Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตร “เป็งปุ๊ด” เชียงราย คืนเพ็ญวันพุธน้อมอัญเชิญ “พระอุปคุต” แห่รอบเมืองสู่ความสิริมงคล

คืนแห่งศรัทธา “เป็งปุ๊ด” เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย–วัดมิ่งเมือง นำประชาชนตักบาตรเที่ยงคืน อัญเชิญ “พระอุปคุต” แห่รอบเมือง พร้อมพิธีถวายความอาลัย “พระพันปีหลวง” ตอกย้ำเมืองแห่งวัฒนธรรมล้านนา

เชียงราย, 5 พฤศจิกายน 2568 — ค่ำคืนเพ็ญวันพุธ “เป็งปุ๊ด” ที่ชาวล้านนารอคอยกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวงและผางประทีปนับร้อยดวงที่ส่องประกายรอบ วัดมิ่งเมือง ต่อเนื่องถึง หอนาฬิกานครเชียงราย และ แยกประตูสรี เทศบาลนครเชียงรายนำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย บูรณาการกับวัดมิ่งเมืองและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ จัดพิธี “ตักบาตรเป็งปุ๊ด” หรือ “ตักบาตรเที่ยงคืน” เพื่อสืบสานประเพณีเก่าแก่ของชาวล้านนา พร้อมประกอบพิธีถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ–ท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สะท้อนพลังศรัทธา ความจงรักภักดี และการอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างงดงาม

แสงเพ็ญ–เสียงสาธุ และขบวนเกียรติ “อัญเชิญพระอุปคุต”

เมื่อย่างเข้าสู่ยามค่ำคืนวันพุธเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ) สนามหน้าวัดมิ่งเมืองค่อยๆ แน่นขนัดด้วยผู้คนที่มุ่งมาร่วมพิธี อัญเชิญ “พระอุปคุต” ตามความเชื่อโบราณของชาวล้านนาว่า พระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์พระองค์นี้ “จำศีลอยู่ใต้สะดือทะเล” แล้วเสด็จขึ้นมาโปรดสัตว์ในคืนเพ็ญวันพุธของปี เพื่อนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองและผู้ศรัทธา

พิธีกรรมดำเนินโดย พระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง (เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ อัญเชิญองค์พระอุปคุตขึ้นประดิษฐานบน ราชรถบุษบก ก่อนตั้งขบวนเกียรติตระการตา ผ่านเส้นทางสำคัญใจกลางเมือง ได้แก่ ถนนบรรพปราการ–หอนาฬิกานครเชียงราย–แยกประตูสรี ขณะที่สองฟากถนน ประชาชนตั้งแถวประนมมือ เปล่งเสียง “สาธุ” พร้อมประพรมน้ำอบและจุดผางประทีปตลอดแนวทาง สถานการณ์จราจรถูกจัดระเบียบให้เคลื่อนช้า เพื่อเอื้อให้ขบวนผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

ลำดับพิธี จาก “อัญเชิญ” สู่นาทีศรัทธา “ตักบาตรเที่ยงคืน”

พิธี “ตักบาตรเป็งปุ๊ด” ถือเป็นหัวใจของค่ำคืนนี้ หลังขบวนราชรถบุษบกพาองค์พระอุปคุตแห่รอบเมือง ชาวพุทธและนักท่องเที่ยวพร้อมใจ ตักบาตรในเวลาย่ำคืน โดยตั้งเครื่องไทยทาน ข้าวปลาอาหารแห้ง และดอกไม้ธูปเทียนอย่างประณีตตามแบบล้านนา ผู้สูงวัยคอยกำกับบุตรหลานให้ยืนเว้นช่องไฟ ส่งต่อของใส่บาตรอย่างสงบ และน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย

ความเชื่อท้องถิ่นกล่าวตรงกันว่า “ผู้ใดได้ทำบุญในคืนเป็งปุ๊ด โดยเฉพาะได้สักการะองค์พระอุปคุต จะประสบโชคลาภและขวัญกำลังใจ” แม้จะเป็นความเชื่อเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็กลายเป็นพลังอ่อนโยนที่ผูกโยงผู้คนกับพื้นที่ทางวัฒนธรรม ท่ามกลางบริบทเมืองท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

