Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

รัฐบาลคุมเข้ม! ตั้งคณะทำงานพิเศษจัดการสารพิษแม่น้ำกก ขจัดความกังวล

นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์สารปนเปื้อนในแม่น้ำกกอย่างใกล้ชิด สั่งหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนเร่งดูแลความปลอดภัยประชาชน-ตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจ

เชียงราย, 13 มิถุนายน 2568 –นับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกกซึ่งเป็นสายธารหลักเชื่อมต่อระหว่างเมียนมากับภาคเหนือของไทยเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ สถานการณ์นี้นำมาซึ่งความกังวลถึงความเป็นไปได้ในการปนเปื้อนของสารบางชนิดที่อาจมากับกระแสน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำของแม่น้ำสายสำคัญดังกล่าว

ล่าสุด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook ส่วนตัว ยืนยันว่ารัฐบาลติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดและความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อนทุกเรื่อง
“ดิฉันขอยืนยันว่ารัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เรารวบรวมข้อมูลจากรายงานของทุกภาคส่วนทั้งในไทยและเมียนมา รวมถึงข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA และการลงพื้นที่จริงของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ร่วมกับกองทัพ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายกรัฐมนตรีระบุ

ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ-เดินหน้าเจรจาระดับทวิภาคีและพหุภาคี

ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาความมั่นคงแห่งชาติ และเหล่าทัพ เพื่อวางแผนรับมือในทุกมิติ พร้อมแต่งตั้ง “คณะทำงานด้านเทคนิค” นำโดยรองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง โดยมี GISTDA กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรฯ และกองทัพ ร่วมเป็นคณะกรรมการหลัก

หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการเร่งประเมินสถานการณ์สารปนเปื้อน และเดินหน้าหาแนวทางแก้ไขทั้งในระยะสั้นและยาว โดยเฉพาะในแง่ความมั่นคงด้านน้ำสะอาดของประชาชน และการขับเคลื่อนการเจรจาในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) เพื่อสร้างมาตรการรับมือร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีระบุว่า “กระบวนการเจรจาอาจใช้เวลา แต่เราต้องรีบแก้ไขผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชนในระยะสั้นควบคู่กันไป”

ลงพื้นที่ตรวจสอบ-ตั้งศูนย์เฝ้าระวังประสานงานเฉพาะกิจ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งศูนย์เฝ้าระวังประสานงานส่วนหน้าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยของแหล่งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค และรับมือสถานการณ์อย่างรัดกุม เบื้องต้นได้มีการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด ทั้งการสุ่มตรวจสารปนเปื้อน ตลอดจนการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนรองรับสถานการณ์หากมวลน้ำจากฝนตกหนักในเมียนมาไหลเข้ามาเพิ่มเติม โดยพิจารณาการสร้างฝายหรือเขื่อนดักตะกอนในระยะยาว ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการลดการแพร่กระจายของสารปนเปื้อนและควบคุมคุณภาพน้ำในอนาคต

ย้ำมาตรฐานความปลอดภัยน้ำประปา-แจกเครื่องกรองน้ำครัวเรือน

แม้จะมีความเสี่ยงจากน้ำดิบในลำน้ำกก แต่รัฐบาลยืนยันว่ามาตรการด้านสาธารณูปโภคเพื่อประชาชนจะต้องเข้มงวดสูงสุด น้ำประปาทั้งจากการประปาภูมิภาคและประปาหมู่บ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
รวมถึงการกระจายเครื่องกรองน้ำระบบ RO (Reverse Osmosis) ระดับครัวเรือนไปยังพื้นที่เสี่ยงอย่างทั่วถึง ขณะที่ในพื้นที่ห่างไกล การประปาได้เตรียมจุดจ่ายน้ำประปาเคลื่อนที่และติดตั้งแทงค์สำรองน้ำ เพื่อรับประกันว่าประชาชนจะไม่ขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า “ประชาชนจะต้องได้รับความมั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความปลอดภัยในสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกคน”

การบริหารจัดการวิกฤตการณ์และแนวโน้มข้ามพรมแดน

เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดนและความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำโขงที่มีความเชื่อมโยงทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การรับมือในระยะสั้นผ่านศูนย์เฝ้าระวัง และการจัดการน้ำสะอาดนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน ขณะเดียวกัน การดำเนินงานในระยะยาว เช่น การเจรจาระหว่างประเทศและการพัฒนามาตรการโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

กรณีแม่น้ำกกนี้จึงนับเป็นบทเรียนและจุดเริ่มต้นของการบูรณาการความร่วมมือทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและรักษาความมั่นคงของสิ่งแวดล้อมไทยต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายยันชัด! แม่น้ำกกใช้เกษตรได้ แนะจัดการดิน-สุขอนามัย

ผู้ว่าฯ เชียงรายลงพื้นที่เวียงชัย สร้างความเชื่อมั่นให้เกษตรกร – ย้ำ “น้ำกกยังใช้ทำเกษตรได้” ภายใต้เงื่อนไขการจัดการดินและสุขอนามัย

เชียงราย,11 มิถุนายน 2568 –  นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายบดินทร์ เทียมภักดี นายอำเภอเวียงชัย นายเสน่ห์ แสงคำ เกษตรจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจเกษตรกรผู้ทำนา ณ หมู่ที่ 8 บ้านไตรแก้ว ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ท่ามกลางความกังวลของประชาชนในประเด็นคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก หลังมีรายงานการตรวจพบสารหนูในบางจุด จนเกิดกระแสข่าวและความวิตกกังวลในวงกว้าง

ผลตรวจชี้ “สารหนูในน้ำกก” มีผลต่างกันแต่ควบคุมได้ – ย้ำรัฐโปร่งใส

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายระบุว่า ตามรายงานล่าสุดของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) จังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า ในน้ำแม่น้ำกกมีการตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในบางจุดจริง โดยระดับการปนเปื้อนมีความแตกต่างกันตามพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดไม่ได้ปิดบังข้อมูล มีการเปิดเผยผลตรวจคุณภาพน้ำจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจและให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งทางการโดยตรง

ผู้ว่าฯ ยังย้ำว่า ประชาชนควรรับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐที่มีผลแล็บมาตรฐาน และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ทั้งนี้ ข้อมูลคุณภาพน้ำและผลตรวจต่าง ๆ จะเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอย่างต่อเนื่อง

น้ำประปา “ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน” ใช้อุปโภคบริโภคได้ปลอดภัย

หนึ่งในข้อกังวลสำคัญคือคุณภาพน้ำประปาทั้งระดับการประปาภูมิภาคสาขาเชียงรายและประปาหมู่บ้านในพื้นที่ ซึ่งใช้น้ำดิบจากแม่น้ำกกเป็นต้นทุน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและผลการวิเคราะห์ของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 จังหวัดเชียงราย และการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย พบว่า น้ำประปาผ่านกระบวนการตกตะกอน กรอง และบำบัดตามหลักวิชาการ ได้คุณภาพปลอดภัยตามมาตรฐาน สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างมั่นใจ

