Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คาดการณ์ บ้านป่าข่า อ.ขุนตาล จมน้ำอยู่อีกประมาณ 1 เดือน

 

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานฝูงบิน 466 กองทัพอากาศ จ.น่าน ไปที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่บ้านหนองบัว ม.5 ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย และบ้านหล่ายงาว ม.1 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย 


        โดยก่อนที่จะเดินทางลงพื้นที่ประสบภัย คณะของนายภูมิธรรม ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนจาก นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ห้องรับรองท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง หลังจากรับฟังรายงานแล้ว รองนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางด้วยรถยนต์ไปที่บ้านหนองบัว ม.5 ต.สันทรายงาม อ.เทิง และเดินทางต่อไปที่บ้านหล่ายงาว ม.1 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น เพื่อพบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย


สำหรับสถานการณ์น้ำที่จังหวัดเชียงราย ตอนนี้พื้นที่ทีมีปัญหาน้ำท่วมจะเป็นที่อำเภอขุนตาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รับมวลน้ำต่อจากอำเภอเทิง บวกกับมวลน้ำที่มาจากจังหวัดพะเยาไหลมาสมทบ จนทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำอิงล้นฝั่ง เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตรเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ 2 ตำบลคือตำบลต้าและตำบลป่าตาล ขณะทื่การให้ความช่วยเหลือนั้น จังหวัดเชียงรายระดมกำลังทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่  

โดยพื้นที่ บ้านป่าข่า ม.8 ต.ป่าตาล อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ประสบอุทกภัยจากน้ำอิงที่เอ่อท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร มีชาวบ้านเดือดร้อนกว่าครึ่งหมู่บ้าน วันนี้กองทัพบกได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน โดยนำเรือท้องแบนมาบรรทุกถุงยังชีพไปแจกจ่ายผู้ประสบอุทกภัย และตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อแจกจ่ายให้ผู้เดือดร้อน

นายสอน เทพสมบัติ ผู้ใหญ่บ้านบ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำก็ได้เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยได้ประสานขอหน่วยงานจากทหาร หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.35) นำเรือท้องแบนมาช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อส่งสิงของให้ชาวบ้านที่ยังจมน้ำ บางรายก็ออกมาได้ บ่งรายก็ออกมาไม่ได้ ตอนนี้ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาล ขอให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้ทางหมู่บ้านได้รับความลำบากมาที่สุด มีบ้านเรือนที่จมน้ำ และออกบ้านได้ประมาณ 70 หลังคาเรือน ซึ่งบ้านป่าข่าเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำอิงที่มีต้นน้ำมาจาก กว๊านพะเยา ซึ่งคาดว่าหมู่บ้านจะจมน้ำอยู่แบบนี้ไปอีกประมาณ 1 เดือน ทางชาวบ้านก็ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง งภาคเอกชนและราชการที่มาช่วยเหลือชาวบ้าน

พันตรี วัลลภ เสือโฮก หัวหน้าศูนย์บรรเทาสาธารณภัย พัฒนาสำนักงานพัฒนาภาค 3 กล่าวว่า ทางทหารหน่วยพัฒนา ได้มีการนำชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 2 ชุด เรือท้องแบน และรถครัวสนามเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยตั้งครัวพระราชทานอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอเทิง เพื่อสนับสนุนอาหารให้กับผู้ประสบภัย โดยได้ประสานงานกับผู้ใหญ้บานในการช่วยเหลือ นำอาหารไปส่งให้กับชาวบ้านและรับผู้ที่จะออกจากหมู่บ้านออกมา ในการเคลื่อนย้าย ปัจจุบันมีการ้องขอ 2 พื้นที่คือ บ้านป่าข่า และบ้านต้า อ.ขุนตาล ซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนได้รับการเดือดร้อน และยังมีเรือท้องแบบอีก 2 ลำที่จะเข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย / Poom Pakpoom Wilai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ภูมิธรรม ควง อนุทิน ลุยน้ำท่วมเชียงราย ไม่เจอตัวผู้ว่าฯ ไม่แน่ใจว่าติดภารกิจ

 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ทั้งนี้ นายภูมิธรรมและนายอนุทินพร้อมคณะได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ ณ ที่ว่าการอำเภอเทิง จากนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอเทิง เนื่องจากนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไม่อยู่ในพื้นที่ จากนั้นคณะรองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยที่สถานีขนส่งอำเภอเทิง

