Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ถุงพระราชทานช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย (ศูนย์บ้านน้ำลัด) ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าที่ปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชิญถุงพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ภายในพิธี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ได้เชิญถุงพระราชทานเพื่อมอบให้กับราษฎรผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 100 ราย ซึ่งเป็นราษฎรในเขตเทศบาลนครเชียงราย โดยถุงพระราชทานที่ได้รับประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้

ในพิธีมอบถุงพระราชทานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ อาทิ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย, พ.อ. อัศม์พงษ์ นิลพันธ์ ผู้แทนมณฑลทหารบกที่ 37, นางบังอร มะลิดิน รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และพระครูสุตวัฒนบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระแก้ว พระอารามหลวง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีมอบถุงพระราชทาน เพื่อแสดงความห่วงใยและช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่

นอกจากนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และทีมงานเจ้าหน้าที่กลุ่มพิธีการฯ ได้มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายภัทรพงษ์ มะโนวัน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เป็นผู้แทนในการปฏิบัติพิธีมอบถุงพระราชทานให้แก่ประชาชน

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครเชียงรายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างเร็วที่สุด

นอกจากการมอบถุงพระราชทานแล้ว ทางศูนย์จิตอาสายังได้จัดเตรียมข้าวกล่องจำนวนมากเพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนในด้านอาหารและสิ่งของที่จำเป็น

ทั้งนี้ การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน โดยมีการประสานงานและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูและการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชุมชนต้องการความช่วยเหลือจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูบ้านเรือนและชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็วที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือติดต่อสอบถามได้ที่เทศบาลนครเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ลงพื้นที่เชียงราย มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบกัปปิยภัณฑ์เพื่อให้กำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร และประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

ในการนี้ พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระราชวิชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูวรกิตติวิมล เจ้าคณะอำเภอขุนตาล นายอดิเรก ไลไธสง นายอำเภอขุนตาล นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธี ณ มณฑลพิธี วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเทิง ณ บ้านเหล่า ตำบลตับเต่า โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่

นอกจากนี้ คณะสงฆ์ พร้อมด้วยส่วนราชการยังได้มอบถุงยังชีพเพิ่มเติมอีก 500 ชุดแก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอขุนตาล ณ วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

พื้นที่อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำป่าหลากและน้ำท่วมในพื้นที่ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้หลายครอบครัวต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์และคณะสงฆ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยการมอบถุงยังชีพและการให้กำลังใจนี้จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากน้ำท่วม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ขยายผลเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรม จัดกิจกรรม “โชว์ แชร์ เชื่อม” ที่เชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมสุนทราภิรมย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ได้มีการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมและขยายผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานปี 2567 โดยศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ถึง 4 และโรงเรียนป่าแดงวิทยา ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้โดยตรง

กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีชื่อว่า “โชว์ แชร์ เชื่อม” มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมในจังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก นายจรัญ แจ้งมณี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

 

การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในพิธีเปิดงาน นางสาว พรทิพา พุทธวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยมี ผศ.ดร.สมปรารถนา วงศ์บุญหนัก ผู้ทรงคุณวุฒิจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และบุคคลสำคัญจากหน่วยงานต่างๆ เช่น นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, นายสมพงษ์ บุตรวัน รองผู้อำนวยการ สพป.เชียงราย เขต 4 และ นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม พร้อมทั้งครูและนักเรียนจากโรงเรียนเครือข่ายคุณธรรมเข้าร่วมงานนี้

 

พิธีมอบรางวัลและเกียรติบัตรแก่โรงเรียนที่มีผลงานโดดเด่น

กิจกรรมสำคัญในวันนั้นเริ่มต้นด้วยการมอบเกียรติบัตรและรางวัลให้กับโรงเรียนที่มีผลงานโดดเด่นในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีผลงาน Best Practice โดยโรงเรียนเหล่านี้ได้แสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับการน้อมนำ พระบรมราโชบาย สู่การปฏิบัติในสถานศึกษา และการขับเคลื่อน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้กลายเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาการศึกษา

การมอบรางวัลในครั้งนี้ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้โรงเรียนอื่นๆ ได้มุ่งมั่นพัฒนาและปรับใช้แนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมที่มีประสิทธิภาพ

 