เกษตรจังหวัดเชียงราย นายเสน่ห์ แสงคำ กล่าวเสริมว่า ในประเด็นความปลอดภัยของน้ำเพื่อการเกษตร ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดการสะสมของโลหะหนักในพืช คือ “การปรับปรุงคุณภาพดินให้มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสม” หากค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ที่ 6.5 ขึ้นไป จะช่วยจำกัดการดูดซึมของสารหนูและโลหะหนักเข้าสู่พืชผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลแล็บ “พืช-สัตว์น้ำ” ในพื้นที่แม่น้ำกกยังไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน

ข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 จังหวัดเชียงราย ระบุว่าการเก็บตัวอย่างพืชและสัตว์น้ำที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก รวมถึงชนิดที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโดยตรงส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน พบว่าปริมาณสารหนูในตัวอย่าง “ไม่เกินค่ามาตรฐาน” สะท้อนว่ายังสามารถใช้น้ำจากแม่น้ำกกเพื่อการเกษตรในพื้นที่ได้ตามปกติ

สร้างภูมิคุ้มกันข้อมูล – เน้นรับข่าวสารจากหน่วยงานรัฐ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายย้ำว่า ประชาชนควรติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย มีผลแล็บและเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ขอให้ระวังข่าวลือหรือข้อมูลจากแหล่งที่ไม่ชัดเจน เพราะอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น

เน้นสุขอนามัยและแนวทางปฏิบัติสำหรับเกษตรกร

นอกจากประเด็นเรื่องคุณภาพน้ำแล้ว เกษตรจังหวัดเชียงรายยังแนะนำเกษตรกรควรป้องกันตัวเองในระหว่างปฏิบัติงานในพื้นที่น้ำธรรมชาติ เช่น สวมรองเท้าบูทและเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายให้มิดชิดระหว่างลงแปลงนา เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสหรือสะสมสารเคมีหรือโลหะหนักบนผิวหนังในระยะยาว

เสียงสะท้อนจากชาวนาเวียงชัย – รัฐต้องแก้ปัญหาที่ต้นทาง

เกษตรกรในเวียงชัยยังคงติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและเชื่อมั่นในผลการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เป็นทางการ อย่างไรก็ดี มีข้อเสนอให้ภาครัฐเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษในพื้นที่ต้นน้ำ และวางแนวทางบรรเทาผลกระทบอย่างยั่งยืน

สร้างสมดุลระหว่างความมั่นใจและมาตรการเชิงรุก

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นของการสื่อสารข้อมูลวิชาการอย่างต่อเนื่อง และการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นใจในการประกอบอาชีพของเกษตรกรกับมาตรการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระยะยาว รัฐจำเป็นต้องเร่งมือแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง ควบคู่กับการให้ข้อมูลที่โปร่งใสเพื่อสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในหมู่ประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) จังหวัดเชียงใหม่
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 จังหวัดเชียงราย
  • การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย
    (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายตรวจศูนย์เฝ้าระวังน้ำพิษ เร่งแก้ปนเปื้อนแม่น้ำภาคเหนือ

เชียงรายเร่งตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ 4 จุด พร้อมเดินหน้าทำแผนแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองต้นน้ำเมียนมา

เชียงราย, 9 มิถุนายน 2568 สถานการณ์ปนเปื้อนสารโลหะหนักในลำน้ำสำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง กำลังกลายเป็นประเด็นวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งรับมืออย่างจริงจัง ล่าสุด นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำการดำเนินงานเชิงรุกตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง

จุดตรวจดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน 4 จุดของศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดตั้งขึ้น ครอบคลุมแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการวัดคุณภาพน้ำ ตรวจสอบตะกอน และเผยแพร่ข้อมูลต่อประชาชนผ่านระบบป้ายประชาสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ พร้อมรับเรื่องร้องเรียนและสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชนในทุกพื้นที่

ศูนย์เฝ้าระวัง 4 จุดในพื้นที่เสี่ยง ครอบคลุม 2 จังหวัด

ศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่จัดตั้งขึ้นครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย และเชียงใหม่ โดยแบ่งเป็น 4 จุดหลัก ได้แก่

  1. สะพานท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (แม่น้ำกก) – รับผิดชอบโดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  2. ศูนย์ราชการเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย (แม่น้ำกก) – รับผิดชอบโดย กรมควบคุมมลพิษ
  3. ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย (แม่น้ำสาย) – รับผิดชอบโดย กรมควบคุมมลพิษ
  4. สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (แม่น้ำโขง) – รับผิดชอบโดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ศูนย์ทั้ง 4 แห่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจวัดสารปนเปื้อน โดยเฉพาะสารหนู ปรอท และแคดเมียม ที่ถูกสันนิษฐานว่าไหลลงมาจากเหมืองแร่ในเขตชายแดนเมียนมา และอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ

กรมควบคุมมลพิษเดินหน้าเจรจาระดับรัฐบาล ร่วมกับเมียนมาและจีน

ในระดับนโยบาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้สั่งการให้ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำน้ำกกและลำน้ำสาย พร้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศจัดเจรจาอย่างเป็นทางการกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีผลกระทบจากการทำเหมืองที่ต้นน้ำ

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ยังได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งหาข้อสรุปในการกำหนดกรอบการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้การทำเหมืองข้ามพรมแดนอยู่ภายใต้ระบบความรับผิดชอบร่วมกัน

ข้อเสนอเสริมระบบดักตะกอนสารพิษ ก่อนปล่อยน้ำสู่แม่น้ำสายหลัก

นอกจากการติดตามตรวจสอบข้อมูล คพ. ยังได้ร่วมวางแผนกับกรมทรัพยากรน้ำ ออกแบบระบบดักตะกอนบริเวณจุดที่ตรวจพบการปนเปื้อน เพื่อนำตะกอนที่มีโลหะหนักออกจากลำน้ำ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนออกแบบและจัดทำระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

จัดตั้ง “AIM” ศูนย์ข้อมูลกลางแห่งแรกของประเทศ

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและลดความสับสนจากการเผยแพร่ข้อมูลหลายช่องทาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ได้มีข้อสั่งการให้จัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูลกลางเพื่อการรับรู้และติดตามสถานการณ์” หรือ Awareness Information Monitoring (AIM) โดยมอบหมายให้ คพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ดำเนินการรวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำประปาหมู่บ้าน และผลิตผลทางการเกษตรอย่างเป็นระบบ

แต่งตั้งทีมที่ปรึกษาวิชาการ 9 ราย สนับสนุนศูนย์อำนวยการส่วนหน้า

ในการประชุมล่าสุดมีมติแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาจำนวน 9 ราย ประกอบด้วยนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญจากสาขาแวดล้อม ได้แก่ ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง, นายวิชัย ไชยมงคล, ผศ.ดร.ชิตชล ผลารักษ์, ผศ.ดร.พงศ์พันธุ์ กาญจนการุณ, ดร.ณัฐนนท์ จิรกิจนิมิตร, ดร.สืบสกุล กิจนุกร, อ.ทสิตา สุพัฒนรังสรรค์, อ.ณิชภัทร์ กิจเจริญ และนายอาทิตย์ ภูบุญคง ซึ่งจะทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานเชิงวิชาการของศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย

จากการตรวจเยี่ยมสู่การเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบาย

การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ มิได้เป็นเพียงการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หากแต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความเร่งด่วนในการยกระดับระบบเฝ้าระวังและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองต้นน้ำเมียนมาไม่อาจแก้ไขได้ด้วยมาตรการภายในประเทศเพียงลำพัง ความร่วมมือระดับภูมิภาคจึงเป็นหัวใจสำคัญ

ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง AIM และการสนับสนุนโดยทีมที่ปรึกษาวิชาการ ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานการจัดการข้อมูลที่โปร่งใส และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อบทบาทของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เรือนจำเชียงรายเร่งแก้น้ำปนเปื้อนโลหะหนัก ยันนักโทษปลอดภัย

เรือนจำกลางเชียงรายเร่งจัดการน้ำปนเปื้อนโลหะหนัก – ย้ำ “ไม่มีผู้ต้องขังป่วย” พร้อมขอขยายเขตประปาเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ

เชียงราย, 7 มิถุนายน 2568 – กรณีที่สื่อมวลชนรายงานว่า “นักโทษ 4,000 คนเสี่ยงมะเร็ง เหตุน้ำกกปนเปื้อนโลหะหนัก” พร้อมกล่าวถึงการที่เรือนจำนำแหล่งน้ำดิบจากแม่น้ำกกมาใช้ผลิตน้ำดื่มภายในนั้น ล่าสุดผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงรายยืนยันว่า ได้เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบตั้งแต่ได้รับรายงานการตรวจสอบน้ำเมื่อเดือนเมษายน และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่รายใดมีอาการป่วยจากเหตุดังกล่าว

จุดเริ่มต้นของความเข้าใจคลาดเคลื่อน

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของผู้สื่อข่าวท้องถิ่นกับนายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้น้ำจากแม่น้ำกกซึ่งอาจมีสารปนเปื้อน โดยเรือนจำได้เปิดเผยผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย ที่พบว่าตัวอย่างน้ำจากระบบประปาผิวดิน และน้ำบาดาล มีสารตะกั่วเกินค่ามาตรฐานของกรมอนามัย (0.01 มก./ล.) เล็กน้อย แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข (0.05 มก./ล.)

นอกจากนี้ ไม่พบสารหนูหรือแคดเมียมในระดับอันตราย ซึ่งสะท้อนว่าปัญหาดังกล่าวอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ หากมีมาตรการจัดการที่เหมาะสม

แผน 3 ระยะในการจัดการ – ป้องกันซ้ำซ้อนด้วยระบบกรอง RO

เรือนจำกลางเชียงรายได้วางแผนจัดการใน 3 ระยะดังนี้:

  1. ระยะสั้น – ปรับปรุงระบบกรองน้ำทันที เช่น การเปลี่ยนสารกรองแมงกานีสแซนด์ คาร์บอน และเรซิ่น รวมถึงเติมสารตกตะกอนก่อนผลิตน้ำประปาจากแม่น้ำกก
  2. ระยะกลาง – แยกระบบน้ำบาดาลและผิวน้ำออกจากกัน พร้อมเปลี่ยนฝาปิดบ่อพักน้ำบาดาลจากเหล็กเป็นไม้เพื่อลดการปนเปื้อน และขอคำแนะนำจาก 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาคเขต 9, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  3. ระยะยาว – ขอขยายเขตบริการน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมพื้นที่เรือนจำ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่นอกเขตบริการ โดยหากสามารถดำเนินการได้ จะเป็นประโยชน์กับชุมชนโดยรอบในตำบลดอยฮางอีกด้วย

ดำเนินการเร่งด่วน ติดตั้งแท็งก์น้ำ ขอซื้อน้ำสะอาด

เพื่อรองรับการบริโภคน้ำในช่วงรอระบบกรอง RO เรือนจำฯ ได้ติดตั้งแท้งค์น้ำขนาดต่าง ๆ ครอบคลุมทุกแดน เช่น

  • แท้งค์ 2,000 ลิตร – แดน 2, 3, 10
  • แท้งค์ 1,000 ลิตร – แดน 1, 2, 4, 5
  • แท้งค์ 500 ลิตร – แดน 6

พร้อมประสานการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย ซื้อน้ำสะอาดประมาณ 6,000-8,000 ลิตรต่อวันสำหรับดื่ม และอีก 2,000 ลิตรต่อวันสำหรับประกอบอาหาร โดยขอการสนับสนุนรถขนน้ำจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อขนส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่เรือนจำ

ยืนยันไม่มีผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่มีอาการเจ็บป่วย

ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงรายย้ำว่า “ยังไม่พบผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่คนใดมีอาการผิดปกติจากสารปนเปื้อน” พร้อมระบุว่าได้มีการสุ่มตรวจเลือดและเฝ้าระวังอาการเป็นระยะโดยร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด

ทั้งนี้ ยังประสานการจัดซื้อระบบ RO ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งได้ภายในเดือนนี้ ขณะเดียวกันยังคงติดตามแผนขยายเขตบริการประปาจาก กปภ. ซึ่งอยู่ระหว่างรอรอบปีงบประมาณ หากมีงบประมาณพร้อม เรือนจำสามารถเร่งรัดการประกวดราคาและดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน

มุมมองจากรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย – ต้องบูรณาการสื่อสารเพื่อคลี่คลายความสับสน

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีข่าวสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกว่า หน่วยงานหลายแห่งยังขาดเอกภาพในการสื่อสาร ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะเกษตรกรริมแม่น้ำที่ยังไม่มั่นใจว่าสามารถใช้น้ำได้หรือไม่

รัฐมนตรีช่วยฯ ย้ำว่า วันที่ 9 มิถุนายนนี้จะมีการประชุมติดตามร่วมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อรวมข้อมูลทั้งหมดอย่างเป็นระบบ พร้อมวางแนวทางสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ตามข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่

เรือนจำกลางเชียงรายคือตัวแทนความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างของรัฐไทย

เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายมิติ ตั้งแต่การเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น น้ำประปา ไปจนถึงการบริหารจัดการภายใต้ภาวะวิกฤตในสถานที่ปิดล้อมอย่างเรือนจำ ซึ่งมีผู้ต้องขังนับพันคนที่ไม่มีสิทธิเลือกแหล่งน้ำเอง

แม้สารตะกั่วที่พบจะยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็เกินค่าที่กรมอนามัยแนะนำ และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เร่งจัดการ ก็อาจสะสมในร่างกายและส่งผลในระยะยาวได้

เรือนจำกลางเชียงรายจึงเปรียบเสมือนภาพย่อส่วนของสังคมที่ยังต้องการความเท่าเทียมด้านสุขภาพ น้ำสะอาด และการสื่อสารที่โปร่งใส และหากปัญหาได้รับการแก้ไขสำเร็จ ไม่เพียงแต่ผู้ต้องขังเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ แต่ยังรวมถึงประชาชนรอบพื้นที่เรือนจำอีกจำนวนมาก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สัมภาษณ์นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • กรมราชทัณฑ์
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงมหาดไทย
  • การประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) วันที่ 6-7 มิถุนายน 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สารหนูเกินมาตรฐานทส. ชี้แม่น้ำกก-สายยังน่าห่วง

รมว.ทส. สั่งเร่งติดตามและแก้ไขปัญหาสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สาย-โขง จ.เชียงราย เดินหน้าประชุมมาตรการเข้มข้นเพื่อคืนคุณภาพชีวิตประชาชน

เชียงราย, 3 มิถุนายน 2568 – สถานการณ์วิกฤตมลพิษสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง กลายเป็นประเด็นสำคัญที่หน่วยงานรัฐทุกระดับต้องขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน หลังการตรวจพบค่าปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายเกินกว่าค่ามาตรฐานซ้ำซ้อนหลายจุด สร้างความวิตกกังวลต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยืนยันเดินหน้าแก้ไขปัญหาทั้งเชิงรุกและระยะยาว เพื่อเร่งคืนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

วิกฤตสารหนูข้ามพรมแดนในพื้นที่ลุ่มน้ำเชียงราย

ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปัญหาการปนเปื้อนของสารหนูในลุ่มน้ำสำคัญของภาคเหนือโดยเฉพาะแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ถูกจับตามองจากประชาชน สื่อมวลชน และนักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษและกรมทรัพยากรน้ำพบค่าการปนเปื้อนสารหนู ซึ่งเป็นโลหะหนักที่เป็นอันตรายสูงต่อร่างกายมนุษย์และสัตว์น้ำ เกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกและประเทศไทยกำหนดไว้ สร้างความวิตกกังวลเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกับประชาชนในพื้นที่ซึ่งต้องใช้น้ำในชีวิตประจำวัน

สถานการณ์ดังกล่าวซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อพบว่าแหล่งกำเนิดมลพิษส่วนใหญ่มีต้นทางมาจากนอกประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ต้นน้ำในเขตชายแดนเมียนมาและพื้นที่ชายแดนจีน ซึ่งควบคุมและตรวจสอบต้นเหตุโดยตรงได้ยาก รัฐบาลไทยจึงต้องดำเนินงานเชิงรุก ทั้งมาตรการเฉพาะหน้าและแผนความร่วมมือระหว่างประเทศ

รมว.ทส. สั่งประชุมเร่งรัดมาตรการ รับมือผลกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์หลังร่วมลงนามถวายพระพรในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระบรมมหาราชวัง ว่าได้ติดตามสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ได้มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ ประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ตามกรอบที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติงานและคลายข้อห่วงใยจากประชาชนในพื้นที่

รัฐมนตรีฯ ย้ำว่า แม้มาตรการที่ทำได้ในทันทีอาจเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ เช่น การออกแบบระบบดักตะกอนเพื่อชะลอการกระจายของสารปนเปื้อนและเพิ่มจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำ แต่ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างใกล้ชิด ทั้งกรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จะต้องเพิ่มจำนวนและความถี่ของการเก็บตัวอย่างน้ำ ครอบคลุมตลอดลำน้ำและสาขา ทั้งน้ำผิวดิน ตะกอนดิน สัตว์หน้าดิน ไปจนถึงตรวจระดับสารพิษในร่างกายของประชาชนกลุ่มเสี่ยง

แม่น้ำกก-สาย ยังเกินมาตรฐานในบางจุด

รายงานจากกรมควบคุมมลพิษเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ระบุว่า แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขงและประเทศเพื่อนบ้าน ยังพบค่าการปนเปื้อนของสารหนูเกินกว่าค่ามาตรฐานในการตรวจวัดทั้งน้ำผิวดินและตะกอนดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อนถึงจุดที่น้ำไหลผ่านฝายเชียงรายไปยังแม่น้ำโขง พบว่าหลังผ่านฝายดังกล่าว ค่าสารปนเปื้อนมีแนวโน้มลดลง สาเหตุจากกระแสน้ำถูกลดความเร็ว ส่งผลให้มีการตกตะกอนเพิ่มมากขึ้น

ส่วนแม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำลาว และแม่น้ำสรวย คุณภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะพบสารหนูในตะกอนเกินค่ามาตรฐานสำหรับการปกป้องสัตว์หน้าดิน แต่ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพมนุษย์ในขณะนี้

ความร่วมมือระหว่างประเทศ ความท้าทายที่ต้องใช้เวลา

ดร.เฉลิมชัย เน้นว่า การแก้ไขปัญหาสารหนูที่ต้นเหตุต้องอาศัยกระบวนการเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งกับเมียนมาและจีนซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่รัฐบาลไทยมุ่งมั่นประสานความร่วมมือผ่านเวทีทวิภาคีและภูมิภาค พร้อมทั้งผลักดันข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต

ขณะเดียวกัน มาตรการในประเทศต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนประชาชนให้งดกิจกรรมทางน้ำในพื้นที่เสี่ยง ให้ใช้น้ำเฉพาะแหล่งที่ผ่านการรับรองคุณภาพ และจัดหาน้ำดื่มน้ำใช้ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์

การสื่อสารและแจ้งเตือนประชาชน สร้างความเชื่อมั่นในมาตรการรัฐ

รมว.ทส. ฝากถึงประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงราย และใกล้เคียง ให้ติดตามข่าวสารและประกาศแจ้งเตือนจากหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัย ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป เนื่องจากทุกหน่วยงานกำลังร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อเฝ้าระวังและเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด

วิเคราะห์และแนวโน้มผลกระทบ

กรณีปนเปื้อนสารหนูในลุ่มน้ำเชียงรายถือเป็นแบบอย่างสำคัญของวิกฤตสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน ที่ต้องอาศัยทั้งมาตรการภายในประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ขณะที่ภาคประชาชนจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน พร้อมแนวทางปฏิบัติอย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง หากสถานการณ์คลี่คลายได้ จะเป็นบทเรียนสำคัญในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาคสำหรับอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • รายงานตรวจวัดคุณภาพน้ำแม่น้ำกก-สาย-โขง (กรมควบคุมมลพิษ, 1 มิ.ย. 2568)
  • ค่าสารหนูเกินมาตรฐานในน้ำผิวดินและตะกอนในหลายจุด (กรมควบคุมมลพิษ)
  • การเพิ่มจุดและความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอน (กรมทรัพยากรน้ำ)
  • แนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาสารพิษข้ามพรมแดน (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
  • แนวทางแจ้งเตือนและเฝ้าระวังประชาชน (กรมควบคุมมลพิษ, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กรมประมงเฝ้าระวังน้ำกก-สาย สรุปขอเลี่ยงหรือกินปลาได้

กรมประมงเข้มตั้งทีมเฉพาะกิจเฝ้าระวังสัตว์น้ำแม่น้ำกก-สาย ชี้ผลตรวจยังไม่เกินมาตรฐาน แต่ขอประชาชนเลี่ยงบริโภคชั่วคราว

