Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

22 ปีแห่งความยั่งยืน! เชียงรายดอกไม้งาม ผสานงานวัดร่องขุ่น-ศิลปินแห่งชาติ สร้าง Soft Power และรายได้ชุมชน

เชียงรายปลุกเมืองด้วย “เชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 22” หนุนเศรษฐกิจฐานราก–ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สู่เป้าหมาย “Wellness City” อย่างเป็นรูปธรรม

เชียงราย, 11 ธันวาคม 2568 – บรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำกก ณ อาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จย่า เชิงสะพานขัวพญามังราย เต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในจังหวัดเชียงรายมาร่วมกันประกาศความพร้อมจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 22” และเทศกาลดนตรีในสวน (Music In The Park) อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางสายตาของสื่อมวลชนและเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวจำนวนมาก

งานเทศกาลซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่างานชมดอกไม้เมืองหนาว หากแต่เป็น “เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับการท่องเที่ยว และวางรากฐานให้เชียงรายเดินหน้าสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความยั่งยืน” หรือ “Chiang Rai Wellness City” อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

การแถลงข่าวครั้งนี้มี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย, นางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาจังหวัดเชียงรายและที่ปรึกษาเทศบาลนครเชียงราย ตลอดจน นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้บริหารบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลัก ร่วมสะท้อนมุมมองและทิศทางการพัฒนาเมืองผ่านงานเทศกาลที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสองทศวรรษ

ดอกไม้ถวายแม่” จากความผูกพันเชิงสัญลักษณ์ สู่แนวคิด Wellness City

หัวใจสำคัญของงานในปีที่ 22 อยู่ที่แนวคิด “เรียงร้อยดวงใจ ดอกไม้ถวายแม่” ซึ่งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยออกแบบให้มีโซนดอกไม้สีฟ้า อาทิ ดอกไฮเดรนเยีย เพื่อเป็นพื้นที่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบสักการะและแสดงความจงรักภักดี คล้ายกับการจัดงาน “ดอกไม้ถวายพ่อ” เมื่อปี 2559 ที่สร้างความประทับใจอย่างกว้างขวาง

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำว่า แนวคิดของงานเทศกาลไม่ได้มองเพียงมิติความสวยงาม แต่เชื่อมโยงเข้ากับยุทธศาสตร์ “เชียงราย Wellness City” ที่มุ่งให้ “ทั้งคนที่มาเยือนและคนที่อยู่มีความสุข สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ” พร้อมระบุว่า เมื่อคนมีความสุข สุขภาพที่ดี เศรษฐกิจที่ดี และสังคมที่น่าอยู่จะตามมาเองโดยธรรมชาติ

นโยบายด้าน Wellness ถูกเชื่อมโยงเข้ากับการส่งเสริมอาหารปลอดภัย (Safe Food) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การออกกำลังกาย และกีฬา โดยงานเชียงรายดอกไม้งามถูกวางให้เป็น “เวทีใหญ่” ที่ดึงศักยภาพด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนเชียงรายออกมาให้ได้มากที่สุดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นไฮซีซันด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด

ด้าน ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ระบุว่า เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามได้กลายเป็นหนึ่งใน “อัตลักษณ์สำคัญของเมือง” ที่ชาวเชียงรายภาคภูมิใจ โดยเทศบาลนครเชียงรายยึดแนวทางการทำงานภายใต้แนวคิด “นครแห่งสีสันและเทศกาลตลอดปี” เพื่อให้เชียงรายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และการท่องเที่ยวหมุนเวียนตลอดทั้งปี ไม่ใช่เพียงช่วงฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง

“เราต้องการให้งานทุกปีดีขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งในด้านคุณภาพของการจัดงาน ความประทับใจของนักท่องเที่ยว และผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่กลับคืนสู่พี่น้องประชาชน เราอยากให้ทุกคนรู้สึกว่า เมื่อพูดถึงดอกไม้เมืองหนาว ก็ต้องนึกถึงเชียงรายเป็นลำดับแรก” ดร.วันชัย กล่าวในทำนองสะท้อนความมุ่งมั่นของท้องถิ่น

22 ปีของการสร้างรากเศรษฐกิจฐานราก และความร่วมมือภาคเอกชน

หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2547 การเริ่มต้นของ “เชียงรายดอกไม้งาม” เกิดจากภาพดอกไม้เมืองหนาวที่ชาวสวนในหลายอำเภอของเชียงรายทุ่มเทปลูกกันทั้งปี แต่กลับยังมีช่องทางไม่มากนักในการนำเสนอความงดงามเหล่านั้นสู่สายตานักท่องเที่ยวระดับประเทศ นางรัตนา จงสุทธานามณี ในฐานะผู้ริเริ่มงานได้ผลักดันแนวคิด “นำดอกไม้จากเกษตรกรสู่เมืองและนักท่องเที่ยว” เพื่อยกระดับคุณค่าจากการขายผลผลิตทางการเกษตร ไปสู่การสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามเติบโตเคียงคู่กับเกษตรกรผู้ปลูกดอกไม้เมืองหนาว สร้างรายได้หมุนเวียนสู่ชุมชนทุกฤดูกาลจัดงาน ทั้งจากการจำหน่ายดอกไม้ การขายอาหารพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของฝาก และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว

ดร.วันชัย ระบุระหว่างการแถลงข่าวว่า การจัดงานไม่ได้มุ่งสร้างชื่อเสียงให้เทศบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องการให้ “ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง” ผ่านการนำอาหารพื้นเมืองและสินค้าชุมชนมาจำหน่ายในพื้นที่งาน โดยเชื่อว่ารายได้จากการจัดงานจะเป็น “แรงหนุนสำคัญ” ในการทำให้เศรษฐกิจเชียงรายมีความมั่นคงในระดับฐานราก

อีกหนึ่งเสาหลักที่ทำให้เทศกาลสามารถดำเนินมายาวนานกว่า 20 ปี คือ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชน โดยเฉพาะ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ที่ร่วมสนับสนุนเทศบาลนครเชียงรายมาตั้งแต่ยุคจัดงานวัฒนธรรมสรรพลุแม่น้ำโขง จนมาถึงงานดอกไม้ในปัจจุบัน

นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้บริหารบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวย้ำในงานแถลงข่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่จะสนับสนุนเชียงรายต่อไป และสะท้อนความผูกพันกับพื้นที่ว่า “เชียงรายถือเป็นบ้านหลังที่สอง” การสนับสนุนที่ต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้ผู้จัดงานยอมรับว่า หากไม่มีภาคเอกชนอย่างบุญรอด งานเทศกาลที่มีขนาดใหญ่ ทุนสูง และต้องดำเนินทุกปี อาจเผชิญความยากลำบากอย่างมากในการจัดให้ได้มาตรฐานเช่นปัจจุบัน

 ประติมากรรมดอกไม้–อุโมงค์เต่า สัญลักษณ์ใหม่ของการก้าวข้ามวิกฤตสู่ศักราชใหม่

หนึ่งในจุดขายทางภาพลักษณ์ที่ทำให้งานเชียงรายดอกไม้งามเป็นที่จดจำในระดับประเทศ คือการออกแบบ “ประติมากรรมดอกไม้” ขนาดใหญ่ที่ผสมผสานความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาวเข้ากับจินตนาการด้านศิลปะอย่างลงตัว

พื้นที่กว่า 100 ไร่ของสวนสาธารณะหาดนครเชียงรายถูกเนรมิตให้เป็น “แกลเลอรีกลางแจ้ง” เต็มไปด้วยดอกลิลลี่ ดอกทิวลิป กล้วยไม้ และไม้ดอกหลากหลายชนิดนับล้านดอก โดยมีจุดไฮไลต์ในแต่ละปีสลับเปลี่ยนไปตามแนวคิดหลักของการจัดงาน

หลังจากปีที่ผ่านมา “อุโมงค์ตัวหนอนผีเสื้อ” กลายเป็นภาพจำที่ผู้มาเยือนจำนวนมากนำไปถ่ายรูปและเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ปีนี้ นางรัตนา และทีมงานได้ออกแบบประติมากรรมใหม่ในรูป “เต่ามงคล” สองตัว คือ “คุณตาเต่า” และ “คุณยายเต่า” จัดทำเป็นอุโมงค์ให้ผู้มาร่วมงานได้เดินลอด

“เต่าเป็นสัญลักษณ์ของความอายุยืน ความอดทน และไม่เบียดเบียนใคร เราอยากให้ทุกคนที่มาลอดอุโมงค์เต่าทั้งสองตัว รู้สึกเหมือนได้ก้าวข้ามศักราชเก่า เข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความสดชื่น แจ่มใส และขอให้อายุยืน หมื่นปี” นางรัตนา อธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลังประติมากรรมหลักของปีนี้ ซึ่งเชื่อมโยงทั้งศิลปะ สิริมงคล และการฟื้นตัวหลังวิกฤตต่าง ๆ ที่สังคมเผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อีกด้านหนึ่ง งานยังเชื่อมโยงกับแนวทาง Wellness City ผ่านการจัดโซนสมุนไพรและพืชผักพื้นถิ่น พร้อมติดตั้ง QR Code ให้ผู้เข้าชมสแกนอ่านข้อมูล เช่น สรรพคุณทางยา การนำไปใช้ในครัวเรือน หรือบทบาทของสมุนไพรในวิถีชีวิตล้านนา เป็นการ “มอบทั้งความสุขและความรู้” ในเวลาเดียวกัน

