Categories
FEATURED NEWS

เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ ผ่าน BAAC Mobile ได้แล้ววันนี้!

 
ธ.ก.ส. เปิดระบบการแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิ์มาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อยผ่านแอปพลิเคชัน “BAAC Mobile” เผยวันแรกมียอดผู้แจ้งความประสงค์แล้วกว่า 9,000 ราย โดยแจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มกราคม 2567 ซึ่ง ธ.ก.ส. จะนำข้อมูลมาพิจารณาเพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์ไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องและเข้ารับการประเมินศักยภาพ ความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพต่อไป

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรและบุคคลที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้เปิดระบบการแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นระบบจะมีการประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์และผู้ค้ำประกันไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ารับการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” เพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังการพักชำระหนี้ พร้อมเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ในการจัดหาปัจจัยการผลิต เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้อย่างมั่นคงหลังการพักชำระหนี้ โดยในการเปิดระบบวันแรก ณ เวลา 17.00 น. มีผู้แจ้งความประสงค์แล้วจำนวน 9,481 ราย

ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนลูกค้าที่ประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการฯ สามารถดาวน์โหลดและสมัครใช้งานแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้บนระบบ IOS และ Android ผ่านทาง App store และ Play store เท่านั้น หรือในกรณีที่ไม่สะดวก สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการที่สาขาใกล้บ้านทั่วประเทศ ซึ่งพนักงานจะอำนวยความสะดวกในการแจ้งความประสงค์ผ่าน BAAC Mobile เพื่อเข้าสู่ระบบการประมวลผลและตรวจสอบสิทธิ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ จะต้องเป็นไปตามความสมัครใจของลูกหนี้ ซึ่งหากลูกค้าผ่านเกณฑ์การพิจารณา จะได้รับการแจ้งเตือนนัดหมายสำหรับการยืนยันตัวตนเข้าร่วมมาตรการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ต่อไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

ธ.ก.ส. จับมือ สทท. เชื่อมโยงผู้ประกอบการ ท่องเที่ยวและเครือข่ายชุมชน

 

ธ.ก.ส. จับมือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยกระดับชุมชนท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยสนับสนุนความรู้ด้านการบริหารจัดการและพัฒนาช่องทางการตลาดให้ชุมชนท่องเที่ยว การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ชุมชน มีคุณภาพและมูลค่าสูง พร้อมเชื่อมโยงผู้ประกอบการกว่า 130 ราย นำฐานข้อมูลชุมชนท่องเที่ยวไปเปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว สัมผัสประเพณี วัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของไทย เพื่อสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการยกระดับรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

วันนี้ (13 กันยายน 2566) นายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายและเพิ่มช่องทางการตลาดชุมชนท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและมีคุณภาพ การเติมความรู้ด้านการบริหารจัดการช่องทางการตลาดให้กับชุมชน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารทาวเวอร์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ  

นายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. มีการขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ในการพัฒนาศักยภาพชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนภายใต้ BCG Model ผ่านการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวและเครือข่ายชุมชนท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือระหว่าง ธ.ก.ส. และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในครั้งนี้ คือการร่วมสนับสนุนและขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนให้มีมาตรฐานสากล เริ่มตั้งแต่การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ตรวจประเมินมาตรฐานการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อยกระดับการพัฒนาไปสู่เป้าหมาย การเติมองค์ความรู้ในการบริหารจัดการในด้านต่าง ๆ ผ่านโครงการอบรมการบริหารจัดการชุมชนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในชุมชนท่องเที่ยว 

 

พร้อมนำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภายใต้การดูแลของ สทท. กว่า 130 ราย เยี่ยมชมชุมชนที่มีการยกระดับ การท่องเที่ยวที่เป็นมาตรฐาน โดยนำข้อมูลไปบันทึกไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์และวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ ตอบโจทย์รูปแบบการท่องเที่ยวและการศึกษาดูงานเชิงวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ โดยมีชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนเข้าร่วมโครงการกว่า 64 ชุมชนทั่วประเทศ เช่น ภาคตะวันออก ได้แก่ บ้านทะเลน้อย จังหวัดระยอง บ้านทุ่งเพลง จังหวัดจันทบุรี ภาคเหนือ ได้แก่ บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย บ้านออนใต้ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคใต้ ได้แก่ บ้านเขาหลัก จังหวัดตรัง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บ้านสนวนนอก และบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น 

 