พิธีถวายความอาลัย “พระพันปีหลวง” ความจงรักภักดีที่สืบเนื่อง

ไฮไลต์อีกช่วงที่ร้อยเรียงพิธีกรรมของค่ำคืนนี้ คือ พิธีถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดย นายวันชัย จงสุทธานามณี พร้อมคณะผู้บริหาร และผู้มีเกียรติ อาทิ ร.ต.อ.ดร.ธนรัช จงสุทธานามณี, อาจารย์คฑา ชินบัญชร, และ นายโชติศิริ ดารายน ร่วมประกอบพิธี จุดผางประทีปหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และ ยืนสงบนิ่ง 93 วินาที เพื่อแสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ บรรยากาศสงบนิ่งและเคร่งขรึม ผสานจังหวะกลองสะบัดชัยเบาๆ ที่ทอดจังหวะให้พิธีดำเนินอย่างสมพระเกียรติ

ความหมายเชิงมรดกวัฒนธรรม “เป็งปุ๊ด” สะท้อนรากเหง้าล้านนา

ประเพณี “เป็งปุ๊ด” มีนัยทางประวัติศาสตร์–ศาสนา–วัฒนธรรมที่ลึกซึ้งต่อสังคมล้านนา ไม่เพียงเกี่ยวพันกับ ตำนานพระอุปคุต หากยังเป็น “นาฬิกาจิตวิญญาณ” ที่นัดหมายผู้คนให้หวนกลับไปเชื่อมต่อกับชุมชนและวัดวาอาราม

  1. มิติศาสนา — การอัญเชิญพระอุปคุตเป็นสัญลักษณ์แห่ง “อำนาจคุณความดี” ปราบอุปัทวันตรายและสิ่งอัปมงคล เชื่อมการทำบุญกับการปกปักษ์คุ้มครองบ้านเมือง
  2. มิติชุมชน — การตักบาตรยามดึกสร้างความสัมพันธ์ข้ามรุ่น ระหว่างผู้เฒ่าผู้แก่กับเยาวชนที่มาร่วมพิธีอย่างตื่นตา เกิดการถ่ายทอดพิธีกรรม “จากมือสู่มือ–จากใจสู่ใจ”
  3. มิติเมืองท่องเที่ยว — พิธีกรรมพื้นถิ่นกลายเป็น “ต้นทุนทางวัฒนธรรม” ที่ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยว คุณค่าจึงไม่ใช่เพียงภาพถ่ายยามค่ำ หากเป็น “เวลาแห่งการเรียนรู้” ของผู้มาเยือนว่าคนเมืองเหนืออยู่กับศาสนาและชุมชนอย่างไร

บทบาทผู้นำท้องถิ่น บูรณาการพิธี–เชื่อมภาคี สู่การจัดการเมืองแบบเคารพรากเหง้า

ในเชิงการบริหารจัดการเมือง พิธีเป็งปุ๊ดครั้งนี้สะท้อน “สมการใหม่” ของเทศบาลนครเชียงรายที่พยายามผสาน ศรัทธา–ความปลอดภัย–เศรษฐกิจชุมชน ให้กลมกลืนกัน โดยเทศบาลทำหน้าที่ประสานงานกับวัดมิ่งเมือง ภาคประชาสังคม ผู้ประกอบการริมเส้นทาง และหน่วยงานความมั่นคง–สาธารณสุขในระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ตลอดเส้นทางขบวนอัญเชิญพระอุปคุตถึงจุดตักบาตร

แม้รายละเอียดเชิงปฏิบัติการเป็นเรื่องเทคนิค แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ “ความพร้อมของเมือง” ในการรองรับกิจกรรมที่มีนัยทางจิตวิญญาณและการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดจุดบริการน้ำดื่ม การประชาสัมพันธ์เส้นทางให้ชุมชนรับรู้ล่วงหน้า หรือการจัดระเบียบทางเท้าให้กว้างพอสำหรับทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่พาบุตรหลานมาร่วมพิธี

