Categories
ECONOMY

นักท่องเที่ยวจีนหาย KKP ชี้ความปลอดภัยลดลง

วิกฤตนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย โอกาสและความท้าทายในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว

ประเทศไทย, 26 พฤษภาคม 2568 – อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของชาติ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลดลงอย่างน่าตกใจในช่วงต้นปี 2568 สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงราย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ แต่ยังทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า “นักท่องเที่ยวจีนหายไปไหน?” และประเทศไทยจะปรับตัวอย่างไรเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก

ความหวังที่พังทลายหลังตรุษจีน

ในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยถึง 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และสร้างรายได้กว่า 5.3 แสนล้านบาทต่อปี ด้วยตัวเลขที่สูงเช่นนี้ ประเทศไทยจึงคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาด โดยเฉพาะเมื่อจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID และเปิดประเทศในช่วงปลายปี 2565

ในช่วงปลายปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัว โดยมีจำนวนเฉลี่ย 560,000 คนต่อเดือน ซึ่งคิดเป็น 60-70% ของระดับก่อนโควิด-19 ความหวังพุ่งสูงขึ้นเมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนมกราคม 2568 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยถึง 660,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม ความหวังนี้กลับพังทลายลงอย่างรวดเร็ว เมื่อตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2568 ลดลงเกือบครึ่ง เหลือเพียง 300,000 คนต่อเดือน หรือเพียง 30% ของระดับก่อนโควิด-19

สถานการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเมืองอย่างเชียงราย ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ คำถามที่ตามมาคือ สาเหตุใดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างรุนแรง และประเทศไทยจะรับมือกับวิกฤตนี้ได้อย่างไร KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้วิเคราะห์สถานการณ์นี้และชี้ให้เห็นถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างและชั่วคราวที่ส่งผลต่อการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางการปรับตัวเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

สาเหตุของการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน

KKP Research ได้ระบุถึงสามปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยเชิงโครงสร้างและชั่วคราว ดังนี้:

  1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีน
    ปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สำคัญคือการที่นักท่องเที่ยวจีนหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ข้อมูลจาก China Tourism Academy ระบุว่า ในปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางภายในประเทศฟื้นตัวถึง 93.6% ของระดับปี 2562 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศฟื้นตัวเพียง 86.5% เท่านั้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเติบโตเพียง 4.8% ในปี 2567 ตามข้อมูลของ National Bureau of Statistics of China ยังส่งผลให้กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีนลดลง ทำให้หลายคนเลือกท่องเที่ยวในประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ไปสู่นักท่องเที่ยวอิสระ (Free Individual Traveler: FIT) เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ในอดีต นักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยมีสัดส่วนกรุ๊ปทัวร์สูงถึง 40% ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคที่อยู่ระหว่าง 10-20% อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2567 พบว่านักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ลดลงเหลือเพียง 20% ในขณะที่นักท่องเที่ยวอิสระเพิ่มขึ้นเป็น 80% การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยกลยุทธ์เน้นราคาต่ำ เช่น ทัวร์ราคาถูก อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป เนื่องจากนักท่องเที่ยวอิสระให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น เช่น คุณภาพการบริการ ความปลอดภัย และประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น

  1. ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยที่เสื่อมถอย
    ปัญหาความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจีน จากการสำรวจของ Dragon Trail International ในเดือนเมษายน 2568 พบว่า 52% ของนักท่องเที่ยวจีนที่ตอบแบบสอบถามมองว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย เพิ่มขึ้นจาก 38% ในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม ที่การรับรู้ด้านความปลอดภัยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

เหตุการณ์สำคัญที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ได้แก่ การลักพาตัวดาราชาวจีนในช่วงต้นปี 2568 การปราบปรามธุรกิจสีเทาที่สร้างความกังวลในหมู่นักท่องเที่ยว และเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเล็กในบางพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งถูกขยายความในสื่อจีน โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่ากรุ๊ปทัวร์ การรับรู้ด้านความปลอดภัยที่ลดลงนี้สะท้อนจากข้อมูลการจองเที่ยวบินขาเข้าไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ในขณะที่เที่ยวบินขาออกจากจีนไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมาเลเซียกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