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ร่วมจัดเวทีเสวนา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ในด้านการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวให้แก่ผู้ประกอบการ และนำผลิตภัณฑ์จากชุมชนท่องเที่ยวและสินค้ามาตรฐาน A-Product มาให้ผู้ประกอบการได้สัมผัสและทดลองสินค้าในงานรวมพลคนท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ธ.ก.ส. เปิดตัว BAAC Carbon Credit ลดปัญหาโลกร้อน

 

ธ.ก.ส. ผนึกกำลังชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,800 ชุมชน ขับเคลื่อนภารกิจซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ BAAC Carbon Credit พร้อมออกใบ Certificate มาตรฐาน T-VER จาก อบก. เพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นำร่องธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่  และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น นำคาร์บอนเครดิตกว่า 450 ตันคาร์บอน ขายสร้างรายได้ให้ชุมชนมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มปริมาณคาร์บอนเครดิตจากชุมชนออกสู่ตลาดอีกกว่า 1.5 แสนตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกป่าตามพระราชดำริ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาและยกระดับไปสู่โครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า จนปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนกว่า 12.4 ล้านต้น มีสมาชิก 124,071 คน มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท และมีการเตรียมประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในปี 2566 คิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท และในโอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศต่อที่ประชุม World Leaders Summit ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065

ธ.ก.ส. จึงได้ร่วมกับชุมชนในการดำเนินโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อเดินหน้าแนวทางการส่งเสริมการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เริ่มจากการขึ้นทะเบียนโครงการ การตรวจนับจำนวนต้นไม้ การตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body: VVB) การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อนำปริมาณการกักเก็บดังกล่าวไปตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นำร่องโครงการธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น จำนวนคาร์บอนเครดิต 453 ตันคาร์บอน  โดยขายกึ่ง CSR ในราคาตันละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,359,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เกษตรกรในชุมชนจะมีรายได้ประมาณ 951,300 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนอกจากช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้ปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะมาดูดซับปริมาณคาร์บอน สร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน และผลักดันให้ประเทศไทย สามารถบรรลุข้อตกลงความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายที่วางไว้   
    
ด้านหลักการคิดคำนวณ ต้นไม้ 1 ต้น ช่วยสร้างปริมาณคาร์บอนเครดิตได้เฉลี่ย 9.5 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี    ซึ่งพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ได้เฉลี่ย 100 ต้น/ไร่ จะได้ปริมาณคาร์บอนเครดิต 950 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี ณ ราคาขายกึ่ง CSR 3,000 บาทต่อตันคาร์บอน (อัตราคำนวณรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 70 : 30) กล่าวคือ เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าขึ้นทะเบียนต้นไม้ในแต่ละต้น การตรวจนับและประเมิน การออกใบรับรอง เป็นต้น คิดเป็น  ร้อยละ 30 ของมูลค่าการขาย ดังนั้น เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ร้อยละ 70 ของราคาขาย หรือประมาณ 2,000 บาทต่อไร่ต่อปี หรือกรณีปลูกต้นไม้แบบหัวไร่ปลายนา จะสามารถปลูกได้เฉลี่ย 40 ต้น/ไร่ คิดเป็น 380 กิโลกรัมคาร์บอนต่อไร่ต่อปี จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายหลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 800 บาทต่อไร่ต่อปี ดังนั้นในกรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกเป็นศูนย์ โครงการ BAAC Carbon Credit จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรลุเป้าหมาย เพราะนอกจากหน่วยงานจะได้รับประโยชน์ในด้านธุรกิจ ที่มีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนและให้กำลังใจชุมชนในการดูแลและปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการปกป้องโดยคนในชุมชน สะท้อนถึงความเข้มแข็งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะขยายการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ รวมถึงขยายผลไปยังกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน การลดพื้นที่การเผาตอซังข้าว อ้อยและข้าวโพด การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะนำมาซื้อ – ขายได้กว่า 150,000 ตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี
    
สำหรับหน่วยงานที่สนใจในการซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิต และต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กับชุมชน อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชนบท ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ 2346 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ10900 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธ.ก.ส.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ธ.ก.ส. พร้อมเดินหน้าแก้หนี้ครัวเรือน “สินเชื่อแทนคุณ” แก้ปัญหา Aging ลูกค้า

