Categories
ENVIRONMENT

6 จุดหมายของประเทศไทย ติดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับข่าวดีเมื่อหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยได้รับการยอมรับในรายชื่อ Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รายชื่อดังกล่าวถูกเสนอโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (DASTA) โดยเน้นถึงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ

จุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับ

จังหวัดเชียงคานและเมืองสงขลาได้รับการยอมรับในหมวดหมู่ “Thriving Communities” สำหรับการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เมืองโบราณอู่ทองได้รับการยกย่องในหมวดหมู่ “Destination Management” สำหรับการจัดการจุดหมายปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เวียงภูเพียงแช่แห้งได้รับการยกย่องในหมวด “Culture and Tradition” สำหรับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น

สำหรับหัวหินและอุทัยธานี หัวหินได้รับการยกย่องในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศในหมวด “Environment and Climate” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเทศบาลในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ขณะที่อุทัยธานีได้รับการยอมรับในด้านการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเทศบาลของทั้งสองเมืองมีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

คำกล่าวของผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ DASTA เทศบาลเมืองหัวหิน เทศบาลเมืองอุทัยธานี และประชาชนในทั้งหกจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับในด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่า “การได้รับการยอมรับในครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ TAT ในการมุ่งเน้นประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน”

โครงการที่ได้รับการยกย่อง

ในปีนี้เรื่องราวดี ๆ ของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านหลายลิงก์ ได้แก่

  • เชียงคาน: การจัดการผลกระทบจากการท่องเที่ยวด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม (Managing Tourism Impact through Participatory Processes)
  • หัวหิน: เส้นทางสู่การเป็นเมืองไร้ขยะ (The Journey to Becoming a Garbage-Free City)
  • เมืองสงขลา: การฟื้นฟูเมืองเก่าสงขลาโดยชุมชน (Songkhla Old Town Revival: A Community-Driven Transformation)
  • เมืองโบราณอู่ทอง: การฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านสังคมพลเมือง (U Thong’s Heritage Revival: Committed to Sustainable Development through Civil Society)
  • อุทัยธานี: การอนุรักษ์ความภาคภูมิใจของเรา: ชุมชนแพสุดท้ายในประเทศไทย (Preserving Our Pride: The Last Raft House Community in the Country)
  • เวียงภูเพียงแช่แห้ง: ร่วมกันสู้เพื่อฟื้นฟูงานประเพณีหกเป็ง นมัสการพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง (Together We Rise: The Transformation of the Hok Peng Festival)

จุดหมายปลายทางเหล่านี้เข้าร่วมกับเรื่องราวที่โดดเด่นอีก 10 เรื่องจากประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับใน Green Destinations Top 100 Stories ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2023 โดยมีสองเรื่องเด่น ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงชุมชนของห้วยปูเก่ง และความพยายามในการลดคาร์บอนของเกาะหมาก ซึ่งได้รับรางวัล Green Destinations Story Awards ที่งาน ITB Berlin 2023 นอกจากนี้ เชียงคานยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะจุดหมายแรกของอาเซียนที่ได้รับรางวัล Silver ใน Green Destinations Award ที่ ITB Berlin 2024

พิธีการประกาศรายชื่อ Green Destinations Top 100 ปี 2024

Green Destinations ได้ประกาศรายชื่อเรื่องราวที่ดีที่สุดใน Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ในงานประชุมระดับโลก Green Destinations 2024 Global Conference ที่จัดขึ้นในชิลี ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 โดยปีนี้มีเรื่องราวดี ๆ จาก 32 ประเทศทั่วโลก

บทสรุป

การยอมรับใน Green Destinations Top 100 ปี 2024 ของหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการพัฒนาชุมชนด้วยการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืนและสร้างความทรงจำให้กับนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

ท่องเที่ยวไทย 7 เดือน 1.084 ล้านล้านบา มาเลเซียมาเยือนเยอะสุด

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานถึงข้อมูลการท่องเที่ยวไทยที่ขณะนี้เป็นภาคเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง เป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยใน 7 เดือนแรกของปี 66 (ม.ค.-ก.ค.) ภาคการท่องเที่ยวสร้างภายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติรวมกัน 1,084,575 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 638,161 ล้านบาท
 
ทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ก็คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 ก.ค. 66 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 15,322,175 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 384 เมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนแรกของปี 65  ซึ่ง 5 อันแรกของประเทศต้นทางที่เดินทางมาไทยมากที่สุด ได้แก่

1)มาเลเซีย 2,439,710 คน

2) จีน 1,839,660 คน

3)เกาหลีใต้ 907,463 คน

4) อินเดีย 885,772 คน และ

5) รัสเซีย 854,946 คน
 
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากจะเป็นผลจากสถานการณ์โควิด19 ที่คลี่คลายแล้ว การจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จังหวัด และท้องถิ่น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตที่เกิดขึ้น
 
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 2-6 ส.ค. 66 ททท. ได้จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจำปี 2566” (TTF2023) ที่ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะเป็นงานใหญ่ที่กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้  โดยงานจะเน้นการถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิต อัตลักษณ์ กระตุ้นให้เกิดการรับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยเห็น (Unseen) ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ มีพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมในงานที่แบ่งการจัดงานซึ่งแบ่งการจัดงานเป็น 8 โซน และมีกิจกรรมให้ความบันเทิงจากศิลปินมากมาย
 
ประชาชนสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 หรือที่เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/Articles/ttf2023

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News