นายภูมิธรรมกล่าวว่า การลงพื้นครั้งนี้ เนื่องจากทางรัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพราะน้ำมาเร็วและแรง ซึ่งรับทราบว่าในพื้นที่มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 1 คน โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เองก็มีความห่วงใยประชาชน แต่ด้วยข้อกฎหมายที่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็ได้สั่งการให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนให้ช่วยดูแลพี่น้องประชาชนที่ลำบากอยู่ให้เร็วที่สุด ซึ่งก็น่าดีใจที่ตอนนี้น้ำหลากลดลง ด้วยปกติเชียงรายน้ำจะไหลลงแม่น้ำโขง แต่ขณะนี้ระดับแม่น้ำโขงสูงจึงมีน้ำรอระบาย จึงให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูแลประชาชน กระทรวงคมนาคมดูแลในส่วนว่ามีจุดใดกีดขวางทางน้ำหรือไม่ แต่ในภาพรวมแล้วสถานการณ์เบาบางลง เพียงแต่การระบายต้องใช้เวลา ฝากกับทางรองผู้ว่าฯไปด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ควรสรุปเป็นบทเรียน จะได้เตรียมการรองรับต่อไปเนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงมรสุม

“ตอนนี้ทางจังหวัดต้องเตรียมการทำงาน คุยกับรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านก็ได้สั่งการให้ทุกส่วนจัดตั้งศูนย์ดูแลเหตุการณ์อย่างเต็มที่ แต่ก็น่าเสียใจที่วันนี้มาแล้วไม่เจอตัวผู้ว่าฯ ไม่แน่ใจว่าติดภารกิจอะไร ภาวะแบบนี้ควรต้องลงมาดู มาอยู่กับประชาชนเพื่อจะได้เข้าใจปัญหา หาทางบรรเทาให้พี่น้องประชาชน แต่ถึงแม้ผู้ว่าฯไม่อยู่ ก็ขอให้หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ลงพื้นที่ดูแล ส่วนของเครื่องไม้เครื่องมือรัฐมนตรีมหาดไทยท่านก็สั่งการแล้ว ส่วนของอาหารก็มาจากหลายทาง มีโรงครัวพระราชทานเข้ามาหลายคัน เข้ามาดูแลเรื่องอาหารการกิน เอกชนก็เข้ามา หน่วยจิตอาสาเข้ามาช่วยกันแพคของ เป็นเวลาที่ได้พึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงช่วยราษฎร ทางกระทรวงพาณิชย์เองวันนี้ปลัดมาลงพื้นที่ด้วย จะได้ดูและประสานสิ่งที่ยังขาดเข้ามาช่วยเหลือต่อไป” นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม จะเข้ามาติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อีก โดยได้สั่งการให้สำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมถุงยังชีพไว้แล้วอย่างน้อยน่าจะได้เข้ามา 5,000 ชุด และจะได้หารือการช่วยเหลือกับเพิ่มเติมกับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป แต่ขอฝากพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลมีความห่วงเป็นใย และเรากังวลที่เห็นพี่น้องลำบากและพยายามทำงานเต็มที่เพื่อบรรเทาปัญหาของพี่น้องให้เร็วที่สุด

ด้านนายอนุทินกล่าวว่า การช่วยเหลือทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยได้สนับสนุนเครื่องจักรสาธารณภัย เช่นรถแบ๊กโฮ ขุดตัก เกลี่ยดินที่ถล่มลงมาในพื้นถนน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถสัญจรได้ และขอฝากให้ผู้ว่าฯรีบกลับมาเชียงรายด้วย คนเชียงรายรออยู่

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจใน จ.เชียงราย คณะของนายภูมิธรรมและนายอนุทิน ได้เดินทางไปจังหวัดน่านเพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน อ.เมืองน่าน และ อ.ภูเพียง 

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นอกจากการลงพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือแล้ว นายอนุทินยังได้มอบหมายให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่เพื่อติดตามเหตุการณ์อุทกภัยและดินสไลด์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยนายชาดา พร้อมคณะได้ลงพื้นที่สำรวจจุดเกิดเหตุ ที่หมู่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับฟังรายงานสถานการณ์ในภาพรวม พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย จากนั้นร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ จิตอาสา ภาคประชาชนประมาณ 100 คน ดำเนินกิจกรรม Big Cleaning Day ปัดกวาด เคลียร์พื้นที่เกิดเหตุด้วย

