Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

แอร์เอเชียเปิดเส้นทางเชียงราย-สุวรรณภูมิ 1 ต.ค.นี้ เพิ่มทางเลือกสู่กรุงเทพฯ 8 เที่ยวบิน/วัน

แอร์เอเชีย” เปิดเส้นทาง “เชียงราย–สุวรรณภูมิ” 1 ต.ค.นี้ เพิ่มทางเลือกบินเข้า–ออกกรุงเทพฯ รวม 8 เที่ยวบิน/วัน ชูจุดเด่นต่อเครื่องสะดวก–ราคาเริ่ม 900 บาท ดันท่องเที่ยวปลายปีเชียงราย

วการเปิดเส้นทางบินใหม่มักถูกจัดวางไว้ในหมวดธุรกิจการบินทั่วไป แต่กรณี เชียงราย–สุวรรณภูมิ ของแอร์เอเชียมีนัยสำคัญต่อ การเชื่อมต่อการเดินทาง” ของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 4 ประการ คือ (1) เพิ่ม ทางเลือกสนามบิน” ระหว่าง ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ ซึ่งมีโครงสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศต่างกัน ทำให้ผู้โดยสารเลือกบินเข้า–ออกให้สอดคล้องกับแผนต่อเครื่องของตนได้ (2) ขยาย ความถี่เที่ยวบิน รวมเป็น 8 เที่ยวบิน/วัน (ตามที่สายการบินระบุ: 6 เที่ยวบิน/วัน เชียงราย–ดอนเมือง และ 2 เที่ยวบิน/วัน เชียงราย–สุวรรณภูมิ) ตอบโจทย์การวางแผนเดินทางยืดหยุ่นขึ้น (3) ยกระดับ ความสะดวก Fly Thru โดยเฉพาะผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องไปปลายทางในประเทศและต่างประเทศ และ (4) อาศัย แรงส่งฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี ซึ่งเป็นช่วงคึกคักของภาคเหนือ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นในวงกว้าง คำถามชวนคิดคือ เมื่อเชียงรายมีเที่ยวบินเข้า–ออกจากกรุงเทพฯ ได้ทั้ง 2 สนามบิน ผู้โดยสารจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง?” และ ความถี่ 8 เที่ยวบิน/วัน จะเปลี่ยนสมการการท่องเที่ยวปลายปีของเชียงรายอย่างไร?” บทความนี้พาเจาะทั้งตารางบิน จุดขาย บริการต่อเครื่อง โปรโมชั่น ราคา และความคาดหวังของผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างเป็นระบบ

ข่าวดีรับไฮซีซัน—ตารางบินใหม่เริ่ม 1 ตุลาคม 2568

เชียงราย, 18 สิงหาคม 2568 — แอร์เอเชียยืนยันเริ่มเปิดเส้นทาง เชียงราย–สุวรรณภูมิ (CEI–BKK)” วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ให้บริการ 2 เที่ยวบิน/วัน เสริมจากเส้นทางเดิม เชียงราย–ดอนเมือง (CEI–DMK)” ที่บินอยู่แล้ว 6 เที่ยวบิน/วัน ส่งผลให้ภาพรวม เชียงราย–กรุงเทพฯ ภายใต้แบรนด์แอร์เอเชียเพิ่มเป็น 8 เที่ยวบิน/วัน ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี

ตารางเที่ยวบิน (ตามประกาศเบื้องต้นของสายการบิน)

  • สุวรรณภูมิ เชียงราย
    FD4150 ออก 06:50 ถึง 08:05
    FD4152 ออก 14:30 (เวลาถึงตามเอกสารเบื้องต้น)
  • เชียงราย สุวรรณภูมิ
    FD4151 ออก 08:40 ถึง 09:50
    FD4153 ออก 16:25 ถึง 17:50

หมายเหตุ: รายละเอียดเวลาอาจมีการปรับตามการจัดสรรสล็อตบินของสนามบินและข้อกำกับของหน่วยงานรัฐ ผู้โดยสารควรตรวจสอบตารางล่าสุดอีกครั้งก่อนออกเดินทาง

ด้วยโครงสร้างเที่ยวบินเช้า–บ่าย ผู้โดยสารสามารถวางแผนทั้ง ทริปสั้นในวันเดียว (ไปเช้ากลับเย็น) และ ทริประยะยาว ที่ต้องการต่อเครื่องต่างประเทศได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารที่ต้องเข้าสุวรรณภูมิเพื่อเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างทวีปหรือสายการบินพันธมิตรอื่น ๆ

เสียงจากผู้ปฏิบัติการหน้าเทอร์มินัล“เลือกสนามบินได้ ลดเวลาต่อเครื่องบนถนน 60–120 นาที”

นายมานพ ว่องแพร่วิทย์ ผู้จัดการสายการบินไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย อธิบายเหตุผลในการกลับมาเปิด เชียงราย–สุวรรณภูมิ ว่าเป็น ดีมานด์ที่ชัดเจนของคนเชียงราย” ซึ่งต้องการบินตรงเข้าสุวรรณภูมิเพื่อการต่อเครื่องระหว่างประเทศและเดินทางธุรกิจ โดยให้ภาพเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายว่า

“ช่วงเวลาจราจรปกติ การย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิใช้เวลา ราวหนึ่งชั่วโมง และหากเป็นชั่วโมงเร่งด่วนอาจนานถึง ชั่วโมงครึ่ง–สองชั่วโมง เส้นทางใหม่นี้ช่วย ตัดขั้นตอนบนถนน ให้ผู้โดยสารไปถึงจุดต่อเครื่องได้เร็วกว่าและแน่นอนกว่า… ตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้ ใครจะเข้ากรุงเทพฯ ไม่ว่าจะ ดอนเมือง หรือ สุวรรณภูมิ ให้คิดถึงแอร์เอเชียได้เลย เพราะเราบินทั้งสองสนามบิน”

ผู้บริหารสนามย้ำด้วยว่า ช่วงปลายปีคือ ฤดูกาลทองของภาคเหนือ ที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นทุกปี การเพิ่มเส้นทางและความถี่บินจะช่วยให้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว–ที่พัก–ร้านอาหาร–การเดินทางท้องถิ่น ได้รับอานิสงส์ต่อเนื่อง พร้อมย้ำมาตรฐานเดิมของแอร์เอเชียในฐานะ สายการบินราคาประหยัดยอดเยี่ยมของโลกต่อเนื่องหลายปีจาก Skytrax” และ ความตรงต่อเวลา” ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของแบรนด์ในไทย

บินสะดวก เลือกได้” กลยุทธ์สองสนามบิน—ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

การมีเที่ยวบิน เข้า–ออกกรุงเทพฯ ได้ทั้ง 2 สนามบิน เปลี่ยนสมการการวางแผนเดินทางของผู้โดยสารในหลายมิติ

  1. การต่อเครื่องระหว่างประเทศ – ผู้โดยสารที่จองไฟลต์สายการบินต่างประเทศ ณ สุวรรณภูมิ จะเข้าเมือง–เช็กอิน–ต่อเครื่องได้ ในสนามบินเดียว ลดความเสี่ยงตกเครื่องจากการเคลื่อนย้ายระหว่างสนามบิน
  2. ทริปธุรกิจ/ราชการ – เลือกสนามบินปลายทางให้ใกล้สถานที่ประชุม/เขตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ มากที่สุด ช่วย ลดเวลาบนถนน ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่หลายองค์กรเริ่มวัดผล
  3. ท่องเที่ยวใน–นอกประเทศ – สำหรับผู้เดินทางไป ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ อุบลฯ อุดรฯ หรือปลายทางอาเซียน เช่น สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ยังใช้ เครือข่าย Fly Thru ผ่านดอนเมือง ได้ตามเดิม ขณะที่ผู้ที่ต้องต่อสายการบินพันธมิตรต่างชาติที่สุวรรณภูมิ ก็มี ไฟลต์ตรงจากเชียงราย ให้เลือกแล้ว

กล่าวโดยรวม กลยุทธ์สองสนามบินทำให้ เชียงรายเชื่อมโลกกว้างได้สั้นลง และยืดหยุ่นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

Fly Thru เช็กอินครั้งเดียว ถึงปลายทาง—ลดภาระ ล็อกความแน่นอน

สำหรับผู้ที่ต้อง ต่อเครื่องหลายช่วงทาง แอร์เอเชียชูบริการ Fly Thru ซึ่งเป็นการเช็กอิน–โหลดกระเป๋า ครั้งเดียว ที่สนามบินต้นทาง และรับอีกทีที่ปลายทางสุดท้าย โดยไม่ต้องผ่านพิธีการซ้ำระหว่างทาง ช่วยลดความยุ่งยาก–เวลา–ความเสี่ยงต่อความล่าช้าจากการต่อเครื่องด้วยตนเอง

ตัวอย่างเส้นทางที่ผู้โดยสารเชียงรายนิยม ได้แก่

  • เชียงราย–ดอนเมือง–ภูเก็ต/หาดใหญ่/กระบี่ (เที่ยวไทยปลายปี)
  • เชียงราย–ดอนเมือง–สิงคโปร์/กัวลาลัมเปอร์ (ต่ออาเซียน)

แม้เส้นทาง Fly Thru หลักจะเดินผ่าน ดอนเมือง แต่การมีทางเลือกบินตรงเข้ากรุงเทพฯ ได้ทั้ง DMK/BKK ทำให้ผู้โดยสาร ออกแบบทริป ที่เหมาะกับตารางงาน–ครอบครัว–และงบประมาณของตนได้ง่ายขึ้น

นายมานพ ว่องแพร่วิทย์ ผู้จัดการสายการบินไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

ราคาเปิดเส้นทาง เริ่ม 900 บาท/เที่ยว (เงื่อนไขตามโปรโมชัน)

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดเส้นทางใหม่ แอร์เอเชียประกาศ ราคาเริ่มต้น 900 บาท/เที่ยว สำหรับเส้นทาง เชียงราย–สุวรรณภูมิ โดยเปิดจอง ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2568 เดินทาง 1 ตุลาคม–31 ธันวาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์และแอป AirAsia MOVE

หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวเป็น ราคาโปรโมชันเริ่มต้น (ไม่รวมบริการเสริม) อาจมีความแตกต่างตามวัน–เที่ยวบิน–ที่นั่งคงเหลือ เงื่อนไขเป็นไปตามที่สายการบินกำหนด ผู้โดยสารควรตรวจสอบรายละเอียดล่าสุดก่อนชำระเงินทุกครั้ง

เชียงรายสายอาร์ต” ผนึกศิลปะ–การเดินทาง สร้างประสบการณ์เมืองปลายทาง

ในเชิงการตลาดปลายทาง แอร์เอเชียสื่อสารต่อเนื่องถึงเอกลักษณ์ของเชียงรายในฐานะ เมืองศิลปะ” โดยจับมือ สมาคมขัวศิลปะ เดินหน้าโครงการ เชียงรายสายอาร์ต AirAsia Artscape 2025” เป้าหมายคือยกระดับ พื้นที่สาธารณะ–สตรีตอาร์ต–นิทรรศการร่วมสมัย ในเขตเทศบาลนครเชียงรายให้เป็น จุดหมายภาพจำใหม่ ของนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ การมีเที่ยวบินจาก ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ พร้อมกัน คาดว่าจะช่วยให้ งาน–เทศกาล–กิจกรรมศิลป์ ในไฮซีซันมี จำนวนผู้เข้าร่วม และ การใช้จ่าย เติบโตขึ้น

ผลกระทบเชิงระบบ โอกาสของชุมชน–ธุรกิจท้องถิ่น–และห่วงโซ่ท่องเที่ยว

การเพิ่มความถี่เที่ยวบินและสนามบินปลายทางย่อมส่งสัญญาณบวกต่อ ห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว ตั้งแต่

  • ที่พัก: โรงแรม โฮมสเตย์ รีสอร์ต มีโอกาสปรับแพ็กเกจ เข้าพักสั้น/ยาว ยืดหยุ่นตามไฟลต์
  • ร้านอาหาร/คาเฟ่/ของฝาก: วาง ดีลร่วมโปรโมชันตั๋วเครื่องบิน จับกลุ่มนักเดินทางเช้า–เย็น
  • รถเช่า/ทัวร์ท้องถิ่น: เสนอ บริการรับ–ส่งสนามบินสองทิศทาง เชื่อม DMK/BKK
  • อีเวนต์–เทศกาล: เลือกวัน–เวลาให้สอดคล้องเที่ยวบินเช้า–บ่าย เพิ่มความเต็มเม็ดเต็มหน่วยของผู้ร่วมงาน

ปัจจัยท้าทายคือ ความพร้อมเชิงคุณภาพบริการ ในเมืองปลายทาง—ตั้งแต่ทักษะภาษา–ข้อมูลท่องเที่ยว–ระบบจอง–การชำระเงิน—เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ มีเวลาเที่ยวจำกัด แต่คาดหวังประสบการณ์ คุ้ม–ครบ–ตรงเวลา

มาตรฐานปฏิบัติการ ความปลอดภัย–ความตรงเวลา–ความพร้อมของฝูงบิน

ผู้จัดการประจำสนามระบุว่า แม้จะ เพิ่มเที่ยวบิน แต่การดำเนินงานยังยึด มาตรฐานความปลอดภัย และ ความตรงต่อเวลา (On-Time Performance) เป็นแกนหลัก โดยมีการเตรียมความพร้อมด้าน

  • บุคลากรภาคพื้น–ลูกเรือ ในช่วงพีกซีซัน
  • การบริหารสลอตบิน ให้สอดคล้องข้อกำกับสนามบิน
  • การสื่อสารผู้โดยสาร กรณีเวลาบินมีการเปลี่ยนแปลง
  • การบริการหลังการขาย ผ่านแอป/คอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับผู้โดยสารจองคุ้ม–ต่อเครื่องราบรื่น

  1. ตรวจสอบสนามบินปลายทาง ทุกครั้ง—เลือก DMK หรือ BKK ให้สอดคล้องแผนต่อเครื่อง/ที่พัก/จุดนัดหมายในกรุงเทพฯ
  2. ดูเวลาเผื่อ สำหรับการต่อเครื่องต่างประเทศ หากไม่ใช่ตั๋ว/เครือข่ายเดียวกัน ให้เผื่อเวลา มากกว่าปกติ
  3. อ่านเงื่อนไขราคาโปรโมชัน ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะ สัมภาระ–ที่นั่ง–การเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสาร
  4. ใช้แอป AirAsia MOVE เพื่อติดตามแจ้งเตือนเที่ยวบิน บอร์ดดิ้งพาส และสิทธิพิเศษ
  5. เช็กกิจกรรมเมือง—หากตั้งใจร่วมงานศิลปะ/เทศกาล ให้จับคู่ เที่ยวบินเช้า–บ่าย เพื่อเก็บกิจกรรมได้เต็มวัน

ทางเลือกเพิ่ม…เวลาชีวิตเพิ่ม—เชียงรายเชื่อมโลกได้คล่องตัวขึ้น

การเปิด เชียงราย–สุวรรณภูมิ ของแอร์เอเชียไม่ใช่เพียงการเพิ่มเส้นทางบิน แต่คือ การเพิ่ม “เวลาชีวิต” ให้ผู้โดยสารจากการ ตัดตอนการย้ายสนามบิน ในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกัน ความถี่รวม 8 เที่ยวบิน/วัน ทำให้การวางแผนทริปยืดหยุ่นกว่าเดิม ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ/ราชการที่ต้องเน้น ความตรงเวลาและความแน่นอน เมื่อประกอบกับโมเมนตัม ฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี และการขับเคลื่อนภาพลักษณ์ เชียงรายเมืองศิลปะ” เมืองเหนือสุดแดนสยามจึงมี จุดขายใหม่ ที่จับต้องได้—บินง่าย เข้า–ออกได้สองสนามบิน ราคาเริ่มต้นเข้าถึงได้—และพร้อมผลักเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้า

ท้ายที่สุด ผู้โดยสารควรยึดหลัก ข้อมูลล่าสุด” เป็นสำคัญ ทั้งเรื่องเวลา เที่ยวบิน ราคา และเงื่อนไข เพื่อให้ทุกการเดินทาง คุ้ม–ครบ–ปลอดภัย–ไม่ตกเครื่อง สมกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่หลายคนรอคอย

ข้อมูลติดต่อ–ช่องทางจอง (ตามที่ผู้จัดงานประชาสัมพันธ์แจ้ง)

  • เส้นทางใหม่: เชียงราย (CEI) – สุวรรณภูมิ (BKK) เริ่มบิน 1 ต.ค. 2568
  • ความถี่: 2 เที่ยวบิน/วัน (เสริมจาก เชียงราย–ดอนเมือง 6 เที่ยวบิน/วัน)
  • โปรเปิดเส้นทาง: ราคาเริ่ม 900 บาท/เที่ยว จองถึง 31 ส.ค. 2568 เดินทาง 1 ต.ค.–31 ธ.ค. 2568
  • จองผ่าน: เว็บไซต์และแอป AirAsia MOVE
  • หมายเลขเที่ยวบินเบื้องต้น: FD4150, FD4151, FD4152, FD4153 (ตรวจสอบเวลาอีกครั้งก่อนเดินทาง)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Thai AirAsia / AirAsia MOVE – ข่าวประชาสัมพันธ์เส้นทาง เชียงราย–สุวรรณภูมิ, ตาราง–หมายเลขเที่ยวบิน, เงื่อนไขราคาโปรโมชั่น, บริการ Fly Thru
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (AOT/ทอท.) – ประกาศ/ข้อมูลตารางบินและการให้บริการผู้โดยสาร ณ สนามบินเชียงราย
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT/ทอท.) – ข้อมูลการจัดสรรสลอต–อาคารผู้โดยสาร–ขั้นตอนผู้โดยสารขาเข้า/ขาออก–การต่อเครื่อง
  • สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) – กรอบกำกับดูแลเส้นทางบิน สิทธิการบิน และมาตรฐานความปลอดภัยสายการบิน
  • Skytrax – ผลรางวัล “World’s Best Low-Cost Airline” ที่แอร์เอเชียได้รับต่อเนื่อง (อ้างอิงเพื่อบริบทภาพลักษณ์แบรนด์)
  • เทศบาลนครเชียงราย / สมาคมขัวศิลปะ – ข้อมูลโครงการ เชียงรายสายอาร์ต AirAsia Artscape 2025” และกิจกรรมศิลปะร่วมสมัยในเมือง
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) – สถิตินักท่องเที่ยวฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือ แนวโน้มการเดินทางปลายปี (เพื่อประกอบการวิเคราะห์ผลกระทบ)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โครงการ “ลำไยไปแนวหน้า” ช่วยเกษตรกรเชียงรายระบายผลผลิต 2.3 ตันสู่ทหาร

เชียงราย “ลำไยไปแนวหน้า” ส่ง 2,300 กิโลกรัมเสริมขวัญทหารชายแดน–บรรเทาวิกฤตราคาตก ขับเคลื่อนความร่วมมือรัฐ–เอกชน–ชุมชน

เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 – เช้าตรู่ที่อาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย บรรยากาศคึกคักอย่างเป็นระเบียบ รถบรรทุกผลไม้ทยอยเข้าคิว เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจเช็คบรรจุภัณฑ์ ขณะที่อาสาสมัครช่วยกันขนลำไยอย่างคล่องแคล่ว ทุกสายตาจับจ้องไปยังเวทีเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นตรงกลางลาน เพื่อเปิดภารกิจ “ลำไยไปแนวหน้า” โครงการที่ตั้งใจส่งลำไยคุณภาพจากเชียงรายกว่าสองตันครึ่งสู่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อเติมแรงใจ และในขณะเดียวกันช่วยบรรเทาผลกระทบจาก “ลำไยล้นตลาด” ที่กำลังกดดันราคาหน้าสวนในภาคเหนืออยู่ในเวลานี้.

