Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

ผู้ว่าฯ เชียงรายจับมือลาว สู้ศึกหมอกควันข้ามแดน

เชียงรายผนึกกำลังเพื่อนบ้าน! ดับไฟป่า ลดหมอกควันข้ามพรมแดน

เชียงราย, 18 กุมภาพันธ์ 2568 – เชียงราย-บ่อแก้ว-ไซยะบูลี ผนึกกำลังเดินหน้าลดการเผา ป้องกันหมอกควันข้ามแดน

เปิดกิจกรรม Kick Off ความร่วมมือไทย-ลาว แนวกันไฟชายแดน

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายคำผะหยา พมปันยา รองเจ้าแขวงบ่อแก้ว เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off การขับเคลื่อนความร่วมมือในการจัดทำแนวกันไฟ ลดการเผา เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ระหว่าง จังหวัดเชียงราย แขวงบ่อแก้ว และแขวงไชยะบูลีแก่งผาได หมู่ 4 บ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

ในพิธีเปิดมี นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และประชาชนจากทั้ง สปป.ลาว และจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งนอกจากการจัดทำแนวกันไฟบริเวณแนวชายแดนไทย-ลาวแล้ว ยังมีการรณรงค์ ลดการเผาในแปลงเกษตรและพื้นที่ป่า ในหมู่บ้านแนวเขตชายแดนของอำเภอเวียงแก่น

เวทีหารือไทย-ลาว-เมียนมา เดินหน้าลดหมอกควันข้ามแดน

ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม Kick Off คณะผู้บริหารจากไทยและลาวได้เข้าร่วมการประชุมหารือเรื่อง การขับเคลื่อนความร่วมมือในการจัดทำแนวกันไฟ ลดการเผา เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและ PM2.5โรงเรียนเวียงแก่นวิทยาคม อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดยมีเจ้าหน้าที่จากภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วม

เชียงราย-บ่อแก้ว จับมือป้องกันไฟป่าลุกลามข้ามพรมแดน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็น หนึ่งในพื้นที่วิกฤติหมอกควันและไฟป่าของภาคเหนือ เนื่องจากมีการเผาป่าและการเตรียมพื้นที่การเกษตรในช่วงหน้าแล้ง ประกอบกับ พรมแดนติดกับ สปป.ลาว และเมียนมา ทำให้มลพิษจากหมอกควันข้ามแดนรุนแรงขึ้นและควบคุมได้ยาก

ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายและแขวงบ่อแก้วมีความร่วมมือที่ดีในการรับมือกับไฟป่าและหมอกควัน และกิจกรรม Kick Off ครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการ ยกระดับความร่วมมืออย่างจริงจัง ระหว่างสองฝ่ายในฐานะเมืองคู่ขนาน โดยเน้นการ ปฏิบัติจริงในพื้นที่ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาหมอกควันข้ามแดนในระยะยาว

แขวงไซยะบูลีร่วมผลักดันแนวทางป้องกันมลพิษอากาศ

นายคำผะหยา พมปันยา รองเจ้าแขวงบ่อแก้ว กล่าวว่า แขวงบ่อแก้วและจังหวัดเชียงราย มีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการรับมือกับ ไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยการทำงานร่วมกันในลักษณะ พหุภาคีไทย-ลาว-เมียนมา จะช่วยให้สามารถ ลดการเผา และควบคุมไฟป่าข้ามแดน ได้ดียิ่งขึ้น

ด้าน นายสมจิด จันทะวง รองเจ้าแขวงไซยะบูลี กล่าวถึง ความสำคัญของการสร้างความตระหนักแก่ประชาชน ให้ร่วมมือกันลดการเผาเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น พร้อมย้ำว่า แขวงไซยะบูลีซึ่งมีชายแดนติดกับไทยหลายจังหวัด ต้องการความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับฝ่ายไทยในการรณรงค์ลดมลพิษหมอกควัน

เวียงแก่นต้นแบบความร่วมมือชายแดน ลดการเผาเพื่อสิ่งแวดล้อม

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า อำเภอเวียงแก่นในฐานะเมืองคู่ขนานของไทยและลาว ได้ดำเนินการตามนโยบายของ คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-ลาว มาโดยตลอด

กิจกรรมสำคัญที่ผ่านมา ได้แก่:

  • การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างแนวกำแพงป้องกันหมอกควัน
  • การสร้างแนวกันไฟตามแนวเขตชายแดน ลดการลุกลามของไฟป่า
  • การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระหว่างไทยและลาว

สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยชี้ไทย-ลาวเดินหน้าลดหมอกควันข้ามแดนเป็นรูปธรรม