“นายอนุทินให้ความสำคัญกับการติดตามเหตุการณ์ดินสไลด์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีการกำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ดูแลความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ วันนี้จึงได้มอบหมายให้นายชาดาลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ล่าสุด พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

“ภูมิธรรม” สั่งการกรมการค้าภายใน ตามสินค้าช่วงสงกรานต์อย่างใกล้ชิด

 
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ที่จะถึงนี้อย่างใกล้ชิด
 

โดยขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าและบริการช่วงที่คนเดินทางออกต่างจังหวัด เพื่อกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องจนถึงวันที่ประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า และป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา

 

ทั้งนี้ ได้กำชับให้เน้นการตรวจสอบพื้นที่ ๆ มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก อาทิ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ และให้ตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปั๊มน้ำมัน โดยให้ตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายว่ามีปริมาณเต็มลิตรหรือไม่ เพื่อเป็นการดูแลประชาชนที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งจะต้องเน้นในจังหวัดที่เป็นทางผ่านออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ และจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับด้านราคาสินค้าและบริการ ให้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการตามสถานีขนส่ง สถานีรถไฟทั่วประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ผู้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการรับฝากของ บริการรถเข็นสัมภาระ จะต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการให้ชัดเจน และหากมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาหรือค่าบริการก็ต้องแสดงให้ชัดเจนด้วย

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ

 

หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธ การจำหน่ายต้องโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

‘ภูมิธรรม’ ตั้งโต๊ะคุยคนรุ่นใหม่เชียงราย YEC ถกแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า

 

มื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลา 17.30 น. ภายหลังจบการประชุม ครม.สัญจร จังหวัดพะเยา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางไปหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ YEC และ Moc Biz Club ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ร้านอาหารภูพันธ์ จ.เชียงราย เพื่อส่งเสริมการค้าให้กับจังหวัด แก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า และแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชียงรายมาจัดแสดง อาทิ ผ้าทอจากกลุ่มชาติพันธุ์ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวหอมมะลิเชียงราย กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง กล้วยตาก ชาอู่หลง สับปะรดภูแลเชียงราย (GI) เครื่องเคลือบเวียงกาหลง เป็นต้น

 

 

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเดินทางมาต่างจังหวัดอยากพูดคุยกับผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ เช่น กลุ่ม YEC กลุ่ม MOC Biz Club เพราะเป็นกลุ่มที่มีความรู้เห็นโลกกว้าง สอดรับกับปัจจุบันที่ระเบียบโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้าใช้เครือข่ายจะยิ่งมีพลัง ยิ่งมีเครือข่ายข้ามจังหวัดได้จะยิ่งมีพลัง ให้ทั้งชนชั้นกลางและทุกส่วนเติบโต ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน เราพร้อมช่วยให้ท่านมีพลัง และกระทรวงพาณิชย์ต้องการเชื่อมเครือข่ายทุกจังหวัดให้ส่งเสริมกัน

 

 

จากนั้นนายภูมิธรรมได้หารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยผู้ประกอบการ อยากให้รัฐหาแหล่งเงินกู้ ปัจจุบันดอกเบี้ยสูงและกู้ยาก ส่วนที่ประสบปัญหาอยากให้ขยายเวลาชำระหนี้พยุงให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่รอดได้ และคนรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่ได้รับโอกาสในการทำธุรกิจเท่าที่ควร จึงเข้าสู่เมืองหลวงทำให้ต่างจังหวัดไม่มีโอกาสได้คนรุ่นใหม่มาทำธุรกิจหรือตั้งตัว อยากให้ช่วยโปรโมตสินค้า ส่งเสริมให้คนมาเที่ยวเมืองรองอย่างเชียงรายมากขึ้นเป็นจังหวัดมีความพร้อมด้านสุขภาพเพราะมีทั้งโรงพยาบาลและสินค้าสุขภาพ

 

 