เสียงสะท้อนจากผู้ร่วมงาน “งานบุญ–งานใจ–งานเมือง”

แม้พิธีในคืนนี้ไม่ได้มีการกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการยืดยาว แต่เสียงสนทนาตามฟุตปาธเผยให้เห็น “คุณค่าที่ยากจะวัด” พ่อค้าขายข้าวต้มมัดบอกว่า “คืนเพ็ญวันพุธ คนมาเยอะกว่าปีก่อน เห็นเด็กๆ มาตักบาตรกับพ่อแม่แล้วชื่นใจ” ขณะที่นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดยิ้มบอกว่า “มาถึงเชียงรายก็อยากสัมผัสวิถีล้านนาของจริง และคืนนี้ได้มากกว่าที่คิด ทั้งขบวนแห่และการจุดประทีปสวยมาก”

ความรู้สึกเหล่านี้ช่วยอธิบายว่า งานบุญ มิได้อยู่ในเขตวัดเท่านั้น หากแผ่ไปทั่วเมือง กลายเป็น งานใจ ที่เยียวยาผู้คน และเป็น งานเมือง ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างพอดี—ร้านดอกไม้ พวงมาลัย ของฝากพื้นเมือง และย่านอาหารยามค่ำได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องจัดมหกรรมขนาดใหญ่

เมื่อ “ความศรัทธา” กลายเป็นสาธารณูปโภคทางวัฒนธรรม

  1. เมืองที่น่าอยู่คือเมืองที่มีพื้นที่ให้ทำความดีร่วมกัน
    พิธีตักบาตรเป็งปุ๊ดสร้าง “เวลาและพื้นที่ร่วม” ให้ผู้คนได้ปฏิบัติธรรมและเชื่อมโยงกันในความหมายของความดีงาม เมืองที่ออกแบบพิธีกรรมให้เป็นมิตรกับทุกวัย ย่อมเป็นเมืองที่น่าอยู่ในระยะยาว
  2. วัฒนธรรมคือทุนท้องถิ่นที่เติบโตช้าแต่มั่นคง
    การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไม่ต้องอิงเวทีใหญ่หรือแสงสีอลังการเสมอไป หากแต่ต้อง “จริงแท้กับรากเหง้า” ยิ่งพิธีกรรมถูกรักษาอย่างมีคุณภาพ ความเชื่อมั่นของผู้มาเยือนยิ่งสูง และสร้างความภูมิใจร่วมของคนในท้องถิ่น
  3. การเคารพพระมหากษัตริย์–สถาบันหลักของชาติ ผ่านพิธีกรรมที่เคร่งขรึมและเหมาะควร
    พิธีถวายความอาลัย “พระพันปีหลวง” ที่ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับพิธีศาสนา แสดงถึงความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมและการเมืองที่อยู่ร่วมกันได้ในพื้นที่สาธารณะ

เส้นเรื่องของค่ำคืน จากจุดเทียน ถึงจุดหมาย

เมื่อขบวนอัญเชิญพระอุปคุตเคลื่อนผ่านหอนาฬิกา ท้องฟ้าเชียงรายปลอดโปร่ง แสงเพ็ญสะท้อนยอดฉัตรราชรถบุษบกเป็นประกาย เสียงฆ้อง–กลอง–สวดเจริญพระพุทธมนต์สอดรับกับเสียงกล้องถ่ายรูปที่บันทึกช่วงเวลาแห่งศรัทธาไว้ เงาร่างของผู้คนที่ก้มกราบผืนผ้าสไบและพวงมาลัย กลายเป็นภาพจำของ “เมืองแห่งความดีงาม” ที่พยายามรักษาความหมายของคำว่า “เราพวกเดียวกัน” เอาไว้