เวลา 08.00 น. นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ภายใต้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมของจังหวัดเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภารกิจครั้งนี้เป็น “ภาพจำใหม่” ที่ประกอบด้วยความห่วงใย ความร่วมมือ และความหวัง ว่าผลไม้หนึ่งลูกจะส่งต่อพลังใจได้ไกลกว่าที่คาดคิด และยังทำให้ผลผลิตของเกษตรกรถูกใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า.

ภารกิจเชื่อม “แนวหลัง–แนวหน้า” เส้นทางลำไย 2,300 กิโลกรัมจากเชียงรายสู่แนวชายแดน

สาระสำคัญของปฏิบัติการนี้อยู่ที่ “ระบบขนส่งแบบบูรณาการ” ลำไยรวมประมาณ 2,300 กิโลกรัม ถูกบรรทุกขึ้นเครื่องสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD 101 เส้นทางเชียงราย–ดอนเมือง เวลา 09.20 น. ก่อนถ่ายต่อสู่เที่ยวบิน DD 324 ดอนเมือง–อุบลราชธานี เวลา 14.30 น. จากนั้นมอบให้ กองพลทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อนำไปกระจายต่อให้กำลังพลในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างทั่วถึง รายละเอียดเที่ยวบินและปริมาณผลผลิตได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวท้องถิ่นและสื่อกระแสหลักหลายสำนัก รวมถึงโพสต์ของสนามบินบนโซเชียลมีเดียด้วย.

นอกจากเส้นทางอากาศที่ “ต่อเดียวถึง” จุดหมาย โครงการยังสะท้อนกลไกประสานงานข้ามหน่วยงานที่ลงล็อกพอดี ตั้งแต่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย, ตำรวจภูธรเมืองเชียงราย, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35, ฝูงบิน 416 เชียงราย, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย, ไปจนถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และภาคเอกชนในพื้นที่ ที่ช่วยกันสนับสนุนทรัพยากรและโลจิสติกส์เพื่อให้งานเดินหน้าได้จริง ไม่สะดุด

เพื่อความครบถ้วนเชิงข้อเท็จจริง ทีมข่าวได้ตรวจทานตารางเดินทางของเที่ยวบิน DD101 ในวันที่ 14 สิงหาคม พบว่ามีกำหนดออกจากเชียงรายเวลา 09.20 น. ตามฐานข้อมูลติดตามเที่ยวบินจากสนามบิน

บริบท “แนวหน้า” ทำไมกำลังใจจึงสำคัญยิ่งในห้วงเวลาเช่นนี้

คำถามที่หลายคนอาจสงสัยคือ เหตุใดจึงส่งตรงไปยังแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในเวลานี้? คำตอบอยู่ในบริบทความตึงเครียดที่ยังอ่อนไหว หลังเกิดเหตุทหารไทยบาดเจ็บจากกับระเบิดหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ แม้สองประเทศจะมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม แต่สถานการณ์ภาคสนามยังเปราะบาง เหตุการณ์บาดเจ็บล่าสุดในวันที่ 12 สิงหาคม ยิ่งสะท้อนความจำเป็นของการสนับสนุนกำลังพลในพื้นที่ปฏิบัติการต่อเนื่อง

รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า วันที่ 9 สิงหาคม มีทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดตามแนวชายแดนฝั่งศรีสะเกษ ด้านกัมพูชาปฏิเสธการวางทุ่นระเบิดใหม่ โดยชี้อาจเป็นซากจากความขัดแย้งในอดีต ขณะที่ฝ่ายไทยย้ำการเคารพอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดบุคคล (Ottawa Convention) สถานการณ์ดังกล่าวจึงต้องอาศัย “สมดุลระหว่างการคลี่คลายทางการทูต” กับ “การดูแลขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน” อย่างเท่าเทียมกัน.

บริบท “แนวหลัง” วิกฤตราคาลำไยและโจทย์ใหญ่ของชาวสวนภาคเหนือ

ขณะเดียวกัน ความเดือนร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยกำลังปะทุ ผลผลิตปี 2568 สูงกว่า 1.06 ล้านตัน เพิ่มจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงพาณิชย์จึงตั้งเป้าระบายผลผลิต 9.5 แสนตัน ผ่าน 8 มาตรการเร่งด่วน ทั้งการกระตุ้นบริโภคในประเทศ การส่งออก และการแปรรูป พร้อมตั้ง “วอร์รูม” ติดตามสถานการณ์แบบใกล้ชิดเพื่อพยุงราคา ไม่ให้ตกต่ำจนกระทบฐานรายได้ครัวเรือนในวงกว้าง.

ภาพราคาหน้าสวนในหลายพื้นที่ยังผันผวนอย่างมาก มีรายงานต่อเนื่องว่าราคาในระดับ AA/A ลดลงรวดเร็ว สวนจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องเร่งระบายหรือยอมขาดทุนเพื่อรักษาสภาพเงินสดสำหรับฤดูกาลถัดไป ขณะที่บทวิเคราะห์เชิงสังคมชี้ว่า วิกฤตราคาลำไยปีนี้กระทบครัวเรือนเกษตรกรจำนวนมาก และอาจทำให้รายได้รวมภาคครัวเรือนลดลงจากค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ หากไม่สามารถเร่งเครื่องมือระบายผลผลิตได้ทัน

ภายใต้แรงกดดันด้านอุปทานและราคา “ลำไยไปแนวหน้า” จึงทำหน้าที่เป็น “วาล์วระบาย” ขนาดย่อมที่จับต้องได้ ทั้งในเชิงสัญลักษณ์และเชิงปริมาณ เพราะทุกกิโลกรัมที่ถูกซื้อจากชาวสวนและเคลื่อนย้ายอย่างเป็นระบบ คือยอดที่หักออกจากสต็อกส่วนเกิน ขณะเดียวกันยังสร้างเรื่องเล่าบวกต่อผลผลิตภาคเหนือ ซึ่งช่วยหนุนความต้องการบริโภคภายในประเทศในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาล

สามเหลี่ยมความร่วมมือ” ที่ทำให้ของถึงมือผู้รับจริง

ความสำเร็จของการส่งมอบครั้งนี้เกิดจาก “สามเหลี่ยมความร่วมมือ” ที่คล้องจองกันพอดี

  1. กลไกสนามบินและสายการบิน – สนามบินทำหน้าที่เป็น “ตัวคูณประสิทธิภาพ” ให้โลจิสติกส์ระยะไกลเกิดขึ้นจริงในเวลาอันสั้น เที่ยวบินพาณิชย์ที่ประสานกับภารกิจสาธารณะ ช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงด้านเวลาอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลเที่ยวบินที่เชื่อถือได้ช่วยยืนยันความตรงต่อเวลาตามมาตรฐานการบินพาณิชย์
  2. ข้อต่อระหว่างจังหวัด–ชายแดน – เมื่อของถึงอุบลราชธานี การเชื่อมต่อกับ กองพลทหารราบที่ 6 ทำให้การกระจายต่อไปยังแนวชายแดนดำเนินไปอย่างปลอดภัยและมีวินัย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หลายโครงการสาธารณะมักสะดุด หากขาดผู้รับผิดชอบปลายทางที่ชัดเจนและมีศักยภาพ
  3. ชุมชน–ผู้ประกอบการท้องถิ่น – ร้านอาหาร โรงแรม สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และภาคประชาชน ทำให้ “คนตัวเล็ก” กลายเป็นกำลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในรูปแบบเงินสมทบ แรงงานอาสา และการรณรงค์สื่อสาร ช่วยให้โครงการไม่เป็นเพียงข่าวประชาสัมพันธ์ หากแต่เป็นการลงมือจริงที่มีผลลัพธ์วัดได้

จาก “กิโลกรัม” สู่ “ผลกระทบ”

  • 2,300 กิโลกรัม คือปริมาณลำไยที่เดินทางจากเชียงรายสู่แนวหน้าในรอบนี้ หากประเมินอัตราเฉลี่ยการบริโภคของกำลังพลต่อวัน จะเท่ากับเสบียงผลไม้สดได้หลายพันเสิร์ฟ ซึ่งมีความหมายมากในสภาพแวดล้อมปฏิบัติการ
  • 1.06 ล้านตัน คือผลผลิตลำไยทั้งฤดูกาลปี 2568 (รวม 8 จังหวัดภาคเหนือ) ตัวเลขนี้อธิบายแรงกดดันด้านอุปทานที่ทำให้ราคาตลาดอ่อนแรง
  • 950,000 ตัน คือเป้าระบายผลผลิตของกระทรวงพาณิชย์ผ่าน 8 มาตรการ ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงนโยบายที่ต้องติดตามว่าเดินหน้าได้ตามแผนเพียงใด เมื่อฤดูกาลเข้าสู่ช่วงพีก
  • หลายเหตุการณ์ด้านความมั่นคง บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นบริบทที่อ่อนไหว และความจำเป็นในการดูแลขวัญกำลังใจแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง

เสียงจากพื้นที่ เมื่อ “ขวัญกำลังใจ” พบ “ราคาที่ยุติธรรม”

แหล่งข่าวจากฝ่ายจัดกิจกรรมอธิบายตรงกันว่า ภารกิจนี้มีสองเป้าในหนึ่งครั้ง คือ ยกขวัญกำลังใจทหาร และ ช่วยเกษตรกรขายผลผลิตคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม การคัดเกรดและบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานช่วยให้ผลไม้ถึงมือผู้รับสภาพดี สอดคล้องกับภารกิจด้านความปลอดภัยของหน่วยทหารที่ต้องคุมคุณภาพเสบียงอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ โครงการย้ำ “ความสมัครใจ” ของผู้ร่วมสมทบ และใช้โครงสร้างโลจิสติกส์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดภาระงบประมาณสาธารณะ.

ในเชิงนโยบาย ภารกิจสอดรับยุทธศาสตร์ “ระบายผลผลิต–สร้างการรับรู้” ที่กระทรวงพาณิชย์ผลักดันอยู่แล้ว การส่งของจริงถึงมือผู้รับช่วยสร้าง “เรื่องเล่าบวก” ต่อผลไม้ภาคเหนือ ควบคู่กับแคมเปญตลาดดิจิทัลและห้างค้าปลีก จึงเกิดอานิสงส์ด้านดีมานด์ในประเทศที่ชัดเจนยิ่งขึ้น.

