Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สสจ.เชียงราย จัดตั้งศูนย์ฉุกเฉิน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

การประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสสจ.เชียงรายหลังพายุไต้ฝุ่น

สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย

สสจ.เชียงรายได้จัดการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หลังจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดจากพายุไต้ฝุ่นระลอกแรก ยางิ และซูลิก คลี่คลายลงแล้ว โดยการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ผ่านระบบการประชุมออนไลน์

ผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น

พายุไต้ฝุ่นที่ผ่านมาทำให้ประชาชนในพื้นที่เชียงรายได้รับผลกระทบมากถึงกว่า 63,491 ครัวเรือน เสียชีวิตทั้งหมด 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 2,091 ราย นอกจากนี้ยังมีการเสียหายทางโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก

การจัดตั้งทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน

ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ ได้จัดตั้งทีมต่าง ๆ ได้แก่ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน (MERT/miniMERT), ทีมปฐมพยาบาล, ทีมเยียวยาจิตใจ (MCATT), ทีมเฝ้าระวังและสอบสวนโรค (SRRT/CDCU), ทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม (SEhRT) และทีมกู้ชีพ เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทีมงานได้ให้บริการกว่า 38,180 ครั้ง และแจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์จำเป็นกว่า 72,426 รายการ

การฟื้นฟูและการดูแลสุขภาพจิต

หลังจากสถานการณ์ฉุกเฉินคลี่คลายลง ศูนย์ฯ ได้เปลี่ยนภารกิจสู่การฟื้นฟูอย่างยั่งยืน โดยยังคงเฝ้าระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำลด เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคฉี่หนู และโรคระบบทางเดินอาหาร รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

การสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการ

นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การเฝ้าระวังก่อนเกิดเหตุ จนถึงการดูแลและฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากประชาชนในการทำความสะอาดที่พักอาศัย กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และรักษาสุขอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในระยะยาว

สรุปสถานการณ์และการดำเนินงาน

ในการประชุมศูนย์ฯ ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในจังหวัดเชียงราย โดยพบว่าพายุไต้ฝุ่นระลอกแรกได้เสียชีวิต 5 ราย พายุยางิ 13 ราย และพายุซูลิก 1 ราย รวมทั้งหมด 19 ราย นอกจากนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากพายุไต้ฝุ่นระลอกแรก 7 ราย ยางิ 2,067 ราย และซูลิก 17 ราย

การดูแลและฟื้นฟูชุมชน

ศูนย์ฯ ได้เน้นการฟื้นฟูชุมชนให้ประชาชนกลับมามีสุขภาพแข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสนับสนุนการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมและการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง ความห่วงใยจากทีมสาธารณสุขจะยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกย่างก้าว

บทสรุป

การประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสสจ.เชียงรายเป็นการยืนยันถึงความพร้อมและความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางธรรมชาติ การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของทีมงานและหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ มีโอกาสเจอฝนถึงเดือน พ.ย. หลังฟิลิปปินส์-เวียดนามยังมี ‘ลานีญา’

ฤดูฝนหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ผลกระทบและการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2024

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปรากฏการณ์ La Nina (ลานีญา)

สำนักข่าว BLOOMBERG รายงานว่าในปี 2024 นี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับฤดูฝนที่หนักกว่าปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้น้ำอุ่นเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และนำมาซึ่งฝนตกหนักมากขึ้นในพื้นที่นี้ พยากรณ์อากาศท้องถิ่นคาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักจากฟิลิปปินส์ถึงเวียดนามจนถึงเดือนพฤศจิกายน

ผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในเวียดนาม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการผลิตอย่างมาก ได้รับผลกระทบหนักจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เคยพัดผ่านประเทศนี้ในรอบหลายสิบปี พายุไต้ฝุ่นยางิทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามต้องสูญเสียไปถึง 40 ล้านล้านดอง (ประมาณ 48.3 พันล้านบาท) จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในโรงงานที่น้ำท่วม และการเก็บเกี่ยวข้าวและกาแฟที่เสียหาย

ความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก กำลังเผชิญกับความเสียหายที่สูงถึง 30 พันล้านบาท จากน้ำท่วมในภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ที่ต้องอพยพช้างจำนวนประมาณ 100 ตัวจากศูนย์อนุรักษ์

พายุที่รุนแรงในฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ซึ่งมีพายุตกลงมาเฉลี่ยประมาณ 9 ครั้งต่อปี ยังกำลังฟื้นตัวจากพายุที่มีความรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายน และพายุกระท้อนในเดือนตุลาคม

การพยากรณ์สภาพอากาศและความเสี่ยงในอนาคต

ศูนย์พยากรณ์อากาศเฉพาะทางอาเซียนกล่าวว่าปรากฏการณ์ลานีญา คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ฝนตกหนักกว่าปกติในหลายประเทศในภูมิภาค สิงคโปร์ได้ออกเตือนภัยน้ำท่วมในวันที่ 14 ตุลาคม เนื่องจากช่วงฤดูระหว่างมรสุมทำให้เกิดฟ้าผ่าและฝนตกหนัก

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ทะเลอุ่นขึ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขึ้นและใกล้เคียงกับชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อมากขึ้น “ไซโคลนเขตร้อนจะมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น” กล่าวโดย Benjamin Horton กรรมการผู้จัดการ Earth Observatory of Singapore

การเตรียมพร้อมและการป้องกันภัยพิบัติ

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไซโคลนในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ธุรกิจและรัฐบาลในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อสภาพอากาศต้องพิจารณาวิธีใหม่ในการป้องกันภัยจากพายุ “ถ้าพายุไต้ฝุ่นยางิพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าคุณต้องการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจของคุณในอนาคต ไม่มีวิธีที่เป็นจริงจังนอกจากต้องเริ่มดำเนินการทันที” กล่าวโดย Bruno Jaspaert ประธาน EuroCham Vietnam

 
กรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมในเวียดนาม

อุตสาหกรรมอัมมาตาซิตี้ หาลงในภาคเหนือของเวียดนามเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับน้ำท่วม อุทยานอุตสาหกรรมนี้ได้ดำเนินการสำรวจความเสี่ยงจากน้ำท่วมอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างและลงทุนในระบบป้องกันน้ำท่วมที่ทันสมัย แม้พายุไต้ฝุ่นยางิจะทำให้โรงงานบางแห่งได้รับความเสียหายจากลมแรง แต่ “โชคดีที่ไม่เกิดน้ำท่วมภายในอุทยาน” กล่าวโดยผู้ดำเนินการ Amata

อนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการคาดการณ์ว่าลานีญา จะส่งผลให้ฝนตกหนักกว่าปกติต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2024 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การลงทุนในระบบป้องกันภัยและการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : www.straitstimes.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News