ธ.ก.ส. ร่วมสมาคมสถาบันการเงินของรัฐและสมาคมธนาคารไทย เดินหน้าแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับนโยบายของ ธปท. โดยจัดกลุ่มลูกหนี้ตามศักยภาพ พร้อมวางแนวทางและเครื่องมือเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม เสริมด้วยความรู้เทคโนโลยีในการยกระดับรายได้ จัดทำโครงการสินเชื่อแทนคุณ วงเงิน 20,000 ล้านบาท แก้ปัญหา Aging ลูกค้า วางเป้าดึงทายาท 42,000 คน ร่วมบริหารจัดการหนี้และรักษาทรัพย์สินของครอบครัว พร้อมหนุนการต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า ยกระดับสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้มีการดำเนินนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนสอดรับกับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยแบ่งกลุ่มลูกหนี้ตามศักยภาพเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกหนี้ปกติ กลุ่มลูกหนี้ Hybrid และกลุ่มลูกหนี้ NPL และจัดทำเครื่องมือหรือวิธีการแก้ไขหนี้ให้สอดคล้องกับปัญหาที่แท้จริงของลูกหนี้เฉพาะกลุ่ม ควบคู่กับการเสริมความรู้ ทางการเงิน เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพและยกระดับรายได้ ซึ่งการดำเนินงานมีทั้งการวางแนวทางป้องกันไม่ให้หนี้ดีกลายเป็นหนี้เสียผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการชำระดีมีคืน โดยคืนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง วงเงินดอกเบี้ยที่จ่ายคืนไปแล้ว 2,840 ล้านบาท มีลูกค้าได้รับประโยชน์ 2.58 ล้านราย มาตรการทางด่วนลดหนี้ มาตรการจ่ายน้อย ผ่อนคลายได้ลดดอกเบี้ย ปี 2565 มาตรการตัดชำระหนี้ตามสัดส่วน (จ่ายดอก ตัดต้น) มาตรการปรับตารางชำระหนี้ (จ่ายต้น ปรับงวด) และแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้อันเป็นภาระหนัก เพื่อลดภาระและความกังวลใจในด้านภาระหนี้สินผ่านโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบยั่งยืน โดยปรับตารางการชำระหนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับศักยภาพของลูกค้าและที่มาของรายได้ รวมถึงการฟื้นฟูอาชีพ โดยพัฒนาอาชีพและเสริมสภาพคล่องในการลงทุน เพื่อประกอบอาชีพเพิ่มรายได้ ซึ่งการดำเนินงานตามแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาหนี้ NPL ภาคการเกษตร ลดลงจากร้อยละ 14.6ไปอยู่ที่ร้อยละ 7.68 ณ 31 มีนาคม 2566

ในส่วนของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยทั้งระบบ ตั้งแต่งวด เม.ย. 2563 ถึงงวด มี.ค. 2564 เป็นระยะเวลา 1 ปี มีผู้เข้าร่วมโครงการ 3 ล้านราย ต้นเงิน 938,466 ล้านบาท โครงการพักชำระหนี้โควิดภาคสมัครใจ และการจ่ายสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น วงเงินรายละ ไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งมีผู้ได้รับสินเชื่อไปแล้วทั้งสิ้น 913,548 ราย วงเงิน 9,086 บาท โดยในปัจจุบันยังมีหนี้คงค้างในกลุ่มดังกล่าว จำนวน 336,486 ราย จำนวนเงินคงค้าง 2,193 ล้านบาท
ด้านปัญหา Aging ของลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 35% ของลูกค้าทั้งหมด ธ.ก.ส. ได้จัดทำ โครงการสินเชื่อแทนคุณ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่มีหนี้อันเป็นภาระหนักและมีความประสงค์จะโอนทรัพย์สินและหนี้สินให้กับทายาท เพื่อเปิดโอกาสให้ทายาทเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนและร่วมรักษาทรัพย์สินให้คงอยู่กับครอบครัว โดย ธ.ก.ส. จะจ่ายสินเชื่อให้ทายาทที่มารับช่วงประกอบอาชีพ เพื่อปิดชำระหนี้เดิมของผู้สูงอายุ แบ่งเป็นสัญญาต้นเงิน (รวมต้นเงินเดิม) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 – 5 เท่ากับ MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.975) ปีที่ 6 – 10 เท่ากับ MRR-1 และปีที่ 11 เป็นต้นไป เท่ากับ MRR-2 กำหนดชำระคืนภายใน 15 ปี พิเศษไม่เกิน 20 ปี และสัญญาต้นเงิน (รวมดอกเบี้ยเดิม) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0กำหนดชำระคืนภายใน 15 ปี นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนทายาทในการต่อยอดการดำเนินธุรกิจของครอบครัว โดยการเติมความรู้ทางการเงิน เทคโนโลยี นวัตกรรม และเงินทุน เพื่อเพิ่ม Added Value สร้างความหลากหลายในผลิตภัณฑ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อยกระดับสินค้าไปสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยตั้งเป้าทายาทเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 42,000 คน