เชื่อมโยงมาตรการรัฐ จาก “วอร์รูม” ถึง “การแปรรูป”

เมื่อมองภาพรวมระดับชาติ มาตรการ 8 ข้อของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่การจับคู่ซื้อกับค้าปลีก การขยายตลาดส่งออก ไปจนถึงการหนุนแปรรูปและอบแห้ง รวมทั้งตั้ง “วอร์รูม” เฝ้าระวังรายวัน คือเฟืองหลักของเครื่องยนต์นโยบาย การมีโครงการในพื้นที่อย่าง “ลำไยไปแนวหน้า” จึงทำหน้าที่เป็น ฟันเฟืองหน้างาน ที่ช่วยหมุนเครื่องให้ติดในระดับชุมชน ผลที่ตามมาคือ สต็อกส่วนเกินในจังหวัดต้นทางลดลงทีละก้อน เกษตรกรได้ราคาตามตลาดที่ยุติธรรมขึ้น และเกิดการรับรู้เชิงบวกระหว่างผู้บริโภคกับผลไม้ไทย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามคือ ความต่อเนื่อง หากภารกิจเช่นนี้ทำได้สม่ำเสมอและครอบคลุมหลายจังหวัด แรงสะเทือนเชิงบวกต่อราคาและรายได้ครัวเรือนจะชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับข้อเสนอเชิงระบบของนักวิชาการที่ชี้ว่า “เครื่องมือระบาย” ต้องวิ่งทันฤดูกาล ไม่ใช่ตามหลังภัยราคา

ตรวจสอบข้อเท็จจริง–ลดข่าวลวงบทเรียนจากสถานการณ์ชายแดน

ท่ามกลางกระแสข้อมูลบนโซเชียลที่เคลื่อนไหวเร็ว ศูนย์ตรวจข้อเท็จจริงภาครัฐเตือนประชาชนแยกแยะข่าวปลอมเกี่ยวกับปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยย้ำให้ติดตามประกาศทางการและสื่อกระแสหลักที่ตรวจสอบแหล่งข่าวได้ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญของสังคมดิจิทัลในห้วงสถานการณ์อ่อนไหว ความถูกต้องของข้อมูลคือฐานความเชื่อมั่นที่จะช่วยป้องกันความตื่นตระหนก และหนุนความร่วมมือของสังคมให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน.

เมื่อ “ผลไม้หนึ่งลูก” เชื่อมคนไทยจากเชียงรายถึงด่านหน้า

ภารกิจ “ลำไยไปแนวหน้า” ของเชียงรายวันนี้แสดงพลังของ การลงมือทำ ในยามที่ประเทศต้องการทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนโยน มันคือภาพของระบบราชการที่คล่องตัว เอกชนที่ร่วมแรง และชุมชนที่ไม่ทอดทิ้งกัน ผลไม้หนึ่งลูกจึงเป็นมากกว่าอาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของสายสัมพันธ์ที่ยาวไกลจากแนวหลังสู่แนวหน้า

คำถามต่อไปคือ เราจะต่อยอดอย่างไรให้เกิด ผลยั่งยืน? คำตอบเบื้องต้นชัดเจน: ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างโปร่งใส ทำให้วัดผลได้ และทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง หากทำได้ โครงการขนาดย่อมเช่นนี้จะไม่ใช่เพียง “ข่าวดีประจำวัน” แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือบริหารจัดการผลผลิตการเกษตรและการดูแลขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศต้องพึ่งพาในยามวิกฤต

ท้ายที่สุด แม้สถานการณ์ชายแดนยังต้องอาศัยกระบวนการทางการทูตและความร่วมมือระดับรัฐชาติ แต่การมี “หลังบ้านที่มั่นคง” ก็สำคัญไม่แพ้กัน และวันนี้ เชียงรายได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เมืองหนึ่งเมือง เมื่อเชื่อมคนและทรัพยากรเข้าด้วยกัน ก็สามารถส่งพลังใจไปได้ไกลกว่าที่คิด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  •  Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport (CEI): โพสต์ประชาสัมพันธ์งานและเวลาเที่ยวบิน DD101 วันที่ 14 ส.ค. 2568.
  • Trip.com Flight Status: สถานะเที่ยวบินนกแอร์ DD101 เชียงราย–ดอนเมือง เวลาออก 09.20 น. วันที่ 14 ส.ค.
  • The Associated Press (AP): ข่าวเหตุกับระเบิดบาดเจ็บทหารไทยบริเวณชายแดน – บริบทความตึงเครียดล่าสุด
  • Reuters: ข่าวเหตุกับระเบิด 12 ส.ค. ใกล้พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ – สภาวะแนวชายแดนที่ยังเปราะบาง
  • The Guardian: รายงานกรณีบาดเจ็บ 9 ส.ค. และภาพรวมข้อตกลงหยุดยิงปลายก.ค. – เสริมกรอบบริบทระหว่างประเทศ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“สมชนก” ผอ.สนามบินแม่ฟ้าหลวงเผยกลยุทธ์ “สองรางขนาน” พัฒนาโครงสร้าง-แก้จุดสำคัญก่อนเฟสใหญ่

TEAMG คว้าบิ๊กโปรเจกต์ ทอท. 205 ล้านบาท วาง “แม่ฟ้าหลวง–เชียงราย เฟส 1” สู่สนามบินภูมิภาคอัจฉริยะเชื่อมเหนือ–ลุ่มโขง ยกระดับรองรับ 6 ล้านคน/ปี

เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 –ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปลี่ยนแปลง “เล็กแต่ไว” ทีมบริหารสนามบินลงมือแก้จุดติดขัดรายวันกำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับ “แผนใหญ่” ที่เพิ่งถูกจุดติดเครื่องเมื่อ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG นำทัพพันธมิตรคว้าสัญญา สำรวจและออกแบบระยะที่ 1 ของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) มูลค่า 205.20 ล้านบาท

หัวใจของเฟส 1 คือ “ยกระดับศักยภาพรองรับผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 6 ล้านคน/ปี” แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ 1 ล้าน และ ภายในประเทศ 5 ล้าน พร้อมจัดโครงสร้างพื้นฐานเขตการบินอาคารผู้โดยสารระบบสนับสนุนให้สอดรับทิศทางการเดินทางและเศรษฐกิจของห่วงโซ่ เชียงรายลุ่มโขง ที่เติบโตต่อเนื่อง และวางตัวเป็น “ประตูเหนือ” สู่เมียนมา–ลาว–จีนตอนใต้

คำให้สัมภาษณ์เด่น

  • ชวลิต จันทรรัตน์ (TEAMG): “งานของเราคือวางพิมพ์เขียวที่รองรับอนาคต 6 ล้านคน/ปี โดยไม่ลดทอนความสะดวก–ปลอดภัย และต่อยอดได้จริง”
  • น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ (ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง): “สิ่งที่เผยแพร่คือ conceptual design ส่วนปัจจุบันเราลงมือแก้ ‘จุดสำคัญ’ แล้ว และจะใช้เทคโนโลยีทำให้ทั้งอาคารเป็นเสมือนเลาจน์ขนาดใหญ่ ผู้โดยสารอยู่สบาย–รู้เวลา–ไม่แออัด”
Scoot will also start to fly five times a week to Chiang Rai from 1 January 2026 – a new route for Changi Airport!

หลังสายการบินสกู๊ตเปิดเส้นทางบินตรง สิงคโปร์-เชียงราย เริ่ม 1 มกราคม 2569

การเชื่อมโยงเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงรายและสิงคโปร์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางระหว่างสองเมืองได้อย่างมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและยกระดับเชียงรายให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

วงการท่องเที่ยวและธุรกิจในเชียงรายเตรียมคึกคักรับปีใหม่ เมื่อ สายการบินสกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ (SIA) ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่จาก สิงคโปร์ (SIN) สู่เชียงราย (CEI) โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

การเปิดเส้นทางบินนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่เชียงรายเท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายเครือข่ายการเดินทางของสกู๊ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะทำให้สกู๊ตมีจำนวนเที่ยวบินสู่ประเทศไทยรวมเป็น 111 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว

รายละเอียดเที่ยวบินตรง สิงคโปร์-เชียงราย

  • จำนวนเที่ยวบิน: 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
  • วันทำการบิน: ทุกวันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, ศุกร์ และเสาร์
  • รุ่นเครื่องบิน: Embraer E190-E2 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก-กลางที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
  • ตารางบิน (เวลาท้องถิ่น):
    • เที่ยวบินขาไป (สิงคโปร์-เชียงราย):
      • TR670: ออกจากสิงคโปร์ 16:40 น. ถึงเชียงราย 18:50 น. (วันจันทร์, พฤหัสบดี, ศุกร์)
      • TR660: ออกจากสิงคโปร์ 05:50 น. ถึงเชียงราย 08:00 น. (วันอังคาร, เสาร์)
    • เที่ยวบินขากลับ (เชียงราย-สิงคโปร์):
      • TR671: ออกจากเชียงราย 19:25 น. ถึงสิงคโปร์ 23:45 น. (วันจันทร์, พฤหัสบดี, ศุกร์)
      • TR661: ออกจากเชียงราย 08:35 น. ถึงสิงคโปร์ 12:55 น. (วันอังคาร, เสาร์)

จากแบบสู่สนามบินที่ใช้งานได้จริง” TEAMG เปิดแผนงาน 3 กลุ่ม ปรับสมดุลรันเวย์–อาคาร–ระบบหลังบ้าน

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG อธิบายกรอบงานสำรวจออกแบบของเฟส 1 ว่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มงานหลัก เพื่อให้สนามบิน “ไหลลื่น ปลอดภัย ต่อยอดได้”

  1. กลุ่มงานเขตการบิน (Airside): ออกแบบ ทางขับขนานด้านทิศใต้ (Southern Parallel Taxiway) ให้ทำงานประสานกับรันเวย์และจุดรอ เพื่อเพิ่ม “อัตราหมุนเวียน” เข้า–ออกของเครื่องบิน พร้อม ขยายลานจอดอากาศยานด้านทิศใต้ ให้รองรับอากาศยานหลายขนาดมากขึ้น ลดการคอขวดในชั่วโมงเร่งด่วน
  2. กลุ่มงานอาคารผู้โดยสารและอาคารสนับสนุน (Terminal & Facilities): เชื่อม อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เข้ากับอาคารเดิมผ่าน “โถงทางเดินเทียบเครื่องบิน” เพิ่มพื้นที่บริการและการไหลของผู้โดยสาร (passenger flow) ทั้ง ขาเข้า ขาออก โดยคำนึงถึงการขยายตัวของเส้นทางระหว่างประเทศในอนาคต
  3. กลุ่มงานระบบสนับสนุน (Systems & Utilities): ออกแบบระบบไฟฟ้า สื่อสาร ความปลอดภัย จราจรภายใน ให้พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการสนามบินอัจฉริยะ (Smart Airport) เช่น ป้าย–จอข้อมูลแบบเรียลไทม์ การนับคิว/ความหนาแน่น และการจัดการพลังงาน

“ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาคที่ส่งผลคูณต่อเศรษฐกิจ–สังคมของเชียงราย งานของเราจึงไม่ใช่แค่ ‘เขียนแบบ’ แต่คือต้องวางพิมพ์เขียวที่ต่อยอดได้จริง รองรับ 6 ล้านคน/ปี โดยไม่เสียความสะดวกปลอดภัยของผู้โดยสาร” ชวลิต จันทรรัตน์, TEAMG

เสียงจากหน้างาน ผอ.สนามบินชี้ “ยังเป็นแบบแนวคิด” แก้ปัญหาความแออัดรายวันแล้ว และกำลังยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสารทั้งอาคาร

ด้าน น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า แผนพัฒนาที่เผยแพร่ขณะนี้ อยู่ในระดับ “Conceptual Design” ที่ผู้ออกแบบจะเสนอแนวทางให้เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับเมื่อผู้โดยสารโตถึง Capacity 6 ล้านคน/ปี แต่ วันนี้” สนามบินยังไม่แตะขีดความสามารถนั้น และทีมบริหารได้ แก้ปัญหาความคับคั่งหลายจุดแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ Gate ที่ “เจาะทะลุ Gate ทั้งคู่ให้เดินถึงกันได้” ช่วยไหลเวียนผู้โดยสาร ลดการออรอสะสมในช่วง Boarding

ผอ.สนามบินยังอธิบายแนวคิด “Free Lounge” และการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารความหนาแน่น ให้ผู้โดยสารอยู่ “ด้านนอก” ให้นานที่สุด แล้วจึงเข้าสู่พื้นที่ภายใน เมื่อถึงเวลา Boarding โดยจะมี จอแสดงผล–ระบบตรวจจับจำนวนผู้โดยสาร–อัลกอริทึมคำนวณเวลาบอร์ดดิ้ง และเวลาผ่านจุดตรวจค้น เพื่อให้คนที่นั่งรอด้านนอก “รับรู้สถานะเหมือนนั่งอยู่ด้านใน” ขณะเดียวกัน ชั้น 2 ของอาคารผู้โดยสารจะปรับเป็น “Free Lounge + จุดชมเครื่องบิน + Meeting Point + Co-working Space” เพิ่มร้านค้า พื้นที่นั่งบรรยากาศเสมือนเลาจน์เพื่อกระจายคน ลดความอึดอัดหน้า Gate

“สิ่งที่สื่อสารคือภาพอนาคต (conceptual design) ที่เราอยากไปให้ถึง แต่ในปัจจุบันเราลงมือแก้ ‘จุดสำคัญ’ แล้ว ทั้งการทะลุ Gate ให้เชื่อมกัน และการออกแบบประสบการณ์ใหม่แบบ Free Lounge พร้อมข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อให้คนอยู่สบายขึ้น ไม่ต้องไปออหน้าประตูขึ้นเครื่อง” — น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์

ที่จอดรถ–พลังงานสะอาด–MRO รายละเอียดเล็กที่ส่งผลใหญ่

หนึ่งใน “คอขวดนอกอาคาร” คือ ลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามเทอร์มินัลที่ “คับคั่ง” ขณะที่ ลานจอดรถด้านทิศเหนือ ยังไม่เป็นที่นิยมเพราะ ไม่มีหลังคา ผอ.สนามบินเผยแผน ทำหลังคาพร้อมติดตั้ง Solar Rooftop ให้ทั้งสองลาน เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในอาคารผู้โดยสาร ลดภาระพลังงานและสร้างแรงจูงใจให้ผู้โดยสารกระจายไปใช้ลานที่สองมากขึ้น ทั้งยังเตรียม ย้ายพนักงานและผู้ให้บริการ บางส่วนไปใช้พื้นที่ใหม่นี้ เพื่อลดการแออัด

อีกหมุดหมายที่ “ไม่ใช่แค่ท่องเที่ยว” คือ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ซึ่งสนามบินได้ ถมที่ดินไว้แล้ว อยู่ระหว่างที่บริษัท CAH เข้าตรวจพื้นที่และเตรียม ขออนุญาตก่อสร้างใหม่ต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เป้าหมายคือให้เริ่มเดินงานได้ภายในปีนี้ หากเดินหน้าได้ตามแผน MRO จะดึงเม็ดเงินลงทุนทักษะงานวิศวกรรมโอกาสการจ้างงานท้องถิ่นเข้ามาในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบินของเชียงราย

BCP ซ้อม “อุทกภัย” สนามบินต้องให้บริการได้ “แม้วันไม่ปกติ”

การพัฒนาโครงสร้างไม่เพียงพอ หากขาด “ความต่อเนื่อง” ของการให้บริการในวันวิกฤต น.ต.ดร.สมชนก ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจึงนัดประชุม ซ้อมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ประจำปี 2568 โดยเลือก สถานการณ์สมมติ “อุทกภัย” ในวันที่ 27 สิงหาคม ตามกรอบ ISO 22301:2019 เพื่อทดสอบว่า หากน้ำหลากเข้าพื้นที่ ระบบใดต้องย้ายเสริมสลับ, ทางเข้า–ออกผู้โดยสารปรับจุดอย่างไร, การไฟฟ้า–สื่อสาร–เชื้อเพลิงสำรองมีพอหรือไม่เพราะ สนามบินหยุดไม่ได้” แม้วันไม่ปกติ

ทำไมโครงการนี้ “มีความหมาย” ต่อคนเชียงรายและผู้เดินทางทั้งภูมิภาค

เชื่อมการเดินทาง–เศรษฐกิจลุ่มโขง เชียงรายคือจุดตัดการเดินทางของ ไทย–เมียนมา–ลาว–จีนตอนใต้ การมีสนามบินที่รองรับ ผู้โดยสาร 6 ล้านคน/ปี พร้อมขีดความสามารถ Airside ที่ราบรื่น จะสร้างแรงดึงดูดสายการบิน–เส้นทางบินใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Regional International ที่ต่อยอดทั้งท่องเที่ยว–การค้า–ไมซ์ (MICE) และ โลจิสติกส์สินค้าอากาศ ในวงจำกัด (niche) ที่ต้องการความรวดเร็ว ประสบการณ์ผู้โดยสารที่ “ฉลาดขึ้น” แนวคิด Free Lounge + ข้อมูลเรียลไทม์ เปลี่ยนวิธีรอเครื่องจาก “ยืนออหน้าประตู” เป็น “นั่งสบาย–รู้เวลา–จัดการตัวเองได้” ทำให้ ความเครียด ลดลง ขณะเดียวกันสนามบินก็สามารถ บริหารความหนาแน่น ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับทรัพยากรบุคคล–จุดคัดกรองตามโหลดจริง

เมือง–สนามบินที่เป็นมิตรต่อพลังงาน

Solar Rooftop บนลานจอดรถเป็น “สัญลักษณ์เล็ก ๆ แต่ชัด” ว่าท่าอากาศยานภูมิภาคเดินหน้าเรื่องพลังงานสะอาด ลดต้นทุนระยะยาว และ—สำคัญกว่านั้น—ทำให้ลานจอดรถทางเลือก กลายเป็นพื้นที่ที่ “น่าใช้ขึ้น” ช่วยถ่ายเทความคับคั่งหน้าสถานีผู้โดยสาร งานวิศวกรรมคุณภาพ–โอกาสทักษะท้องถิ่น การมี MRO และงานปรับปรุงสนามบินต่อเนื่อง สร้าง ตลาดแรงงานทักษะสูง ในพื้นที่ ตั้งแต่วิศวกรเครื่องกล–อากาศยาน–อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงซัพพลายเชนชิ้นส่วน–เครื่องมือ–บริการสนับสนุน ซึ่งหมายถึงรายได้กระจายสู่จังหวัด ไม่ใช่เฉพาะย่านท่องเที่ยว

ความพร้อมต่อวิกฤตที่วัดได้ การซ้อม BCP ตามมาตรฐาน ISO 22301 ไม่ใช่ “พิธี” หากแต่เป็น ตัวคูณความเชื่อมั่น ว่าแม้วันฝนใหญ่น้ำหลากสนามบินยัง ให้บริการต่อเนื่อง ได้ ใครที่ต้องบินต่อเครื่องตารางงานไมซ์ขนส่งสินค้าด่วนยังเดินต่อได้โดยความเสี่ยงต่ำลง