มิติศรัทธาและศิลปวัฒนธรรม ตักบาตรดอกไม้–ราชรถบุษบก–พิธีปีใหม่

นอกจากความงดงามของดอกไม้และประติมากรรมแล้ว เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามยังมี “มิติทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม” ที่ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงลึก

ในวันที่ 28 ธันวาคม 2568 จะมีพิธี “ตักบาตรดอกไม้” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงาน โดยจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงรายจาก 9 วัด มาประดิษฐานบนราชรถบุษบก 9 คัน ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

ดร.วันชัย เล่าย้อนถึงที่มาของราชรถบุษบกเหล่านี้ว่า เกิดจากการหารือร่วมกับพระธรรมราชานุวัฒน์ รวมทั้งศิลปินแห่งชาติและศิลปินล้านนาชื่อดัง เช่น อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อออกแบบให้บุษบกแต่ละหลังสะท้อนศิลปะล้านนาของ 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยใช้เวลาสร้างสรรค์รวมหลายปีจนนำมาสู่ราชรถบุษบกที่งดงามดังเช่นปัจจุบัน

บรรยากาศแห่งศรัทธายังต่อเนื่องไปถึงเช้าวันที่ 1 มกราคม 2569 ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายจะจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเจียงฮาย และทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่สี่แยกสุริวงค์ ถนนธนาลัย ถึงสี่แยกศาลแขวงเชียงราย เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมต้อนรับศักราชใหม่ด้วยพิธีกรรมทางศาสนาที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ล้านนาอย่างกลมกลืน

พร้อมกันนี้ ตลอดช่วงการจัดงานจะมีเทศกาลดนตรีในสวน Music In The Park จัดแสดงทุกวันเสาร์ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2568 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2569 โดยมีทั้งศิลปินชื่อดังและการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเยาวชนในจังหวัดเชียงรายมาร่วมสร้างสีสัน ช่วยเติมเต็มภาพ “เมืองศิลปะริมโขง–ริมกก” ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

วางอนาคต 20 ไร่ ศูนย์เรียนรู้–เมืองอาหารปลอดภัย–นวัตกรรมและ AI

ท่ามกลางความสวยงามของดอกไม้ในฤดูกาลหนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ “วิสัยทัศน์ระยะยาว” ที่ถูกเล่าควบคู่ในงานแถลงข่าว ดร.วันชัย เปิดเผยว่า เทศบาลนครเชียงรายมีแผนจะพัฒนาพื้นที่บางส่วนของสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ประมาณ 20 ไร่ ให้เป็น “ศูนย์เรียนรู้และพื้นที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์” ควบคู่กับการเป็นฐานในการขับเคลื่อนเมืองสู่เป้าหมาย “เมืองอาหารปลอดภัย”

แผนดังกล่าวประกอบด้วย 3 มิติสำคัญ

  1. การสืบสานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการออกแบบกิจกรรมและรูปแบบการเรียนรู้ ให้ประชาชนเห็นภาพว่าการพัฒนาท้องถิ่นสามารถเดินไปพร้อมกับความพอประมาณและความยั่งยืนได้อย่างไร
  2. การยกระดับสู่เมืองอาหารปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี โดยเตรียมประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ รวมถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านเกษตรและระบบตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร พร้อมนำเทคโนโลยีและ AI มาช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิต จำหน่าย และสร้างแบรนด์สินค้าอาหารปลอดภัยได้อย่างมีมาตรฐาน
  3. การสร้างแหล่งเรียนรู้ให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป ผ่านนิทรรศการถาวร แปลงสาธิต และกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ โดยมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่เข้าใจทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรมสมัยใหม่ และการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการสร้างอาชีพและรายได้ในระยะยาว

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เทศบาลนครเชียงรายไม่ได้มองงานเทศกาลดอกไม้เป็นเพียง “อีเวนต์ประจำปี” แต่ใช้เป็น “เวที” และ “จุดตั้งต้น” ในการสื่อสารวิสัยทัศน์เมืองและดึงทรัพยากรจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนเชียงราย

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ และการยืนยันบทบาท “นครแห่งสีสันและเทศกาลตลอดปี”

จากการจัดงานอย่างต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เทศกาลเชียงรายดอกไม้งามพิสูจน์แล้วว่าเป็น “แม่เหล็กสำคัญ” ของการท่องเที่ยวฤดูหนาวในเชียงราย ภาครัฐและผู้ประกอบการท้องถิ่นคาดหวังว่า การจัดงานปีที่ 22 จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้หลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มว่าการเดินทางทางอากาศและการจองที่พักในช่วงเวลาดังกล่าวจะคึกคักเป็นพิเศษ