เสวนา “การพัฒนาคุณธรรม โดยครูรุ่นใหม่ หัวใจโค้ช”

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนาคุณธรรม โดยครูรุ่นใหม่ หัวใจโค้ช” ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สมปรารถนา วงศ์บุญหนัก ผู้ทรงคุณวุฒิจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมเสวนากับทีมโค้ชเครือข่ายครูคุณธรรมจากจังหวัดเชียงรายทั้งหมด 4 เขต

การเสวนาครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาคุณธรรมในโรงเรียนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างครูและนักเรียนเพื่อส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในชีวิตประจำวัน ผ่านการใช้บทบาทของครูเป็นโค้ชในการชี้แนะแนวทาง

 

นิทรรศการผลงานและการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ในงานยังมีการจัด นิทรรศการผลงานคุณธรรม จริยธรรม ที่นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดเชียงรายได้แสดงผลงานที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในกิจกรรมของโรงเรียน โดยผลงานที่นำมาแสดงมีความหลากหลายและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ

นิทรรศการเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสำเร็จของโรงเรียนคุณธรรม แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงผลลัพธ์ของการประยุกต์ใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนานักเรียนและชุมชนโรงเรียน

 

ความสำคัญของโครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม

โครงการส่งเสริมและขยายผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรมนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมแห่งคุณธรรมในสถานศึกษา โดยใช้แนวทางการเรียนรู้แบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งคุณธรรม จริยธรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดกิจกรรม โชว์ แชร์ เชื่อม ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันการพัฒนาการศึกษาในระดับท้องถิ่น

การมีส่วนร่วมของหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการสนับสนุนจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมในจังหวัดเชียงรายเป็นโครงการที่มีคุณค่า และจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” นำทีมวัฒนธรรมเชียงราย ร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

 

ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

 

การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

 

การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

 

บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

**สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567: ส่งเสริมความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน**

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

**ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”**

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

**การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG**

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

**การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส**

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

**บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน**

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุข

 

เมื่อวันพุธ ที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ สำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ปุรณิทธิ์ บุณยมานพ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ 10 เชิญชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ถวายแด่ พระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ใน

  

โดยพระราชวชิรคณี (ประเสริฐ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ม.) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นฝ่ายประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชสิริวชิโรดม” (สุขเลิศ กนฺตธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ.) เจ้าอาวาสวัดบ้านเหล่า อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พระเถรานุเถระ พระภิกษุสามเณร ร่วมพิธีฯ 

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีตำบลนางแล กำนันตำบลนางแล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลนางและ ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฯ

 

โอกาสมงคลนี้ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี และบุคลากรสำนักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับข้าราชการสำนักงานจังหวัดเชียงราย, สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงรายปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกแด่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ทั้งนี้ การดำเนินงานพิธีฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุผลสำเร็จทุกประการ

โดยชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ที่เขียนโดยพระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา เป็นพระสุปฏิปันโนที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาวัตร ตลอดจนวิธีการสอน และการถ่ายทอดการปฏิบัติให้กับพุทธบริษัทในทุกภาคส่วนได้เข้าถึงพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังทรงมีพระราชศรัทธาเพียรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ตามขั้นตอนที่พระอาจารย์ได้วางไว้ จึงทรงเห็นถึงความสำคัญในการพระราชทานเผยแพร่หนังสืออันทรงคุณค่า ให้พุทธศาสนิกชน ตลอดจนประชาชนพลเมืองทุกหมู่เหล่าได้ศึกษา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือ ธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นชุดหนังสือที่มีหนังสือ จำนวน 4 เล่ม บรรจุในกล่องสวยงาม ประกอบด้วย

  1. หนังสือ หลักการชาวพุทธ
  2. หนังสือ อริยสัจภาวนา
  3. หนังสือ หลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
  4. หนังสือ แนวปฏิบัติธรรมนาวา “วัง”

พระราชทานเป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขอันพึงจะได้รับจากพระพุทธศาสนา ผ่านหลักการปฏิบัติอย่างถูกต้องตรงตามพุทธบัญญัติ เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา อาจริยบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหาบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆ พระองค์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พลังบวรในมิติศาสนา เชียงราย บูรณาการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และนางวนิดาพร ธิวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ วัดแม่คำสบเปิน ต.แม่คำ อ.แม่จัน, วัดห้วยน้ำขุ่น ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง, และวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โครงการพลังบวรในมิติศาสนาเน้นการบูรณาการร่วมกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริมให้วัดและศาสนสถานร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางศาสนา และส่งเสริมการเรียนรู้หลักธรรมทางศาสนา โดยมุ่งเน้นการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้แก่คนในชุมชน

การประเมินผลชุมชนคุณธรรมพลังบวรในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามเกณฑ์ 9 ขั้นตอนที่กรมการศาสนากำหนด โดยมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานในหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชน และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนและแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อพัฒนาต่อยอดโครงการให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม

หนึ่งในจุดสำคัญของการตรวจติดตามครั้งนี้คือการเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางภูมิปัญญาเพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชน ภายใต้โครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ชุมชนนี้ได้รับการยอมรับในด้านการผลิตพระพุทธรูปหินหยกแกะสลัก และเครื่องรางจากหินหยก ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ คณะตรวจติดตามยังได้ประเมินผลและเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมพลังบวรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน 2567 ณ อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานและผลิตภัณฑ์ของชุมชนจากทั่วประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการพลังบวร ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรม

โครงการพลังบวรในมิติศาสนานี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน และการส่งเสริมศาสนาให้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน การที่วัดและชุมชนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืนไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย

การตรวจติดตามและประเมินผลโครงการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของวัดและชุมชนในจังหวัดเชียงราย ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรพระขี่ม้า อ.แม่จัน หิ้วตะกร้าศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ วัดถ้ำป่าอาชาทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดและดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ภายใต้แนวคิด “ครอบครัวหิ้วตะกร้า ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ และนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

โครงการนี้จัดขึ้นโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับวัดป่ายาง วัดถ้ำป่าอาชาทอง และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลต่อยอดโครงการในส่วนภูมิภาค และเป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมฯ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกระแสการพาครอบครัวหิ้วตะกร้าเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริม Soft Power ทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ

ในพิธีเปิดกิจกรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ได้เป็นประธานในการตักบาตรพระขี่ม้า นำโดยพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของงาน หลังจากนั้น ได้มีพิธีถวายเครื่องสักการะแด่พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยการถวายเครื่องไทยธรรมและภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เข้าร่วมงาน

กิจกรรมจิตอาสาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน โดยนายชัยพล สุขเอี่ยม ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ซึ่งเป็นการถวายความเคารพและถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว กิจกรรมในงานยังประกอบด้วยการปลูกต้นไม้มงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง และการจัดตลาดวัฒนธรรมซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตแม่ไม้มวยไทย และการสาธิตการตีดาบกลองสะบัดชัย ซึ่งสร้างความสนใจและความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมงานและร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่คณะสงฆ์ ผู้บริหารกรมการศาสนา และผู้บริหารจังหวัดเชียงราย ที่ได้มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ วัด และชุมชน ในการส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมไทย การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นต้นแบบในการพัฒนากิจกรรมทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย 4 ปีติดสุดยอดชุมชนต้นแบบ หลัง‘ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง’ ได้รับเลือก

 

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แสดงความยินดี “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง“ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกให้ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ภายใต้การนำของ พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ด้วยบารมีทานแผ่ขยายในวงกว้าง ประกอบกับความเป็นอัตลักษณ์ด้านพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เรื่อง ผลการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในทุกมิติ จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง

ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วกระทรวงวัฒนธรรมขอประกาศผลการคัดเลือก 10 สุดธอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมขน ผลวิถี” ประจำปีกประมาณ พ.ศ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ชุมชนบ้านชากแง้ว ตำบลหัวยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
  2. ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  3. ชุมชนวัดศรีสุพรรณ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  4. ชุมชนวัดพระธาตุแช่แห้ง (บ้านหนองเต่า) ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
  5. ชุมชนหัวบ้าน (ถนนสู้ศึก) ตำบลประระจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  6. ชุมชนบ้านทะเลน้อย ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
  7. ชุมชนบ้านถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
  8. ชุมชนวัดศรีคุนเมือง (เชียงคาน) ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  9. ชุมชนวัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
  10. ชุมชนเขมราษฎร์ธานี ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