เชียงราย, 2 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางความกังวลของประชาชนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ต่อสถานการณ์สารปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ กรมประมงเดินหน้ายกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ตั้ง “ทีมเฉพาะกิจ” ตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะประชาชนเลี่ยงบริโภคสัตว์น้ำจากแม่น้ำสองสายนี้ชั่วคราว แม้ผลตรวจเบื้องต้นยังไม่เกินค่ามาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน

จุดเริ่มต้นของปัญหาและมาตรการรับมือ

สถานการณ์การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกเริ่มกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญ หลังมีรายงานปลาบางชนิดมีตุ่มแดงผิดปกติ รวมถึงมีประชาชนในเขตอำเภอแม่สายเกิดอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำจากบ่อในครัวเรือน สร้างความวิตกกังวลในวงกว้าง ทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงและชาวบ้านที่อาศัยแหล่งน้ำเป็นหลัก

กรมประมงโดยนางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดี ได้เปิดเผยถึง “แผนเฉพาะกิจตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำ” ในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง 4 จุดหลักทั้งในเชียงรายและเชียงใหม่ ได้แก่ บ้านโป่งนาคำ, สะพานแม่ฟ้าหลวง, หลังวัดสันธาตุถึงสบกก (เชียงราย) และชายแดนไทย-เมียนมา หมู่บ้านแก่งตุ๋ม อำเภอแม่อาย (เชียงใหม่) โดยเน้นการเก็บตัวอย่างปลาสำคัญ เช่น ปลาสร้อย ปลาซ่า ปลาค้าว และปลากด ทุก 2 สัปดาห์ ตั้งแต่พฤษภาคมถึงกันยายน 2568

ข้อมูลผลการตรวจสอบล่าสุด

จากการเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า สารพิษสำคัญ ได้แก่ สารหนู (As), ปรอท (Hg), ตะกั่ว (Pb) และแคดเมียม (Cd) รวมถึงการตรวจเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิวิทยาในปลายังคงอยู่ในระดับที่ “ไม่เกินค่ามาตรฐาน” ตามเกณฑ์สากล โดยเฉพาะในปลากินพืชมีการตกค้างของโลหะหนักในระดับต่ำ ส่วนปลากินเนื้อ พบค่าสารปรอทสูงกว่าปลากินพืชแต่ยังไม่เกินมาตรฐาน

กรณีปลามีตุ่มแดง จากการวินิจฉัยพบว่าเกิดจากปรสิตและเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ไม่พบในอวัยวะภายใน และยังไม่พบการติดเชื้อไวรัส ขณะที่ผลตรวจสารปนเปื้อนในปลาทั้ง 3 รอบที่เก็บมา ยังคงต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อันเป็นข้อมูลสำคัญยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่ส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในวงกว้าง

คำแนะนำและการสื่อสารกับสาธารณชน

ถึงแม้ผลการตรวจสอบจะยังไม่พบอันตราย กรมประมงได้แนะนำประชาชน “หลีกเลี่ยงบริโภคสัตว์น้ำที่จับได้จากแม่น้ำสายและแม่น้ำกกในระยะนี้” เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงฤดูปลามีไข่ที่ควรให้ธรรมชาติฟื้นฟู และป้องกันการสะสมของโลหะหนักในห่วงโซ่อาหาร

พร้อมกันนี้กรมประมงยังย้ำว่าสัตว์น้ำที่จำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่เป็นสัตว์น้ำที่มาจากการเพาะเลี้ยงในระบบปิด ไม่ใช้น้ำจากแม่น้ำทั้งสองสาย ดังนั้นประชาชนยังสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารทะเลและสัตว์น้ำที่ซื้อบริโภคได้ตามปกติ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและเสียงสะท้อนของชุมชน

ประมงอำเภอเชียงแสนร่วมเวทีเสวนา “ทวงคืนสายน้ำกกขอคนปลายน้ำ” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจัดโดยเครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย และศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีการพูดคุยถึงมาตรการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทั้งน้ำ พืช ดิน และสัตว์ เป็นระยะ รวมถึงแผนรับมือภัยพิบัติและการร่วมมือของรัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่

เสียงสะท้อนจากคนในชุมชนระบุว่า ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อรายได้และจิตใจของผู้ประกอบอาชีพประมง ราคาปลาตกต่ำและขายยากเนื่องจากผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น แม้หน่วยงานรัฐจะเร่งชี้แจงข้อมูลและลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเป็นระยะ แต่ความวิตกกังวลยังคงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการสะสมของสารพิษในปลากินเนื้อและความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร

มาตรการเพิ่มเติมด้านสาธารณสุขและการติดตามผู้ได้รับผลกระทบ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบกรณีประชาชนในบ้านแม่สาย ตำบลเวียงพางคำ ที่มีอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำจากบ่อ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางลงพื้นที่ตรวจร่างกาย เบื้องต้นพบว่าเป็นผื่นแพ้เหงื่อและยังไม่พบความผิดปกติรุนแรง พร้อมกับเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อ 6 จุดเพื่อนำส่งตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ยังไม่ได้ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน แสบผิวหนัง หรืออ่อนเพลีย ให้รีบพบแพทย์ทันที

แนวทางแก้ไขและผลกระทบในระยะยาว

แม้ข้อมูลทางวิชาการในขณะนี้จะระบุว่าสารปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า ควรดำเนินการเฝ้าระวังระยะยาว พร้อมเสริมความเข้มแข็งในการฟื้นฟูระบบนิเวศแหล่งน้ำ พัฒนาแผนรับมือร่วมกับภาคประชาชน และสนับสนุนงานวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบสะสมของสารโลหะหนักในห่วงโซ่อาหาร

นอกจากนี้ ยังควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งด้านความรู้ การสื่อสารความเสี่ยง และสร้างทางเลือกในอาชีพให้แก่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงที่ได้รับผลกระทบ

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • กรมประมงเก็บตัวอย่างปลาทุก 2 สัปดาห์ใน 4 จุดเสี่ยงหลักตั้งแต่ พ.ค.–ก.ย. 2568
  • ผลตรวจปลากินพืช-กินเนื้อ 3 รอบ ไม่พบโลหะหนักเกินมาตรฐาน (กรมประมง)
  • กลุ่มชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพประมงในลุ่มน้ำกก-สายได้รับผลกระทบรายได้ตกต่ำ (ข้อมูลจากเครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย)
  • ประชาชนบ้านแม่สาย 1 หมู่ 1 พบอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำบ่อในครัวเรือน ตรวจสอบโดย สสจ.เชียงราย รพ.แม่สาย และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมประมง
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลแม่สาย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย
  • เครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย
  • ศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายยันเอง น้ำ-ผัก-ปลา ปลอดสารหนู

เชียงรายยืนยัน “น้ำประปา-ผัก-ปลา” ปลอดภัย ไร้สารหนูปนเปื้อน ตรวจสอบมาตรฐานสากล พร้อมทหารเดินหน้าป้องกันน้ำท่วมแม่สาย

เชียงราย, 31 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงยืนยันคุณภาพน้ำประปา ผัก และปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก “ปลอดภัย” หลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือมาตรฐานสากล โดยไม่พบการปนเปื้อนสารหนูเกินมาตรฐาน ทั้งยังมีมาตรการเฝ้าระวังและการจัดการปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

การแถลงข่าวความปลอดภัยด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เฝ้าระวัง

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2568) ณ ห้องประชุมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนายแพทย์เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมแถลงข่าวถึงสถานการณ์คุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน อาหารจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และการตรวจสอบความปลอดภัยต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่

นายชรินทร์ ทองสุข ระบุว่า ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อหลักและสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารหนูในแหล่งน้ำธรรมชาติหลายจุด แต่ผลการทดสอบโดยเครื่องมือเบื้องต้น (Test Kit) ไม่สามารถนำมาอ้างอิงอย่างเป็นทางการได้ จำเป็นต้องอาศัยผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน ซึ่งศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นหน่วยงานที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025:2017 สามารถตรวจวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้

ข้อมูลการตรวจสอบและผลการทดสอบเชิงวิทยาศาสตร์

นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า หลังมีข่าวการปนเปื้อนของสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานกำหนด กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มเก็บตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้านที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกกและแหล่งน้ำใกล้เคียงใน 6 อำเภอ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ผลการตรวจวิเคราะห์พบว่าไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน โดยพบปริมาณน้อยกว่า 0.001 – 0.009 มิลลิกรัมต่อลิตร

ต่อมา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ได้ลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้านบริเวณใกล้แม่น้ำสายและแม่น้ำรวกในอำเภอแม่สายและเชียงแสน รวม 6 ตัวอย่าง ผลการตรวจพบปริมาณสารหนูน้อยกว่า 0.001 มิลลิกรัมต่อลิตร ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด

ในเดือนพฤษภาคม–สิงหาคม 2568 ได้วางแผนเก็บตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้าน พืชผัก และปลา รวมชนิดละไม่น้อยกว่า 19 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์โดยวิธีมาตรฐานสากล (Standard Methods For the Examination of Water and Wastewater. 24TH Edition. Washington DC: APHA Press; 2023. part 3030, 3110 : p 3-10) ด้วยเทคนิค AAS และ AOAC 2015.01 เทคนิค ICP-MS ในระบบคุณภาพ ISO/IEC 17025:2017

ผลการตรวจสอบครั้งแรกจำนวน 80 ตัวอย่าง แบ่งเป็นน้ำประปาหมู่บ้าน 36 ตัวอย่าง พืชผัก 21 ตัวอย่าง และปลาแม่น้ำ 23 ตัวอย่าง ไม่พบการปนเปื้อนสารหนูเกินค่ามาตรฐาน นอกจากนี้ ผลการตรวจโลหะหนักชนิดอื่น ได้แก่ แคดเมียม ตะกั่ว เหล็ก ฟลูออไรด์ คลอไรด์ ไนเตรท และแมงกานีส ทุกตัวอย่างผ่านเกณฑ์มาตรฐานเช่นกัน

การเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงและการดูแลประชาชน

จากกรณีประชาชนในอำเภอแม่สายบางรายมีอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำจากบ่อในครัวเรือน เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำตรวจสารหนูเบื้องต้นด้วย Test Kit จำนวน 3 จุด ไม่พบการปนเปื้อนแต่อย่างใด และเก็บตัวอย่างบ่อน้ำบาดาล 6 จุด ตรวจหาสารปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจยืนยันว่าไม่พบเกินค่ามาตรฐานทั้งน้ำประปา พืชผัก และปลา

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายยังคงเน้นย้ำให้ประชาชนใช้เฉพาะน้ำที่ผ่านการกรองหรือปรับปรุงคุณภาพตามมาตรฐาน พร้อมแนะนำกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

การบริหารจัดการสถานการณ์และการสื่อสารสาธารณะ

นายแพทย์เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ยืนยันถึงการเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการด้านสุขภาพอย่างเข้มข้น โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งมีการเก็บตัวอย่างตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการดำเนินการอย่างโปร่งใสแก่ประชาชนทุกระยะ

มาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายฝากถึงประชาชนในพื้นที่ ให้มั่นใจในผลการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการที่มีความเชี่ยวชาญ โดยจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการป้องกันเฝ้าระวังและสร้างความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในทุกด้าน

ทหารบกเดินหน้าป้องกันน้ำท่วมพื้นที่แม่สาย

ในวันเดียวกัน พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการก่อสร้างพนังคอนกรีตและคันดินริมแม่น้ำสาย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำรอยจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีข้าราชการทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่ให้การต้อนรับ

การดำเนินงานของทหารช่างในพื้นที่แม่สาย มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาวเพื่อป้องกันน้ำท่วมทะลักเข้าชุมชน ในพื้นที่ที่มีอาคารติดแม่น้ำสาย ได้มีการเชื่อมเหล็กปิดช่องประตูหน้าต่างอย่างเข้มงวด ขณะที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ได้มอบดอกไม้และป้ายขอบคุณแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยเหลือในทุกมิติ

สถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอแนะต่อสาธารณชน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเน้นย้ำว่า สถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแหล่งน้ำจังหวัดเชียงรายขณะนี้ ยังไม่พบข้อมูลที่บ่งชี้ความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าเฝ้าระวังต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพและใช้เฉพาะน้ำประปาที่ผ่านการรับรอง พร้อมติดตามข่าวสารจากราชการอย่างใกล้ชิด

สถิติและแหล่งอ้างอิงที่ตรวจสอบได้

  • ผลตรวจน้ำประปาหมู่บ้าน พืชผัก ปลา จำนวนรวม 80 ตัวอย่าง ไม่พบสารหนูปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน
  • ปริมาณสารหนูในน้ำประปาเฉลี่ยน้อยกว่า 0.001–0.009 มก./ลิตร ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด (อ้างอิง: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)
  • ผลตรวจโลหะหนักอื่นๆ เช่น แคดเมียม ตะกั่ว เหล็ก ฟลูออไรด์ คลอไรด์ ไนเตรท แมงกานีส ทุกตัวอย่างผ่านเกณฑ์มาตรฐาน (อ้างอิง: ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย)
  • ข้อมูลอ้างอิง: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร, Standard Methods For the Examination of Water and Wastewater. 24TH Edition. Washington DC: APHA Press; 2023, ISO/IEC 17025:2017

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่น้ำกกปนเปื้อน รัฐบาลเร่งเจรจาพม่า

เชียงใหม่-เชียงราย ยืนยันน้ำประปาปลอดภัย แม้พบสารหนูในแม่น้ำกก เร่งเจรจาเมียนมาแก้เหมืองแร่ต้นตอปัญหา

เชียงใหม่, 20 พฤษภาคม 2568 – นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพน้ำในแม่น้ำกก และการควบคุมผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หลังจากมีการตรวจพบสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำสาธารณะ โดยยืนยันว่าคุณภาพน้ำประปายังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถอุปโภคและบริโภคได้ตามปกติ