แม้ยังไม่มีการระบุตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าว แต่ท่าทีของผู้บริหารสะท้อนความเชื่อมั่นว่า งานเทศกาลจะช่วย “อัดฉีดเม็ดเงิน” เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การบริการ เกษตร และการค้าชุมชน โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงกับกิจกรรมอื่น ๆ ของเทศบาล เช่น งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ณ หอนาฬิกานครเชียงราย และพิธีทำบุญตักบาตรปีใหม่บนถนนธนาลัย

ในมุมเชิงนโยบาย เทศบาลนครเชียงรายใช้โอกาสนี้ย้ำว่า การขับเคลื่อนเชียงรายสู่การเป็น “เมืองน่าอยู่ เมืองท่องเที่ยวคุณภาพ และเมืองที่มีความยั่งยืน” จำเป็นต้องอาศัยทั้งพลังของภาครัฐ เอกชน ชุมชน และเยาวชน โดยงานเชียงรายดอกไม้งามถูกวางบทบาทให้เป็น “เวทีกลาง” ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม แสดงศักยภาพ และได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม

ท้ายที่สุด คำเชิญชวนจากผู้จัดงานจึงไม่ได้มุ่งเพียงให้ผู้คนมาชมดอกไม้เมืองหนาวที่บานสะพรั่งริมน้ำกกเท่านั้น หากแต่ชวนให้มาสัมผัส “เมืองที่กำลังใช้ศิลปะ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และนวัตกรรม” เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับผู้คนบนผืนแผ่นดินเหนือสุดของสยามแห่งนี้

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • ภาพ : กีรติ ชุติชัย
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ไฮซีซัน เชียงราย CAAT รับข้อเสนอ ลดค่าธรรมเนียมการบิน เร่งเครื่องเที่ยวบินดันสัดส่วนต่างชาติ

ท่องเที่ยวเชียงรายพึ่งพาคนไทยหนัก Q3/2568 รายได้เฉียด 1 หมื่นล้าน แต่สัดส่วนต่างชาติเพียง 16%—โจทย์ใหม่ “Medical Tourism” และนโยบายค่าธรรมเนียมการบินกำหนดทิศไฮซีซัน

เชียงราย,13 พฤศจิกายน 2568 – การปิดไตรมาส 3/2568 ด้วยนักท่องเที่ยวรวม 1,195,635 คน สร้างรายได้ 9,763.48 ล้านบาท แต่รายได้ 84% มาจากคนไทย ขณะที่ต่างชาติคิดเป็นเพียง 16% สะท้อนโครงสร้างที่ “ยังเปราะบาง” ต่อดีมานด์ในประเทศ ททท.ประเมินไฮซีซันยังสดใสแม้ “ตลาดระยะใกล้” สะดุด ชี้ยุโรป–อเมริกามีแนวโน้มชดเชย ส่วนฝั่งการบิน CAAT รับข้อเสนอสมาคมสายการบินฯ ให้ “ชะลอขึ้นค่าธรรมเนียม–ลดภาษีน้ำมันอากาศยาน” เพื่อเร่งเครื่องเที่ยวบินในประเทศ คำถามสำคัญคือ เชียงรายจะใช้ “จุดแข็ง Medical Tourism และ Soft Power เมืองเหนือ” อย่างไร เพื่อขยับสัดส่วนรายได้ต่างชาติให้พ้น 16% ในรอบต่อไป

เมืองเหนือที่วิ่งด้วยแรงคนไทย

ยามบ่ายปลายฝนต้นหนาว ริมแม่น้ำกกยังเย็นสบาย ร้านกาแฟบนเนินเขาแน่นไปด้วยครอบครัว นักปั่น และนักเดินทางจากจังหวัดใกล้เคียง ภาพนี้อธิบาย “พลังตลาดในประเทศ” ของเชียงรายได้อย่างชัดเจน ตัวเลขจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่อ้างข้อมูล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าในไตรมาส 3/2568 (ก.ค.–ก.ย.) เชียงรายรับนักท่องเที่ยวรวม 1.196 ล้านคน รายได้รวม 9,763.48 ล้านบาท โดยคนไทยคิดเป็น 87.2% ของจำนวนนักท่องเที่ยว และ 84% ของรายได้ ขณะที่ต่างชาติคิดเป็น 12.8% ของจำนวนคน และ 16% ของรายได้ นั่นแปลว่า “กระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชียงรายในช่วงโลว์ซีซันยังเป็นคนไทยอย่างแท้จริง

ความจริงข้อนี้มีทั้งด้านบวกและด้านเปราะบาง ด้านบวกคือฐานลูกค้าภายในประเทศแข็งแรง สามารถพยุงธุรกิจในช่วงที่เที่ยวบินระหว่างประเทศยังไม่เต็มศักยภาพ แต่ด้านเปราะบางคือ หากเศรษฐกิจครัวเรือนไทยชะลอ ตัวเลขทั้งระบบของเชียงรายก็จะสะเทือนทันที การยกระดับ “สัดส่วนต่างชาติ” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องภาพลักษณ์ แต่คือ “เกราะกันกระแทก” ทางเศรษฐกิจ