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า การแก้ไขหนี้ครัวเรือน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ้งภากรณ์ (สศป.) ธปท. ร่วมกับ ธ.ก.ส. จัดทำโครงการแก้ไขหนี้สินเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขสถานการณ์หนี้ครัวเรือน เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ สร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาวอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มรายได้และศักยภาพครัวเรือนเกษตรกร สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และความรู้เท่าทันทางการเงินให้แก่เกษตรกร การปล่อยหนี้ใหม่ให้ยั่งยืน ทั่วถึงและตอบโจทย์ แก้หนี้เก่าให้ลูกหนี้ลดภาระหนี้และปลดหนี้ได้ การสร้างข้อมูลและองค์ความรู้ การศึกษาพฤติกรรม การชำระหนี้ของเกษตรกร และมีการกำหนดมาตรการจูงใจในการชำระหนี้ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกหนี้ให้มีวินัยในการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ธ.ก.ส. ได้จัดทำโครงการชำระดีมีโชค โดยลูกค้าที่ชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลาและจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระจริงทุก ๆ 1,000 บาท จะได้รับสิทธิ์ 1 สิทธิ์ ไปชิงโชครางวัลรวมมูลค่า 402 ล้านบาท ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มีนาคม 2567 พร้อมกับพัฒนาเครื่องมือและช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการ ธ.ก.ส. ได้ง่ายขึ้น เช่น การชำระหนี้ผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus การชำระหนี้ผ่าน Banking Agent เป็นต้น ดังนั้น ขอให้เกษตรกรลูกค้าที่มีภาระหนี้สิน อย่ากังวลใจหรือปล่อยให้ปัญหาทับถม ขอให้เดินเข้ามาหาและปรึกษากับ ธ.ก.ส. ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้จัดทำโครงการมีหนี้นอกบอก ธ.ก.ส. ที่จะเข้าไปช่วยตอบโจทย์การแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศและ Call Center 02 555 0555
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ธ.ก.ส. จัดประกวดออกแบบ Line Stickers Contest

 

ธ.ก.ส. เปิดพื้นที่ให้ผู้มีใจรักศิลปะและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ร่วมกิจกรรมและประกวดออกแบบ Line Stickers Contest หัวข้อ ธ.ก.ส.ใกล้คุณ ส่งผลงานเข้าประกวดในรูปแบบสติกเกอร์ภาพนิ่งผ่านทางอีเมล์ baacstickercontest@gmail.com ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 25 ส.ค.2566

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดพื้นที่ให้ผู้มีใจรักศิลปะและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เข้าร่วมกิจกรรมและประกวดออกแบบ Line Stickers Contest ในหัวข้อ ธ.ก.ส. ใกล้คุณ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่มากมาย ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ประเทศญี่ปุ่น 2 ที่นั่ง พร้อมได้ออกแบบผลงาน Line Sticker ของ Line Official Account BAAC Family ร่วมกับคุณมุนิน Creator ชื่อดัง จำนวน 1 ชุด รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท และรางวัล Popular vote สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังมีการสัญจรไปจัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจดังกล่าวให้กับน้อง ๆ นิสิตและนักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้ง 4 ภาค ได้แก่ มหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ตรัง) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมรับฟังไอเดียดี ๆ ในการสร้างผลงานจาก Creator ชื่อดังอย่าง คิ้วต่ำ Sundae kids และมุนิน สมัครเข้าร่วมการประกวด โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มผ่านทาง Line Official BAAC Family : Line Sticker Contest และส่งผลงานเข้าประกวดในรูปแบบสติกเกอร์ภาพนิ่งผ่านทางอีเมล์  baacstickercontest@gmail.com ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 25 สิงหาคม 2566

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เตือนผู้สมัครสอบ ธ.ก.ส. ระวัง !! มิจฉาชีพแอบอ้างหลอกเงินแลกเข้าทำงาน

 

ธ.ก.ส. แจ้งเตือนผู้สมัครสอบเพื่อเป็นพนักงาน ปี 2566 ทุกท่าน อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้มีอำนาจหรือมีความสามารถฝากเข้าทำงาน ธ.ก.ส. ได้ และมีการเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อม ธ.ก.ส. ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพร้อมดําเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่หลอกลวงต่อไป