 ”ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซามีปัญหากำลังซื้อไม่มีผู้ประกอบการ SMEs ล้มหายตายจาก เป็นหนี้ เจอโควิดมา 3 ปี สงครามการค้า สงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส มาตรการทางการค้าเราใช้หมดแล้ว 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำงานแบบไม่มีงบ ต้องกระตุ้นกำลังซื้อทุกขอบเขตให้เงินกระจายทั่ว แต่วันนี้แบงก์ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ตนอยากให้เศรษฐกิจเมืองรองแข็งแรง จะได้ทำให้เศรษฐกิจประเทศโตได้ ซึ่งต้องสร้างความเข้มแข็งทุกช่องทางช่วยคนตัวเล็กชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร SMEs ใช้กลไกใหม่ในการส่งเสริม ที่ตนก็กำลังทำใช้อินฟลูเอนเซอร์และซีรีส์วายมาช่วยสร้างการรับรู้สินค้าและสร้างยอดขาย ต้องเห็นช่องทางจะเป็นประโยชน์กับสินค้าท้องถิ่น อยากให้ทุกคนเป็นตัวเชื่อมในระดับจังหวัดให้แข็งแรง และเชื่อมโยงไปจังหวัดอื่นร่วมกันเติบโต อยากเห็นการทำเครือข่ายทั้งประเทศ ให้เดินไปข้างหน้าร่วมกัน“ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เปิดเพลงในร้านฟินฟรียกคลังไม่ยั้ง ถึง 15 มี.ค. 67

 

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เรื่องช่วยเอสเอ็มอีลดค่าใช้จ่ายเรื่องลิขสิทธิ์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้เอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิก สสว. เปิดเพลงยกคลัง ฟินฟรีไม่ยั้ง 3 เทศกาล “ปีใหม่ ตรุษจีน และ วาเลนไทน์ ” เพื่อช่วยเรื่องส่งเสริมการขาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สสว. กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป. หรือ DIP) และ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (PNR) เพื่อมอบสิทธิพิเศษในลิขสิทธิ์เพลงแก่ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สสว.

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)กล่าวว่า สสว. ตระหนักถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในการประกอบธุรกิจ และเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการ จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จึงได้จัดทำงานพัฒนาสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ MSME ภายใต้แนวคิด SME Privilege Club คลับพิเศษสำหรับ SME ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์ในการทำธุรกิจด้านต่างๆ

“การลงนาม MOU ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในสถานประกอบการ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและประโยชน์ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำในการเข้าถึงงานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง และเป็นรูปธรรม การเชื่อมโยงพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้กับผู้ประกอบการ โดย สสว. จะประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ และกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นประโยชน์แก่เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเอสเอ็มอีผู้รับบริการภาครัฐ ผ่านสื่อต่างๆ ของ สสว. รวมถึงคัดเลือกและเชิญ
เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนผู้รับบริการภาครัฐ เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ” ผอ.สสว. ระบุ

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบการ SME
ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้องปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้คล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค วิธีการหนึ่งที่ได้ผลก็คือการเปิดเพลงในสถานประกอบการ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี สร้างความแตกต่าง และเพิ่มความน่าสนใจให้กับกิจการของตน อย่างไรก็ดี จากการที่เพลงต่างๆ เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์

 

โดยที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าใช้สิทธิให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้มีอำนาจจัดเก็บตามกฎหมาย ซึ่งเป็นต้นทุนทางธุรกิจประการหนึ่ง กรมทรัพย์สินทางปัญญา สสว. และโฟโนไรทส์ (PNR) จึงร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการ ที่เป็นสมาชิกของ สสว. ให้ได้ใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในราคาพิเศษ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ สร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งยังจะเป็นการสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงได้อีกทางหนึ่ง

 