ภาพรวมไตรมาส สิงหาคมพีคสุดทั้งคนและรายได้

เมื่อลงลึกเป็นรายเดือน ภาพรวม กรกฎาคม–กันยายน สะท้อนจังหวะ “ค่อยๆ เร่งก่อนเข้าสู่ไฮซีซัน”

  • ก.ค. นักท่องเที่ยวรวมราว 407,471 คน (ไทย ~353,058 / ต่างชาติ ~54,413) รายได้รวม 3,333.80 ล้านบาท (ไทย ~2,787.23 / ต่างชาติ ~546.57)
  • ส.ค. ขยับขึ้นเป็น 419,584 คน (ไทย ~359,306 / ต่างชาติ ~60,278) รายได้รวม 3,435.08 ล้านบาท (ไทย ~2,811.96 / ต่างชาติ ~623.12)  เป็น “เดือนพีค” ของไตรมาส
  • ก.ย. ลดลงตามฤดูกาลเหลือ 368,580 คน (ไทย ~330,826 / ต่างชาติ ~37,754) รายได้รวม 2,994.60 ล้านบาท (ไทย ~2,601.18 / ต่างชาติ ~393.42)

ตัวเลขนี้ตอกย้ำว่า “แรงซื้อไทย” คือหัวรถจักรหลักในช่วงโลว์ซีซัน ส่วนต่างชาติชะลอตัวตามบริบทตลาดเอเชียที่ยังไม่ฟื้นเต็มอัตรา โดยเฉพาะจีน ตลาดคู่ค้าที่เคยหนุนภาคเหนืออย่างมีนัยสำคัญ

ททท.อ่านเกมไฮซีซัน ตลาดไกลชดเชยตลาดใกล้

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ประเมินแนวโน้มไฮซีซันปีนี้ว่า “ยังสดใส” จากแรงส่งแคมเปญระดับประเทศ (เช่น งานวิจิตรเจ้าพระยา 2568 และเทศกาลลอยกระทงที่ก่อเม็ดเงินสะพัดกว่า 6.5 พันล้านบาท) และกิจกรรมส่งท้ายปีที่จะยกระดับไทยสู่หมุดหมายเคานต์ดาวน์ในสายตานานาชาติ อย่างไรก็ดี ททท.ก็ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่ต้องระวัง ตลาดระยะใกล้ บางส่วน “ซบเซา” โดยเฉพาะ จีนลดลง ~35% และ เกาหลีใต้/สิงคโปร์ ยังชะลอ ขณะที่ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐ เยอรมนี ออสเตรเลีย มีสัญญาณบวกและถูกวางบทบาทให้ “ชดเชยเชิงโครงสร้าง” ในปีหน้า

สำหรับ ปี 2569 ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 34.9 ล้านคน รายได้รวม 2.79 ล้านล้านบาท โดยเปลี่ยน “เกมปริมาณ” สู่ “เกมคุณภาพ” ผ่าน 3 แกนยุทธศาสตร์

  1. Total Wellbeing & Medical Tourism – ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ/การรักษาเฉพาะทางที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูง
  2. เส้นทางบินใหม่ – เพิ่มความถี่/จุดบินเพื่อขยายการเข้าถึงเมืองรอง
  3. Trust Thailand & Soft Power – เร่งมาตรฐานความปลอดภัยและสร้างประสบการณ์เฉพาะถิ่น

หากเชื่อมโยงกับโจทย์เชียงราย ข้อ 1 และ 2 มีน้ำหนักเป็นพิเศษ เมืองมีฐานบริการสุขภาพที่น่าเชื่อถือ มหาวิทยาลัยชั้นนำ และธรรมชาติที่เอื้อต่อการพักฟื้น ขณะที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงกำลังถูกผลักดันให้รองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป การ “เสียบปลั๊ก” เข้ากับแผนประเทศจึงมีความเป็นไปได้สูง

นโยบายการบิน ค่าธรรมเนียม–ภาษีน้ำมัน คือคันเร่งเที่ยวบิน

ฝั่ง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) รายงานการรับฟังข้อเสนอจาก สมาคมสายการบินประเทศไทย ณ กระทรวงคมนาคม (12 พ.ย. 2568) โดยมีแกนสำคัญคือ “ทำให้ต้นทุนสายการบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” เพื่อเร่งเครื่องความถี่เที่ยวบินและบัตรโดยสารที่จับต้องได้ ซึ่งจะกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค

ข้อเสนอหลักประกอบด้วย

  • ชะลอปรับขึ้นค่าบริการการเดินอากาศ (ANSC) และ ค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออก (PSC) โดยเสนอเลื่อน ANSC ของดอนเมืองไปปี 2570 และของสนามบินภูมิภาคหลัก (เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่) ไปปี 2571
  • ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน จาก 4.726 บาท/ลิตร 0.20 บาท/ลิตร ช่วยลดราคาบัตรโดยสารในประเทศราว 100 บาท/เที่ยว และเพิ่มที่นั่งภายในประเทศ ~3.8 ล้านที่นั่ง (15 ม.ค.–15 พ.ค. 2569) คาดสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 22,000 ล้านบาท
  • แคมเปญ “Buy International, Free Domestic Flights” มอบตั๋วภายในประเทศฟรีแก่ต่างชาติที่ซื้อตั๋วเดินทางเข้าไทยช่วง 15 ม.ค.–12 เม.ย. 2569 คาดดึง ~200,000 คน สร้างเม็ดเงิน ~8,500 ล้านบาท
  • ปฏิรูปกฎระเบียบ เพิ่มความคล่องตัวในการนำเข้าอากาศยาน และใช้กระบวนการ Public Consultation ในการพิจารณาค่าธรรมเนียมให้โปร่งใส

ในแง่เชียงราย ข้อเสนอเหล่านี้ หากรัฐบาลอนุมัติ จะ “เปลี่ยนเกมความถี่” ภายในประเทศทันที โดยเฉพาะไฟลต์เชื่อม กรุงเทพฯ–เชียงราย และไฟลต์เชื่อมระหว่างเมืองเหนือ–อีสาน/ใต้ ซึ่งเป็นฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพดีและเดินทางซ้ำบ่อย นอกจากนี้ หากแคมเปญ “บินข้ามประเทศ–แถมตั๋วในประเทศ” เกิดขึ้นจริง เชียงรายในฐานะ เมืองรองที่พร้อมเรื่องความปลอดภัย–ธรรมชาติ–วัฒนธรรม ย่อมมีโอกาส “ติดทริป” ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บินลงกรุงเทพฯ/เชียงใหม่ ได้มากขึ้น

โจทย์ของเชียงราย จะขยับ “สัดส่วนต่างชาติ” อย่างไร

เมื่อรู้ข้อเท็จจริงว่า รายได้ 84% ยังมาจากคนไทย และ ต่างชาติ 16% เป็น “เสาหลักที่ยังเตี้ย” แนวทางต่อไปของเชียงรายจึงควรอยู่บนกรอบคิด “คม–ครบ–เร็ว” ดังนี้

1) เน้น “Medical Wellness & Recovery” ที่จับต้องได้

  • แพ็กเกจพักฟื้น 7–14 คืน ร่วมมือโรงพยาบาล/คลินิกเฉพาะทางกับโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA/Wellness จัดแพ็กเกจ “ผ่าตัดเล็ก–กายภาพบำบัด–สุขภาพช่องปาก–ตรวจสุขภาพเชิงลึก” ผูกกับกิจกรรมเบาๆ (ชากาแฟพิเศษ วิถีชาติพันธุ์ โยคะบนดอย)
  • คลินิกเฉพาะทางสำหรับตลาดไกล สื่อสารจุดแข็งด้าน บริการอบอุ่น ค่ารักษาสมเหตุสมผล และสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการพักฟื้น เจาะกลุ่ม ยุโรป/สหรัฐ/ตะวันออกกลาง ที่ททท.ระบุว่ามีสัญญาณบวก
  • One-Stop Concierge ต่างชาติ ตั้งจุดบริการภาษาอังกฤษ/จีน/พม่า ที่สนามบินและในเมือง ช่วยประสานแพ็กเกจ, นัดหมายแพทย์, การเดินทาง, อาหารพิเศษ, ล่าม ลด “ความกลัว” ของผู้ป่วย/ผู้สูงวัยต่างชาติ

2) เติมเที่ยวบิน–เส้นทางบินรองรับดีมานด์

  • ร่วมมือสายการบิน ใช้ข้อมูล CTRD/MOTS จุดอัตราโหลดแฟคเตอร์ดีช่วงไฮซีซัน เจรจาเส้นทางตรง/เชื่อม (เช่น กรุงเทพฯ–เชียงราย–หลวงพระบาง/สิบสองปันนา ผ่านโค้ดแชร์) โดยยึดหลัก “เที่ยวบินแรกต้องรอด–งบโปรโมชันต้องพอ”
  • สลิงโปรโมชันกับแคมเปญประเทศ เช่น ถ้า “Buy International, Free Domestic Flights” ผ่าน ให้พ่วงแพ็กเกจเชียงราย 2 คืน + เส้นทางชา–กาแฟ + พักฟื้นเบาๆ ที่สปา/ออนเซ็นธรรมชาติ