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า สถาบันฯ ได้เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุน การลดมลพิษหมอกควันข้ามแดนร่วมกับจังหวัดเชียงราย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยการขับเคลื่อนกลไกความร่วมมือทั้งในระดับ นโยบายและระดับพื้นที่

โมเดลแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็น ต้นแบบของแนวทางการลดเผาในภาคเกษตร ซึ่ง สปป.ลาว ได้นำไปปรับใช้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว การดำเนินงานนี้จะช่วยสร้างแนวปฏิบัติที่ดีและช่วยให้การลดมลพิษทางอากาศเกิดผลเป็นรูปธรรม

สรุป

การประชุมและกิจกรรม Kick Off ระหว่าง ไทย-ลาว-เมียนมา ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการ ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน เพื่อ ป้องกันและลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะการ ลดการเผาในภาคเกษตรและป่าไม้

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและผู้นำจากแขวงบ่อแก้ว และไซยะบูลี ต่างให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าความร่วมมือต่อไป เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์และสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ม.แม่ฟ้าหลวงจัดประชุม ไทย-ยูนนาน ครั้งที่ 4 กระชับความร่วมมือด้านการศึกษา

ครบรอบ 50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน ม.แม่ฟ้าหลวงจัดประชุมความร่วมมือด้านการศึกษาสานต่อความร่วมมือ

เชียงราย, 18 กุมภาพันธ์ 2568 – เชียงรายเป็นเจ้าภาพประชุมความร่วมมือด้านการศึกษาไทย-ยูนนาน ครั้งที่ 4 กระชับความสัมพันธ์ 50 ปีไทย-จีน

ไทย-ยูนนาน เดินหน้าพัฒนาการศึกษาร่วมกัน

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) ที่ ห้องประชุมคำมอกหลวง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัด การประชุมความร่วมมือด้านการศึกษาไทย-ยูนนาน ครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “The Way Forward: Shaping the Future Thai-Yunnan Education” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยและมณฑลยูนนาน ผู้แทนจากกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กรมการศึกษามณฑลยูนนาน และสื่อมวลชน

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เชื่อมโยงไทย-ยูนนาน

ผศ.ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเชียงรายเป็น ประตูสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนมายาวนาน แม้ว่าปีนี้จะเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเชียงรายและยูนนานนั้นมีความลึกซึ้งในระดับพี่น้อง

ในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการจัดตั้ง สถาบันขงจื่อ และศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร รวมถึงความร่วมมือด้าน การวิจัยเกี่ยวกับเห็ดรา สมุนไพร และชา-กาแฟ ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของยูนนาน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

เชียงราย-ยูนนาน เมืองพี่เมืองน้อง มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา

นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายและมณฑลยูนนานมี ความสัมพันธ์ฉันท์เมืองพี่เมืองน้อง มีความร่วมมือในด้าน เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม โดยเฉพาะ การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ นักวิชาการจากทั้งสองประเทศ จะได้ร่วมกัน สร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยและจีนให้มีศักยภาพสู่ระดับสากล

จีนย้ำ! การศึกษาเป็นรากฐานสู่ความร่วมมือที่ยั่งยืน

Mr. Tang Jiahua เลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคุนหมิง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องในโอกาส ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อ สร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการวิจัย

รวมถึงการจัดตั้ง ห้องปฏิบัติการร่วมระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรม สำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

5 ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้

การประชุมได้แบ่งการหารือออกเป็น 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่:

  1. นโยบายและทิศทางความร่วมมือด้านการศึกษา
  2. การพัฒนาที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
  3. การแพทย์และสาธารณสุข
  4. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  5. ภาษาและวัฒนธรรม

นอกจากนี้ ยังมีการ ปาฐกถาพิเศษ โดย ศาสตราจารย์ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ นายหยิน เสียงหยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน มหาวิทยาลัยการแพทย์คุนหมิง

กิจกรรมเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิชาการ

ผู้เข้าร่วมประชุมยังได้ เยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมสมุนไพร ศูนย์เครื่องสำอาง SMEs โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาและความร่วมมือในอนาคต

รวมถึงมี เสวนาพิเศษ ในหัวข้อ “The Value of Thai-Chinese Education Cooperation in Advancing Human Capacity Development and Shared Growth” โดยมี ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และสมาคมนักศึกษาจีนในประเทศไทย ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเติบโตอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง: ศูนย์กลางความร่วมมือไทย-จีน

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงทำหน้าที่เป็น สะพานเชื่อมความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างไทยและจีน ผ่าน โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการวิจัยร่วมกัน โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทยและจีน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาส ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นการ วางรากฐานความร่วมมือด้านการศึกษาและพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

แฉแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมียนมาซัด แกนนำกบดานไทย จีนเดินเกมหนัก

กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์! จีน-เมียนมาประสานงาน ไทยมีเอี่ยว?

