Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายฟ้าใส บุกจับคาราโอเกะดัง ใช้เด็กต่ำกว่า 18 ทำงาน

เชียงรายเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” เดินหน้าจัดระเบียบสังคม ปราบค้ามนุษย์จริงจัง หลังจับร้านคาราโอเกะใช้เด็กต่ำกว่า 18 ปี บริการลูกค้า

เริ่มต้นยุทธการ เดินหน้าเต็มสูบตามนโยบายมหาดไทย

เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายภายใต้การนำของนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” อย่างเป็นทางการ เพื่อจัดระเบียบสังคม ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น สอดคล้องกับนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ที่มุ่งมั่นผลักดันการยุติการแสวงหาประโยชน์จากเด็กในทุกมิติ

เบื้องหลังการข่าว และการสืบสวนอย่างละเอียด

สืบเนื่องจากการประสานข้อมูลจากอำเภอแม่จัน ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีร้านคาราโอเกะในพื้นที่เปิดบริการเกินเวลา จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และที่สำคัญมีการนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มานั่งบริการลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงเริ่มกระบวนการสืบสวนและวางแผนเข้าตรวจสอบ โดยเน้นให้ความสำคัญกับการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยงของผู้กระทำผิดกับขบวนการค้ามนุษย์

การลงพื้นที่เข้าจับกุม ปฏิบัติการกลางดึกตีแผ่ความจริง

เมื่อเวลา 00.45 น. ของวันที่ 24 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ “ร้านแสงจันทร์คาเฟ่” ตั้งอยู่เลขที่ 219 หมู่ 9 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีการวางกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กองอาสารักษาดินแดน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ตรวจจริงภายใต้การวางแผนล่วงหน้า

จากการตรวจค้นภายในร้านพบว่ามีการจัดห้องคาราโอเกะแบบ VIP พร้อมโต๊ะบริการลูกค้า 11 โต๊ะ พบหญิงสาวให้บริการ 11 คน โดยในจำนวนนั้นมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน (ต่ำสุด 15 ปี) นอกจากนี้ยังพบผู้ใช้บริการอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน โดยไม่พบว่าทางร้านได้ดำเนินการตรวจสอบบัตรประชาชนก่อนเข้าใช้บริการแต่อย่างใด

เอกสารไม่ครบ-เปิดเกินเวลา ความผิดซ้ำซ้อนที่ไม่อาจปฏิเสธ

ผู้ดูแลร้านคือ นางสาวชมภิศา อายุ 49 ปี ซึ่งแสดงเอกสารใบอนุญาตบางส่วน เช่น ใบอนุญาตจำหน่ายสุราและหนังสือแจ้งจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร แต่ไม่สามารถนำใบอนุญาตสถานบริการมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการคาราโอเกะตามกฎหมาย

ที่สำคัญ ร้านแห่งนี้ยังมีประวัติถูกจับกุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำ

 แจ้งข้อหาเบื้องต้นสะท้อนเจตนากระทำผิดชัดเจน

จากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหลายกระทง ได้แก่

  1. เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
  3. ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม
  4. จ้างแรงงานเด็กผิดกฎหมาย
  5. มีพฤติการณ์เข้าข่ายค้ามนุษย์

ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำเด็กหญิงที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายโดยทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551

บทวิเคราะห์ ปัญหาค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดนไทย – สะท้อนระบบต้องขับเคลื่อนจริงจัง

กรณีของร้านแสงจันทร์คาเฟ่ เป็นตัวอย่างของความซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจบริการในพื้นที่ชายแดน ที่เปิดช่องให้มีการแสวงหาประโยชน์จากเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่เพียงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศในเวทีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายป้องกันค้ามนุษย์อย่างมีระบบ ทั้งในเชิงกฎหมาย การบังคับใช้ และกระบวนการคัดแยกช่วยเหลือเหยื่อ ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีความเข้าใจในบริบทพื้นที่

แผนปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” เดินหน้าสะสางทุกจุดเสี่ยง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าแผน “เชียงรายฟ้าใส” อย่างเป็นระบบ โดยกำหนดเป้าหมายเร่งด่วนในการตรวจสอบสถานบริการทุกแห่งในจังหวัด เพื่อป้องกันการกระทำผิดในลักษณะเดียวกัน พร้อมเร่งส่งข้อมูลเชิงลึกไปยังหน่วยงานระดับกระทรวง เพื่อให้มีการปรับปรุงมาตรการเฝ้าระวังและจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานของกรมการปกครอง ระบุว่า ปี 2567 มีการตรวจสอบสถานบริการทั่วประเทศรวม 4,213 แห่ง พบการกระทำผิดด้านค้ามนุษย์จำนวน 89 แห่ง
  • จากข้อมูลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน พบว่า ปี 2566 มีเด็กเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์มากกว่า 1,150 คน ทั่วประเทศ
  • รายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า เชียงรายติดอันดับ 1 ใน 5 จังหวัดที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการนำเด็กต่ำกว่า 18 ปีเข้าร่วมกิจกรรมบริการในสถานบันเทิงมากที่สุดในภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
  • กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • สำนักงานอัยการสูงสุด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายกฯ ตรวจชายแดนเชียงราย คุมเข้มยาเสพติด-ค้ามนุษย์

รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือโขง ย้ำแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์เชิงรุก

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ที่สถานีเรือเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี

ตรวจเยี่ยมและวางแผนแก้ปัญหาชายแดน

ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป รองนายกฯ และคณะได้ขึ้นเรือตรวจการณ์เพื่อสำรวจภูมิประเทศและเยี่ยมชมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กิโลเมตร และสถานีเรือเชียงของที่รับผิดชอบตั้งแต่บ้านหาดบ้ายถึงแก่งผาได รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 34 หมู่บ้านใน 8 ตำบลของ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น รวมระยะทางตามลำน้ำโขงทั้งหมด 96 กิโลเมตร

ผลการปฏิบัติการในรอบ 3 เดือน

ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 หน่วยงาน นรข. สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 56 กิโลกรัม และไอซ์ 135 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงการตรวจยึดของกลางอื่น ๆ เช่น รถยนต์ บุหรี่ต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ 30 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวลาวและจีน

แนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมชายแดน

รองนายกฯ ระบุว่าการปฏิบัติการเชิงรุกจะเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดน โดยมีแผนดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

  1. แนวชายแดน: สนธิกำลังระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารในพื้นที่
  2. พื้นที่ตอนใน: ประสานงานระหว่างตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง โดยตั้งจุดตรวจและชุดปฏิบัติการลงพื้นที่

โครงการดังกล่าวจะเริ่ม Kick Off ในวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และจะประเมินผลทุก 6 เดือน เพื่อสร้างความมั่นคงและลดปัญหายาเสพติดในระยะยาว

เป้าหมายปี 2568

รองนายกฯ ย้ำว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาจะมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก พร้อมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการลดบทบาทของผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากปัญหานี้ในปี 2568

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและยกระดับความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

พม. ประชุม ไทย – เมียนมา ส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายค้ามนุษย์

 
 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) โดยมีนายธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะผู้แทนจากราชอาณาจักรไทย และคณะผู้แทนจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดย Mr. Aung Kyaw Moe อธิบดีกรมฟื้นฟูเยียวยา กระทรวงสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์ และการโยกย้ายถิ่นฐานใหม่ เข้าร่วม ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ

           นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยและเมียนมามีความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ก่อนมีความตกลงในลักษณะบันทึกความเข้าใจ จนกระทั่งมีบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก  อีกทั้งยังมีการประชุมระดับทวิภาคี ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือการประชุม Case Management Meeting : CMM  ซึ่งวันนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) เพื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อย่างครอบคลุมในทุกมิติทั้งการดำเนินคดีและการช่วยเหลือเยียวยา 

           นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยและเมียนมา นับได้ว่าเป็นประเทศคู่ภาคีที่มีการประชุมกันมายาวนานและต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี  ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมทั้งมีการเสนอแนะทางออกที่จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้น บรรลุผลสำเร็จร่วมกันไปด้วยดี นับเป็นต้นแบบการทำงานของประเทศอื่นๆ ในแถบภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งความร่วมมือนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และจะร่วมกันพัฒนาแนวทางมาตรการใหม่ๆ ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายได้กลับคืนสู่สังคม ภูมิลำเนาบ้านเกิดของตนเองอย่างปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด

            นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะคณะผู้แทนรัฐบาลไทย กระทรวง พม. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอย้ำและสร้างความมั่นใจต่อผู้แทนของรัฐบาลเมียนมาว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง ซึ่งรัฐบาลไทยได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาและพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นการเกิดขบวนการค้ามนุษย์ และผู้เสียหายที่อยู่ในความดูแลของรัฐบาลไทย จะได้รับการดูแลตามหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชนและหลักการสากล โดยการดำเนินการทุกเรื่องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เสียหายเป็นสำคัญ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News