เพื่อให้เงินภาษี–ค่าธรรมเนียมไปได้ไกลที่สุด

  1. จังหวะเวลา–อุปสงค์จริง: แม้โครงร่างรองรับ 6 ล้านคน/ปี แต่วิถีการเดินทางหลังโควิด–พฤติกรรมผู้โดยสารกำลังเปลี่ยน สนามบินจะจับ “สัญญาณอุปสงค์จริง” อย่างไร เพื่อเลือกช่วงลงทุนให้ คุ้ม–ทัน–ไม่ล้ำหน้าเกินจำเป็น
  2. เส้นทางระหว่างประเทศ: เพื่อบรรลุ 1 ล้านคน/ปี ระหว่างประเทศ ต้องเชื่อมเมืองใดในลุ่มโขง–จีนตอนใต้–อาเซียน และมี แพ็กเกจจูงใจสายการบิน พร้อมหรือไม่ (เช่น สลอต–บริการภาคพื้น–โปรโมชันร่วม)
  3. ข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ของท่าอากาศยาน: ระบบจอ–การนับคิว–โหลดในเทอร์มินัล หากเปิดข้อมูลเชิงสถิติ (ไม่ระบุตัวบุคคล) เป็น แดชบอร์ดสาธารณะ จะช่วยผู้โดยสาร–ผู้ให้บริการ–ท้องถิ่นวางแผนได้แม่นขึ้น
  4. สมดุลงบสิ่งแวดล้อม–ประสบการณ์ผู้โดยสาร: Solar Rooftop, โลจิสติกส์ขยะ, คุณภาพอากาศในอาคาร, และการออกแบบสัญลักษณ์ล้านนา–พื้นที่สาธารณะ ควรเดินคู่กันให้สนามบิน “เป็นของเมือง” ไม่ใช่แค่ “ของการบิน”

 “สองรางขนาน”—รางหนึ่งคือแบบใหญ่ อีกหนึ่งคือการปรับเล็ก ๆ ทุกวัน

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แม่ฟ้าหลวง–เชียงราย วันนี้สะท้อน สองรางขนาน ที่สนามบินยุคใหม่ต้องเดินพร้อมกัน

  • รางที่หนึ่ง: พิมพ์เขียวระยะยาว—TEAMG กับพันธมิตรวาง “เฟส 1” ให้รองรับ 6 ล้านคน/ปี พร้อมโครงสร้าง Airside–Terminal–Systems ที่ต่อยอดได้
  • รางที่สอง: ปรับเล็ก–ไว–ทุกวัน—ทีมบริหารสนามบินลงมือแก้ Gate, ทดลอง Free Lounge, ปั้นลานจอดรถพลังงานสะอาด, เร่ง MRO, และ ซ้อม BCP ให้พร้อมวันไม่ปกติ

หากทั้งสองรางขับเคลื่อนต่อเนื่องโดย “ฟังข้อมูลจริง–ฟังเสียงผู้โดยสาร–ฟังเมือง” เชียงรายจะไม่เพียงได้สนามบินที่สวยและใหม่ขึ้น แต่จะได้ สนามบินที่ฉลาด–ยืดหยุ่น–เป็นของทุกคน รองรับอนาคตของ “เหนือ–ลุ่มโขง” อย่างสมศักดิ์ศรี

ข้อมูลโครงการ (ย่อ)

  • เจ้าของโครงการ: บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) – ทอท.
  • ผู้รับจ้างสำรวจ–ออกแบบ (เฟส 1): TEAMG และพันธมิตร
  • มูลค่า: 205.20 ล้านบาท
  • เป้าหมายรองรับผู้โดยสาร: ≥ 6 ล้านคน/ปี (ระหว่างประเทศ 1 ล้าน + ภายในประเทศ 5 ล้าน)
  • ขอบเขตออกแบบหลัก: ทางขับขนานทิศใต้, ขยายลานจอดด้านทิศใต้, เชื่อมอาคารผู้โดยสารใหม่–เดิม, ระบบสนับสนุนท่าอากาศยานอัจฉริยะ
  • มาตรฐานความต่อเนื่องทางธุรกิจ: ISO 22301:2019 (ซ้อม BCP สถานการณ์ “อุทกภัย” 27 ส.ค. 2568)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) – AOT: ข้อมูลเชิงนโยบายและกรอบการพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค
  • บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) – TEAMG: ข่าวการได้รับงานสำรวจ–ออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 (14 ส.ค. 2568)
  • สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT): กรอบการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยสนามบินและการอนุญาตโครงการ MRO
  • ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย: ข้อมูลการบริหารจัดการอาคารผู้โดยสารและมาตรการลดความคับคั่ง น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
  • ISO 22301:2019Security and resilience — Business continuity management systems — Requirements: กรอบมาตรฐานการจัดทำและทดสอบแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP)
  • นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย คว้า “สนามบินดีเด่น” ยืนหนึ่งด้านบริการและสังคม

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ผงาดคว้ารางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” ประจำปี 2568 ยืนหนึ่งผู้นำบริการ-รับผิดชอบต่อสังคมในโอกาสครบรอบ 46 ปี AOT 

ประวัติศาสตร์ใหม่ของท่าอากาศยานเชียงราย: รางวัลที่สะท้อนมาตรฐานระดับชาติ

เชียงราย, 7 กรกฎาคม 2568 – ในโอกาสครบรอบ 46 ปีแห่งการดำเนินงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ได้สร้างความภาคภูมิใจครั้งใหม่ให้กับชาวเชียงรายและภาคเหนือ ด้วยการคว้ารางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” และ “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” ในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของ AOT ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ AOT กรุงเทพมหานคร

พิธีมอบรางวัลดังกล่าว มี นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เป็นประธาน เพื่อยกย่องพนักงานและหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นทั้งด้านบริการและการสนับสนุนสังคม นอกจากนี้ยังเป็นเวทีเพื่อเชิดชูเกียรติพนักงานที่ทำงานครบ 25 ปี อันเป็นรากฐานแห่งความมั่นคงและต่อยอดคุณภาพองค์กรตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ

แรงผลักดันสู่ความสำเร็จเมื่อบริการเหนือความคาดหมายกลายเป็นมาตรฐาน

การได้รับรางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” และ “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” ในปีนี้ ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางยุทธศาสตร์ การทุ่มเทอย่างเต็มที่ของผู้บริหารและพนักงานทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันขับเคลื่อน “สนามบินแม่ฟ้าหลวง” ให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมและบริการของภาคเหนือที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน นักเดินทาง และภาคธุรกิจ

โดยเฉพาะบทบาทของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการช่วยเหลือสังคมรอบข้าง ทั้งการสนับสนุนในช่วงเกิดอุทกภัยจังหวัดเชียงราย และการประสานความร่วมมือกับองค์กรภายนอกในการพัฒนาเมือง เชียงรายจึงไม่ได้เป็นเพียง “ทางผ่าน” สำหรับนักเดินทาง แต่เป็น “ส่วนหนึ่งของชุมชน” ที่สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน

รางวัลที่เป็นมากกว่าเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ

รางวัลสำคัญที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับ ประกอบด้วย

  • รางวัล “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของบุคลากรทุกคน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้ใช้บริการในทุกสถานการณ์
  • รางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” รางวัลสูงสุดในปีนี้ ซึ่งยืนยันถึงมาตรฐานระดับสากล ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ระบบบริหารจัดการ และนวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้พัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
  • รางวัล “พนักงานดีเด่น” ที่มอบให้กับนางสาวจารุทรรศน์ สิงห์เรือง เจ้าหน้าที่พัสดุอาวุโส 5 ส่วนพัสดุ ทชร. ตอกย้ำถึงศักยภาพ ความตั้งใจ และความโปร่งใสของบุคลากร
  • รางวัล “บุคลากรหน่วยงานภายนอกผู้ทำคุณประโยชน์ให้ ทอท.” ที่มอบให้กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงราย สำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนระบบสื่อสารสนามบิน

ภูมิหลังการเติบโตสถิติยืนยันสนามบินแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลางใหม่ของภาคเหนือ

จากรายงานประจำปี 2567 ของ AOT ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2566 และเที่ยวบินรวมกว่า 17,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10% สะท้อนถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ใช้บริการ นักท่องเที่ยว และภาคธุรกิจมีต่อสนามบินแม่ฟ้าหลวง ซึ่งกลายเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” และเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างภาคเหนือของไทยกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วิเคราะห์ผลลัพธ์และแรงกระเพื่อมในระยะยาว

  1. ยกระดับภาพลักษณ์จังหวัดและประเทศ
    รางวัลที่ได้รับเป็นสิ่งยืนยันถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นผู้นำการบริการระดับประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การขนส่งทางอากาศ แต่ยังรวมถึงบทบาทเชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค
  2. สร้างความเชื่อมั่นในตลาดธุรกิจและท่องเที่ยว
    ความสำเร็จของสนามบินช่วยดึงดูดการลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม โลจิสติกส์ และบริการ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  3. จุดประกายแรงบันดาลใจให้บุคลากรและองค์กรอื่น
    ความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจจากรางวัลจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้บุคลากรทุกคนเดินหน้าพัฒนาและยกระดับคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรอื่นๆ ก็สามารถนำแนวคิดของสนามบินแม่ฟ้าหลวงไปปรับใช้ เพื่อยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมของตนเอง

วิสัยทัศน์ใหม่ “ศูนย์กลางการบินแห่งอนาคต” ของภาคเหนือ

ภายใต้การนำของ น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ และผู้บริหารรุ่นใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่ รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ การนำระบบดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพบริการ และการเป็นสนามบิน “สีเขียว” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG Model) ของประเทศ

เสียงสะท้อนจากผู้บริหาร

น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กล่าวว่า

“รางวัลเหล่านี้เป็นผลของความร่วมมือร่วมใจ และยืนยันถึงความตั้งใจของเราทุกคนที่จะผลักดันสนามบินแม่ฟ้าหลวงให้เป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือ เราจะเดินหน้าต่อไป ทั้งด้านบริการ เทคโนโลยี และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นของทุกคน”

สรุปและข้อคิดส่งท้าย

การที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับรางวัลใหญ่ในปีนี้ ไม่ใช่เพียงความสำเร็จขององค์กร แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงรายและคนไทยทั้งประเทศ เป็นบทพิสูจน์ว่าองค์กรขนาดกลางในภูมิภาคสามารถยืนหยัดในเวทีระดับชาติและสร้างมาตรฐานใหม่ของการให้บริการและความรับผิดชอบต่อสังคม

ในอนาคต สนามบินแห่งนี้ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอีกมาก สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของผู้คนในภาคเหนืออย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT). (2568). เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ พิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2568
  • รายงานประจำปี 2567 ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
  • ข้อมูลสถิติผู้โดยสารและเที่ยวบิน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปี 2566-2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ทอท.โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก รายได้ทะลุเป้า หนุนสนามบินไทย