เนปีดอว์ เมียนมา, 16 กุมภาพันธ์ 2568  – กระทรวงมหาดไทยของเมียนมา นำโดย พลโท ทุน ทุน หน่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้หารือร่วมกับ H.E. Ms. Ma Jia เอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา และ นายหลิว จงอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ กรุงเนปีดอว์ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือพลเมืองจีนที่ประสบปัญหาในเมียนมา

จีน-เมียนมา ผนึกกำลังกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์และการพนันออนไลน์ ซึ่งเกิดขึ้นในเขตเมือง เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของขบวนการคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางป้องกันและปราบปราม รวมถึงการช่วยเหลือชาวจีนที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว นอกจากนี้ ในเขตเมือง ไหย รัฐฉานตอนเหนือ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์และการพนันออนไลน์ ซึ่งบางส่วนเป็นบุคคลที่ทางการจีนต้องการตัว

แกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังลอยนวลในไทย

แหล่งข่าวจากเมียนมาเปิดเผยว่า แม้การกวาดล้างจะเดินหน้าเต็มที่ แต่แกนนำระดับสูงของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ยังคงหลบซ่อนอยู่ในประเทศไทย โดย นายหม่องชิต ตู่ หัวหน้า BGF กะเหรี่ยงของเมียนมา เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง จีน-เมียนมา-ไทย เพื่อขจัดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติให้สิ้นซาก

จีนเสนอประชุม 3 ชาติ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จีนเสนอให้มีการประชุมระดับสูง ระหว่าง จีน เมียนมา และไทย โดยเน้นความร่วมมือด้านข่าวกรอง การจับกุมผู้ต้องหา และการส่งตัวข้ามแดน การประชุมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเมียนมาเข้าร่วม ได้แก่ พลโท ทุน ทุน หน่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, อู ข่าย ทุน อู ปลัดกระทรวงมหาดไทย, พลตำรวจตรี วิน ซอ โม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ

ทางการไทยจะตอบสนองอย่างไร?

ขณะที่จีนและเมียนมาเดินหน้าเต็มที่ในการกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์ คำถามสำคัญคือ รัฐบาลไทยจะมีท่าทีอย่างไร ต่อการดำเนินการกับผู้ต้องหาที่เมียนมาอ้างว่ายังซ่อนตัวอยู่ในไทย ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สื่อเมียนมาเปิดเผยหลักฐานว่านายทุนจีนบางรายที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับการคุ้มกันโดยกองกำลังพิเศษ เพื่อเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนระหว่างไทยและเมียนมา

ส่งตัวชาวจีนกลับประเทศ – กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ

นายหลิว จงอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ได้หารือเกี่ยวกับ ขั้นตอนการส่งตัวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันทางการเมียนมาได้รวบรวมรายชื่อชาวจีนที่พำนักในเมือง ชเวก๊กโก่ และเตรียมส่งตัวผ่านประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยทั้ง เหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดจากปฏิบัติการของกองกำลังทหาร BGF เมียนมา ในการตรวจค้นอาคารต่าง ๆ ในเมืองชเวก๊กโก่ สามารถรวบรวมชาวจีนได้ ประมาณ 1,000 คน โดยกว่าครึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยที่ทางการจีนต้องการตัว

จีนเตรียมลำเลียงชาวจีนกลับประเทศทางแม่สอด

นายหลิว จงอี้ ได้ตรวจสอบกระบวนการส่งตัวอย่างใกล้ชิด และยืนยันว่า ทางการจีนจะใช้วิธีการเดิมที่เคยใช้เมื่อปี 2567 โดยจะส่งเครื่องบินมารับผู้ต้องสงสัยที่ท่าอากาศยานแม่สอด และทยอยลำเลียงกลับประเทศจีน คาดว่า สามารถส่งตัวได้สูงสุด 500 คนต่อวัน

บทสรุป

การหารือระหว่างเมียนมาและจีนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ กวาดล้างขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ใช้เมียนมาเป็นฐานปฏิบัติการ ขณะที่ทางการเมียนมายืนยันว่ามี แกนนำบางส่วนยังซ่อนตัวในประเทศไทย ทำให้เกิดคำถามถึงท่าทีของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ การประชุมระดับสูงของ จีน-เมียนมา-ไทย ที่กำลังจะมีขึ้น อาจเป็นก้าวสำคัญในการเร่งรัดการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดน เพื่อยุติอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างความเสียหายต่อทั้งภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News