3) สร้างประสบการณ์ Soft Power ที่ต่างชาติรัก

  • เส้นทางกาแฟ–ชา–งานคราฟต์ชาติพันธุ์ แบบคิวเรต (ไม่รีบ–ไม่โหม) ให้ “คุณภาพก่อนปริมาณ”
  • เทศกาลที่เป็นมิตรต่อการเดินทาง กำหนดเวลางานใหญ่ให้สัมพันธ์กับตารางบิน/ฤดูกาล และออกแบบ “โซนเงียบ/โซนสุขภาพ” สำหรับผู้สูงวัย/ผู้พักฟื้น จุดขายที่ต่างจากเมืองใหญ่

4) ขยายพาร์ตเนอร์ B2B ต่างประเทศ

  • เอเยนซีสุขภาพ/ประกันสุขภาพนานาชาติ ทำ MOU ส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องการรอคิวในประเทศตนเองนาน ให้มาใช้บริการเชียงราย
  • เครือข่ายศูนย์เวชศาสตร์การกีฬา เชื่อมทีม/ชมรมสมัครเล่นยุโรป–อเมริกา จัดค่ายฟื้นฟูสมรรถภาพบนภูเขาสูง ดึงกลุ่มใช้จ่ายสูงและอยู่นาน

5) จัดการ “ประสบการณ์เดินทาง” ให้ราบรื่นที่สุด

  • สนามบิน–เมือง 30 นาทีที่ปลอดฝุ่น/ปลอดฝน ทำความสะอาดถนนช่วงพีก (ก่อน–หลังเลิกเรียน/เที่ยวบินลง) ติดตั้งไฟส่องสว่าง–ป้ายภาษาอังกฤษชัดเจน เรื่องเล็กในมุมเมือง แต่คือ “เรื่องใหญ่” ของรีวิวต่างชาติ
  • มาตรฐานราคา–คุณภาพ ใช้ระบบรับรอง/ตราสัญลักษณ์ Trust Thailand ในร้าน–แท็กซี่–ไกด์–โรงแรมที่เข้าร่วม สื่อสารชัด–ร้องเรียนง่าย

 มุมมองความเสี่ยง หากยังพึ่งคนไทยเป็นหลัก

หากไม่ขยับ “เสาต่างชาติ” ให้สูงขึ้น ความเสี่ยงคือ วงจรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย มากเกินไป เมื่อใดที่กำลังซื้อหด เมืองก็หดตาม อีกทั้งการแข่งขันในตลาดในประเทศดุเดือด เมืองท่องเที่ยวจำนวนมากแย่งงบและความสนใจจากนักเดินทางกลุ่มเดียวกัน การมี “พอร์ตต่างชาติ” ที่มั่นคงขึ้นจะทำให้เชียงราย ปรับสมดุลรายได้ และ ยืดหยุ่นต่อความผันผวน ดีกว่าเดิม

นโยบายประเทศช่วยเมืองรองได้อย่างไร

ข้อมูลจาก ททท. และเวทีของ CAAT ชี้ให้เห็น “การประสานระดับชาติ” ที่จะส่งผลถึงเมืองรองอย่างเชียงรายใน 3 ชั้น

  1. ดีมานด์ – แคมเปญระดับประเทศและ Soft Power ทำให้ไทย “ติดเรดาร์” ของตลาดไกลมากขึ้น
  2. ซัพพลายการบิน – ลดต้นทุนสายการบิน → เพิ่มเที่ยวบิน/ความถี่ → บัตรโดยสารถูกลง → นักท่องเที่ยวเลือกเมืองรองได้ง่ายขึ้น
  3. โครงสร้างรายได้ – เน้น Medical/Wellness ทำให้ “ค่าใช้จ่ายต่อหัว” สูงขึ้นและอยู่นานขึ้น เม็ดเงินกระจายสู่ผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ลึกกว่าแค่รูปแบบ “แวะเช้า–เย็นกลับ”

หากนโยบายทั้งสามชั้นเดินพร้อมกัน เชียงรายจะ “เก็บเกี่ยวผล” ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเมืองมีทรัพยากรเด่นด้านธรรมชาติ–วัฒนธรรม–ความปลอดภัย และมีต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานท่องเที่ยวที่พร้อมต่อยอด

สรุปเชิงนโยบายสำหรับจังหวัด/เอกชนในเชียงราย (ทำได้ทันที)