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้มีการเปิดรับสมัครบุคคลภายนอก เพื่อเป็นพนักงานปฏิบัติงานประจำสาขาและสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดทั่วประเทศ ปีบัญชี 2566 และมีผู้สนใจเข้าสมัครเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาพบว่า มีผู้แอบอ้างว่า สามารถให้ความช่วยเหลือให้สามารถเข้าทำงานกับ ธ.ก.ส. ได้ และมีการเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการติวและการขายข้อสอบ ทำให้มีผู้สมัครบางคนหลงเชื่อและสูญเสียเงินให้แก่บุคคลดังกล่าว จึงขอเรียนว่า ในการสอบคัดเลือกดังกล่าว ธ.ก.ส. ไม่มีวิธีการอื่นใด นอกเหนือจากการใช้ความรู้ ความสามารถของผู้สมัครในการสอบตามเกณฑ์ที่ประกาศเท่านั้น ขอให้ผู้สมัครทุกท่านอย่างหลงเชื่อบุคคลผู้มีพฤติการณ์ดังกล่าว  

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลและข่าวสารที่ถูกต้องได้ผ่านช่องทางการสื่อสารหลักของธนาคาร ได้แก่ เว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” “ธกส บริการด้วยใจ” และ LINE Official Account : @baacfamily  เนื่องด้วยปัจจุบันมิจฉาชีพมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย ดังนั้น หากไม่แน่ใจโปรดติดต่อโดยตรงที่ธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 555 0555 *3 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารจะดําเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ธ.ก.ส. เปิดแล้วสลากมั่งมีทวีโชค ฝาก 100 ลุ้นรางวัลใหญ่ 10 ล้านบาท

 

ธ.ก.ส. เปิดจอง “สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมั่งมีทวีโชค” วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท หน่วยละ 100 บาท เมื่อฝากครบ 1 ปี ได้รับดอกเบี้ยทันที 0.25% พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 66 ล้านบาทต่อเดือน โดยเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus และเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขา พิเศษ ! สำหรับลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคที่ใช้บริการแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus สามารถใช้สิทธิ์จองสลากก่อนใครในวันที่ 19 – 28 มิถุนายนนี้

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก “สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมั่งมีทวีโชค” จำนวน 1,000 ล้านหน่วย หน่วยละ 100 บาท วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนทางเลือกในการออมเงินที่ไม่เสียภาษี พร้อมลุ้นเงินรางวัล โดยแบ่งการเปิดรับฝากเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคกับ ธ.ก.ส. เปิดรับฝากวันที่ 3 – 11 กรกฎาคม 2566 และช่วงที่ 2 สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคและบุคคลทั่วไป ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป โดยสามารถฝากผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile plus สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อครั้ง แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อวันต่อราย หรือฝากที่เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขา สูงสุดไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อวันต่อราย พิเศษ ! สำหรับลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคที่ใช้งานแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus สามารถใช้สิทธิ์ผ่านระบบจองสลากบนแอปฯ ได้ก่อนใครในวันที่ 19 – 28 มิถุนายน 2566

สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมั่งมีทวีโชค มีอายุการรับฝาก 1 ปี เมื่อฝากครบกำหนด จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี และมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลรวม 12 ครั้ง ในทุกวันที่ 16 ของเดือน ยกเว้นเดือนมกราคม ออกรางวัลในวันที่ 17 มกราคมของทุกปี ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10,000,000 บาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด จำนวน 99 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 300 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 1,000 รางวัล รางวัลละ 2,500 บาท รางวัลที่ 4 จำนวน 2,000 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รางวัลที่ 5 จำนวน 10,000 รางวัล รางวัลละ 500 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว จำนวน 100,000 รางวัล รางวัลละ 50 บาท และรางวัล เลขท้าย 3 ตัว จำนวน 2,000,000 รางวัล รางวัลละ 20 บาท รวมรางวัลต่องวดสูงสุดทั้งสิ้น 2,113,400 รางวัล รวมเงินรางวัล 66,990,000 บาทต่อเดือน ออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 สำหรับผู้ฝากสลากที่ฝากผ่านแอปพลิเคชัน A-Mobile Plus และประสงค์ออกบัตรสลากออมทรัพย์ ธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการออกบัตรสลากฉบับละ 20 บาท และในกรณีถอนสลากคืนก่อนครบกำหนดจะไม่ได้รับดอกเบี้ย หรืกรณีฝากสลากไม่ครบ 3 เดือน ธ.ก.ส. จะคิดค่าธรรมเนียมการถอนจากมูลค่าสลาก 2 บาทต่อหน่วย โดยดอกเบี้ยและเงินรางวัลในการฝากสลากออมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ สามารถตรวจผลการออกรางวัลและรับชมการถ่ายทอดสดการออกสลากออมทรัพย์ได้ทางเว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” Youtube Channel “BAAC Thailand” แอปพลิเคชัน A-Mobile Plus โดยท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสลากออมทรัพย์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา   ทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY FEATURED NEWS

