Categories
ECONOMY

ททท. เร่งเครื่องดึงจีนเที่ยวไทย โรดโชว์ 3 เมืองใหญ่

ททท.เร่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวจีนหลังสัญญาณฟื้นตัว เร่งโรดโชว์ 3 เมืองใหญ่ ผนึกภาคเอกชนสร้างความมั่นใจ ดึงกรุ๊ปทัวร์กลับไทย

กรุงเทพฯ, 21 มีนาคม 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ททท.กำลังเดินหน้ากระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างเข้มข้น หลังจากสัญญาณของตลาดเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะการจองการเดินทางล่วงหน้าเข้าสู่ประเทศไทยที่เริ่มขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันหยุดแรงงานของจีน

ทั้งนี้ ททท.ได้เตรียมจัดโรดโชว์ใน 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น และเฉิงตู ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์และต่อเนื่องถึงช่วงวันแรงงาน

สาเหตุการชะลอตัวของตลาดจีนและแผนฟื้นฟู

นางสาวฐาปนีย์ ระบุว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากหลายปัจจัย เช่น การลดลงของเที่ยวบินเช่าเหมาลำกว่า 20% การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระแสข่าวด้านความปลอดภัยที่กระทบต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยเดินทางมาไทยมาก่อน

เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ ททท.จึงประสานงานกับสำนักงาน 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว ให้เร่งดำเนินการตลาดเชิงรุกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ในจีน การประชาสัมพันธ์กิจกรรมสงกรานต์ และการทำคาราวานรถยนต์จากเมืองคุณหมิงเข้าสู่เชียงใหม่

ดึงภาคเอกชนร่วมโรดโชว์และส่งเสริมกรุ๊ปทัวร์

ททท.ยังได้ร่วมมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (แอตต้า) ในการจัดโรดโชว์ต่อเนื่องช่วงเดือนพฤษภาคม เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและช่วงวันชาติของจีนในเดือนตุลาคม โดยเฉพาะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่สร้างวอลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ ททท.ได้เชิญตัวแทนบริษัทนำเที่ยวจากจีนกว่า 500 ราย มาสำรวจเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นโดยตรง และเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปใหญ่ในอนาคตอันใกล้

โปรโมชั่นพิเศษผ่าน “แกรนด์สงกรานต์” และพันธมิตรดิจิทัล

สำหรับการดึงดูดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ททท.ร่วมมือกับแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลชั้นนำของจีน เช่น Alipay โดยเสนอส่วนลดพิเศษ หากนักท่องเที่ยวใช้จ่ายผ่านแอปดังกล่าว และยังร่วมกับแพลตฟอร์ม OTA อย่าง Ctrip จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเพื่อแข่งขันกับประเทศปลายทางคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ททท. ยังเตรียมจัดกิจกรรม “แกรนด์สงกรานต์ แกรนด์พริวิเลจ” เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเหนือระดับ โดยมีสิทธิประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวจีน เช่น ส่วนลดร้านค้า สปา ร้านของที่ระลึก และลุ้นรับของที่ระลึก ณ สนามบินหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต

จังหวัดเชียงรายเตรียมความพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนประจำจังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 โดยกำหนดมาตรการหลักคือ การตั้งด่านตรวจหลักในจุดเสี่ยง ช่วงเวลาต่างกันเพื่อลดอุบัติเหตุ และให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้กำหนดแผนรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  1. ช่วงประชาสัมพันธ์: 1 มี.ค. – 3 เม.ย. 2568
  2. ช่วงก่อนเข้มข้น: 4 – 10 เม.ย. 2568
  3. ช่วงเข้มข้น: 11 – 17 เม.ย. 2568
  4. ช่วงหลังเข้มข้น: 18 – 24 เม.ย. 2568

โดยคาดว่าจังหวัดเชียงรายจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงเทศกาลดังกล่าว เนื่องจากมีการเตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยและกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม

เป้าหมายและทิศทางตลาดจีนปี 2568

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2568 ไว้ที่ 8-9 ล้านคน โดยมั่นใจว่าหากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม สถานการณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะจากยอดจองที่เพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยปี 2566: ประมาณ 3.5 ล้านคน
  • เป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนปี 2568: 8-9 ล้านคน
  • สำนักงาน ททท.ในจีน: 5 แห่ง (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู กว่างโจว)
  • บริษัททัวร์จีนที่เข้าร่วมกิจกรรมในไทย: 500 ราย (เบื้องต้น)
  • เมืองเป้าหมายโรดโชว์: เซี่ยเหมิน อู่ฮั่น เฉิงตู

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

  • ประชาชาติธุรกิจ

  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นักท่องเที่ยวจ่ายง่าย TAGTHAi Easy Pay สแกน QR ไทย

ททท. หนุน TAGTHAi – กสิกรไทย เปิดบริการ Tourist E-Wallet ยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทย

ประเทศไทย, 17 มีนาคม 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เปิดตัว TAGTHAi Easy Pay ระบบอีวอลเล็ตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้งานควบคู่กับ บัตร Prepaid PAY&TOUR ของธนาคารกสิกรไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายภายในประเทศไทย ลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และช่วยลดภาระการพกเงินสดจำนวนมาก นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้สอดรับกับพฤติกรรมนักเดินทางยุคดิจิทัล

ระบบชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย สู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า TAGTHAi Easy Pay เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025” ที่ ททท. ขับเคลื่อนตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นการเดินทาง ส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและกีฬาระดับนานาชาติ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ถึงเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาทในปี 2568

นายกลินท์ สารสิน ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แอปพลิเคชัน TAGTHAi มีจำนวนนักท่องเที่ยวดาวน์โหลดแล้วกว่า 2 ล้านรายในปี 2567 เติบโตขึ้นถึง 105% และมียอดขายเพิ่มขึ้น 183% สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักเดินทางยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ แพลตฟอร์มดิจิทัล ในการสืบค้นข้อมูล ซื้อสินค้า และชำระเงิน

การเปิดตัว TAGTHAi Easy Pay จึงเป็น กลไกสำคัญที่ช่วยกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพิ่มโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าในภาคการท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวได้โดยตรง

แนวทางของธนาคารกสิกรไทย มุ่งสู่ระบบการเงินไร้เงินสดเต็มรูปแบบ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าในปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีที่ผ่านมา ธนาคารจึงมุ่งพัฒนา ระบบชำระเงินไร้รอยต่อ (Seamless Payment) เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว

บัตร Prepaid PAY&TOUR ของธนาคารกสิกรไทย เป็น บัตรเติมเงินที่เชื่อมต่อกับอีวอลเล็ต TAGTHAi Easy Pay ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถ สแกนจ่ายผ่าน Thai QR Payment ได้ทั่วประเทศ โดยเริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ปี 2567 ผ่าน บูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเตรียมขยายจุดให้บริการไปยัง สาขาธนาคารกว่า 100 แห่งทั่วประเทศในปี 2568

ข้อดีของ TAGTHAi Easy Pay และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ข้อดีของระบบ

  • สะดวกและปลอดภัย: ลดปัญหาการพกเงินสดจำนวนมาก ลดความเสี่ยงจากอาชญากรรม
  • รองรับการใช้งานทั่วประเทศ: ใช้จ่ายได้กับทุกธุรกิจที่รองรับ Thai QR Payment
  • ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น: พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็กสามารถรับชำระเงินได้ง่ายขึ้น

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุน

  • นักท่องเที่ยวต่างชาติมองว่าระบบนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และทำให้การใช้จ่ายในไทยสะดวกขึ้น
  • ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในเมืองรองมองว่าการใช้จ่ายผ่านดิจิทัลช่วยให้เข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น และลดปัญหาการใช้เงินสด

ฝ่ายที่มีข้อกังวล

  • บางภาคส่วนมองว่าระบบการชำระเงินดิจิทัลอาจยังไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุม
  • ผู้ประกอบการบางรายกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมผ่าน QR Payment ซึ่งอาจเป็นภาระเพิ่มเติม

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • จำนวนดาวน์โหลดแอป TAGTHAi: 2 ล้านครั้ง (ข้อมูลจาก TAGTHAi ปี 2567)
  • อัตราการเติบโตของแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว: 105% (ข้อมูลจากบริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ปี 2567)
  • ยอดขายผ่าน TAGTHAi: เพิ่มขึ้น 183% (ข้อมูลจาก TAGTHAi ปี 2567)
  • คาดการณ์นักท่องเที่ยวปี 2568: เพิ่มขึ้น 5.6% (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2568)
  • เป้าหมายรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2568: 3 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจาก ททท. ปี 2568)

สรุป

TAGTHAi Easy Pay เป็นก้าวสำคัญของ การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถ สแกนจ่ายได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสามารถใช้จ่ายเหมือนคนไทย ซึ่งช่วยกระจายรายได้ไปยังธุรกิจในทุกระดับ

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบจะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความสามารถในการเข้าถึงของธุรกิจขนาดเล็กในพื้นที่ชนบท และค่าธรรมเนียมของระบบชำระเงิน ซึ่งอาจต้องมีการพิจารณานโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างทั่วถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / ธนาคารกสิกรไทย / บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด / ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ด่านแม่สาย Fashion on the Road ดีไซเนอร์อาชีวศึกษาเชียงราย

 
ค่ำวันที่ (2 ก.ย. 66) ที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเปิดการงาน เชียงรายแฟนชั่นสู่การออกแบบระดับโลกครั้งที่ 1 หรือ “Chiang Rai Fashion to The World 1st Designers Competition” โดยการจัดเดินแฟนชั่นบนถนนหน้าด่านพรมแดนหรือ Fashion on the Road โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดงานหลายภาคส่วน กิจกรรมมีการจัดให้นักออกแบบ หรือดีไซเนอร์ จากทั่วประเทศไทย จำนวน 73 ดีไซเนอร์ นำผลงานและนางแบบร่วมเดินแบบแสดงด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ถูกกำหนดให้ใช้ลวดลายผ้าจากกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และภาคเหนือ ซึ่งพบว่าดีไซเนอร์สามารถออกแบบเพื่อการประกวดและจัดแสดงครั้งนี้กว่า 92 ชุด เริ่มต้นด้วยการเดินแฟนชั่นโชว์จาก 10 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง อิ้วเมี่ยน ไตหย่า ไทใหญ่ ยูนนาน ไทลื้อ ลั้วะ และลาหู่ ด้วยนางแบบจำนวน 20 นางแบบ จาก by YOURS Thailand จากนั้นนางแบบทั้ง 92 คน ได้ออกเดินบนถนนหน้าด่านแม่สาย ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งชาวไทยและเมียนมา ที่ต่างพากันไปชมความงดงามของชุดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ออกแบบและปรับให้มีลวดลายผ้าปักกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ได้อย่างงดงามและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่เสร็จสิ้นการเดินแบบแล้วผู้คนยังขอถ่ายภาพร่วมกับนางแบบกันอย่างเนืองแน่นด้วย
 
สำหรับการประกวดชุดแฟชั่นทั้ง 92 คน พบว่าชุดราตรีชื่อ “โบตั๋น” จากการออกแบบของ น.ส.วิสา แสนสุขยิ่งนัก วิชาคหกรรม สาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 โดยเป็นชุดกระโปรงยาวลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีนแต่มีลวดลายผ้าลายปักของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนบนชุดราตรีอย่างลงตัว รางวัลที่ 2 ดีไซเนอร์มาจากกรุงเทพฯ โดยเป็นชุดราตรีธรรมชาติและภูมิปัญญา ฯลฯ ภายในบริเวณงานยังจัดให้มีร้านค้าเกี่ยวกับเสื้อผ้าแฟชั่นผ้าต่างๆ กว่า 100 ร้านค้า ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวหน้าด่านพรมแดน อำเภอแม่สาย คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
 
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันทุกประเทศต่างพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อช่วงชิงการนำหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 สำหรับประเทศไทยก็พยายามหาจุดแข็งเพื่อเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและทั่วโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งก็พบว่าจุดแข็งหนึ่งคือซอฟเพาเวอร์เรื่องอาหาร แฟชั่น กิจกรรม faith (ศรัทธา) ฯลฯ ซึ่งภาคเหนือถือว่าส่วนหนึ่งคือมีลวดลายผ้าปักจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นทาง ททท.จึงได้สนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ขึ้นเพื่อให้เกิดการต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี หรือ All year รวมทั้งยังส่งเสริมให้เกิดรายได้ไปสู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
 
ทางด้าน นางนงเยาว์ เนตรประสิทธ์ นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรวมกันกว่า 35 ชาติพันธุ์ ได้มีการออกแบบลวดลายผ้าปักด้วยเทคนิค ลวดลายและสีสันแตกต่างกันซึ่งล้วนมีความวิจิตรงดงาม ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการจัด “Fashion on the Road” เป็นครั้งแรก และคาดหวังจะให้การออกแบบชุดแต่งกายพร้อมลวดลายพัฒนาไปสู่ระดับประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งนอกจากด้านการท่องเที่ยวแล้วยังจะสร้างรายได้ให้คนทุกระดับตั้งแต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่ออกแบบลวดลายผ้าปัก ผู้เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และผู้จัดจำหน่ายในแต่ละขั้น หรือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News