Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายคว้ารางวัล Hall of Fame ย้ำธงยั่งยืนบนเวทีอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ททท. ประกาศผล “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15” ย้ำธง Sustainability – เชียงรายคว้าทั้ง Hall of Fame และรางวัลดีเด่น กางตัวเลข 151 ผู้ชนะ พร้อมโรดแมปยกระดับมาตรฐานสู่สากล

กรุงเทพฯ / เชียงราย, 5 กันยายน 2568 – เวที “รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” หรือ Thailand Tourism Awards ซึ่งจัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางสู่ปีที่ 30 พร้อมประกาศรายนามผู้คว้ารางวัลประจำครั้งที่ 15 อย่างเป็นทางการ ปีนี้มีไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว รางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards)” เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการที่ทำคะแนนด้านการบริหารจัดการความยั่งยืนสูงเป็นพิเศษ สะท้อนทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมไทยที่มุ่งสู่มาตรฐานสากลและเป้าหมายคาร์บอนต่ำ

พิธีพระราชทานรางวัล ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยปีนี้มีผู้ประกอบการคุณภาพที่ผ่านเกณฑ์เข้มข้น รวม 151 ราย ครอบคลุม 4 สถานะรางวัล ดังนี้

  • รางวัลยอดเยี่ยม (Thailand Tourism Excellence Awards) จำนวน 17 ราย
  • รางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Outstanding Awards) จำนวน 59 ราย
  • รางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards) จำนวน 69 ราย
  • และ รางวัลเกียรติยศ Hall of Fame สำหรับผู้ที่รักษามาตรฐาน “ยอดเยี่ยม” ต่อเนื่อง 3 ครั้ง จำนวน 6 ราย

รางวัลที่ไม่ใช่แค่ถ้วย แต่คือมาตรฐานของประเทศ

นางสาว ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ระบุว่า รางวัลครั้งนี้มีเป้าหมายชัดในการ “ยกระดับคุณภาพ” และ “ยึดโยงความยั่งยืน” ให้เป็นแกนหลักของการท่องเที่ยวไทย โดยเกณฑ์ตัดสินครอบคลุม 4 มิติ คือ คุณภาพสินค้าและบริการ, การบริหารจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ, ความเป็นเลิศด้านธุรกิจ, และ บทบาทองค์กรที่สนับสนุนระบบนิเวศท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เพียงสะท้อน “ความดีเยี่ยมของวันนี้” แต่ยังขับเคลื่อน “มาตรฐานวันพรุ่งนี้” ให้ทั้งอุตสาหกรรมเดินไปในทิศเดียวกัน

ในเชิงปฏิบัติ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใช้ทั้งการตรวจเอกสาร, การสัมภาษณ์ภาคสนาม, และการประเมินเชิงหลักฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ชนะ “ทำจริง” ไม่ใช่เพียง “ทำสวย” พร้อมผลักดันให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ–สังคม–สิ่งแวดล้อม อย่างสมดุล

เชียงรายบนโพเดียม ความภาคภูมิใจที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

ปีนี้ จังหวัดเชียงราย ติดโผคว้ารางวัลสำคัญหลายรายการ โดยเฉพาะ โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี คอลเล็คชั่น ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้จังหวัด ด้วยการ

  • คว้า รางวัลเกียรติยศ Hall of Fame ในประเภท รีสอร์ต (Resort) หลังรักษามาตรฐาน “ยอดเยี่ยม” ต่อเนื่อง 3 ครั้ง
  • คว้า รางวัลยอดเยี่ยม (Excellence Awards) ในประเภท ที่พักนักท่องเที่ยว (Accommodation) อีกหนึ่งตำแหน่ง

ขณะที่ ชุมชนไทลื้อศรีดอนชัย คว้า รางวัลดีเด่น (Outstanding Awards) ในประเภท แหล่งท่องเที่ยว (Attraction) สะท้อนพลังของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่รักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่น ควบคู่การจัดการนักท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

ภาพรวมเหล่านี้ตอกย้ำว่าเชียงรายไม่ได้เป็นเพียง “จุดหมายปลายทางยอดฮิต” แต่กำลังก้าวสู่บทบาท “ต้นแบบการท่องเที่ยวคุณภาพ–ยั่งยืน” ของภาคเหนือ ที่เชื่อม ธรรมชาติ, วัฒนธรรม, และ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เข้าด้วยกันอย่างมีระบบ