ธ.ก.ส. เตือน ! ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อและตราสัญลักษณ์ธนาคารปล่อยเงินกู้นอกระบบ

ธ.ก.ส. เตือน ! ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อและตราสัญลักษณ์ธนาคารปล่อยเงินกู้นอกระบบ

Facebook
Twitter
Email
Print

ธ.ก.ส. เตือน ! ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นตัวแทนธนาคารปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยใช้ตราสัญลักษณ์และชื่อธนาคาร ยืนยัน ! ธ.ก.ส. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวและไม่มีนโยบายปล่อยเงินกู้ผ่านตัวแทนบริษัทแต่อย่างใด พร้อมแจ้งความเอาผิดผู้หลอกลวง

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีแอบอ้างเป็นบริษัทตัวแทนธนาคารในการนำเสนอเงินกู้นอกระบบ จัดทำเอกสารนัดรับเงินกู้และแอบอ้างชื่อและตราสัญลักษณ์ รวมถึงลายเซ็นต์พนักงาน โดยให้ชำระค่าคิวล่วงหน้าก่อนการรับสินเชื่อด้วยนั้น ธ.ก.ส. ขอเรียนว่า ธ.ก.ส. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว อีกทั้งธนาคารไม่มีนโยบายในการให้สินเชื่อผ่านตัวแทนบริษัท หรือมีการชำระค่าคิวล่วงหน้าก่อนรับสินเชื่อ จึงขอให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไปอย่าหลงเชื่อบริษัทหรือบุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่ออย่างหลากหลายที่มีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เช่น สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ สินเชื่อนวัตกรรมดี มีเงินทุน และสินเชื่อ SME เสริมแกร่ง อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 เป็นต้น สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลและข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ผ่านช่องทางการสื่อสารหลักของธนาคาร ได้แก่ เว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” และ LINE Official Account : @baacfamily พร้อมกันนี้ ธ.ก.ส. ขอย้ำเตือนให้ลูกค้าทุกท่าน เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการติดต่อหรือทำธุรกรรมออนไลน์ เนื่องด้วยปัจจุบันมิจฉาชีพมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย ดังนั้น หากไม่แน่ใจโปรดติดต่อโดยตรงที่ธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 555 0555 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารจะดําเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

ธ.ก.ส. จัด 1 พันล้านบาท หนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมแกร่งสถาบันเกษตรกร

ธ.ก.ส. จัด 1 พันล้านบาท หนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมแกร่งสถาบันเกษตรกร

Facebook
Twitter
Email
Print

ธ.ก.ส. เติม 1,000 ล้านบาท จัดสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/66 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนให้กับสถาบันเกษตรกร

ธ.ก.ส. เติม 1,000 ล้านบาท จัดสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/66 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนให้กับสถาบันเกษตรกร ในการรับซื้อ รวบรวม แปรรูปผลผลิต เพื่อส่งจำหน่ายสู่ตลาด สร้างความเข้มแข็งให้องค์กรเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพด้านราคา ขอรับสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พ.ค. 66

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/66 วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อ รวบรวมหรือแปรรูปข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565/66 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งจะช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่ผลผลิตออกมาจำนวนมาก และราคาตกต่ำ อันเป็นการสนับสนุนให้องค์กรเกษตรกรได้ทำหน้าที่ เป็นกลไกในการสร้างเสถียรภาพด้านราคา และเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด รวมถึงเพิ่มทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตและช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อยอีกด้วย

สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งการรับซื้อ รวบรวม แปรรูป หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ วงเงินแบ่งตามประเภทลูกค้า ได้แก่ 1) สหกรณ์การเกษตร วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท 2) กลุ่มเกษตรกร วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท และ 3) วิสาหกิจชุมชน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี โดยผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนร้อยละ 3 ต่อปี ไม่เกิน 12 เดือน กำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือน และชำระเสร็จสิ้นภายใน 31 พ.ค. 2567 ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธ.ก.ส.

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย"
MOST POPULAR
RELATED STORIES

NEWS UPDATE