AOT เผยรายได้ 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 พุ่งแตะ 36,235 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศ สู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทย, 15 พฤษภาคม 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT รายงานผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) โดยมีรายได้รวม 36,235.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.98 สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการเดินทางภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และบริการของท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายได้จากกิจการการบินเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ปริมาณเที่ยวบินในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งสิ้น 414,377 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 237,511 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 176,866 เที่ยวบิน

ผู้โดยสารรวมทั้งหมด 68.42 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.76 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 42.34 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 26.08 ล้านคน ซึ่งส่งผลให้รายได้จากกิจการการบินอยู่ที่ 18,188.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง ร้อยละ 17.82

เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-บริการ-เทคโนโลยี มุ่งสู่ “Smart Airport – Smart Immigration”

เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว AOT ได้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่ง ได้แก่:

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ: กำลังดำเนินโครงการขยายศักยภาพรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 15 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง: เตรียมขยายขีดความสามารถจาก 30 ล้านคนเป็น 50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2576
  • ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และภูเก็ต: อยู่ระหว่างพัฒนาอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างท่าอากาศยานแห่งที่ 2 ในทั้งสองจังหวัด

ในด้านเทคโนโลยี AOT ได้นำระบบอัจฉริยะมาใช้บริการภายในสนามบินเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร อาทิ:

  • ระบบบริหารจัดการเที่ยวบินแบบ A-CDM
  • ระบบเช็กอินอัตโนมัติ
  • ระบบโหลดสัมภาระอัตโนมัติ
  • ระบบสแกนใบหน้า (Biometric)
  • ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC)
  • การใช้ Thailand Digital Arrival Card (TDAC) แทน ตม.6 แบบเดิม

ระบบเหล่านี้ช่วยลดระยะเวลารอคอย เพิ่มความปลอดภัย และลดความแออัด โดยเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา

เดินหน้าพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์และร่วมลงทุน PPP สร้างรายได้ยั่งยืน

AOT ไม่เพียงมุ่งพัฒนาบริการสนามบิน แต่ยังได้ขับเคลื่อนโครงการพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:

  • โครงการ AOT Property Showcase
  • โครงการ ลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น
  • โครงการ คลังสินค้า
  • การก่อสร้างอาคาร Junction Building อาคารจอดรถ และศูนย์เชื่อมต่อระบบราง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง

โดยทั้งหมดนี้เปิดรับการลงทุนในรูปแบบ ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริการและสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจรอบสนามบินให้เข้มแข็ง

การพัฒนาที่ยั่งยืน สู่เป้าหมาย Net Zero Emissions

ด้านสิ่งแวดล้อม AOT ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยติดอันดับ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ทั้งในระดับโลกและตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง 6 และ 10 ปี ตามลำดับ และยังได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ระดับ A

AOT ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2587 ผ่านการดำเนินงาน เช่น:

  • การติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์
  • การใช้ พลังงานสะอาด
  • การเปลี่ยน ยานพาหนะในสนามบินเป็นระบบไฟฟ้า (EV)

ความสำเร็จระดับโลกสะท้อนภาพลักษณ์องค์กร

ปี 2025 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดอันดับที่ 39 ของโลก เพิ่มขึ้น 19 อันดับจากปีก่อน และติดอันดับ 3 ท่าอากาศยานที่พัฒนาดีที่สุดในโลก ขณะเดียวกันอาคาร SAT-1 ยังคว้ารางวัล Prix Versailles 2024 ในฐานะท่าอากาศยานที่สวยที่สุดในโลก

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กับบทบาทในระบบการบินภาคเหนือ

แม้จะเป็นท่าอากาศยานระดับภูมิภาค แต่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูมิภาคเหนือกับศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ

ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มประเทศ และยังได้รับการรับรอง ระดับ 2 (Level 2) ด้านคุณภาพบริการภายใต้โครงการ Customer Experience จากสภาท่าอากาศยานนานาชาติ (ACI) ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของสนามบินในพื้นที่ระดับจังหวัด

บทบาท AOT ต่อเศรษฐกิจไทยและเชียงราย

จากภาพรวมการดำเนินงานของ AOT จะเห็นได้ว่าท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัทเป็น “ฟันเฟืองหลัก” ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในด้านการท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุน โดยมีการลงทุนทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สนามบินไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก

ในขณะที่สนามบินระดับภูมิภาคอย่าง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอิงกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวภาคเหนือที่มีแนวโน้มเติบโต ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์แบบองค์รวมของ AOT ที่ไม่เน้นเพียงสนามบินหลักในเมืองใหญ่ แต่ยังพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศให้เติบโตอย่างสมดุล

สถิติที่เกี่ยวข้อง

รายการ

ข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

รายได้รวม AOT

36,235.82 ล้านบาท

รายงาน AOT, พ.ค. 2568

กำไรสุทธิ

10,397.57 ล้านบาท

AOT

จำนวนเที่ยวบินทั้งหมด

414,377 เที่ยวบิน

AOT

จำนวนผู้โดยสารทั้งหมด

68.42 ล้านคน

AOT

เที่ยวบินระหว่างประเทศ

237,511 เที่ยวบิน

AOT

เที่ยวบินภายในประเทศ

176,866 เที่ยวบิน

AOT

รายได้จากกิจการการบิน

18,188.15 ล้านบาท

AOT

เป้าหมาย Net Zero Emissions

ภายในปี 2587

รายงานความยั่งยืน AOT

ระดับการรับรองบริการ ACI (เชียงราย)

Customer Experience Level 2

Airport Council International

AOT ยืนยันศักยภาพการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินของภูมิภาค ด้วยการพัฒนาเชิงรุก ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การให้บริการ และความยั่งยืน สะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชาติควบคู่กับการยกระดับท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทอท.เปิดเชียงราย Fam Trip ดึงสายการบินต่างชาติ

เชียงรายเปิดเส้นทางบินใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

AOT ผนึกกำลัง ททท. เปิดตัวโครงการ FAM Trip เชียงราย

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเปิดตัวโครงการสร้างการรับรู้และพัฒนาเส้นทางการบิน (Familiarization Trip : FAM Trip) ภายใต้ชื่อ “Discover Amazing Thailand Through The Skies FAM Trip” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงราย ณ โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายโดยใช้ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยมีผู้แทนสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวชั้นนำจากประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์เข้าร่วมงาน เพื่อพัฒนาเส้นทางบินและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมายังเชียงรายมากขึ้น

เชียงรายพร้อมเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

ในพิธีเปิดโครงการ FAM Trip ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน

AOT ได้จัดทำโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing Fund) เพื่อจูงใจให้สายการบินต่างชาติเพิ่มเที่ยวบินมายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางบินใหม่กับเมืองสำคัญทั่วโลก เพื่อยกระดับให้ ทชร. เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค (Regional Hub)

โครงการ FAM Trip เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักลงทุนและสายการบิน

ในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ (Welcome Reception) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมนำเสนอศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้แก่ผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และหอการค้าจังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้บรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของ ทชร. รวมถึงแผนพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย อาทิ วัดร่องขุ่น ไร่ชาฉุยฟง และดอยตุง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จริง

เป้าหมายเชียงราย: สู่ Aviation Hub ของภูมิภาค

รัฐบาลไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ซึ่งนอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว การพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง ทชร. ก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศ

AOT วางแผนพัฒนา ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสายการบินทั่วโลก ตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้คือสิงคโปร์ ซึ่งมีศูนย์ซ่อมอากาศยานชั้นนำระดับโลกและสถาบันฝึกอบรมด้านการบินอย่าง Singapore Aviation Academy (SAA)

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถิติที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงรายคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนกว่า 1.2 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปี 2569 หากมีการขยายเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม

นอกจากนี้ สถิติจาก AOT ชี้ให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 15% จากปี 2566 โดยมีจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ของภูมิภาค

สรุป

โครงการ FAM Trip เชียงราย ถือเป็นก้าวสำคัญในการดึงดูดสายการบินและนักลงทุนให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนจาก AOT และ ททท. เชียงรายกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่สามารถแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียได้อย่างเต็มตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘สนามบินเชียงราย’ ยังไม่กระทบ พร้อมตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในภาคเหนือในขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. ได้รายงานว่าจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท. ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ได้จัดเตรียมแผนการรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและบริหารจัดการน้ำภายในสนามบิน โดยการขุดลอกระบบระบายน้ำแบบเปิด ซึ่งเป็นคูระบายน้ำโดยรอบพื้นที่ท่าอากาศยาน และจัดเตรียม เครื่องสูบน้ำด้านทิศเหนือที่ใช้บริหารจัดการน้ำภายในสนามบินเชียงรายให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา และมีการตรวจสอบประตูน้ำว่าสามารถใช้งานได้ปกติ

ซึ่งทาง นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า จากการประเมินเบื้องต้น ระดับน้ำและปริมาณน้ำฝนในขณะนี้ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อย่างไรก็ดี ท่าอากาศยานได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่มีน้ำท่วมหนักอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งตรวจสอบระบบระบายน้ำของสนามบินให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกายภาพ และติดตามสถานการณ์น้ำท่วมโดยรอบพร้อมประเมินสถานการณ์และรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้จัดเตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค  รวมถึง ยารักษาโรคใน “ถุงยังชีพ” ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาภัยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายในพื้นที่

ขณะเดียวกันท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นำอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นในการยังชีพ แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการยังชีพในเบื้องต้น และหลังจากนั้นจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้มอบหมายและสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทลจากอุทกภัยในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งสั่งเปิด “ศูนย์ Command Center ภัยพิบัติกระทรวงคมนาคม” ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการ สั่งการ รับแจ้งเหตุ ประสานข้อมูลการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายใน และภายนอกกระทรวงฯ เพื่อบูรณาการการรายงานผลในการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

สำหรับทางเจ้าหน้าที่และผู้บริหาร นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย  ,นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รชร.(สธ.),ดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รชร.(ปร.) พร้อมพนักงาน ทชร.ร่วมบรรจุถุงอุปโภคบริโภค เพื่อนำไปช่วยเหลือ บรรเทาภัยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ก็ได้มีการมอบถุงอุปโภค บริโภค ของ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้กับ อบจ.เชียงราย โดยนายเกรียงศักดิ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
 