Hall of Fame 6 ราย บทพิสูจน์ของความสม่ำเสมอ

นอกจากเชียงราย ยังมีผู้ได้รับ Hall of Fame รวม 6 ราย อันได้แก่

  1. พิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา (เชียงใหม่) – ตอกย้ำบทบาทการอนุรักษ์มรดกล้านนาที่มีชีวิต
  2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น (สุโขทัย) – โมเดลท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีระบบ
  3. วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต (ภูเก็ต) – การจัดการย่านประวัติศาสตร์สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์
  4. โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี คอลเล็คชั่น (เชียงราย) – โรงแรมที่ยืนระยะทั้งคุณภาพบริการและการบริหารจัดการ
  5. เล็ทส์ รีแล็กซ์ สปา ทองหล่อ (กรุงเทพฯ) – ธุรกิจสปาที่ขยับจาก “ดี” ไปสู่ “มาตรฐาน”
  6. รายการนำเที่ยว “สัมผัสเมืองไทยไร้พรมแดนจากเหนือจรดใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้พิการทางการเห็น” – ตัวอย่างความเป็นเลิศด้าน การเข้าถึง (Accessibility) และ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

รายนามเหล่านี้สะท้อนภาพกว้าง: ความเป็นเลิศอาจเกิดได้ทุกห่วงโซ่ ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ ชุมชน เมืองเก่า โรงแรม สปา ไปจนถึง “โปรแกรมทัวร์เพื่อผู้พิการทางการเห็น” ซึ่งย้ำว่าความยั่งยืนหมายรวมถึง “ความเท่าเทียมในการเข้าถึง” มิใช่เฉพาะสิ่งแวดล้อม

เปิดตัว “รางวัลแห่งความยั่งยืน” 69 ราย ขยับจากคำประกาศสู่ดัชนีวัดผล

ครั้งแรกของเวทีที่เพิ่มหมวก Thailand Tourism Sustainability Awards โดยมอบให้ผู้ที่ทำคะแนนด้าน Sustainability & Responsibility Excellence สูงเป็นพิเศษ การขยับครั้งนี้มีนัยสำคัญ เพราะแปลว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียง Checklist แต่ถูกยกระดับเป็น “ดัชนีวัดคุณภาพ” เทียบเท่าประสบการณ์นักท่องเที่ยว

เมื่อบวกรวมกับรางวัลหลักในสาขา แหล่งท่องเที่ยว, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, โปรแกรมทัวร์, องค์กรสนับสนุนการท่องเที่ยว, และที่พัก ตัวเลข 69 รางวัลด้านความยั่งยืน จึงทำหน้าที่เป็น “ไฟเขียว” ให้ตลาดรับรู้ว่า สินค้าและบริการเหล่านี้ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม, คุ้มครองมรดกวัฒนธรรม, และ กระจายรายได้สู่ชุมชน อย่างเป็นรูปธรรม

เกณฑ์ที่เข้มขึ้น จำนวนรางวัลที่กระชับลง สัญญาณของคุณภาพมาก่อนปริมาณ

เมื่อเทียบกับรอบที่ผ่านมา จำนวนผู้ได้รับรางวัลปีนี้ 151 ราย ถือว่า “กระชับ” กว่าเดิมอย่างชัดเจน แปลอย่างตรงไปตรงมาว่าเกณฑ์เข้มขึ้น เพื่อยกระดับ “ฐานคุณภาพ” ให้สูงขึ้นอีกขั้น การคัดให้เหลือ “ผู้เล่นตัวจริง” ช่วยให้สัญลักษณ์ กินรี” ยังคงความน่าเชื่อถือในสายตาตลาดทั้งในและต่างประเทศ ธุรกิจที่ได้ตรานี้จึงไม่ใช่แค่ “ดี” แต่ต้อง “ดีอย่างยั่งยืน” และ “ดีอย่างสม่ำเสมอ”

ผลประโยชน์ที่จับต้องได้ทำไมธุรกิจอยากได้รางวัลนี้

นอกจากเกียรติภูมิ ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับ สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมการตลาดของ ททท., ได้ ส่วนลดค่าร่วมงานส่งเสริมการขาย, และได้รับการ ประชาสัมพันธ์บนสื่อหลักของ ททท. ตลอดจนสื่อพันธมิตร การสนับสนุนในเชิงพาณิชย์เช่นนี้ทำให้รางวัลไม่ใช่ “โล่บนชั้น” แต่เป็น “เครื่องมือเพิ่มยอดขาย” และ “คูปองเจาะตลาดใหม่” ที่หลายธุรกิจใช้ต่อยอดโอกาสทันที

เล่าเรื่องด้วยตัวเลข ภาพรวมรางวัลครั้งที่ 15

  • ปีที่จัด: ครบ 30 ปี ของโครงการรางวัล
  • ผู้ได้รับรางวัลรวม: 151 ราย
  • แบ่งเป็น: Excellence 17, Outstanding 59, Sustainability 69, Hall of Fame 6
  • พิธีพระราชทาน: 27 กันยายน 2568 ที่ แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
  • เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์: ยึด Sustainability, Inclusivity, และ Quality เป็นแกนกลาง

ตัวเลขสั้นๆ เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น “สัญญาณตลาด” ให้ผู้ซื้อทัวร์, แพลตฟอร์ม OTA, และพันธมิตรต่างประเทศ รับทราบว่าไทยกำลังขยับฐานมาตรฐานไปอีกระดับ

The Riverie by Katathani
ชุมชนศรีดอนชัยไทลื้อ จ.เชียงราย sridonchai tailue Community, Chiangrai

รางวัลในฐานะ “นโยบายสาธารณะเชิงแรงจูงใจ”

  1. สร้างมาตรฐานเดียวกันทั้งห่วงโซ่
    รางวัลบีบให้ผู้ประกอบการ “ทบทวนทั้งองค์กร” ตั้งแต่การบริการหน้าเคาน์เตอร์ไปจนถึงระบบหลังบ้าน เช่น การจัดการของเสีย, การลดพลังงาน, การคุ้มครองเด็กและแรงงาน, ไปจนถึงการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ เกณฑ์เดียวกันนี้ทำให้คุณภาพ “เทียบเคียงได้” ในระดับประเทศ
  2. ขยายประเด็นสังคมสู่แกนหลักธุรกิจ
    การยก Accessibility ขึ้นเวที Hall of Fame ชี้ว่าการท่องเที่ยวของไทยกำลังหันหน้าหาผู้เดินทางกลุ่มใหม่ที่ต้องการประสบการณ์แบบ “ไม่กีดกัน” ซึ่งเป็นทั้งความถูกต้องและโอกาสทางธุรกิจ
  3. จูงใจให้ลงทุนด้านยั่งยืน
    ตรรกะง่ายๆ คือ “ลงทุนก่อน–ได้คืนทีหลัง” เพราะเมื่อผ่านเกณฑ์ยากของ Sustainability แล้ว ธุรกิจจะได้ทั้งตรารับรอง, PR, และโอกาสจับคู่เจรจาในงานการตลาดของรัฐ ซึ่งคุ้มกับต้นทุนที่ลงไป
  4. วางรางรอเชื่อมมาตรฐานสากล
    การพัฒนาเกณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวทางขององค์กรระดับโลก ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมรับการตรวจสอบจากคู่ค้าต่างประเทศ และรองรับกฎระเบียบใหม่ เช่น นโยบายสิ่งแวดล้อมของตลาดยุโรปในอนาคต

เล่าเชียงรายให้จบเรื่อง จากคุณภาพรายจุด สู่แบรนด์จุดหมายปลายทาง

การที่เชียงรายได้ทั้ง Hall of Fame และ รางวัลดีเด่น ในปีเดียว ส่งสัญญาณว่า “ระบบนิเวศปลายทาง” ของจังหวัดกำลังแข็งแรงมากขึ้น การมีโรงแรมคุณภาพสูงยืนระยะผนวกกับชุมชนที่บริหารจัดการนักท่องเที่ยวได้อย่างรับผิดชอบ ทำให้ “ภาพรวมปลายทาง” น่าเชื่อถือ ทั้งต่อ นักท่องเที่ยวคุณภาพ, บริษัททัวร์ต่างประเทศ, และ นักลงทุนสายท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ–วัฒนธรรม

หากภาครัฐท้องถิ่นต่อยอดด้วยแผนการตลาดปลายทางที่เน้น ประสบการณ์ยั่งยืน, ทัวร์เดินเท้าประวัติศาสตร์, เส้นทางกาแฟ–ชา, และ กิจกรรมชุมชนที่วัดผลได้ เชียงรายสามารถ “ต่อแขน” จากรางวัล ไปสู่ รายได้ต่อหัวที่สูงขึ้น และ ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ยาวขึ้น ได้ไม่ยาก

โรดแมปหลังรับรางวัล ทำอย่างไรให้ “ถ้วย” กลายเป็น “ธุรกิจโต”

  • ปรับ Product ให้สอดรับตรากินรี: ออกแพ็กเกจใหม่ที่เล่า “Sustainability Story” ให้ชัด
  • ทำ Data Dashboards: วัดคาร์บอนและผลกระทบชุมชนแบบรายไตรมาส เพื่อใช้สื่อสารกับตลาดต่างประเทศ
  • Co-branding กับ ททท.: ใช้สิทธิ์ร่วม Road Show / Trade Show เพื่อเปิดตลาดระยะกลาง–ไกล
  • สร้างความร่วมมือปลายทาง: โรงแรม–ชุมชน–แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม ทำเส้นทางร่วมกัน เพื่อเพิ่มเวลาพำนักและการใช้จ่ายเฉลี่ย

ข้อสังเกตเชิงสื่อสาร ทำอย่างไรให้ผู้บริโภครับรู้ “คุณภาพ–ยั่งยืน” อย่างเข้าใจง่าย

แม้ตรากินรีจะทรงพลัง แต่ “เรื่องยาก” อย่างความยั่งยืนยังต้องสื่อสารให้ง่ายและจับต้องได้ ทางออกคือ

  • ใช้ ป้าย/QR ในสถานที่ บอก “เราลดอะไรได้เท่าไร” และ “เงินคุณไปช่วยใคร”
  • เลือก ภาพเล่าเรื่องสั้นๆ เช่น ช่างฝีมือในชุมชน, การฟื้นฟูท้องน้ำ, หรือการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ
  • ทำ คอนเทนต์ก่อน–หลัง รับรางวัล เพื่อให้ลูกค้าเห็นเส้นทางพัฒนา ไม่ใช่ภาพสำเร็จรูปเพียงช่วงเดียว

จากรางวัลสู่แรงขับอุตสาหกรรม

เวที Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 15 ยืนยันว่ารางวัลไม่ใช่เพียงเกียรติยศ แต่คือ เครื่องมือเชิงนโยบาย ที่ทำให้อุตสาหกรรมยกระดับ คุณภาพ, สร้าง ความยั่งยืน, และขยาย ความเท่าเทียมในการเข้าถึง ไปพร้อมกัน ปีนี้ 151 ราย ที่ผ่านเกณฑ์เข้มข้นและ 69 ราย ที่โดดเด่นด้านความยั่งยืนคือ “ตัวตั้งต้น” ของมาตรฐานใหม่ซึ่งจะสะท้อนกลับไปยังห่วงโซ่การท่องเที่ยวทั้งระบบ

ในสมรภูมิตลาดโลกที่แข่งด้วย “คุณค่า” มากกว่า “ราคา” ประเทศไทยต้องเดินเกมต่อด้วยการ วัดผลที่โปร่งใส, เล่าเรื่องที่ชัด, และ เชื่อมมาตรฐานสากล อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสถานะ “จุดหมายปลายทางในใจ” ของนักเดินทางทั่วโลก และที่สำคัญ เพื่อให้การเติบโตนั้น ยั่งยืนและเป็นธรรม กับทั้งผู้ประกอบการ ชุมชน และธรรมชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ททท. เร่งเครื่องดึงจีนเที่ยวไทย โรดโชว์ 3 เมืองใหญ่

ททท.เร่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวจีนหลังสัญญาณฟื้นตัว เร่งโรดโชว์ 3 เมืองใหญ่ ผนึกภาคเอกชนสร้างความมั่นใจ ดึงกรุ๊ปทัวร์กลับไทย

กรุงเทพฯ, 21 มีนาคม 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ททท.กำลังเดินหน้ากระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างเข้มข้น หลังจากสัญญาณของตลาดเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะการจองการเดินทางล่วงหน้าเข้าสู่ประเทศไทยที่เริ่มขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันหยุดแรงงานของจีน

ทั้งนี้ ททท.ได้เตรียมจัดโรดโชว์ใน 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น และเฉิงตู ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์และต่อเนื่องถึงช่วงวันแรงงาน

สาเหตุการชะลอตัวของตลาดจีนและแผนฟื้นฟู

นางสาวฐาปนีย์ ระบุว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากหลายปัจจัย เช่น การลดลงของเที่ยวบินเช่าเหมาลำกว่า 20% การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระแสข่าวด้านความปลอดภัยที่กระทบต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยเดินทางมาไทยมาก่อน

เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ ททท.จึงประสานงานกับสำนักงาน 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว ให้เร่งดำเนินการตลาดเชิงรุกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ในจีน การประชาสัมพันธ์กิจกรรมสงกรานต์ และการทำคาราวานรถยนต์จากเมืองคุณหมิงเข้าสู่เชียงใหม่

ดึงภาคเอกชนร่วมโรดโชว์และส่งเสริมกรุ๊ปทัวร์

ททท.ยังได้ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (แอตต้า) ในการจัดโรดโชว์ต่อเนื่องช่วงเดือนพฤษภาคม เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและช่วงวันชาติของจีนในเดือนตุลาคม โดยเฉพาะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สร้างวอลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ ททท.ได้เชิญตัวแทนบริษัทนำเที่ยวจากจีนกว่า 500 ราย มาสำรวจเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นโดยตรง และเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปใหญ่ในอนาคตอันใกล้

โปรโมชั่นพิเศษผ่าน “แกรนด์สงกรานต์” และพันธมิตรดิจิทัล

สำหรับการดึงดูดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ททท.ร่วมมือกับแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลชั้นนำของจีน เช่น Alipay โดยเสนอส่วนลดพิเศษ หากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายผ่านแอปดังกล่าว และยังร่วมกับแพลตฟอร์ม OTA อย่าง Ctrip จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเพื่อแข่งขันกับประเทศปลายทางคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ททท. ยังเตรียมจัดกิจกรรม “แกรนด์สงกรานต์ แกรนด์พริวิเลจ” เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเหนือระดับ โดยมีสิทธิประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เช่น ส่วนลดร้านค้า สปา ร้านของที่ระลึก และลุ้นรับของที่ระลึก ณ สนามบินหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต

จังหวัดเชียงรายเตรียมความพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนประจำจังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 โดยกำหนดมาตรการหลักคือ การตั้งด่านตรวจหลักในจุดเสี่ยง ช่วงเวลาต่างกันเพื่อลดอุบัติเหตุ และให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้กำหนดแผนรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  1. ช่วงประชาสัมพันธ์: 1 มี.ค. – 3 เม.ย. 2568
  2. ช่วงก่อนเข้มข้น: 4 – 10 เม.ย. 2568
  3. ช่วงเข้มข้น: 11 – 17 เม.ย. 2568
  4. ช่วงหลังเข้มข้น: 18 – 24 เม.ย. 2568

โดยคาดว่าจังหวัดเชียงรายจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงเทศกาลดังกล่าว เนื่องจากมีการเตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยและกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม

เป้าหมายและทิศทางตลาดจีนปี 2568

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2568 ไว้ที่ 8-9 ล้านคน โดยมั่นใจว่าหากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม สถานการณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะจากยอดจองที่เพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยปี 2566: ประมาณ 3.5 ล้านคน
  • เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนปี 2568: 8-9 ล้านคน
  • สำนักงาน ททท.ในจีน: 5 แห่ง (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู กว่างโจว)
  • บริษัททัวร์จีนที่เข้าร่วมกิจกรรมในไทย: 500 ราย (เบื้องต้น)
  • เมืองเป้าหมายโรดโชว์: เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น เฉิงตู

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

  • ประชาชาติธุรกิจ

  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

นักท่องเที่ยวจ่ายง่าย TAGTHAi Easy Pay สแกน QR ไทย

ททท. หนุน TAGTHAi – กสิกรไทย เปิดบริการ Tourist E-Wallet ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทย

ประเทศไทย, 17 มีนาคม 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เปิดตัว TAGTHAi Easy Pay ระบบอีวอลเล็ตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้งานควบคู่กับ บัตร Prepaid PAY&TOUR ของธนาคารกสิกรไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายภายในประเทศไทย ลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และช่วยลดภาระการพกเงินสดจำนวนมาก นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สอดรับกับพฤติกรรมนักเดินทางยุคดิจิทัล

ระบบชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย สู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า TAGTHAi Easy Pay เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025” ที่ ททท. ขับเคลื่อนตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นการเดินทาง ส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและกีฬาระดับนานาชาติ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ถึงเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาทในปี 2568

นายกลินท์ สารสิน ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แอปพลิเคชัน TAGTHAi มีจำนวนนักท่องเที่ยวดาวน์โหลดแล้วกว่า 2 ล้านรายในปี 2567 เติบโตขึ้นถึง 105% และมียอดขายเพิ่มขึ้น 183% สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักเดินทางยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ แพลตฟอร์มดิจิทัล ในการสืบค้นข้อมูล ซื้อสินค้า และชำระเงิน

การเปิดตัว TAGTHAi Easy Pay จึงเป็น กลไกสำคัญที่ช่วยกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพิ่มโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าในภาคการท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวได้โดยตรง

แนวทางของธนาคารกสิกรไทย มุ่งสู่ระบบการเงินไร้เงินสดเต็มรูปแบบ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีที่ผ่านมา ธนาคารจึงมุ่งพัฒนา ระบบชำระเงินไร้รอยต่อ (Seamless Payment) เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว

บัตร Prepaid PAY&TOUR ของธนาคารกสิกรไทย เป็น บัตรเติมเงินที่เชื่อมต่อกับอีวอลเล็ต TAGTHAi Easy Pay ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถ สแกนจ่ายผ่าน Thai QR Payment ได้ทั่วประเทศ โดยเริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ปี 2567 ผ่าน บูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเตรียมขยายจุดให้บริการไปยัง สาขาธนาคารกว่า 100 แห่งทั่วประเทศในปี 2568

ข้อดีของ TAGTHAi Easy Pay และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ข้อดีของระบบ

  • สะดวกและปลอดภัย: ลดปัญหาการพกเงินสดจำนวนมาก ลดความเสี่ยงจากอาชญากรรม
  • รองรับการใช้งานทั่วประเทศ: ใช้จ่ายได้กับทุกธุรกิจที่รองรับ Thai QR Payment
  • ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น: พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็กสามารถรับชำระเงินได้ง่ายขึ้น

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุน

  • นักท่องเที่ยวต่างชาติมองว่าระบบนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และทำให้การใช้จ่ายในไทยสะดวกขึ้น
  • ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองรองมองว่าการใช้จ่ายผ่านดิจิทัลช่วยให้เข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น และลดปัญหาการใช้เงินสด

ฝ่ายที่มีข้อกังวล

  • บางภาคส่วนมองว่าระบบการชำระเงินดิจิทัลอาจยังไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุม
  • ผู้ประกอบการบางรายกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมผ่าน QR Payment ซึ่งอาจเป็นภาระเพิ่มเติม

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • จำนวนดาวน์โหลดแอป TAGTHAi: 2 ล้านครั้ง (ข้อมูลจาก TAGTHAi ปี 2567)
  • อัตราการเติบโตของแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว: 105% (ข้อมูลจากบริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ปี 2567)
  • ยอดขายผ่าน TAGTHAi: เพิ่มขึ้น 183% (ข้อมูลจาก TAGTHAi ปี 2567)
  • คาดการณ์นักท่องเที่ยวปี 2568: เพิ่มขึ้น 5.6% (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2568)
  • เป้าหมายรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2568: 3 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจาก ททท. ปี 2568)

สรุป

TAGTHAi Easy Pay เป็นก้าวสำคัญของ การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถ สแกนจ่ายได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสามารถใช้จ่ายเหมือนคนไทย ซึ่งช่วยกระจายรายได้ไปยังธุรกิจในทุกระดับ

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบจะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความสามารถในการเข้าถึงของธุรกิจขนาดเล็กในพื้นที่ชนบท และค่าธรรมเนียมของระบบชำระเงิน ซึ่งอาจต้องมีการพิจารณานโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างทั่วถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / ธนาคารกสิกรไทย / บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด / ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

ด่านแม่สาย Fashion on the Road ดีไซเนอร์อาชีวศึกษาเชียงราย

 
ค่ำวันที่ (2 ก.ย. 66) ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเปิดการงาน เชียงรายแฟนชั่นสู่การออกแบบระดับโลกครั้งที่ 1 หรือ “Chiang Rai Fashion to The World 1st Designers Competition” โดยการจัดเดินแฟนชั่นบนถนนหน้าด่านพรมแดนหรือ Fashion on the Road โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดงานหลายภาคส่วน กิจกรรมมีการจัดให้นักออกแบบ หรือดีไซเนอร์ จากทั่วประเทศไทย จำนวน 73 ดีไซเนอร์ นำผลงานและนางแบบร่วมเดินแบบแสดงด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ถูกกำหนดให้ใช้ลวดลายผ้าจากกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และภาคเหนือ ซึ่งพบว่าดีไซเนอร์สามารถออกแบบเพื่อการประกวดและจัดแสดงครั้งนี้กว่า 92 ชุด เริ่มต้นด้วยการเดินแฟนชั่นโชว์จาก 10 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง อิ้วเมี่ยน ไตหย่า ไทใหญ่ ยูนนาน ไทลื้อ ลั้วะ และลาหู่ ด้วยนางแบบจำนวน 20 นางแบบ จาก by YOURS Thailand จากนั้นนางแบบทั้ง 92 คน ได้ออกเดินบนถนนหน้าด่านแม่สาย ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งชาวไทยและเมียนมา ที่ต่างพากันไปชมความงดงามของชุดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ออกแบบและปรับให้มีลวดลายผ้าปักกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ได้อย่างงดงามและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่เสร็จสิ้นการเดินแบบแล้วผู้คนยังขอถ่ายภาพร่วมกับนางแบบกันอย่างเนืองแน่นด้วย
 
สำหรับการประกวดชุดแฟชั่นทั้ง 92 คน พบว่าชุดราตรีชื่อ “โบตั๋น” จากการออกแบบของ น.ส.วิสา แสนสุขยิ่งนัก วิชาคหกรรม สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 โดยเป็นชุดกระโปรงยาวลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีนแต่มีลวดลายผ้าลายปักของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนบนชุดราตรีอย่างลงตัว รางวัลที่ 2 ดีไซเนอร์มาจากกรุงเทพฯ โดยเป็นชุดราตรีธรรมชาติและภูมิปัญญา ฯลฯ ภายในบริเวณงานยังจัดให้มีร้านค้าเกี่ยวกับเสื้อผ้าแฟชั่นผ้าต่างๆ กว่า 100 ร้านค้า ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวหน้าด่านพรมแดน อำเภอแม่สาย คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
 
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันทุกประเทศต่างพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อช่วงชิงการนำหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 สำหรับประเทศไทยก็พยายามหาจุดแข็งเพื่อเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและทั่วโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งก็พบว่าจุดแข็งหนึ่งคือซอฟเพาเวอร์เรื่องอาหาร แฟชั่น กิจกรรม faith (ศรัทธา) ฯลฯ ซึ่งภาคเหนือถือว่าส่วนหนึ่งคือมีลวดลายผ้าปักจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นทาง ททท.จึงได้สนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้เกิดการต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี หรือ All year รวมทั้งยังส่งเสริมให้เกิดรายได้ไปสู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
 
ทางด้าน นางนงเยาว์ เนตรประสิทธ์ นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรวมกันกว่า 35 ชาติพันธุ์ ได้มีการออกแบบลวดลายผ้าปักด้วยเทคนิค ลวดลายและสีสันแตกต่างกันซึ่งล้วนมีความวิจิตรงดงาม ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการจัด “Fashion on the Road” เป็นครั้งแรก และคาดหวังจะให้การออกแบบชุดแต่งกายพร้อมลวดลายพัฒนาไปสู่ระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งนอกจากด้านการท่องเที่ยวแล้วยังจะสร้างรายได้ให้คนทุกระดับตั้งแต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่ออกแบบลวดลายผ้าปัก ผู้เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และผู้จัดจำหน่ายในแต่ละขั้น หรือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News