และเมื่อเสียงเพลงบทสุดท้ายดับลง ถนนก็กลับสู่ความสงบ แต่ ความทรงจำเรื่องการให้และความกตัญญู จะยังคงอยู่ในบ้านและโรงเรียน ในเพจวัดและเพจชุมชน ในสินค้าพื้นเมืองที่ขายดีขึ้นเล็กน้อย และในแผนงานของเทศบาลที่เรียนรู้จากปีนี้เพื่อทำให้ปีหน้าดียิ่งขึ้น

Key Takeaways (สรุปประเด็นสำคัญ)

  • วาระวัฒนธรรมล้านนา เทศบาลนครเชียงรายร่วมกับวัดมิ่งเมืองจัดพิธี ตักบาตร “เป็งปุ๊ด” (ตักบาตรเที่ยงคืน) พร้อม อัญเชิญ “พระอุปคุต” แห่รอบเมือง ตามความเชื่อว่าจะนำความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ศรัทธา
  • ความจงรักภักดี จัดพิธี ถวายความอาลัย “พระพันปีหลวง” โดยการจุดผางประทีปและยืนสงบนิ่ง 93 วินาที อย่างสมพระเกียรติ
  • เมืองกับมรดกวัฒนธรรม กิจกรรมแสดงศักยภาพการจัดการเมืองที่เคารพรากเหง้า เชื่อม ศาสนา–ชุมชน–การท่องเที่ยว ให้เดินไปด้วยกันอย่างกลมกลืน
  • คุณค่าที่สัมผัสได้ คืนเดียวสร้าง เวลาและพื้นที่ร่วม ให้คนต่างวัยทำความดีร่วมกัน เกิดความภูมิใจในท้องถิ่น และสร้างรายได้จุลภาคแก่ผู้ค้าชุมชน

ความรู้ย่อ “เป็งปุ๊ด” คืออะไร

  • “เป็ง” ในภาษาล้านนา แปลว่า วันเพ็ญ (พระจันทร์เต็มดวง)
  • “ปุ๊ด” แปลว่า วันพุธ
  • เมื่อสองคำรวมกัน คือ คืนวันพุธเพ็ญ ซึ่งในความเชื่อชาวล้านนาเป็นคืนศักดิ์สิทธิ์ที่ พระอุปคุต เสด็จขึ้นมาปรากฏเพื่อปราบอัปมงคล ผู้คนจึงนิยม ตักบาตรเที่ยงคืน และทำบุญต่ออายุชุมชน โดยเฉพาะในวัดสำคัญของเมือง

เชิงนโยบายสาธารณะ ทำอย่างไรให้ “พิธีที่ดี” ยิ่งยั่งยืน

  1. ปรับปรุงการสื่อสารเมืองล่วงหน้า แผนที่เส้นทางขบวน เวลาพิธี และจุดบริการผู้สูงอายุ–เด็กเล็ก เพื่อให้ชุมชนและนักท่องเที่ยววางแผนได้
  2. พัฒนาระบบจัดการสิ่งแวดล้อมในงานบุญ จุดคัดแยกขยะ, แก้ว–ภาชนะรีฟิล, และรณรงค์ “ถุงผ้าบุญ” เพื่อลดพลาสติก
  3. ทำฐานข้อมูล “พิธีวัฒนธรรมเชียงราย” เอกภาพเนื้อหา–ภาพถ่าย–คำบรรยายหลายภาษา เพื่อยกระดับการเรียนรู้ของผู้มาเยือน
  4. ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ตลาดงานบุญ (night bazaar แบบชุมชน) รอบเส้นทางที่คัดสรรสินค้าท้องถิ่นคุณภาพ เพิ่มรายได้ฐานรากอย่างพอดี

จาก “เป็งปุ๊ด” สู่ “เมืองที่ทุกคืนมีแสง”

ค่ำคืน “เป็งปุ๊ด” ปีนี้อาจผ่านไปพร้อมแสงจันทร์เต็มดวง แต่ “แสง” ที่สว่างกว่านั้นคือ ใจของผู้ให้ และ ใจของผู้รักษารากเหง้า เชียงรายในฐานะเมืองศิลปวัฒนธรรมกำลังบอกเราว่า เมืองที่น่าอยู่ไม่จำเป็นต้องมีตึกสูงแสงนีออน หากแต่ต้องมี พื้นที่ให้คนทำความดีร่วมกัน อย่างต่อเนื่อง และมีเทศบาล–วัด–ชุมชนเป็นพันธมิตรที่เชื่อใจกัน

