Categories
FEATURED NEWS

เกาะกูด สยบข่าวลวง ยืนยันดินแดนไทย ไร้ข้อสงสัย

เจาะลึกปัญหาข่าวลวงเกาะกูด: ความจริงที่ต้องรู้เพื่อรักษาความสมานฉันท์

ตราด,วันที่ 18 มิถุนายน 2568 – โรงแรมตราดซิตี้ ในงานครบรอบ 34 ปีประชามติตราด และ 28 ปี สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติส่วนภูมิภาคจังหวัดตราด การเสวนาในหัวข้อ “เจาะปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม กรณีเกาะกูด จังหวัดตราด” ได้นำเสนอประเด็นร้อนที่ครองความสนใจของทั้งสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เกาะกูด ดินแดนแห่งท้องทะเลบูรพาที่งดงามด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม กลับถูกพูดถึงในฐานะประเด็นข้อพิพาทด้านเขตแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยมีข่าวลือและข้อมูลที่บิดเบือนทำให้เกิดความสับสนและความกังวลในหมู่ประชาชน

การเสวนาครั้งนี้มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ผศ.ดร.เสาวนีย์ วรรณประภา ผู้ช่วยคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จันทบุรี, นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี อดีตบรรณาธิการบริหาร The Nation, นายกฤษฎาพงษ์ แววคล้ายหงษ์ แอดมินตราดทีวีและเว็บไซต์ตราดออนไลน์ และ นายเดชาธร จันทร์อบ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะกูด ร่วมกันถกประเด็นอย่างเข้มข้นเพื่อคลายปมปัญหาข่าวลวงและนำเสนอข้อเท็จจริงในมิติต่างๆ

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี บรรณาธิการบริหาร 'The Nation'

ปฐมบทแห่งความขัดแย้ง เกาะกูดกับประเด็นเขตแดน

เรื่องราวของเกาะกูดเริ่มต้นจากความซับซ้อนของเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งนายสุภลักษณ์ได้อธิบายอย่างละเอียดถึงที่มาของปัญหา เขากล่าวว่า ประเทศไทยและกัมพูชามีการอ้างสิทธิในพื้นที่ทับซ้อน (Overlapping Claims Area – OCA) ในอ่าวไทยตั้งแต่ปี 2516 โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุมราว 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม การเจรจาเพื่อแบ่งเขตและพัฒนาทรัพยากรร่วมกันยังไม่บรรลุผล โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด ซึ่งกัมพูชาเคยอ้างสิทธิในอดีต แต่ในทางนิตินัย เกาะกูดได้รับการยืนยันว่าเป็นของประเทศไทยตามสนธิสัญญาระหว่างสยามและฝรั่งเศสในปี 2450 และการอยู่อาศัยของประชากรไทยในพื้นที่นี้อย่างต่อเนื่อง

นายสุภลักษณ์ย้ำว่า “ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ เกาะกูดเป็นของไทยอย่างชัดเจนทั้งในแง่นิตินัยและพฤตินัย ไม่มีเอกสารใดจากกัมพูชาที่สามารถยืนยันการอ้างสิทธิได้อย่างถูกต้อง” เขายังชี้ว่า การเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไม่ได้หมายถึงการยอมจำนนหรือเสียดินแดน แต่เป็นการหาทางออกเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงการพัฒนาร่วม (Joint Development Area) คล้ายกรณีของไทยและมาเลเซีย

นายกฤษฎาพงษ์ แววคล้ายหงษ์ แอดมินตราดทีวีและเวปไซด์ตราดออนไลน์

ข่าวลวง ภัยเงียบที่บั่นทอนความมั่นใจ

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย ข่าวลวงเกี่ยวกับเกาะกูดกลายเป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตระหนก โดยเฉพาะเมื่อมีการปล่อยข้อมูลที่บิดเบือน เช่น การอ้างว่าเกาะกูดกำลังจะถูกยกให้กัมพูชา หรือมีการสู้รบในพื้นที่ นายกฤษฎาพงษ์ แววคล้ายหงษ์ จากตราดทีวี ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นที่มีผู้ติดตามกว่า 250,000 คน เปิดเผยว่า “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีการนำประเด็นเกาะกูดมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสการเมืองร้อนแรง บางครั้งสื่อบางแห่งหรือกลุ่มบุคคลพยายามสร้างความตื่นตระหนกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”

เขายังเล่าถึงความท้าทายในการนำเสนอข่าวสารในฐานะสื่อท้องถิ่นว่า “เราไม่สามารถนำเสนอข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เพราะมันอาจกระทบต่อการท่องเที่ยวและความมั่นใจของประชาชน เราเช็คข้อมูลจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะจากนายก อบต. เกาะกูด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่เผยแพร่มีความถูกต้องและไม่สร้างความเสียหาย”

ผศ.ดร.เสาวนีย์ วรรณประภา ผู้ช่วยคณบดี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ รำไพพรรณี จันทบุรี

ด้าน ผศ.ดร.เสาวนีย์ เน้นย้ำถึงบทบาทของนักวิชาการและการสอนนิเทศศาสตร์ในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบข้อมูล “ในฐานะนักวิชาการ เราเน้นให้นักศึกษาเรียนรู้การตรวจสอบแหล่งข่าว โดยเฉพาะในยุคที่ข่าวลวงแพร่กระจายง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย การเช็คข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและการวิเคราะห์อย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญ” เธอยังแนะนำว่า การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น การละเมิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ซึ่งกำหนดโทษสำหรับการแชร์ข้อมูลเท็จ

