Categories
SOCIETY & POLITICS

ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืนในโรงเรียนภาคเหนือ

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้พระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการต่อยอดและขยายผลต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารให้กับโรงเรียนในพื้นที่สูงและชุมชนใกล้เคียง รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตนักเรียนให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพแข็งแรง

จุดเริ่มต้นของโครงการ

ด้วยสภาพพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่สูง ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งอาหารที่เพียงพอสำหรับนักเรียน กองทัพภาคที่ 3 จึงได้รับพระราชดำริให้ดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ การเลี้ยงสัตว์ และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ในปีงบประมาณ 2567 โครงการครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 117 แห่ง และเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่งในปีงบประมาณ 2568 รวมเป็น 121 โรงเรียน ได้แก่

  1. โรงเรียนบ้านแม่แสะ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  2. โรงเรียนแม่จะเราวิทยาคม ตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
  3. โรงเรียนโมโกรวิทยาคม ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
  4. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 ตำบลแม่นาเติง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กระบวนการดำเนินโครงการ

โครงการแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

  1. การวางแผนและสำรวจข้อมูล

    • สำรวจข้อมูลและวางแผนการดำเนินงานร่วมกับโรงเรียน
    • จัดทำแผนงานและงบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน
  2. การดำเนินการตามแผนงาน

    • ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์โดยใช้พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และพันธุ์ปลาจากโครงการทหารพันธุ์ดี และศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
    • บันทึกสถิติและผลการดำเนินงาน
  3. การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

    • ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
    • แก้ไขปัญหาและพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จและผลกระทบเชิงบวก

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร โรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ โดยมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในหลายด้าน:

  • นักเรียนได้รับสารอาหารครบถ้วน ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจ
  • ชุมชนรอบโรงเรียนได้แหล่งเรียนรู้ด้านการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ปลอดภัย
  • เพิ่มความมั่นคงทางอาหารในระดับท้องถิ่น
  • สร้างความยั่งยืนในสังคมตามพระราชดำริ

เป้าหมายในอนาคต

โครงการมุ่งเน้นการขยายผลและสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายให้ชุมชนและโรงเรียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณและความใส่พระทัยในคุณภาพชีวิตของเด็กและชุมชนไทยบนพื้นที่สูง เพื่ออนาคตที่ดีและยั่งยืนของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS UPDATE

ไฟป่า 2 จังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ สร้างเสียหายแล้วกว่า 450,000 ไร่

 
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 รายงานข่าวจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ระบุว่า จากสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีก 2 พื้นที่ ไฟป่า แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เสียหายแล้วกว่า 450,000 ไร่
 
 
จากสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีก 2 พื้นที่ที่พบว่ามีจุดความร้อนติดอันดับต้นๆ ของประเทศในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ล่าสุดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-8 ของวันที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 10.48 น. แสดงพื้นที่เผาไหม้ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ของอำเภอ แม่ลาน้อย แม่สะเรียง สบเมย ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบพื้นที่ความเสียหายทั้งสิ้น 251,037 ไร่ และ ในพื้นที่ของอำเภอ แม่แจ่ม จอมทอง ฮอด อมก๋อย ดอยเต่า ของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความเสียหายทั้งสิ้น 203,573 ไร่ โดยรวมพื้นที่ความเสียหายทั้งหมด 454,610 ไร่ สำหรับสาเหตุการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ รวมถึงการเผาพื้นที่เกษตรก่อนเตรียมการเพาะปลูก และการเผาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น
 
 
ข้อมูลดังกล่าวจะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าตรวจสอบในพื้นที่จริงร่วมกับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การวางแผนฟื้นฟู ป้องกัน และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน
 
 
ดาวเทียม Landsat 8 เป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือ ระหว่างองค์การ NASA และ USGS (U.S. Geological Survey) มีการโคจรซ้ำตำแหน่งเดิมทุก ๆ 16 วัน ความกว้างของแนวถ่ายภาพ 185 กิโลเมตร ประกอบด้วยระบบบันทึกภาพ 2 ชนิด คือ Operation land Image (OIL) และ The Thermal Infrared Sensor (TIRS) จำนวน 11 ช่วงคลื่น ให้รายละเอียดจุดภาพช่วงคลื่น visible, NIR, SWIR  30 เมตร ช่วงคลื่น thermal 100 เมตร และ panchromatic 15 เมตร

ประโยชน์ของภาพที่จะนำไปใช้ : 

  • การจัดทำแผนที่ scale ใหญ่
  • การจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่
  • การวิเคราะห์ดินและพืชพรรณ – Soil/vegetative analysis
  • การศึกษาด้านธรณีวิทยา อาทิ น้ำมัน ก๊าซ เหมืองแร่ เป็นต้น
  • การติดตามพื้นที่ด้านสิ่งแวดล้อม
  • การวัดปริมาณน้ำ การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝั่ง
  • การวิเคราะห์มลภาวะ และหมอกควัน 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News