ในปีต่อไป เมื่อเสียงฆ้องกลองกังวานคืนเพ็ญวันพุธอีกครั้ง ผู้คนคงกลับมาที่เดิม—หน้าวัดมิ่งเมือง หอนาฬิกา และประตูสรี—เพื่อทำบุญ ตักบาตร และรำลึกว่าความศรัทธาคือ “สาธารณูปโภคทางใจ” ที่ทำให้เมืองนี้สวยงามกว่าที่ตาเห็น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายสืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด อัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก

เทศบาลนครเชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก สืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดในวันมาฆบูชา

เชียงราย,12 กุมภาพันธ์ 2568 เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุต ขึ้นจากแม่น้ำกก  เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมกันประกอบพิธีอัญเชิญ “พระอุปคุต” ขึ้นจากแม่น้ำกก บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่โบราณ

พิธีดังกล่าวได้รับเกียรติจาก พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง และเจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 จังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมทั้ง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี โดยการอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกกครั้งนี้ เป็นไปตามความเชื่อของชาวล้านนาว่า พระอุปคุตเป็นพระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์ สามารถบันดาลโชคลาภและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ศรัทธา

พิธีแห่พระอุปคุตและการตักบาตรเป็งปุ๊ด

หลังจากพระอุปคุตได้รับการอัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้ว ได้มีการประดิษฐานบน ราชรถบุษบก และเคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดมิ่งเมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญในคืน “ตักบาตรเป็งปุ๊ด” ที่ตรงกับวันมาฆบูชาในปีนี้

ช่วงเวลา 00.01 น. เช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 พระสงฆ์เริ่มออกบิณฑบาตจากหน้าวัดมิ่งเมือง ตามถนนบรรพปราการ ผ่าน วงเวียนหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ไปจนถึงสี่แยกประตูสลี รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี และมีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรด้วยความศรัทธา

ในพิธีนี้ นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ก็ได้เข้าร่วม พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากการประชุม AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมระดับนานาชาติ ที่มีตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม

ความหมายของวันเป็งปุ๊ดในล้านนา

“ตักบาตรเป็งปุ๊ด” หรือ “ตักบาตรเที่ยงคืน” เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณในภาคเหนือของไทย โดยมีความเชื่อว่า วันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ เป็นวันที่พระอุปคุตซึ่งจำพรรษาอยู่ใต้ทะเลจะขึ้นมาโปรดสัตว์ หากผู้ใดได้ใส่บาตรในวันดังกล่าวจะได้รับอานิสงส์แรง เสริมโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ประชาชนชาวล้านนาเชื่อกันว่า พระอุปคุตมักจะ แปลงกายเป็นสามเณรน้อย หรือพระภิกษุเพื่อออกมารับบิณฑบาต ดังนั้นเมื่อถึงวันเป็งปุ๊ด ชาวบ้านจึงมักจะตื่นมาทำบุญตั้งแต่เที่ยงคืน ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และหาชมได้ยาก

ประชาชนร่วมงานตักบาตรเป็งปุ๊ดคึกคัก

พิธี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ในปีนี้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วเชียงราย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร มีประชาชนนำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระมาร่วมตักบาตรกันอย่างคึกคัก

พิธีดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากผู้ที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการร่วมทำบุญตามความเชื่อของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสดีในการสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะประเพณีอันทรงคุณค่า

ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม

ประเพณี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ ที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีวันเป็งปุ๊ดเพียง 1 หรือ 2 ครั้ง เท่านั้น ทำให้เป็นโอกาสพิเศษสำหรับพุทธศาสนิกชนที่ต้องการเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

การอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากน้ำและพิธีตักบาตรเที่ยงคืน นอกจากจะเป็นการสืบทอดความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงถึงความสามัคคีของชุมชน และการธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด

1. ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดมีขึ้นกี่ครั้งต่อปี?