  1. การแข่งขันจากจุดหมายปลายทางอื่น
    ปัจจัยทั้งเชิงโครงสร้างและชั่วคราวคือการที่นักท่องเที่ยวจีนหันไปเลือกจุดหมายปลายทางอื่นในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งมีข้อได้เปรียบในด้านความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว คุณภาพการบริการ และภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ข้อมูลจาก International Air Transport Association (IATA) แสดงให้เห็นว่า เที่ยวบินจากจีนไปยังญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 15% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ในขณะที่เที่ยวบินไปไทยลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่า ความน่าสนใจของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางลดลง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค

กลยุทธ์รับมือและโอกาสใหม่

เพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ KKP Research เสนอว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยและการสร้างความหลากหลายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย ดังนี้:

  1. การฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
    การแก้ไขปัญหาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการในระยะยาว Dragon Trail International ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกปลอดภัยมากที่สุดคือการออกคำแนะนำด้านการเดินทางในเชิงบวกจากรัฐบาลจีน และการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยโดยรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่ง 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่ามีความสำคัญ รองลงมาคือการรับข้อมูลเชิงบวกจากสื่อสังคมออนไลน์และเพื่อนนักท่องเที่ยว (25%) และการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงต่ำหรือการซื้อประกันการเดินทาง (20%) ในทางกลับกัน การเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์หรือการมีไกด์ท้องถิ่นไม่ได้ช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีนมากนัก

รัฐบาลไทยจึงควรประสานงานกับรัฐบาลจีนเพื่อปรับปรุงการรับรู้ด้านความปลอดภัย รวมถึงลงทุนในแคมเปญประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในจีน เช่น WeChat และ Douyin เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดและการเพิ่มกำลังตำรวจท่องเที่ยว จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้

  1. การกระจายกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย
    ในระยะสั้น การพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเพียงกลุ่มเดียวอาจเป็นความเสี่ยง KKP Research แนะนำให้มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียใต้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอินเดีย ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากเศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 7.8% ในปี 2567 ตามข้อมูลของ International Monetary Fund (IMF) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 นักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียใต้ฟื้นตัวถึง 120% ของระดับปี 2562 และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด

นักท่องเที่ยวยุโรปมีฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปีถึงต้นปี ซึ่งช่วยเติมเต็มช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง ในขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมากในช่วงกลางปี (พฤษภาคม-มิถุนายน) ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของทั้งสองกลุ่มนี้แตกต่างจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวยุโรปให้ความสำคัญกับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อาหารริมทาง และการช้อปปิ้งของที่ระลึก ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดียชื่นชอบกิจกรรมยามค่ำคืน การนวดและสปา และการช้อปปิ้งเสื้อผ้าและเครื่องหนัง

การปรับนโยบายการท่องเที่ยวจึงควรเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในภาคเหนือและอีสานสำหรับนักท่องเที่ยวยุโรป และการส่งเสริมสถานบันเทิงและสปาคุณภาพสูงในกรุงเทพฯ และพัทยาสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย

  1. การยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว
    การเปลี่ยนแปลงสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอิสระที่มีกำลังซื้อสูง การพัฒนาการบริการ การเพิ่มความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงนิเวศจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับประเทศไทย นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แพลตฟอร์มจองที่พักและกิจกรรมออนไลน์ที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวอิสระทั้งจากจีนและกลุ่มอื่นๆ

โอกาสท่ามกลางวิกฤต

การลดลงของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงต้นปี 2568 เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย แม้ว่าปัญหานี้จะมีทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างและชั่วคราว แต่ก็เป็นโอกาสให้ประเทศไทยทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์การท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเพียงกลุ่มเดียวในอดีตได้แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรม เมื่อเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว

ในระยะสั้น การแก้ไขปัญหาความปลอดภัยและการประชาสัมพันธ์เชิงบวกจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนได้บ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่ยังมีศักยภาพในการกลับมา อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว การกระจายกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายไปสู่นักท่องเที่ยวยุโรปและอินเดียจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความสมดุลให้กับอุตสาหกรรม การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและการยกระดับคุณภาพการบริการจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยวแบบอิสระยังเป็นโอกาสให้ประเทศไทยพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่เน้นประสบการณ์เฉพาะตัว เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเชียงราย การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในภาคใต้ หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกรุงเทพฯ การพัฒนาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย:
    • ปี 2562: 11 ล้านคน (28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด)
    • ปี 2567: เฉลี่ย 560,000 คนต่อเดือน (60-70% ของระดับก่อนโควิด-19)
    • มกราคม 2568: 660,000 คน
    • กุมภาพันธ์-เมษายน 2568: เฉลี่ย 300,000 คนต่อเดือน (30% ของระดับก่อนโควิด-19)
      ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (www.mots.go.th)
  • การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน:
    • นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางในประเทศ: ฟื้นตัว 93.6% ของระดับปี 2562
    • นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ: ฟื้นตัว 86.5% ของระดับปี 2562
      ที่มา: China Tourism Academy (www.ctaweb.org)
  • สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน:
    • ปี 2562: กรุ๊ปทัวร์ 40%, นักท่องเที่ยวอิสระ 60%
    • ปี 2567: กรุ๊ปทัวร์ 20%, นักท่องเที่ยวอิสระ 80%
    • การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวอิสระ: 77.4% (5.3 ล้านคน)
    • การฟื้นตัวของกรุ๊ปทัวร์: 33.4% (1.4 ล้านคน)
      ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (www.mots.go.th)
  • การรับรู้ด้านความปลอดภัย:
    • เดือนกันยายน 2567: 38% ของนักท่องเที่ยวจีนมองว่าไทยไม่ปลอดภัย
    • เดือนเมษายน 2568: 52% ของนักท่องเที่ยวจีนมองว่าไทยไม่ปลอดภัย
      ที่มา: Dragon Trail International (www.dragontrail.com)
  • การเติบโตของนักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียใต้:
    • ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568: ฟื้นตัว 120% ของระดับปี 2562
    • สัดส่วน: คิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด
      ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (www.mots.go.th)
  • การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย:
    • ปี 2567: GDP เติบโต 7.8%
      ที่มา: International Monetary Fund (www.imf.org)
  • ข้อมูลเที่ยวบิน:
    • เที่ยวบินจากจีนไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้: เพิ่มขึ้น 15% ในไตรมาสแรกของปี 2568
    • เที่ยวบินจากจีนไปไทย: ลดลง 10% ในไตรมาสแรกของปี 2568
      ที่มา: International Air Transport Association (www.iata.org)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (www.kkpfg.com)
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (www.mots.go.th)
  • China Tourism Academy (www.ctaweb.org)
  • Dragon Trail International (www.dragontrail.com)
  • International Monetary Fund (www.imf.org)
  • International Air Transport Association (www.iata.org)
  • National Bureau of Statistics of China (www.stats.gov.cn)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ททท. เร่งเครื่องดึงจีนเที่ยวไทย โรดโชว์ 3 เมืองใหญ่

ททท.เร่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวจีนหลังสัญญาณฟื้นตัว เร่งโรดโชว์ 3 เมืองใหญ่ ผนึกภาคเอกชนสร้างความมั่นใจ ดึงกรุ๊ปทัวร์กลับไทย

กรุงเทพฯ, 21 มีนาคม 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ททท.กำลังเดินหน้ากระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างเข้มข้น หลังจากสัญญาณของตลาดเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะการจองการเดินทางล่วงหน้าเข้าสู่ประเทศไทยที่เริ่มขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันหยุดแรงงานของจีน

ทั้งนี้ ททท.ได้เตรียมจัดโรดโชว์ใน 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น และเฉิงตู ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์และต่อเนื่องถึงช่วงวันแรงงาน