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหลายแห่ง ซึ่งต้องเฝ้าระวังบริเวณพื้นที่เสี่ยง รวม 35 จังหวัด ดังนี้

ภาคเหนือ 12 จังหวัด ประกอบด้วย

  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ตาก
  • ลำปาง
  • พะเยา
  • น่าน
  • แพร่
  • สุโขทัย
  • อุตรดิตถ์
  • พิษณุโลก
  • เพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ประกอบด้วย

  • เลย
  • หนองคาย
  • บึงกาฬ
  • หนองบัวลำภู
  • อุดรธานี
  • สกลนคร
  • นครพนม

ภาคตะวันตก 4 จังหวัด ประกอบด้วย

  • กาญจนบุรี
  • ราชบุรี
  • เพชรบุรี
  • ประจวบคีรีขันธ์

ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ประกอบด้วย

  • นครนายก
  • ปราจีนบุรี
  • จันทบุรี
  • ตราด

ภาคใต้ 8 จังหวัด ประกอบด้วย

  • ระนอง
  • พังงา
  • ภูเก็ต
  • สุราษฎร์ธานี
  • นครศรีธรรมราช
  • ตรัง
  • พัทลุง
  • สตูล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทอท. ยกระดับมาตรฐาน ถอดบทเรียน แผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง

 
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ อำเภอเมืองเชียงราย นายสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมงานลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือ การประสานงาน และการให้การสนับสนุนตามแผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง พร้อมทั้งจัดการเสวนาหัวข้อ “แผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง” โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมงาน ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ ทีมเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้องของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานในสังกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

 

ในโอกาสนี้ นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกและข่าวลือ โดยเฉพาะ Fake News ที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล

 

กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD108 ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ ทอท. จึงได้จัดโครงการกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือ การประสานงาน และการให้การสนับสนุน พร้อมจัดเวทีเสวนาถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการตามแผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เป็นการสร้างความเข้าใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากหลากหลายภาคส่วนมาประมวลผลและนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต ให้สามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติและให้บริการลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้โดยเร็วที่สุด

 

ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และนางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกสายการบินตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านการรักษาความปลอดภัยภายในเขตการบิน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการบิน รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของสายการบินนกแอร์ ณ บริเวณลานจอดอากาศยานหมายเลข 7 หลังจากที่อากาศยานนกแอร์ทะเบียน HS-DBR ได้ถูกลากออกมาจากโรงซ่อมอากาศยานชั่วคราว เพื่อรอเตรียมความพร้อมในการทำการบินกลับไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง

 

จนในวันที่ 12 เมษายน 2567 เวลา 07.05 น. สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 6601 แบบเครื่อง B738 ทะเบียน HS-DBR ได้ทำการบินออกไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองเรียบร้อยแล้ว โดยมีดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านปฏิบัติการและบำรุงรักษา) ให้การอำนวยความสะดวกในด้านการปฏิบัติการบินและร่วมแสดงความยินดีกับอากาศยานนกแอร์ทะเบียน HS-DBR ที่ได้กลับมาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารอีกครั้ง นกหยกนภา Boeing 737-800 หลังจากที่การซ่อมเสร็จสิ้น

 

หลังจากนี้ โรงเก็บอากาศยานชั่วคราวจะถูกรื้อถอน เนื่องจากเป็นการเช่าใช้ชั่วคราว และต้องคืนให้กับผู้ให้เช่าซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Temporary Hangar ระดับโลก เพื่อนำไปใช้ในประเทศอื่นที่กำลังรออยู่

 

การจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยและการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่าอากาศยานแห่งนี้เป็นท่าอากาศยานที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES VIDEO

(คลิปเสียง) สัมภาษณ์พนักงานสนามบินเชียงรายช่วยเหลือชาวต่างชาติหมดสติ เมืองพัทยา

 

เมื่อวันที่  18 มีนาคม 2567 เวลา 13.40 น.ที่ผ่านมาเพจข่าวมีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรีอย่าง เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News  ได้โพสต์ภาพ นาทีชีวิตและข้อความว่า “การช่วยเหลือชาวต่างชาติล้ม หมดสติไม่หายใจ บริเวณพระตำหนัก ซ.2 มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 2 ท่านได้ทำช่วยเหลือด้วยการ CPR จนกว่ารถ โรงพยาบาลเมืองพัทยามารับไปรักษาต่อ” และมีชาวโซเชียลต่างชื่นชมมากมาย มีการถามถึงว่าเป็นใครเพราะมีความชำนาญในการช่วยเหลือด้วยการ CPR

ต่อมาทางเพจข่าว เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News ได้แจ้งว่าทราบว่าชาวไทย ที่ให้การช่วยเหลือเป็น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในภายหลังทางเพจ Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI  ได้ออกมายืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของคลินิกแพทย์ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) โดยเป็นเหตุการณ์ที่ทั้ง 3 เจ้าหน้าที่เดินทางไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

1.นางสาวอรณิชชา คุณยศยิ่ง ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ

2.นายธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์

อีก 1 ท่าน ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 ส่วนรักษาความปลอดภัย ทชร. นายพงศ์พล ศรีพรม

 

ทางทีมข่าวสำนักข่าว นครเชียงนิวส์ ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ คุณธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์อีกครั้งเพื่อสอบถามรายละเอียดอีกครั้งโดยทางคุณธนพล แจ้งว่าระหว่างทางได้พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอนหมดสติ ไม่หายใจอยู่บริเวณริมถนน พระตำหนัก ซอย 2 เมืองพัทยา จึงได้รีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และช่วยเปิดทางเดินหายใจ พร้อมกับประสานแจ้งรถพยาบาลฉุกเฉิน (1669) เพื่อนำผู้ป่วยส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

หลังจบการสัมภาษณ์ได้เน้นย้ำกับทีมข่าวว่าการ CPR เป็นการปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ที่ทุกคนสามารถทำได้ครับและการ CPR #ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวประชาชนทุกคน สามารถทำ CPR  หากทำสิ่งนี้ได้ผมเชื่อว่า สถิติ ประชาชนที่รอดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น มีเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการแพทย์ของ เจ้าหน้าที่คลินิกแพทย์ และพนักงาน รปภ.ทชร. ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งผู้โดยสาร ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สนามบินเชียงราย เตรียมสร้างอาคารหลังใหม่ ยกระดับบริการและความสะดวกผู้โดยสาร

 
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) และ ดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านปฏิบัติการและบำรุงรักษา) พร้อมด้วยผู้บริหารท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ร่วมตรวจความพร้อม ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการรองรับการให้บริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร พร้อมทั้งตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้โดยสาร
 
 
โดย ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศ ในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 4 มกราคม 2567 มีจำนวนเที่ยวบิน 276 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 39 เที่ยวบิน มีจำนวนผู้โดยสาร 39,561 คน หรือเฉลี่ยวันละ 5,652 คน ด้านการอำนวยความสะดวก ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานเพียงพอต่อการให้บริการ โดยเพิ่มความถี่ในการกำกับดูแลความเรียบร้อยของอาคารสถานที่ รวมถึงได้จัดเจ้าหน้าที่สำหรับให้คำแนะนำวิธีการการใช้ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS: Common Use Self Service) ให้กับผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเช็กอินผ่านเครื่อง KIOSK ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเช็กอิน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร ซึ่งพบว่าไม่มีจุดใดที่มีระยะเวลาการรอคิวนานเกินกว่าค่ามาตรฐาน Level of Service (LOS) ตามที่ IATA กำหนดอีกทั้ง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดเตรียมน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ ให้บริการประชาชนฟรี ณ บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
 
 
ในด้านการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 (Passenger Facilitation Center)” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงานท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และเพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดการเดินทางของผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการ รวมทั้งรับแจ้งเหตุฉุกเฉินปัญหาข้อขัดข้องในการเดินทาง และได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตระเวน เจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เพิ่มความถี่ในการตระเวนตรวจพื้นที่ เพื่อความเรียบร้อยภายในท่าอากาศยานอย่างเต็มกำลัง
จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ดูแลและใส่ใจการให้บริการผู้โดยสารให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความสะดวก ปลอดภัย และความรวดเร็วของกระบวนการผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก อีกทั้งกระบวนการเช็กอินและความพร้อมของระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS)เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารในการลดระยะเวลารอคอย ตลอดจนการบริหารจัดการพื้นที่พักคอยผู้โดยสารให้เพียงพอ
 
 
อีกทั้ง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ดำเนินการตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม ในการเตรียมความพร้อมตอบสนองต่อทุกเหตุการณ์ หลังเกิดเหตุการณ์จากกรณีเครื่องบินของ สายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ (JAL) เฉี่ยวชนกับเครื่องบินของหน่วยยามชายฝั่งญี่ปุ่น เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้เครื่องบินบนทางวิ่ง (รันเวย์) ณ สนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งดำเนินการศึกษาข้อมูล และเตรียมมาตรการป้องกันภัย โดยนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาใช้ในการวางแผนกำหนดหัวข้อในการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน เพื่อไม่ใหเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย รวมถึงท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) AOT ขานรับนโยบายของกระทรวงคมนาคม “เดินทางทั่วไทย คมนาคมสะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยมีความพร้อมอำนวยความสะดวกผู้เดินทางอย่างเต็มกำลังความสามารถ มุ่งเน้นในด้านความปลอดภัยและความรวดเร็ว
 
 
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาคารผู้โดยสาร ที่มีอายุการใช้งานมานาน นอกจากนี้ในอนาคตทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เตรียมที่จะมีการพัฒนาจุดพักคอยผู้โดยสาร มากขึ้นโดยตามแผนจะดำเนินการพัฒนาหนองน้ำซึ่งอยู่ในท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ให้ผู้โดยสารสามารถใช้พักผ่อนรอการเดินทางได้ ซึ่งจุดนี้เป็นผลดีต่อการดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานฯ.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News