นายคเณศวร์ เพิ่มทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า PNR Music Delivery Service เป็นบริษัทบริหารลิขสิทธิ์เพลงเผยแพร่ต่อสาธารณชนและการจัดส่งเพลงในสถานประกอบการให้ค่ายเพลงสากล และ ค่ายเพลงไทยคุณภาพ กว่า 60 ค่าย มีเพลงในระบบกว่า 30 ล้านเพลง ขอมอบของขวัญให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการใช้เพลงในสถานประกอบการอย่างถูกลิขสิทธิ เพื่อต้อนรับ 3 เทศกาลใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยของขวัญกล่อง ที่ 1 คือ ทดลองใช้บริการเปิดเพลงในสถานประกอบการ จาก PNR ฟรี จนถึงวันที 15 มีนาคม 2567 และ ของขวัญกล่องที่ 2 หากสถานประกอบการต้องการเปิดเพลงต่อไป สามารถสมัครแพ็กเกจรายปี ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียงวันละ 14 บาทเท่านั้น หรือลดสูงสุด 55% โดยได้รับความร่วมมือจากทาง บริษัท เอ็มพีซี มิวสิค จำกัด (MPC) ตัวแทนจัดเก็บค่าบริการจ่ายจบครบที่เดียว หมดกังวล ถูกลิขสิทธิ์ 100% และ บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี ประเทศไทย จำกัด (MCT) ดำเนินงานด้านบริหารจัดการสิทธิในงานดนตรีกรรมของนักประพันธ์

 

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.sme.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : https://www.sme.go.th/

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“พาณิชย์” จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดค่าครองชีพชาวเชียงราย

 

25 พฤศจิกายน 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม ธงฟ้าราคาประหยัด ลดค่าครองชีพชาวเชียงราย ควบคู่งานพาณิชย์ปิ้งย่าง @ เจียงฮาย โดยมี นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้บริหารจากกระทรวงพาณิชย์ ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมอย่างคึกคัก ที่บริเวณภายในตลาดล้านเมือง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้นำสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้า SMEs สินค้าเกษตรมาจำหน่าย ลดสูงสุด 60% เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ เช่น ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมันปาล์ม ข้าวหอมมะลิ หมูเนื้อแดง ไก่ ส้มและสับปะรด พร้อมจัดงานพาณิชย์ปิ้งย่าง @ เชียงราย นำสินค้าประมงและปศุสัตว์จัดโซนปิ้งย่าง กว่า 20 รายการ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และรณรงค์การบริโภคสินค้าประมงและปศุสัตว์

 

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้นำนโยบายของรัฐบาลในการช่วยลดภาระค่าครองชีพมาขับเคลื่อน โดยการจัดธงฟ้าราคาประหยัด ให้จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2566 ณ ภายในตลาดล้านเมือง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และลานหลังเทศบาลตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า ห้างท้องถิ่น สินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs ตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย วิสาหกิจชุมชน รวมทั้งกลุ่มเกษตกร นำสินค้าอุปโภค บริโภคมาจำหน่าย ลดสูงสุด 60% อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสินค้าชุมชน และสินค้าเกษตร เป็นต้น
 
 
ทั้งนี้ ภายในงานยังไม่จัดให้มีเทศกาล พาณิชย์ปิ้งย่าง @ เชียงราย ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเป็นการรณรงค์การบริโภคสินค้าประมงและปศุสัตว์ เป็นการส่งเสริมเกษตรกรในด้านการตลาดการโดยเชื่อมโยงนำสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี่ยงกุ้ง ปลากะพง สุกร และโคเนื้อ ที่มีคุณภาพมาจำหน่ายโดยตรงให้กับผู้บริโภคในโซนปิ้งย่าง กว่า 20 รายการ มาให้พี่น้องประชาชนได้บริโภคสินค้าคุณภาพจากเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อสร้างโอกาสและสร้างรายได้อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

“ภูมิธรรม” ประกาศแผนเร่งรัดการ ส่งออก Quick Win 100 วัน

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้    กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าต่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์ หารือกับภาคเอกชน เพื่อร่วมจัดทําแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน Quick Win 100 วัน และ 1 ปี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจึงได้จัดงาน “Next Step Export and Cross-Border Promotion” ขึ้น  ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน คือ (1) การประชุมหารือแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน Quick Win 100 วัน และ 1 ปี และ (2) พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วย    ความร่วมมือในการเชื่อมโยงการค้ากับการท่องเที่ยว ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว        แห่งประเทศไทย และ บริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน)

สำหรับแผนเร่งรัดการส่งออก ได้ดำเนินงานใน 5 ด้านหลัก ได้แก่  1.เปิดประตูโอกาสทางการค้าสู่ตลาดใหม่ศักยภาพ ควบคู่ การรักษาตลาดเดิม โดยเดินสายสร้างสัมพันธ์      ทั่วโลก เร่งผลักดันการเจรจา FTA ขยายการค้าไปยังเมืองรอง แผน 100 วัน ได้สร้างมูลค่าการสั่งซื้อรวมกันแล้วกว่า 490 ล้านบาท จากการผลักดันสินค้าไทยไปจัดแสดง ณ งาน CAEXPO ในหนานหนิงและงาน CIIE ในเซี่ยงไฮ้   สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทยได้ถูกเพิ่มในระบบ E-visa ของประเทศซาอุดิอาราเบียเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยแผน 1 ปี จะมีกิจกรรม Goodwill จำนวน 24 กิจกรรม กิจกรรมเปิดตลาดเชิงรุก มี Trade Mission 17 กิจกรรม  ในประเทศมัลดีฟส์ อาเซียน ยุโรป UK รัสเซีย งานแสดงสินค้าไทย 12 กิจกรรม ในจีน อินเดีย 

ศรีลังกา ปากีสถาน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา รวมถึงการขยายการค้าไปยังเมืองรอง 
6 กิจกรรม โดยจัดทำ MOU กับเมืองรองเพิ่ม อาทิ แอฟริกา (โจฮันเนสเบิร์ก/โมซัมบิก)  จีน (กว่างซีจ้วง/เจ้อเจียง/    ซานซี/เฮยหลงเจียง/ฝูเจี้ยน) ภายใต้ยุทธศาสตร์ “การค้าเชิงรุกรายมณฑลจีน” และต่อยอด MOU ที่ลงนามแล้ว รวมไปถึงการขยายช่องทางการค้าใหม่ๆ เช่น การเจาะธุรกิจ Horeca ในยุโรปและเร่งสรุปผลการเจรจา FTA กับคู่เจรจาต่างๆ 

2.“ทูตพาณิชย์ ทำงานเชิงรุก”บูรณาการทำงานกับพาณิชย์จังหวัด ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เชื่อมโยงสินค้าท้องถิ่น สู่ตลาดโลก โดยได้มอบนโยบายต่อทูตพาณิชย์ในการเร่งหาช่องทางการค้าใหม่ๆ เช่น การค้นหา Influencer ทั้งในไทยและต่างประเทศที่มีผู้ติดตามมากเพื่อเพิ่มการรับรู้สินค้าไทย และใช้ร้านอาหาร Thai Select เป็นเสมือนที่จัดแสดงสินค้าภูมิปัญญาไทยและช่องทางส่งออกวัตถุดิบอาหารและเครื่องปรุงรสของไทย รวมทั้งบูรณาการทำงานเชิงรุกร่วมกันระหว่างทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทัพหน้าของไทยในต่างแดน อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ BOI เพื่อช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทย โดยในวันที่ 23 พ.ย. 2566 นี้ ท่านนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายการทำงานให้กับทูตทั่วโลก โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอการขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกต่อนายกรัฐมนตรี สำหรับแผน 1 ปีจะดำเนินการหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ให้มากขึ้น เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทย ในประเทศประจำการเขตอาณาและเพิ่มบทบาททูตพาณิชย์ ให้เป็นคู่คิดของผู้ประกอบการ SMEs “พาณิชย์คู่คิด SMEs” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะรายเล็กให้สามารถส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น

3. ส่งเสริม SOFT POWER เป้าหมายรุกสู่เวทีโลก ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้า/บริการไทยด้วยแบรนด์ นวัตกรรม และการออกแบบ และส่งเสริมสู่ตลาดโลก โดยมีเป้าหมายในกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ อาหาร ดิจิทัล     คอนเทนต์ มวลไทย ท่องเที่ยว หนังสือ และเกม  ล่าสุดจากการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร Anuga ที่เยอรมนี สร้างมูลค่า 5,318.05 ล้านบาท และกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ สร้างรายได้กว่า 2,620.13 ล้านบาท และระหว่างเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ จะจัดงาน Muay Thai Global Power ณ ไอคอนสยาม การร่วมงาน Asia TV Forum and Market ที่สิงคโปร์ รวมทั้งในวันนี้ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ เชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวไว้ด้วยกัน 
สำหรับแผน 1 ปี จะมีการเปิดตัว SOFT POWER Global Brand จำนวน 9 กิจกรรม ทั้งในส่วนของการ re-branding Thai select , เครื่องหมาย Thailand Trust mark, Demark เป็นต้น การส่งเสริมดิจิทัลคอนเทนต์ 19 กิจกรรม กลุ่มสินค้าอาหาร 76 กิจกรรม หนังสือ 2 กิจกรรม และสนับสนุนนักออกแบบไทยผ่านโครงการต่างๆ 