โดยจังหวัดเชียงราย ได้คัดเลือก” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “ 4 ปีติดต่อกันแล้วซึ่ง

  • พ.ศ. 2567 ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566 “ชุมชนคุณธรรมวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ)” หมู่ ๕ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน
  • พ.ศ. 2565 ชุมชนคุณธรรมบ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2564 ชุมชนคุณธรรมบ้านศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ในอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมกิจกรรม “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 และหารือเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 โดยชุมชนวัดห้วยปลากั้งได้รับการคัดเลือกเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งได้รับคำแนะนำจากพระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายและเจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้กับการดำเนินงานอื่นๆ ต่อไป

โครงการ “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ที่วัดห้วยปลากั้งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชน โดยมีกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ผู้คนในชุมชนได้แสดงความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างความสามัคคีและการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น

ในส่วนของโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” นายพิสันต์ ได้นำเสนอว่า ชุมชนวัดห้วยปลากั้งมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบของชุมชนที่ใช้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวบ้าน โดยการดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนอีกด้วย

การจัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนวัดห้วยปลากั้งเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน ทั้งนี้ กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความบันเทิงให้กับชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการศึกษาและการเรียนรู้ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืนได้อีกด้วย

การเดินทางมาของคณะนายพิสันต์จึงไม่เพียงแต่เป็นการติดตามผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานราชการกับชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันในหลากหลายมิติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE FEATURED NEWS

CEA หนุนศักยภาพเชียงราย ‘เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ’ ยูเนสโก

 

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ เชียงราย ภายใต้เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ร่วมเปิดงาน “Chiang Rai Sustainable Design Week 2024” หรือ “เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567” ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai Creature” หรือ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง” ระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2567 ณ อาคาร OTOP ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และ ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมเปิดงานเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 มุ่งชูศักยภาพของเชียงรายในการเป็น ‘เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ’ ที่โดดเด่นในฐานะหนึ่งในเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UCCN, Chiang Rai City of Design) พร้อมตอกย้ำการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองที่ใช้ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ และ ‘การออกแบบ’ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมืองเชียงราย

นอกจากนี้ CEA ยังได้เป็นประธานเปิดงานกิจกรรม “สล่ากาแฟ” หรือ “Chiang Rai Specialty Coffee Showcase” และ “ธุลีกาศ” หรือ “SMOG” โดยมี ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวเปิดงาน ทั้ง 2 กิจกรรมมุ่งเน้นการส่งเสริมสินทรัพย์ในพื้นที่ของจังหวัด และทดสอบแนวคิดการใช้งานออกแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเชียงราย  โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง CEA กับนักสร้างสรรค์ จาก 69 องศา ภาคีเครือข่ายธุรกิจกาแฟของเชียงราย และ FabCafe Bangkok  

ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่าสำหรับ CEA ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่สนับสนุนและส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกทุกเมืองในประเทศไทย การพัฒนา ‘เมืองสร้างสรรค์’ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ CEA โดย ‘เชียงราย’ ได้รับการประกาศเป็นสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกด้านการออกแบบในปี 2566 นับเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ให้กับเชียงรายในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม CEA จึงมุ่งมั่นที่จะใช้องค์ความรู้และเครือข่ายในการส่งเสริมเชียงรายให้เป็นต้นแบบเมืองสร้างสรรค์ระดับสากล และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศให้เติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน

“CEA เล็งเห็นโอกาสและศักยภาพของเชียงรายในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการออกแบบของเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศทางความคิดสร้างสรรค์ที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักออกแบบท้องถิ่น และประยุกต์ใช้การออกแบบเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ การร่วมผลักดันเมืองเชียงรายในฐานะเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และยกระดับภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล” 

CEA ร่วมจัดกิจกรรมภายใต้ “Chiang Rai Sustainable Design Week 2024”

“Chiang Rai Sustainable Design Week 2024” หรือ “เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567” จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองสร้างสรรค์ รวมถึงมอบโอกาสให้นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ เครือข่ายชุมชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง ได้พบปะ แลกเปลี่ยนไอเดีย มุมมอง และประสบการณ์ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ ด้วยการสร้างโอกาสในเรียนรู้และทดลองผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ เพื่อออกแบบและพัฒนาเมืองเชียงรายไปด้วยกัน