สาเหตุการชะลอตัวของตลาดจีนและแผนฟื้นฟู

นางสาวฐาปนีย์ ระบุว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากหลายปัจจัย เช่น การลดลงของเที่ยวบินเช่าเหมาลำกว่า 20% การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระแสข่าวด้านความปลอดภัยที่กระทบต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยเดินทางมาไทยมาก่อน

เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ ททท.จึงประสานงานกับสำนักงาน 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว ให้เร่งดำเนินการตลาดเชิงรุกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ในจีน การประชาสัมพันธ์กิจกรรมสงกรานต์ และการทำคาราวานรถยนต์จากเมืองคุณหมิงเข้าสู่เชียงใหม่

ดึงภาคเอกชนร่วมโรดโชว์และส่งเสริมกรุ๊ปทัวร์

ททท.ยังได้ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (แอตต้า) ในการจัดโรดโชว์ต่อเนื่องช่วงเดือนพฤษภาคม เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและช่วงวันชาติของจีนในเดือนตุลาคม โดยเฉพาะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สร้างวอลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ ททท.ได้เชิญตัวแทนบริษัทนำเที่ยวจากจีนกว่า 500 ราย มาสำรวจเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นโดยตรง และเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปใหญ่ในอนาคตอันใกล้

โปรโมชั่นพิเศษผ่าน “แกรนด์สงกรานต์” และพันธมิตรดิจิทัล

สำหรับการดึงดูดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ททท.ร่วมมือกับแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลชั้นนำของจีน เช่น Alipay โดยเสนอส่วนลดพิเศษ หากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายผ่านแอปดังกล่าว และยังร่วมกับแพลตฟอร์ม OTA อย่าง Ctrip จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเพื่อแข่งขันกับประเทศปลายทางคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ททท. ยังเตรียมจัดกิจกรรม “แกรนด์สงกรานต์ แกรนด์พริวิเลจ” เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเหนือระดับ โดยมีสิทธิประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เช่น ส่วนลดร้านค้า สปา ร้านของที่ระลึก และลุ้นรับของที่ระลึก ณ สนามบินหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต

จังหวัดเชียงรายเตรียมความพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนประจำจังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 โดยกำหนดมาตรการหลักคือ การตั้งด่านตรวจหลักในจุดเสี่ยง ช่วงเวลาต่างกันเพื่อลดอุบัติเหตุ และให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้กำหนดแผนรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  1. ช่วงประชาสัมพันธ์: 1 มี.ค. – 3 เม.ย. 2568
  2. ช่วงก่อนเข้มข้น: 4 – 10 เม.ย. 2568
  3. ช่วงเข้มข้น: 11 – 17 เม.ย. 2568
  4. ช่วงหลังเข้มข้น: 18 – 24 เม.ย. 2568

โดยคาดว่าจังหวัดเชียงรายจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงเทศกาลดังกล่าว เนื่องจากมีการเตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยและกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม

เป้าหมายและทิศทางตลาดจีนปี 2568

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2568 ไว้ที่ 8-9 ล้านคน โดยมั่นใจว่าหากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม สถานการณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะจากยอดจองที่เพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยปี 2566: ประมาณ 3.5 ล้านคน
  • เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนปี 2568: 8-9 ล้านคน
  • สำนักงาน ททท.ในจีน: 5 แห่ง (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู กว่างโจว)
  • บริษัททัวร์จีนที่เข้าร่วมกิจกรรมในไทย: 500 ราย (เบื้องต้น)
  • เมืองเป้าหมายโรดโชว์: เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น เฉิงตู

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

  • ประชาชาติธุรกิจ

  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ท่องเที่ยวไทยวิกฤต จีนเททริปหนีภัย ญี่ปุ่นแซงหน้า

นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกเที่ยวบินไปไทย 94% หันไปญี่ปุ่นแทนช่วงตรุษจีน