4.ปรับปรุงการทำงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ปรับบทบาทเป็น “รัฐสนับสนุน” โดยแผน quick win 100 วันที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การปรับปรุง พ.ร.บ. สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ พ.ศ.2537 การปรับปรุงเว็บไซต์กรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การหารือกับภาคเอกชนร่วม    ยกร่างแผนเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน quick win 100 วัน และ 1 ปี ซึ่งในแผน 1 ปี จะเดินหน้าทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคทางการค้า โดยต่อยอดคณะทำงานร่วมกระทรวงพาณิชย์

5. ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์          การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว โดยแผน quick win 100 วันที่จะดำเนินการ เช่น การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 2 (ปี 2566 – 2570) การจัดเจรจาการค้าธุรกิจออนไลน์ และการส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์มออนไลน์พันธมิตร อาทิ Shopee ในมาเลเซีย และRakuten ในญี่ปุ่น การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ อาทิ การสัมมนาเสริมสร้างทรัพย์สินทางปัญญาผู้ส่งออกไทย และการเสวนา export 5 F รวมทั้งการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ อาทิ นำผู้ประกอบการร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ Automechanika ที่ยูเออี งาน APPEX ที่สหรัฐฯ และงาน Medica ที่เยอรมนี ส่วนกิจกรรมที่ได้ดำเนินการแล้ว อาทิ การจัด Virtual Showroom และ Online Business Matching  ในสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารกลุ่ม BCG สร้างมูลค่า 5.30 ล้านบาท และงานแสดงสินค้า AUTOMECHANIKA DUBAI 2023 มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 30 ราย มูลค่าการสั่งซื้อ 2,991.27 ล้านบาท 
นอกจากนี้ ในปีนี้ได้เตรียมแผนงานรองรับไว้กว่า 300 กิจกรรม อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล 8 กิจกรรม  เช่น การตั้งร้าน Top Thai บน Amazon ของอังกฤษ การขยายความร่วมมือกับ LetsTango.com ในยูเออี การส่งเสริมการขายกับแฟลตฟอร์มพันธมิตร  การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว 14 กิจกรรม  โดยจะนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมสีเขียวในยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา การยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ 108 กิจกรรม โดยการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทยและการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ พร้อมกับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ 177 กิจกรรม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในด้านการค้าระหว่างประเทศต่อไป

ด้าน นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงการค้ากับการท่องเที่ยว ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าแนวทางการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และขยายช่องทางการค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยประกอบด้วย 4 ด้านหลัก ได้แก่  ด้านการสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย 
กิจกรรมสำคัญ อาทิ การร่วมกันจัดทำแคมเปญสื่อสารการตลาด เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับประเทศไทย ทั้งในด้านสินค้าและบริการ รวมถึงบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว การส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของแต่ละฝ่าย ในกลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการที่มีศักยภาพ ไปจนถึงสินค้าภายใต้ร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มพันธมิตร และผู้ประกอบการที่ผ่านการบ่มเพาะโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้มีโอกาสได้นำเสนอในสื่อประชาสัมพันธ์และช่องทางจำหน่ายของร้าน THAIShop ของการบินไทย 
ในด้านการประชาสัมพันธ์ จะแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ด้านการค้าและมาตรฐานสินค้าไทยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อาทิ PM’s Export Award, DEmark, Thailand Trust Mark, Thai SELECT ผ่านสื่อ/ ช่องทางประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายข้อมูลสมาชิกและหน่วยงานพันมิตรของ ททท.        และการบินไทย ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าคุณภาพของไทยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติที่เป็นพันธมิตรของ           กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ในส่วนการส่งเสริมองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทย จะจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้มีองค์ความรู้ซอฟต์พาวเวอร์ไทย มาเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการส่งออก ด้วยการแลกเปลี่ยนวิทยากรหรือให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการที่แต่ละฝ่ายจัดขึ้นด้วย

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

“ภูมิธรรม” ผนึกพันธมิตร ลดราคาสินค้าเทศกาลกินเจ

 

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2566  ที่ผ่าน “ภูมิธรรม” สั่งพาณิชย์ลุยจับมือพันธมิตร 534 ราย จำหน่ายสินค้าเทศกาลกินเจราคาถูกทั่วประเทศ ทั้งวัตถุดิบอาหารเจ อาหารเจปรุงสำเร็จ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน เผยยังจัดโมบายธงฟ้า 100 จุดนำสินค้าจำหน่ายให้กับคนกรุงเทพและปริมณฑลด้วย ระบุปีนี้สินค้าส่วนใหญ่ราคาทรงตัว ผักถูกกว่าปีก่อน ย้ำปัญหาขาดแคลนไม่มี หลังประสานนำผักอัดเข้าสู่ตลาดเต็มที่ 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ทั้งห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ห้างท้องถิ่น ตลาดกลาง และตลาดสดต่าง ๆ รวมถึงร้านค้า ร้านธงฟ้า รวม 534 ราย ร่วมจัดงาน พาณิชย์สั่งลุย เทศกาลกินเจ ตั้งแต่วันที่ 14-23 ตุลาคม 2566 โดยนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ มาจำหน่ายให้กับประชาชน เพื่อช่วยลดรายจ่ายให้กับระชาชน และสามารถเข้าร่วมเทศกาลทำบุญในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จะได้อิ่มบุญ อิ่มความรู้สึกที่ดี ๆ

โดยสินค้าที่นำมาลดราคา ประกอบด้วย กลุ่ม 1 วัตถุดิบ เครื่องปรุง อาหารเจ 86 ราย ประกอบด้วย ผู้ผลิต ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น กลุ่ม 2 อาหารปรุงสำเร็จ เมนูทางเลือกราคาประหยัด ราคา 30-45 บาท 448 แห่ง ประกอบด้วยตลาดกลาง ตลาดสด ร้านอาหารธงฟ้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างท้องถิ่น และกลุ่ม 3 Mobile ธงฟ้า จำหน่ายสินค้าจำเป็น สินค้าเจ และผักเจ 100 จุดทั่วกรุงเทพ และนิคมอุตสาหกรรม 7 จุด ลดราคามากถึง 70% ตามแต่ต้นทุนของสินค้า 

    “เทศกาลกินเจที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และวันนี้เป็นวันล้างท้อง กระทรวงพาณิชย์ได้เห็นความสำคัญในสิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจและถือปฏิบัติมาเป็นเวลานานทุกปี เราอยากจะเห็นพี่น้องประชาชนเข้าร่วมเทศกาลกินเจได้มีโอกาสเข้าถึงสินค้าราคาถูก สามารถรับประทานผักผลไม้ในราคาที่ถูก จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตร นำสินค้าราคาถูก มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน และยังได้เจาะลึกไปยังแหล่งชุมชน แหล่งที่มีแรงงาน ผู้มีรายได้น้อยอยู่อาศัย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ ตามนโยบายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งใจดำเนินการให้พี่น้องประชาชน”นายภูมิธรรมกล่าว

    สำหรับสถานการณ์สินค้าวัตถุดิบอาหารเจ ส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว แต่โปรตีนเกษตรปรับขึ้นเล็กน้อย ตามต้นทุนที่สูงขึ้น ส่วนผัก และผลไม้ ปีนี้ไม่ได้แพงปกว่าปีที่แล้ว และหลายรายการปรับลดลงมา แต่บางรายการราคาสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่แพงเท่าปีที่แล้ว เช่น ผักบุ้งขาด เพราะเป็นช่วงฝนตก หรือผักคะน้า ที่มีเรื่องโรคราเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานตลาดกลาง ทำการเชื่อมโยงผักสดจากเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องแล้ว  

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ต้องขอบคุณพันธมิตรทั้งหมด ขอบคุณตลาดกลาง ตลาดไท ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ทำให้นโยบายรัฐบาลต่าง ๆ เกิดขึ้น และขอบคุณพันธมิตรร้านค้า ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ที่ช่วยกระจายสินค้า ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีภายในกรมการค้าภายใน ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ช่วยลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากรายจ่ายที่ลดลง และขอบคุณสื่อมวลชนทุกที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์งานนี้ ช่วยสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้ไปซื้อสินค้าราคาถูก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News