เสียงจากเกาะกูดความจริงจากคนในพื้นที่

นายเดชาธร จันทร์อบ นายก อบต. เกาะกูด ตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่า ชีวิตของชาวเกาะกูดยังคงดำเนินไปอย่างปกติ แม้จะเผชิญกระแสข่าวลวง “ชาวเกาะกูดไม่ได้ตื่นตระหนก เรายังใช้ชีวิตตามปกติ การท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นอาจลดลงบ้าง แต่เมื่อเทียบกับช่วงที่มีข่าวลือหนักๆ ปีที่แล้ว การท่องเที่ยวลดลงถึง 30% เพราะนักท่องเที่ยวบางส่วนกลัวว่าจะมีสู้รบหรือสถานการณ์ไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่รู้จักเกาะกูดผ่านโซเชียลมีเดีย

นายเดชาธร จันทร์อบ นายก อบต.เกาะกูด

นายเดชาธรยังย้ำว่า “เกาะกูดคือหัวใจของคนไทยและเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดตราดอย่างชัดเจน เราไม่กังวลเรื่องการสูญเสียดินแดน เพราะมีหลักฐานทั้งทางประวัติศาสตร์และการอยู่อาศัยที่ยืนยันความเป็นไทย” เขายังเรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

สื่อมวลชน ผู้กำหนดทิศทางความเข้าใจ

นายสุภลักษณ์ ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการสื่อมวลชนมากว่า 30 ปี กล่าวถึงหลักการสำคัญของการรายงานข่าวว่า “สื่อมวลชนต้องรายงานตามความเป็นจริง โดยไม่เลือกข้างหรือสร้างวาทกรรมที่บิดเบือน การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความรู้สึกของประชาชน” เขายังเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยกตัวอย่างกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเคยเกิดความขัดแย้งจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างความเสียหายต่อชุมชนท้องถิ่นที่หวังพึ่งพาการท่องเที่ยว

“การเจรจาคือทางออกที่ดีที่สุด” นายสุภลักษณ์กล่าว “ในยุโรปมีตัวอย่างมากมายที่ชุมชนในเขตแดนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องขีดเส้นแบ่งแยกอย่างเข้มงวด เราไม่ควรปล่อยให้วาทกรรมชาตินิยมหรือผลประโยชน์ทางการเมืองมากำหนดทิศทางของสื่อ”

งาน 34 ปีประชามติตราด และ 28 ปี สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติส่วนภูมิภาคจังหวัดตราด ที่โรงแรมตราดชิตี้ อ.เมือง จ.ตราด

ทางออกของปัญหาข่าวลวง

การเสวนาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ข่าวลวงเกี่ยวกับเกาะกูดไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของการสื่อสาร แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว วิทยากรทั้งสี่ท่านเห็นพ้องกันว่า การแก้ไขปัญหานี้ต้องเริ่มจากการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชนและสื่อมวลชน โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ การนำเสนอข่าวในเชิงสร้างสรรค์ และการส่งเสริมความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ทับซ้อน

ผศ.ดร.เสาวนีย์ เสนอว่า “การศึกษาและการอบรมเยาวชนให้รู้เท่าทันสื่อเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในโรงเรียนและชุมชนท้องถิ่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของข่าวลวง” ขณะที่นายกฤษฎาพงษ์เน้นย้ำถึงบทบาทของสื่อท้องถิ่นในการเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ “เราต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น อบต. และกองทัพเรือ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน”

นายเดชาธรทิ้งท้ายด้วยข้อความที่สร้างความมั่นใจว่า “เกาะกูดคือบ้านของเรา และเราจะปกป้องมันด้วยความสมานฉันท์ ไม่ใช่ด้วยความขัดแย้ง ทุกคนที่มาเกาะกูดจะได้สัมผัสกับความสวยงามและความสงบสุขที่เรามี”

ร่วมสร้างความจริงเพื่ออนาคต

การเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยคลายปมปัญหาข่าวลวงเกี่ยวกับเกาะกูด แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความรับผิดชอบของสื่อมวลชน นักวิชาการ และผู้นำชุมชนในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ เกาะกูดไม่ใช่แค่ดินแดนแห่งความงามทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์ระหว่างพี่น้องไทยและกัมพูชา การรักษาความสงบสุขและความมั่นใจของประชาชนจึงเป็นภารกิจร่วมกันของทุกฝ่าย

ในยุคที่ข่าวลวงสามารถจุดกระแสได้ในพริบตา การยึดมั่นในความจริงและการเจรจาด้วยเหตุผลคือกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหา เกาะกูดจะยังคงเป็นอัญมณีแห่งท้องทะเลบูรพา และเป็นบ้านของคนไทยที่พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การเสวนา “เจาะปัญหาข่าวลวง ข่าวปลอม กรณีเกาะกูด จังหวัดตราด” จัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติส่วนภูมิภาคจังหวัดตราด
  • ข้อมูลจาก ผศ.ดร.เสาวนีย์ วรรณประภา, นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี, นายกฤษฎาพงษ์ แววคล้ายหงษ์, และนายเดชาธร จันทร์อบ
  • เอกสารสนธิสัญญาระหว่างสยามและฝรั่งเศส (2450) และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2544
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News