ตรวจวิเคราะห์ 12 จุด พบสารหนูเกินมาตรฐานใน 9 จุด

จากรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกก โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ระหว่างวันที่ 21–24 เมษายน 2568 ได้มีการเก็บตัวอย่างจาก 12 จุดตลอดความยาวแม่น้ำกกประมาณ 157 กิโลเมตร จากเขตชายแดนไทย–เมียนมา ที่อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปจนถึงเขต อ.เมือง จ.เชียงราย ผลการวิเคราะห์พบสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานใน 9 จุด โดยเฉพาะสารหนู (As)

จุดที่ตรวจพบประกอบด้วย 3 จุดในอำเภอแม่อาย และอีก 6 จุดในเขตอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของการเกิดมลพิษในแหล่งน้ำธรรมชาติ และอาจส่งผลต่อระบบนิเวศในระยะยาว

เร่งสำรวจแหล่งมลพิษ – พบต้นตออาจมาจากเมียนมา

ภายหลังพบสารปนเปื้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในเชียงใหม่และเชียงรายได้เข้าตรวจสอบแหล่งต้นกำเนิดมลพิษตลอดลำน้ำกก โดยเฉพาะบริเวณโรงงาน พื้นที่เกษตรกรรม และแหล่งทิ้งของเสีย ปรากฏว่าไม่พบแหล่งที่ปล่อยสารหนูหรือโลหะหนักจากฝั่งประเทศไทย จึงมีข้อสันนิษฐานอย่างมีน้ำหนักว่าสารเหล่านี้อาจมาจากกิจกรรมเหมืองแร่ในเขตประเทศเมียนมา

ทางรัฐบาลไทยได้ประสานความร่วมมือระดับพื้นที่กับชุมชนและผู้ใช้น้ำ รวมถึงเตรียมส่งคณะทำงานร่วมเจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่อเสนอแนวทางการจัดการเหมืองแร่ตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบข้ามพรมแดน

ยืนยันคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ยังปลอดภัย

แม้จะพบสารหนูในแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ยืนยันว่า คุณภาพน้ำประปาในเขตเทศบาลและพื้นที่รอบแม่น้ำกกยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้

สำหรับกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนว่ามีอาการผื่นคันหลังจากลงเล่นน้ำในแม่น้ำกก เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำและส่งทีมแพทย์เข้าตรวจสอบ พบว่าอาการผื่นคันดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสารพิษหรือโลหะหนัก แต่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างสภาพผิวหนังกับพืชน้ำหรือสารอินทรีย์ในน้ำ

ผลการตรวจสัตว์น้ำ – ไม่พบสารหนูหรือสารปรอท

กรณีที่มีรายงานการพบปลาตายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ทางสำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายจึงได้ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงรายเก็บตัวอย่างเนื้อปลาเพื่อตรวจสอบ พบว่าปลาที่ตายมีการติดเชื้อไวรัสบางชนิด ไม่พบการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น สารหนูหรือปรอท

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยังคงเน้นย้ำให้ประชาชนปรุงอาหารจากสัตว์น้ำให้สุกทุกครั้งก่อนบริโภค เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือโรคที่อาจเกิดจากแบคทีเรียหรือไวรัสอื่น ๆ

มุมมองเชิงวิชาการ – จำเป็นต้องกำหนดแผนระยะยาว

นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเสนอว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจช่วยลดผลกระทบในระยะสั้น แต่สิ่งสำคัญคือการวางแผนการจัดการแหล่งน้ำในระยะยาวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และควรมีการจัดตั้งระบบเตือนภัยสิ่งแวดล้อมล่วงหน้าสำหรับพื้นที่ชายแดน โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น IoT และ AI

นอกจากนี้ ยังควรมีการออกกฎหมายรองรับการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนแบบบูรณาการ และส่งเสริมความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) ปี 2568 ระบุว่า แม่น้ำกกมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำเฉลี่ยปีละ 48 ครั้ง ใน 12 จุด โดยพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน 9 จุดในช่วงเดือนเมษายน 2568
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รายงานว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนอาการผิดปกติหลังใช้น้ำธรรมชาติรวม 36 ราย คิดเป็นเพียง 0.005% ของประชากรพื้นที่
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างปลา 28 ตัวจาก 5 จุด พบว่าทั้งหมดไม่มีการปนเปื้อนสารหนูหรือสารปรอท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่น้ำกกสีเปลี่ยน สคพ.1 เร่งตรวจคุณภาพน้ำ ดิน เชียงราย

วิกฤตมลพิษแม่น้ำกก สารหนูเกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพและเศรษฐกิจท้องถิ่น

สถานการณ์ที่นำไปสู่การตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกก

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินและตะกอนดินในแม่น้ำกก จำนวน 9 สถานี ในพื้นที่อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่จัน และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีและความขุ่นของน้ำในแม่น้ำกก​

การตรวจสอบและผลการวิเคราะห์เบื้องต้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 สคพ.1 ได้ร่วมกับคณะทำงานระดับอำเภอ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกก ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นจุดที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์ ได้แก่ บริเวณบ้านแก่งตุ้ม ห่างจากเขตแดนไทย-เมียนมา 500 เมตร บริเวณสะพานบ้านท่าตอน ห่างจากจุดแรก 9 กิโลเมตร และบริเวณผาใต้ ห่างจากสะพานบ้านท่าตอน 10 กิโลเมตร​

ผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 พบว่าไม่พบไซยาไนด์ในตัวอย่างน้ำ ซึ่งอาจเป็นเพราะไซยาไนด์สลายตัวเร็วจากการถูกแสงแดดและความร้อนจากอากาศ อย่างไรก็ตาม พบสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุด โดยเฉพาะบริเวณแก่งตุ้ม พบสารหนูมีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่ค่ามาตรฐานควรไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร​

ผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจในพื้นที่

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยอาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “ไข้ดำ” ซึ่งผู้ที่สัมผัสสารหนูจะมีจุดสีดำบนผิวหนัง ระคายเคือง อาหารเป็นพิษ และหากสัมผัสมากๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง​

นอกจากนี้ การปนเปื้อนดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาซึ่งบรรยากาศเงียบเหงา นักท่องเที่ยวลดลง ส่งผลต่อผู้ประกอบการในพื้นที่​

การตอบสนองของหน่วยงานภาครัฐ

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 นายธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของการปนเปื้อน และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) วางมาตรการการป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพน้ำ หาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

ต่อมา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 พญ.อัมพร เพญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยว่า กรมอนามัยได้เฝ้าระวังประเด็นปนเปื้อนสารหนู โดยตรวจปัสสาวะกลุ่มตัวอย่างเพื่อระวังผลกระทบ และสุ่มตรวจน้ำในครัวเรือน ซึ่งผลการตรวจสอบน้ำประปาไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน

ข้อเสนอแนะและความเห็นจากภาคประชาชน

นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ส.ส.เชียงราย จากพรรคประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นว่า รัฐบาลควรเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการทำเหมืองทองของคนจีนที่ต้นน้ำ เนื่องจากไม่ทราบว่ามีกระบวนการบำบัดน้ำเสียหรือไม่ และในปีนี้นักท่องเที่ยวลดลงมาก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในพื้นที่

ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งสถาบันตรวจสอบคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำโขงเหนือ ประจำจังหวัดเชียงราย และจัดตั้งคณะทำงานระดับประเทศและระดับจังหวัดที่มีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาระยะยาว พร้อมทั้งสร้างความโปร่งใสในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชน

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จากผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 พบสารหนูในแม่น้ำกกมีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า การสัมผัสสารหนูในระยะยาวสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดค่ามาตรฐานของสารหนูในน้ำดื่มไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ

สรุปและข้อเสนอแนะ

สถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำกก โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงที่แม่น้ำกกไหลผ่าน ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาสังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับภูมิภาค

แนวทางการดำเนินการระยะสั้นและระยะยาว

ในระยะสั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการดำเนินมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน อาทิ การเร่งจัดหาน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคบริโภคให้กับชุมชนริมแม่น้ำกก การส่งเสริมความรู้เรื่องการกรองน้ำเบื้องต้นในครัวเรือน การจัดตั้งศูนย์แจ้งเตือนคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์ รวมถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง

ในระยะยาว รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และประเทศจีน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมเหมืองแร่และการใช้ที่ดินในต้นน้ำ โดยจะต้องผลักดันการทำข้อตกลงความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะรัฐต่อรัฐ (G to G) รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนอย่างแท้จริง

การออกแบบนโยบายควรตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยจัดให้มีหน่วยงานอิสระด้านการติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่ขึ้นตรงต่อกระทรวงใด ๆ และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส ตลอดจนส่งเสริมบทบาทของภาควิชาการในการวิเคราะห์ผลกระทบและเสนอแนวทางแก้ไขอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

บทสรุป

เหตุการณ์ปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกที่เกิดขึ้นในปี 2568 ไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นภาพสะท้อนของวิกฤต “มลพิษข้ามพรมแดน” ที่เกิดจากการขาดการจัดการร่วมกันของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การฟื้นฟูแม่น้ำกกและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตริมน้ำได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง จำเป็นต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่บูรณาการทุกมิติ โดยเฉพาะความร่วมมือข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของชีวิตในภาคเหนือให้ยั่งยืนสืบไป

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ค่าเฉลี่ยสารหนูในน้ำแม่น้ำกก ณ จุดตรวจแก่งตุ้ม: 0.026 มิลลิกรัม/ลิตร (ค่ามาตรฐาน: ไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร) – ที่มา สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1, เมษายน 2568
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวหดตัว ช่วงสงกรานต์ ปี 2568: นักท่องเที่ยวลดลงมากกว่า 70% – ที่มา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
  • จำนวนจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำ-ดินในลุ่มแม่น้ำกก: 9 จุด – ที่มา รายงาน สคพ.1 วันที่ 22 เม.ย. 2568
  • ปริมาณน้ำในแม่น้ำกกลดต่ำกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ยในฤดูแล้งปีนี้กว่า 30% – ที่มา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรณีปนเปื้อนโลหะหนักและสารหนูในลุ่มน้ำทั่วโลก: มีรายงานว่ากว่า 140 ล้านคนทั่วโลกได้รับผลกระทบจากน้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก – ที่มา World Health Organization (WHO), 2024

หากรัฐบาลไทยสามารถเร่งดำเนินการตามแนวทางที่กล่าวมาได้อย่างจริงจัง แม่น้ำกกอาจกลับมาเป็นเส้นชีวิตของชุมชนริมฝั่งได้อีกครั้ง และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายร่วมกันข้ามพรมแดน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1
  • สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • World Health Organization (WHO), 2024
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผลตรวจยืนยันน้ำประปาเชียงราย 4 จุด “ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน”

เชียงรายยืนยันคุณภาพน้ำประปา หลังแม่น้ำกกพบโลหะหนักเกินมาตรฐาน

ต้นเหตุปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – จากรายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำผิวดินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติ ผลการตรวจสอบล่าสุดแสดงให้เห็นว่าปริมาณโลหะหนักและสารอินทรีย์ในน้ำบริเวณหลายจุดสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณบ้านโป่งนาคำ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย มีค่าสารหนูอยู่ที่ 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภค

กปภ.เชียงราย ย้ำมาตรฐานน้ำประปาปลอดภัย

นายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาเชียงราย พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาแถลงยืนยันคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำประปาที่ผลิตจากแม่น้ำกก โดยระบุว่าทาง กปภ.สาขาเชียงราย มีมาตรการควบคุมคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ตั้งแต่ขั้นตอนการสูบน้ำดิบจากแม่น้ำ การพักน้ำในบ่อพัก และผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อตามมาตรฐานของ กปภ. ก่อนที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค

เพื่อสร้างความมั่นใจเพิ่มเติม นายทวีศักดิ์ยังได้สาธิตการล้างหน้าด้วยน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพน้ำประปา

ผลตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกยืนยันผ่านเกณฑ์

จากความกังวลของประชาชนต่อคุณภาพน้ำ ทาง กปภ.สาขาเชียงราย ได้ดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำจำนวน 4 จุด ได้แก่ บริเวณถังน้ำใส และบ้านลูกค้าอีก 3 จุด ในวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อส่งตรวจสอบโดย บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ล่าสุดผลการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าตัวอย่างน้ำทั้ง 4 จุดผ่านเกณฑ์มาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคทุกประการ

การวิเคราะห์สถานการณ์และแนวทางการแก้ไข

แม้ว่าผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานแล้ว แต่นักสิ่งแวดล้อมมองว่า ปัญหาคุณภาพน้ำดิบจากแม่น้ำกกยังคงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่แหล่งน้ำโดยไม่ผ่านการบำบัด ซึ่งส่งผลให้ปริมาณสารอินทรีย์และโลหะหนักสะสมจนเกินมาตรฐาน

ด้านนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบคุณภาพ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจการใช้น้ำตลอดลำน้ำกกอย่างละเอียด เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และแจ้งให้ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง เพื่อลดความกังวลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในพื้นที่

นายชรินทร์ ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้งดลงเล่นน้ำ หรือใช้น้ำจากลำน้ำกกโดยตรงในช่วงนี้ โดยแนะนำให้ใช้น้ำที่ผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อแล้วจากการประปาส่วนภูมิภาคเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำแม่น้ำกก

จากข้อมูลรายงานคุณภาพน้ำผิวดินจากกรมควบคุมมลพิษ (ข้อมูลปี 2568) พบว่าคุณภาพน้ำแม่น้ำกกอยู่ในระดับ “พอใช้ถึงเสื่อมโทรม” โดยพบปริมาณแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) เกินค่ามาตรฐานในหลายจุด มีค่าตั้งแต่ 5,000-10,000 MPN/100 mL สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 4,000 MPN/100 mL และสารหนูมีค่าเกินมาตรฐานเล็กน้อยที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 0.011-0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร (ข้อมูลจากรายงานกรมควบคุมมลพิษ, 2568)

หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานวิจัยต่างเห็นพ้องกันว่าควรมีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนทื่อง รวมถึงเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างจริงจัง โดยเฉพาะจากกิจกรรมชุมชนและภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดมลพิษและฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ, รายงานคุณภาพน้ำผิวดิน ปี 2568
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News