จีนแห่เที่ยวญี่ปุ่น แทนไทย หลังข่าวลักพาตัวนักแสดงดัง

ประเทศจีน, 24 กุมภาพันธ์ 2568 – ข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence เผยว่า ยอดการยกเลิกเที่ยวบินมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 94% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางไปยังญี่ปุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะลานสกีและบ่อน้ำพุร้อนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังเกิดกรณีลักพาตัว ‘หวัง ซิง’ หรือ ‘ซิงซิง’ นักแสดงชาวจีนจากไทยไปยังเมียนมา แม้จะมีการช่วยเหลือกลับมาได้สำเร็จ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความหวาดกลัวจนทำให้นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกแผนเดินทางมายังประเทศไทย

นักวิเคราะห์เตือน ไทยอาจพลาดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน

Eric Zhu นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า ความกังวลเรื่องความปลอดภัยมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจีนมากกว่ามาตรการสร้างความมั่นใจของรัฐบาลไทย “การรับรู้ข่าวร้ายสูงเกินไปจนแนวทางยกระดับความปลอดภัยของไทยอาจไม่สามารถกู้คืนความเชื่อมั่นได้ในระยะสั้น”

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นกลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม โดยยอดจองเที่ยวบินจากจีนไปญี่ปุ่นในไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยที่ส่งเสริม ได้แก่ ค่าเงินเยนอ่อน และราคาตั๋วเครื่องบินจากเซี่ยงไฮ้ไปโตเกียวที่ต่ำเพียง 150 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5,000 บาท

ไทยต้องปรับกลยุทธ์แข่งขัน ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา

ประเทศไทยกำลังสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดการท่องเที่ยวจีนให้กับญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีนโยบายฟรีวีซ่าดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) เผยว่า ในเดือนมกราคม 2568 ญี่ปุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกว่า 980,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า ขณะที่ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 711,000 คน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์

เพื่อรับมือกับปัญหานี้ รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีการตัดไฟและปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแรงงานต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดูว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนได้หรือไม่

สถิติการท่องเที่ยวไทยและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

  • ภาคการท่องเที่ยวไทยมีสัดส่วน 12% ของ GDP ประเทศ
  • คาดการณ์รายได้จากการท่องเที่ยวปี 2568 อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.85 ล้านล้านบาท)
  • เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนของไทยในปีนี้อยู่ที่ 8.8-9 ล้านคน
  • หากไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ ไทยอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้เพียง 7.5 ล้านคน

Subramania Bhatt ซีอีโอของ China Trading Desk ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้ยอดจองตั๋วเครื่องบินจากจีนมาไทยในเดือนมีนาคมยังลดลง 10% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ดีมานด์การเดินทางในเดือนเมษายนและพฤษภาคมกลับเติบโตขึ้นกว่า 3% ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก

อนาคตของการท่องเที่ยวไทยในสายตาผู้เชี่ยวชาญ

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุว่า รัฐบาลไทยต้องขยายตลาดการท่องเที่ยวไปไกลกว่าสถานที่ยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ หากต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา “แม้แต่คนไทยเองยังนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่าภูเก็ต”

ไทยจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามและส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่สนใจ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ มิฉะนั้น การดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาสู่ประเทศไทยอาจต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Bloomberg Intelligence

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

‘เกาหลีใต้’ ดึงนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มทัวร์เข้าได้ไม่ต้องวีซ่า ‘เว้นไทย’

รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดมาตรการดึงนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มทัวร์เรือสำราญเข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 จากรายงานของ Business Korea รัฐบาลเกาหลีใต้ได้พิจารณามาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มทัวร์ โดยเสนอให้ เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า (Visa-free entry) เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและวิกฤติโควิด-19

มาตรการนี้เริ่มต้นสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ และมีแผนขยายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในประเภทอื่นๆ ภายหลัง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนแก้ไขกฎหมายเพื่ออนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีสามารถเข้าพักในโฮมสเตย์ในเมือง (Urban Homestays) ซึ่งก่อนหน้านี้สงวนไว้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

การประชุมยุทธศาสตร์ฟื้นฟูการท่องเที่ยว

แผนการเหล่านี้ถูกประกาศในที่ประชุมว่าด้วยยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี ในเขตยงซาน กรุงโซล เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 การประชุมมีผู้แทนจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเอกชนประมาณ 60 คนเข้าร่วม โดยเน้นถึงความสำคัญของการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19

มาตรการสำคัญของรัฐบาล

  1. ขยายการยกเว้น K-ETA และค่าวีซ่า
    • รัฐบาลได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจาก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และอินเดีย จนถึงสิ้นปีหน้า
    • ขยายระยะเวลาการยกเว้นชั่วคราวสำหรับ Korea Electronic Travel Authorization (K-ETA) ถึงสิ้นปี 2568
  2. สนับสนุนการเงินแก่ภาคการท่องเที่ยว
    • เงินกู้ทั่วไป 536.5 พันล้านวอน
    • การชดเชยเงินกู้รอง 100 พันล้านวอน
    • เงินกู้ค้ำประกัน 70 พันล้านวอน
    • มีแผนใช้งบประมาณด้านการท่องเที่ยว 1.3 ล้านล้านวอน โดย 70% ของงบประมาณดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในช่วงครึ่งปีแรก
  3. ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมและแคมเปญ
    • จัดงาน “Korea Grand Sale” ขยายระยะเวลาในครึ่งปีแรก
    • เตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่ “Beyond K-Festa” ในเดือนมิถุนายน

ความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเกาหลีใต้

ข้อมูลจาก องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ระบุว่า เกาหลีใต้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 13.74 ล้านคนภายในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดตั้งแต่ปี 2562 ที่เคยมี 17.5 ล้านคนก่อนการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ถึงเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 20 ล้านคนในปีนี้ สะท้อนถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเผชิญ

รัฐบาลเน้นย้ำความสำคัญของการสื่อสารใกล้ชิดกับภาคการท่องเที่ยว

รองประธานาธิบดีฮัน ดัก-ซู กล่าวในที่ประชุมว่า “เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของตลาดการท่องเที่ยว เราจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกและเร่งด่วน ผ่านการสื่อสารใกล้ชิดกับภาคการท่องเที่ยว”

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความหวังในอนาคต

มาตรการที่เน้นการเปิดประเทศและฟื้นฟูการท่องเที่ยวนี้ คาดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการช็อปปิ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้

จากแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การยกเว้นวีซ่า และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เกาหลีใต้หวังจะกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2568 และปีต่อๆ ไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : businesskorea

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 31 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาล

กระทรวงการท่องเที่ยวเผย นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 31 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.46 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 24 พฤศจิกายน 2567 โดยพบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้วทั้งสิ้น 31,313,787 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นมูลค่าประมาณ 1,466,408 ล้านบาท

นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย

  1. จีน จำนวน 6,096,010 คน
  2. มาเลเซีย จำนวน 4,443,173 คน
  3. อินเดีย จำนวน 1,868,802 คน
  4. เกาหลีใต้ จำนวน 1,647,328 คน
  5. รัสเซีย จำนวน 1,455,398 คน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short Haul) มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางสะสมมากกว่า 6 ล้านคน และชาวเกาหลีใต้ที่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 14.28% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล (Long Haul) มีการชะลอตัวด้านการเดินทาง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มปกติช่วงก่อนฤดูท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม

จำนวนนักท่องเที่ยวประจำสัปดาห์ (18-24 พฤศจิกายน 2567)

  • จำนวนนักท่องเที่ยวรวม: 749,306 คน
  • เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า: 1,362 คน หรือ 0.18%
  • ค่าเฉลี่ยต่อวัน: 107,044 คน

5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยประจำสัปดาห์

  1. จีน: 122,020 คน (+7.18%)
  2. มาเลเซีย: 81,886 คน (ปรับลดลงเล็กน้อย)
  3. รัสเซีย: 50,071 คน (+3.37%)
  4. อินเดีย: 46,259 คน (+1.88%)
  5. เกาหลีใต้: 38,959 คน (+14.28%)

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

  1. เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ของตลาดระยะไกล โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป
  2. เพิ่มจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
  3. มาตรการ Ease of Traveling เช่น การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก
  4. การเพิ่มเที่ยวบิน โดยรัฐบาลได้กระตุ้นสายการบินให้เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะกลุ่มตลาดยุโรปและตลาดระยะไกล เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และมาตรการส่งเสริมการเดินทางที่เอื้อต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย

การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในปี 2567 ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งในแง่ของรายได้จากนักท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยพุ่ง รับผลจากฟรีวีซ่า

นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยโตแรง รับผลบวกจากมาตรการวีซ่าฟรี

นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ผลจากมาตรการวีซ่าฟรี

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากกว่า 5.3 ล้านคน เติบโตถึง 112% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการวีซ่าฟรีระหว่างไทยและจีน อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจเติบโตได้ยากเนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีน

การปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2567

ในปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยมาอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 8 ล้านคน เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และชาวจีนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นจากมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวของหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ศรีลังกา และสิงคโปร์ ที่ใช้มาตรการวีซ่าฟรีในการดึงดูดนักท่องเที่ยว

แนวโน้มการท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนสู่การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์

พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทาง โดยชาวจีนมองหาจุดหมายใหม่ๆ ที่เน้นประสบการณ์ที่หลากหลายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การเดินทางธรรมชาติ และการพักผ่อนเชิงสุขภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจและโปรโมทจุดหมายปลายทางของผู้ประกอบการไทยที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางนักท่องเที่ยวจีนในอนาคต

นอกจากการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมท่องเที่ยว ค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยวของจีน นอกจากนี้ ปัญหาทางการเมืองและสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตา โดยการฟื้นตัวเต็มรูปแบบของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทย คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย /วัดร่องขุ่น – Wat Rong Khun – White Temple , Chiang Rai , Thailand

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

นายกฯ ยินดีนักท่องเที่ยวจีน มาไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

นายกฯ ยินดีนักท่องเที่ยวจีน มาไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

Facebook
Twitter
Email
Print

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยินดียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากถึง 1,003,893 คน (1 มกราคม – 18 พฤษภาคม 2566) และมียอดเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 98 สะท้อนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีต่อประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล่าสุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เดินหน้าจัดกิจกรรม Trusted Thailand, You Taiguo Yue Wan Yue Kaixin หรือ เที่ยวเมืองไทยยิ่งไปยิ่งสนุก โดยเชิญชาวจีนผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด (Key Opinion Leaders: KOLs) จำนวน 60 คน สื่อมวลชน สายการบิน และพันธมิตร เข้าร่วม เพื่อนำเสนอข้อมูลการบริการ การอำนวยความสะดวก ตลอดจนมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวผ่านรูปแบบรถโมบายล์ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1155 และแอปพลิเคชัน Police I lert u ซึ่งรองรับหลายภาษา เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขอความช่วยเหลือจากตำรวจได้ ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 ล้านคน และสร้างรายได้ 446,000 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เมษายน 2566 มีเที่ยวบินระหว่างไทย – จีน รวมทั้งหมด 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ร้อยละ 98 ซึ่งจากการที่ทางการจีนมีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ทำให้สายการบินจากจีนต้องการเปิดทำการบินและเพิ่มความถี่ในการบินมากขึ้น โดย บวท. คาดการณ์ว่า ในปีงบประมาณ 2566 (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) จะมีเที่ยวบินจากจีนรวมกว่า 46,175 เที่ยวบิน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการบิน และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ 

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสำเร็จจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วนที่ทำให้ ไทยคงได้รับความเชื่อมั่นและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่บูรณาการการทำงานร่วมกันตามแนวนโยบายของรัฐบาล สนับสนุนการฟื้นตัวอย่างสมดุลของภาคการท่องเที่ยว และภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้อยากกลับมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยอีก ในครั้งต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE