนกว่า 80 ร้าน อาทิ พิซซ่าหน้าหมูดำบาร์บีคิวเข้ากันดีกับซอสบาร์บีคิวเข้มข้น ซูชิดอย หมูย่างอาข่า และข้าวปุ๊กปิ้ง ขนมมงคลของชาวไทยใหญ่ ยำหัวบุกเส้นรสเจ็บ แซ่บสะเด็ดไปทั้งดอย แยมคราฟต์ช็อกโกแลต ชาดาวอินคา ชาอินทรีย์อู่หลง สูตรบำรุงหัวใจจากสวนชาออร์แกนิกดอยตุง และแฟนๆ อาหารครัวตำหนักไม่ควรพลาด ข้าวเหลืองดอกปุดอุ๊บเนื้อไก่ เมนูใหม่! ประยุกต์จากอาหารชาวไทใหญ่ จับคู่ข้าวสีเหลืองจากดอกปุด กินกับ อุ๊บไก่ หรือ ไก่อบกับพริกแกงสูตรเฉพาะของครัวตำหนัก เฟตตูชินีแกงฮังเลหมู ดอกไม้ มูสดอกอัญชัน และครัมเบิลแมคคาเดเมีย เสิร์ฟพร้อมตะลิงปลิง เป็นต้น 

 

สายช็อปพบกับร้านดอยตุง ไลฟ์สไตล์ นำเสนองานคราฟต์ชนเผ่าทรงคุณค่า ทั้งเสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ดีไซน์รวมสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ของชนเผ่าชาวดอยตุง พร้อมชมการแสดงเชิงวัฒนธรรมที่หาชมได้ยากของ 6 ชนเผ่าบนดอยตุง อาทิ ชาติพันธุ์นานาไหว้สาแม่ฟ้าหลวง กระทุ้งไม้ไผ่อาข่าประยุกต์ เมาธ์ออแกน เต้นจะคึ และนารีศรีชาติพันธุ์ เป็นต้น  

 

นอกจากนี้ยังเอาใจสายศิลปะและรักธรรมชาติกับการเวิร์กช็อป Tattoo ดอกไม้ดอยตุง เวิร์กช็อปยิงพรม เพ้นท์เซรามิก ฯลฯ สามารถนำกลับบ้านเป็นของฝากได้อีกด้วย และที่ขาดไม่ได้กับกิจกรรมรักษ์โลก CARBON NEUTRAL EVENT เทศกาลสีสันแห่งดอยตุงเป็นงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น “ศูนย์” เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในงานเน้นการใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ และทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระบอกไม้ไผ่ และใบตอง เป็นต้น

 

เชิญพบความสนุกแบบเต็มอิ่มในเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10 ในระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2567 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของเทศกาลสีสันแห่งดอยตุงครั้งที่10 ได้ที่ www.facebook.com/DoiTungClub หรือโทร 053-767-015-7

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 21 ต.ค. 66

 
วันนี้ (21 ต.ค. 66) เวลา 14.00 น. ดร.วิรไท สันติประภพ ประธานกรรมการบริหารและ เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 21 ตุลาคม 2566 ณ ท้องพระโรง พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมี พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายนคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการราชการจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระราชูปถัมภ์ ข้าราชการ ผู้พิพากษา ศาล ทหาร ตำรวจ ประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ณ ท้องพระโรง พระตำหนักดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
 
 
เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรไทย เป็นอนุสรณ์แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนนานัปการ พระราชทานพระเมตตาต่อชนทุกชั้นทุกวัย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างไกลทุรกันดาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียน สอดส่องดูแลด้วยพระองค์เองทุกหนแห่ง เพื่อทรงให้เขาพึ่งพาตนเองได้ บังเกิดความอบอุ่นใจว่าเขามิได้ถูกทอดทิ้ง พระองค์ทรงเป็นพระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ของประเทศไทยโดยแท้ ทรงปลูกป่าบนดอยตุง ฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพป่าธรรมชาติ โดยทรงประสานกับหลายหน่วยงาน สร้างสวนรุกขชาติบนดอยช้างมูบ ชุบชีวิตต้นไม้ ทรงคืนป่าให้กับดอยตุง อันเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของการระดมกำลังปลูกป่าทั่วประเทศ ทรงยกฐานะสภาพความเป็นอยู่ของผู้ยากไร้ โดยโครงการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และโครงการอื่นๆ เป็นที่ประจักษ์ทั่วทั้งแผ่นดิน พระตำหนักดอยตุง เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของพระองค์ท่าน เป็นพื้นที่ทรงงาน ที่ชาวบ้านเรียกว่าพระตำหนักสมเด็จย่า และขนานสมญานามพระองค์ว่า “แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย”
 
 
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 รวมสิริพระชนมายุ 94 พรรษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงพัฒนาด้านการแพทย์ พยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิถันยรักษ์ และโครงการพัฒนาดอยตุง เมื่อปี พ.ศ. 2531
 
 
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคม เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ วันพยาบาลแห่งชาติ วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ และวันรักต้นไม้แห่งชาติ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ชาวเชียงรายน้อมใจรำลึก 28 ปี สวรรคต “สมเด็จย่า”

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง อ.เมืองเชียงราย นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล กรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชน รวมทั้งตัวแทนชาวไทยภูเขา ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก แด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ซึ่งตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี และปีนี้ครบปีที่ 28

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำกล่าวประกาศสดุดี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หน้าพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้นข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนที่แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า และชุดล้านนา เข้าถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก ประกอบด้วย หมากเป็ง ต้นเทียน ต้นดอก ต้นผึ้ง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทย เสด็จสวรรคตที่โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชนมายุ 95 พรรษา สมเด็จย่าเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ใน พระชนกชู และ พระชนนีคำ พระนามเดิมคือ สังวาลย์ ตะละภัฏ ในวัยประมาณ 7-8 ขวบ ครอบครัวได้นำพระองค์ไปฝาก คุณจันทร์ แสงชูโต ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงในพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ทรงเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนสตรีวิทยา จากนั้นเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช หลังจากสำเร็จการศึกษา ระหว่างที่เรียนอยู่ปี 1 ได้ทรงพบกับ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ (พระบรมราชชนก) ซึ่งได้ทรงถูกพระทัย และขอพระราชทานพระราชานุญาตหมั้นกับ นางสาวสังวาลย์ จากนั้นทรงได้รับการคัดเลือกให้ไปทรงศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ทรงมีพิธีอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2463 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสา เดินทางไปรักษาผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ทรงตั้งมูลนิธิขาเทียมออกจัดทำขาเทียมให้ผู้พิการ
นอกจากนั้น ยังมีโครงการพัฒนาด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ โครงการเกษตรหลวงดอยตุง จังหวัดเชียงราย ต่อมาได้มีการกำหนดให้ วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันพยาบาลแห่งชาติ, วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ, วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ, วันรักต้นไม้แห่งชาติ และวันอาสาสมัครไทยอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News