เทศกาลฯ เป็นความร่วมมือระหว่าง CEA ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลเมืองเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นักสร้างสรรค์ และหน่วยงานเครือข่ายภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ CEA ได้นำร่องจัด 3 กิจกรรมภายใต้เทศกาลฯ โดยร่วมกับพันธมิตรอย่าง FabCafe ฺBangkok, 69 องศา และ MAYDAY! จัดงานที่ส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ มุ่งผลักดันเชียงรายใน 3 มิติ ให้เป็นทั้งเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว ได้แก่

  1. เมืองน่าอยู่ –SMOG I ธุลีกาศ โดยร่วมกับ FabCafe Bangkok กิจกรรมเสวนา โชว์เคสและเวิร์กช็อปที่จะมานำเสนอแนวทางเปลี่ยนขยะที่เกิดจากกิจกรรมทางการเกษตร ให้กลายเป็นสินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับนักสร้างสรรค์ ซึ่งนอกจากจะสร้างมูลค่าแล้ว ยังช่วยลดปัญหาฝุ่นและไฟป่าซึ่งพบบ่อยในเชียงราย ทั้งยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  2. เมืองน่าลงทุน –Chiang Rai Specialty Coffee Showcase I สล่ากาแฟ โดยร่วมกับ 69 องศา และเครือข่ายธุรกิจกาแฟ กิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปที่เชิญชวน Coffee Lover มาเพิ่มทักษะด้าน “กาแฟ” สินทรัพย์ที่โดดเด่นของเชียงราย พร้อมส่งเสริมกาแฟให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยเฉพาะกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ของเชียงราย ให้ทั้งรสชาติดีและมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กาแฟของไทย 
  3. เมืองน่าเที่ยว –Chiang Rai MOVE I วน “เวียง” เจียงฮาย โดยร่วมกับ MAYDAY!  และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลเมืองเชียงราย และสถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงราย EV Bus Chiang Rai และบัสซิ่ง ทรานสิท กับ Go Go Bus นำเสนอเส้นทางเดินรถทั้งหมด 2 สาย โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ร่วมกันสร้างแนวคิดการออกแบบขนส่งสาธารณะ ที่ครอบคลุมพื้นที่และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่เดิม เพื่อให้คนเจียงฮายเดินทางได้สะดวกสบายและสนุกยิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งาน Go Go Bus ได้ฟรีตลอดเทศกาลฯ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และศักยภาพของคนในพื้นที่ในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้แก่ การจัดแสดงนิทรรศการและโชว์เคสจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา และผู้ประกอบการ การสัมมนาทางวิชาการด้านการออกแบบสร้างสรรค์ รวมถึงตลาด Design Market ที่รวบรวมสินค้าดีไซน์และแบรนด์ที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นอย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องแต่งกาย ไลฟ์สไตล์ ของแต่งบ้าน อาหารสร้างสรรค์ Green Market & Local Spa และกิจกรรมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ เช่น เวิร์กช็อป เสวนา ดนตรีและการแสดง และกิจกรรมเดินแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่น ในแนวคิดเชียงรายสร้างสรรค์ ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย

CEA เชื่อมั่นว่าเทศกาลฯ จะจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ได้นำเสนอผลงานที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้นผ่านการออกแบบ นับเป็นการส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านการออกแบบ รวมถึงสร้างสรรค์องค์ความรู้ สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของผู้คนและธุรกิจในย่าน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ในการส่งเสริมและผลักดันเชียงราย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน และมาร่วมขับเคลื่อน ‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง’ ผ่าน ‘การออกแบบ’ และ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ในเมืองที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อย่างเชียงราย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ที่น่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว และเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของ CEA ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป” ดร. อรรชกา กล่าวทิ้งท้าย

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน): สศส. หรือ Creative Economy Agency (Public Organization): CEA จัดตั้งขึ้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2561 โดยการยกระดับ TCDC ขึ้นเป็นองค์การมหาชนในกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นพลังขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว หนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ CEA คือการสร้างย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริง โดยการส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ที่เอื้อต่อบรรยากาศสร้างสรรค์และการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงสู่ชุมชนโดยรอบให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น CEA ยังทำหน้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เติบโต จากการพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือยกระดับธุรกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ Creative Economy Agency (Public Organization)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Chiang Rai Sustainable Design Week 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News