ปกติแล้ววันเป็งปุ๊ดจะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับว่าปีไหนวันเพ็ญ 15 ค่ำตรงกับวันพุธ

2. ตักบาตรเป็งปุ๊ดแตกต่างจากการตักบาตรทั่วไปอย่างไร?

พิธีนี้เป็นการตักบาตรในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่าพระอุปคุตจะขึ้นมาจากใต้ทะเลเพื่อโปรดสัตว์ ทำให้ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าการตักบาตรในช่วงเช้าทั่วไป

3. ทำไมต้องอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำ?

ตามความเชื่อของชาวล้านนา พระอุปคุตจำพรรษาอยู่ใต้สะดือทะเล และจะขึ้นมาจากน้ำเพื่อมอบโชคลาภและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ศรัทธา

4. ใครสามารถเข้าร่วมพิธีตักบาตรเป็งปุ๊ดได้บ้าง?

ทุกคนสามารถเข้าร่วมพิธีได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนา

5. ของที่นิยมใช้ตักบาตรเป็งปุ๊ดมีอะไรบ้าง?

ของที่นิยมใช้ตักบาตร ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระ เช่น ธูปเทียนดอกไม้ ซึ่งถือเป็นการทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีอัญเชิญพระอุปคุตประกอบพิธี ตักบาตรเที่ยงคืนครั้งเดียวในปี 2567

 

เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัยจงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้ นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับวัดมิ่งเมือง โดยได้รับความเมตตาจากพระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครเชียงราย พี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากลำน้ำกก บริเวณสวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของชาวล้านนา ที่มีการปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

 

ทั้งนี้ การร่วมอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก โดยพระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย ณ บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง และเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระอุปคุตบนรถบุษบกไปยังวัดมิ่งเมือง เมื่อเวลา 23.39 น.ก่อนเที่ยงคืนจะมีการร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุ สามเณรจำนวน 72 รูป ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดมิ่งเมืองไปตามถนนบรรพปราการ-หอนาฬิกานครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากลำน้ำกกและขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมตักบาตรเที่ยงคืน

 
เมื่อเวลา 15.00 น. วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 2566 เทศบาลนครเชียงรายโดย ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและวัดมิ่งเมือง ทำพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากลำน้ำกก ขึ้นประดิษฐานยังราชรถบุษบก โดยพระครูโสภณ ศิลปาคมเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 สวนบริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง ให้พี่น้องประชาชนได้มีโอกาสทำบุญกราบไหว้สักการะ ซึ่งเชื่อกันว่าหากท่านได้ทำบุญตักบาตรพระอุปคุตแล้ว จะเกิดโชคลาภและความเป็นสิริมงคลยิ่งแก่ชีวิต
 
ขอถือโอกาสเชิญชวนทุกท่านได้มาร่วมพิธีตักบาตรในวันเป็งปุ๊ด และกราบไหว้สักการะพระอุปคุต บริเวณหน้าวัดมิ่งเมืองไปจนถึงหอนาฬิกาเชียงราย ตั้งแต่เวลา 23.39 น.เป็นต้นไป ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร บริเวณหน้าวัดมิ่งเมือง ไปตามถนนบรรพปราการ จนถึงหอนาฬิกานครเชียงราย
 
ตามความเชื่อของชาวล้านนา มีความเชื่อว่าองค์พระอุปคุตจะขึ้นมาโปรดสัตว์ก่อนเวลารุ่งเช้า ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ หลังได้เสด็จลงไปจำศีลภาวนาอยู่ใต้สะดือทะเลในรอบหนึ่งปี หากพุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสทำบุญกราบไหว้สักการะพระอุปคุต และได้ทำบุญตักบาตรพระอุปคุตแล้ว จะเกิดโชคลาภและความเป็นสิริมงคลยิ่งแก่ชีวิตของตนและครอบครัว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News