  • ตั้งคณะทำงาน Medical Wellness เชียงราย รวบรัดโรงพยาบาล–คลินิก–สปา–โรงแรม–สายการบิน–สนามบิน วางแพ็กเกจและมาตรฐานบริการเดียวกัน (ภาษา–อาหาร–รถรับส่ง–การนัดหมาย)
  • เลือก 3 ตลาดเป้าหมายแรก รัสเซีย–อังกฤษ–สหรัฐ (สอดคล้องทิศทาง ททท.) ทำโปรโมชันร่วมสายการบิน/OTA ด้วยข้อความ “พักฟื้นเหนือสุดสยาม–ภูเขา–แม่น้ำ–กาแฟดี”
  • สร้างคอนเทนต์พยานหลักฐาน รีวิวผู้ป่วย/ผู้สูงวัยจริง (ยินยอมเผยแพร่) ใน 3 ภาษา อธิบายขั้นตอนการรักษา–การเดินทาง–ค่าใช้จ่าย–การดูแลหลังรักษา
  • ยกระดับ UX สนามบิน–เมือง เพิ่มเจ้าหน้าที่ภาษา, ป้ายทางสองภาษา, รถ EV รับส่งคงเส้นคงวา, จุดร้องเรียนฉุกเฉินต่างชาติแบบ 24 ชม.
  • วัดผลทุกไตรมาส เผยแพร่ตัวชี้วัด “สัดส่วนต่างชาติ/ค่าใช้จ่ายต่อหัว/วันพักเฉลี่ย/ความพึงพอใจ” ต่อสาธารณะ เพื่อปรับยุทธศาสตร์แบบ agile

จาก 16% ไปสู่สมดุลที่ยั่งยืน

เชียงรายปิดไตรมาส 3/2568 ด้วย “ภาพสวยครึ่งหนึ่ง”  รายได้รวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท แต่อาศัยแรงซื้อในประเทศถึง 84% เมื่อไฮซีซันมาเยือน โอกาสในการดึงต่างชาติอยู่ “ตรงหน้า” ทั้งจากแคมเปญของ ททท., สัญญาณตลาดไกลที่ฟื้นตัว และนโยบายการบินที่กำลังคลายล็อกต้นทุน หากจังหวัด–เอกชน–ชุมชน จับมือกันเดินเกม Medical Wellness ที่เชื่อมสนามบิน–เมือง–บริการสุขภาพ อย่างตั้งใจ เชียงรายไม่เพียงเพิ่ม สัดส่วนรายได้ต่างชาติ แต่จะยกระดับ คุณภาพรายได้ ของทั้งระบบ ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น “อยู่ได้อย่างมั่นคง” และพลเมือง “อยู่ดีอย่างยั่งยืน”

สถิติสำคัญ (Q3/2568)

  • นักท่องเที่ยวรวม 1,195,635 คน | ไทย 1,043,190 (87.2%) | ต่างชาติ 152,445 (12.8%)
  • รายได้รวม 9,763.48 ล้านบาท | ไทย 8,200.37 (84%) | ต่างชาติ 1,563.11 (16%)
  • เดือนพีคของไตรมาส สิงหาคม (ทั้งจำนวนคนและรายได้)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (พ.ศ. 2568
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) มช
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แม่สรวยเปิดแหล่งน้ำพุร้อน ทองทิพย์ หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เปิดตัวโครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” แม่สรวย สร้างเมืองสุขภาพสู่ Chiangrai Wellness City

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร โดย ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร ได้เปิดตัว โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์หมู่บ้านทองทิพย์ ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขานรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาเป็น Chiangrai Wellness City

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างความร่วมมือหลายภาคส่วน

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้มีการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ โดยมี นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์ กับศักยภาพในการพัฒนาสุขภาพ

โครงการนี้มุ่งหวังให้ น้ำพุร้อนทองทิพย์ ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 54 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่สำหรับการบำบัดสุขภาพ โดยสามารถใช้แช่ตัว แช่เท้า และมีผลบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจากการตรวจวิเคราะห์โดยกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกพบว่าน้ำแร่ที่นี่มี ค่า pH 8.2 และสามารถดื่มได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน

กิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวและสุขภาพ

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าเยี่ยมชม พร้อมทั้งมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพหลากหลาย เช่น การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร และบริการจากกลุ่มแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ เช่น เมือง คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) ในสาธารณรัฐเช็ก และเมือง เบปปุ (Beppu) ในประเทศญี่ปุ่น

ขยายโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ เปิดเผยว่าในอนาคตโครงการนี้จะขยายเพื่อสร้าง Golden Immortal Wellness and Healthy Living บนพื้นที่กว่า 425 ไร่ โดยเชิญชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Chiangrai Wellness City ของจังหวัด และผลักดันให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับสากล

ประวัติศาสตร์และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำพุร้อนทองทิพย์

หมู่บ้านทองทิพย์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี โดยเล่ากันว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเคยพักแรมที่บริเวณนี้ก่อนจะครองเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งได้อัญเชิญ พระเจ้าทองทิพย์ มาประดิษฐานไว้ ณ บริเวณนี้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่อดีตถูกใช้โดยหมอแผนโบราณสำหรับการรักษาโรคและการบำบัดสุขภาพ โดยปัจจุบันได้พัฒนาให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง

บทสรุปและเป้าหมายในอนาคต

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเชียงรายและประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของ องค์การบริหารการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (อพท.) โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์ แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE