Categories
FEATURED NEWS

ม.เชียงใหม่ ติดอันดับ 99 จาก 300 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในเอเชีย

 

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 Quacquarelli Symonds (QS) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้เผยการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประจำปี 2024 (World University Rankings 2024) โดยใช้หลักพิจารณาความเป็นเลิศใน 9 ด้าน ประกอบไปด้วย ชื่อเสียงด้านวิชาการ (Academic Reputation) ทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิตของแต่ละมหาวิทยาลัย (Employer Reputation) สัดส่วนคณาจารย์ต่อนักศึกษา (Faculty Student Ratio) สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ (Citations per Faculty) สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่างชาติ (International Faculty Ratio) สัดส่วนจำนวนนักศึกษาต่างชาติ (International Student Ratio) เครือข่ายวิจัยนานาชาติ(International Research Network) ผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) และ ความยั่งยืน(Sustainability)

 

มหาวิทยาลัย 20 อันดับแรกของเอเชีย มีดังนี้

อันดับ 1 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University) จีน

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยฮ่องกง (The University of Hong Kong) ฮ่องกง

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) สิงคโปร์

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (Nanyang Technological University) สิงคโปร์

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua University) จีน

อันดับ 6 มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) จีน

อันดับ 7 มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University) จีน

อันดับ 8 มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University) เกาหลีใต้

อันดับ 9 มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) เกาหลีใต้

อันดับ 10 มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong) ฮ่องกง

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong University) จีน

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยมาลายา (University Malaya) มาเลเซีย

อันดับ 13 สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (KAIST) เกาหลีใต้

อันดับ 14 มหาวิทยาลัยโตเกียว (The University of Tokyo) ญี่ปุ่น

อันดับ 15 มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง (HKUST) ฮ่องกง

อันดับ 16 มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) เกาหลีใต้

อันดับ 17 มหาวิทยาลัยซิตี้ฮ่องกง (City University of Hong Kong)

อันดับ 17 มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) ญี่ปุ่น

อันดับ 19 มหาวิทยาลัยซองคยุนกวาน (Sungkyunkwan University) เกาหลีใต้

อันดับ 20 มหาวิทยาลัยโทโฮคุ (Tohoku University) ญี่ปุ่น

สำหรับอันดับมหาวิทยาลัยไทยในเอเชียที่อยู่ใน Top 300 พบว่า

 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่อันดับที่ 37

มหาวิทยาลัยมหิดลอันดับที่ 47

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันดับที่ 99

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับ 140

มหาวิทยาลัยเกริก อันดับ 149

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับ 150

มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันดับ 171

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อันดับ 195

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  อันดับ 246

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Quacquarelli Symonds

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS NEWS UPDATE

4 มหาวิทยาลัยไทย จุฬาฯ-มหิดล-มช.-มข. ติดอันดับ Top 100 เวทีโลก

4 มหาวิทยาลัยไทย จุฬาฯ-มหิดล-มช.-มข. ติดอันดับ Top 100 เวทีโลก

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อ4 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Times Higher Education (THE) ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาที่ดีที่สุดโลกที่เป็นที่ยอมรับแห่งหนึ่ง ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) หรือ THE Impact Rankings ประจำปี 2566 โดยมีสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก เข้าร่วมการจัดอันดับทั้งสิ้น 1,591 แห่ง จาก 112 ประเทศ และสถาบันอุดมศึกษาไทยเข้ารับการจัดอันดับทั้งสิ้น 65 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2022 ซึ่งมีจำนวน 52 แห่ง โดยสถาบันอุดมศึกษาไทยในปีนี้ที่ติดอันดับ Top 100 แบบคะแนนรวม มีจำนวน 4 สถาบัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ติดอันดับ Top 100 มีจำนวน 2 สถาบัน ได้แก่ 

– จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับที่ 17 

– มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับที่ 38 

– มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดอันดับที่ 74 

– มหาวิทยาลัยขอนแก่น ติดอันดับที่ 97


นอกจากนี้ ยังมีสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับ Top 10 ของโลกในด้านต่าง ๆ อีก 6 ประเด็น ดังนี้ 
-มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 3 ใน SDG3 เรื่องสร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย รวมทั้งอันดับ 5 ใน SDG7 เรื่องสร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยาว์ และยังได้อันดับ 5 ใน SDG17 เรื่องเสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  
-มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้อันดับที่ 4 ใน SDG1 เรื่องขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่ 
-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 7 ใน SDG5 เรื่องบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมอำนาจให้แก่สตรีและเด็กหญิง และ
-มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อันดับที่ 9 ใน SDG2 เรื่อวยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

“นายกฯ ยินดีและชื่นชมสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ชาติใด ทุกสถาบันต่างมีความแตกต่างและความเป็นเลิศที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะการมุ่งสู่ความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาของไทยมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาที่มีพื้นฐานที่ดี ในการทำงานที่ตอบโจทย์ของประเทศรวมทั้งความยั่งยืนที่กำหนดโดยสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาล และ อว. พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาไทยก้าวสู่ความสำเร็จและเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนต่อไป” 
นายอนุชาฯ กล่าว 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Times Higher Education (THE)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

พม. จับมือเครือข่าย เปิดตัวโครงการ “แจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count)”

พม. จับมือเครือข่าย เปิดตัวโครงการ “แจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count)”

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 เวลา 16.30 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานกิจกรรมเปิดตัวโครงการแจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count) เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน อาทิ กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และมูลนิธิอิสรชน เพื่อร่วมกันดำเนินการสำรวจสถานการณ์ปัญหาของกลุ่มคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน 77 จังหวัดทั่วประเทศ อีกทั้งทำให้ทราบถึงจำนวนคนไร้บ้านสำหรับนำมาใช้คาดการณ์ทางสถิติ ประชากร และอื่น ๆ นำไปสู่การปรับปรุง พัฒนาบริการของรัฐที่ตอบโจทย์ประชาชน โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการ กทม. นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. รองศาสตราจารย์ และ ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ ผอ.สถาบันเอเชียศึกษา ร่วมกล่าวแสดงเจตนารมณ์บูรณาการทำงานและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ณ บริเวณหน้าอาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม.


นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไร้ที่พึ่งหรือคนไร้บ้าน ด้วยการให้บริการสวัสดิการสังคมทั้งการให้ความช่วยเหลือ คุ้มครอง
และลงพื้นที่สำรวจปัญหาความต้องการของคนไร้บ้านอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเก็บข้อมูลจำนวนคนไร้บ้านทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายที่รับบริการภายในหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ปัจจุบัน มีจำนวน 5,083 คน และกลุ่มเป้าหมายคนไร้ที่พึ่งภายนอกหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ที่ให้บริการอีกกว่า 21,239 ราย ซึ่งเป็นคนไร้บ้านกว่า 2,462 ราย และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 1,761 ราย


ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งหรือคนไร้บ้านอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ แต่กระทรวง พม. เพียงหน่วยงานเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ เนื่องจากคนไร้ที่พึ่งหรือคนไร้บ้านที่ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการคุ้มครองทางสังคม (Social Protection) และการเสริมสร้างพลังทางสังคม (Social Empowerment) วันนี้ กระทรวง พม. โดย พส. จึงได้จัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการแจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count) เพื่อแสดงให้เห็นว่า กระทรวง พม. ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายร่วมกันในการออกแบบระบบการคุ้มครองดูแล และจัดบริการสวัสดิการสังคมได้อย่างตรงจุด ตลอดจนส่งผลให้คนไร้บ้านสามารถเข้าถึงสวัสดิการและสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างยั่งยืนต่อไป


นายสุปรีดา กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ จะทำให้เราได้เห็นสถานการณ์ทางประชากรและสุขภาวะของคนไร้บ้านในประเทศไทยที่ครอบคลุมประเด็นทั้งในเชิงจำนวนและข้อมูลทางประชากรเชิงลึก เพื่อเป็นข้อมูลสถานการณ์ทางประชากรที่จะเป็นพื้นฐานในการออกแบบและจัดทำนโยบายเกี่ยวกับคนไร้บ้านที่สอดคล้องและเท่าทันกับสถานการณ์ปัญหา


รองศาสตราจารย์ ดร.ภาวิกา กล่าวว่า การแจงนับคนไร้บ้านครั้งนี้ จะเป็นทั้งการนับจำนวน (Head Count) และเก็บข้อมูลทางประชากรเบื้องต้นของคนไร้บ้านทั้งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สาธารณะ (Unsheltered Count) และในสถานพักพิงที่รัฐหรือเอกชนจัดให้ (Sheltered Count) เพื่อป้องกันปัญหาการนับซ้ำ และสามารถกำหนดนิยามคนไร้บ้านให้ครอบคลุมทั้งในมิติทางวิชาการและมิติทางวัฒนธรรม ให้สอดคล้องกับบริบทของคนไร้บ้านในสังคมไทย สู่การนำมาพัฒนารูปแบบบริการ นวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย


นายศานนท์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร นับว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักในประเด็นคนไร้บ้านที่พบมากที่สุด
ในประเทศ เนื่องจากผู้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเข้ามาอาศัยและทำมาหากิน ซึ่งที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ทราบว่า คนไร้บ้าน มีจำนวนเท่าไร ประสบปัญหาอะไร ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญและเป็นการบูรณาการที่เป็นประโยชน์ ทั้งระดับปฏิบัติและนโยบาย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานการช่วยเหลือคนไร้บ้านให้ตรงจุดและมีทิศทางที่ดีขึ้น


นางจุตพร กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมแจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count) ในวันนี้  ประกอบด้วย 1) การเปิดตัวกิจกรรมฯ พร้อมกันทั่วประเทศ ณ หน้าอาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. และผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting โดยมีหน่วยงาน One Home พม. ทุกจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม 2) การปล่อยแถวขบวนรถสายด่วน พม. 1300 ลงพื้นที่แจงนับคนไร้บ้านทั่วประเทศ และ 3) นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. พร้อมผู้บริหาร และผู้แทนภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่สำรวจแจงนับคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน ณ บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE