Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

งบช่วยเหลือกว่า 600 ล้านบาท! เชียงรายสรุปผลฟื้นฟูหลังน้ำท่วมระยะที่ 2

เชียงรายติดตามฟื้นฟูหลังอุทกภัยระยะที่ 2 สรุปงบช่วยเหลือกว่า “600 ล้านบาท” เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางจากเยียวยาเร่งด่วนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

เชียงราย, 17 กันยายน 2568 — ห้องประชุม “จอมกิตติ” ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงรายตัวแทนจากหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกสายตาจับจ้องไปยังวาระเดียวกัน—การติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยระยะที่ 2 ควบคู่กับ แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ที่มุ่งยกระดับโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมให้กลุ่มเปราะบาง หลังจังหวัดเผชิญวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2567

การประชุมที่มี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน มิใช่เพียงพิธีการสรุปตัวเลข หากแต่เป็น “จุดเปลี่ยน” จากงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน สู่การวางรากฐานพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนพื้นที่เสี่ยงทั้งลุ่มน้ำกก—อิง—โขง โดยมีหน่วยงานเจ้าภาพด้านสังคม เศรษฐกิจ สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย และโครงสร้างพื้นฐาน เข้าร่วมรายงานความคืบหน้าอย่างพร้อมเพรียง

“ผมย้ำกับทุกหน่วยงานว่า ความช่วยเหลือต้อง เร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และเดินหน้าไปด้วยกันถึงเส้นชัยของการพัฒนา ไม่ใช่หยุดที่ปลอบประโลมระยะสั้น” ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวในที่ประชุม สะท้อนทิศทางการทำงานแบบ “เยียวยาเชื่อมพัฒนา” ที่จังหวัดต้องการเห็นผลเป็นรูปธรรม

บาดแผลจากน้ำ และพลังความร่วมมือที่ล้นหลาม

กันยายน–ตุลาคม 2567 น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม และวาตภัย สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในเชียงราย ครัวเรือนกว่า 35,124 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บ้านพังเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง เหตุการณ์ครั้งนั้นผลักให้ทุกภาคส่วนขยับอย่างพร้อมเพรียง—ตั้งแต่ มติคณะรัฐมนตรี, กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี, เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด, ไปจนถึง งบ อปท. และ กองทุนรับบริจาคจังหวัดเชียงราย เพื่อระดมทรัพยากรให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด

หนึ่งปีผ่านไป จังหวัดสรุปผลการดำเนินงาน “ระยะที่ 2” ได้อย่างชัดเจน ดังนี้

1) เงินช่วยเหลือตามมติ ครม. (17 ก.ย. และ 8 ต.ค. 2567)

  • ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครบ 35,124 ครัวเรือน
  • วงเงินรวม 316,116,000 บาท
  • จ่ายครบทุกครัวเรือนแล้ว

2) กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2567 (เงินบริจาค)

  • ยอดบริจาครวม 9,839,079.03 บาท
  • จ่ายค่าวัสดุก่อสร้างบ้าน 174 หลัง รวม 8,370,000 บาท
  • สมทบค่าดำรงชีพเพิ่มเติม ผู้ประสบภัยบ้านพังทั้งหลัง 160 ราย รวม 1,398,000 บาท
  • เบิกรวม 9,768,000 บาท

3) เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 (ในอำนาจผู้ว่าฯ)

  • วงเงินขยาย 100 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 98,056,678.50 บาท
  • วงเงินขยายเพิ่มเติม 300 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 295,240,930 บาท

4) ค่าล้างทำความสะอาดดินโคลน (หลังน้ำลด)

  • ขอรับความช่วยเหลือ 17,384 ครัวเรือน และ ให้ความช่วยเหลือครบ 17,384 ครัวเรือน
  • วงเงินรวม 173,840,000 บาทเสร็จสิ้นแล้ว

5) กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี

  • ผู้เสียชีวิต 12 ราย ได้รับเงินช่วยเหลือรวม 1,080,000 บาท
  • บ้านเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง ได้รับรวม 12,490,006 บาท
  • อนุมัติและจ่ายแล้วรวม 13,570,006 บาท

6) งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย

  • รวมการช่วยเหลือ 120,084,535 บาท
    • อบจ.เชียงราย จ่าย 48,937,375 บาท
    • เทศบาลนครเชียงราย จ่าย 26,707,500 บาท
    • อปท.อื่น ๆ จ่าย 44,439,660 บาท
  • ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อนำรายการสำคัญมาร้อยเรียง เรามองเห็น “โครงข่ายนิตย–การเงิน” ที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบตั้งแต่ระดับคณะรัฐมนตรีจนถึงอบต.ปลายน้ำ เงินบางส่วนมุ่งเยียวยาเร่งด่วน (เช่น ค่าดำรงชีพและค่าล้างโคลน) เงินบางส่วนวางรากฐานระยะยาว (เช่น วัสดุก่อสร้างบ้านและโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น) ภาพรวมนี้สะท้อนความสามารถในการ “ซ่อมเมือง—ซ่อมคน” ของจังหวัดภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่

งบฯ ถึงมือครบแต่โจทย์ใหม่คือ “ความยั่งยืน”

ในเชิงปริมาณ ตัวเลขข้างต้นตอบคำถามสำคัญสามประการ

  1. ถึงมือใคร—เมื่อไหร่: จังหวัดยืนยันว่า ช่วยเหลือครบทุกครัวเรือน 35,124 ครัวเรือน ทั้งตามมติ ครม. และมาตรการเสริมจากแหล่งอื่น ๆ
  2. ช่วยเรื่องอะไร—มิติไหน: เงินถูกจัดสรรเพื่อ ยังชีพ—ที่อยู่อาศัย—ทำความสะอาด—ชดเชยความสูญเสีย ครบทั้ง 4 ช่วงวงจรภัยพิบัติ (ก่อน—ระหว่าง—หลัง—ฟื้นฟู)
  3. โปร่งใสแค่ไหน: ตัวเลขแยกรายโครงการ/แหล่งที่มา พร้อมสถานะ “เสร็จแล้ว” หลายส่วน ชี้ถึงการบริหารงานที่มี เอกสารอ้างอิงและหลักฐานการจ่าย ตรวจสอบย้อนกลับได้

แต่ในเชิงคุณภาพ โจทย์ระยะถัดไป คือการทำให้ครัวเรือนที่พึ่งพาน้ำ—ดิน—พื้นที่ทำกิน กลับมายืนได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กและสตรี ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรรายย่อย และแรงงานนอกระบบ ซึ่งสูญเสียทรัพย์สินและเครื่องมือประกอบอาชีพจากน้ำหลากครั้งก่อน

ผู้ว่าราชการจังหวัดทิ้งท้ายในที่ประชุมว่า “ฟื้นบ้าน–ฟื้นถนนแล้ว ต้องฟื้น รายได้ และ โอกาส ให้เขา เราจะวัดผลการทำงานจากคุณภาพชีวิต ไม่ใช่จากยอดเบิกจ่ายเท่านั้น”

จากเยียวยาเร่งด่วน สู่แผน “พัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ” ของกลุ่มเปราะบาง

วาระสำคัญในห้องประชุมคือ รายงานผลการปฏิบัติตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ซึ่งจังหวัดทำคู่ขนานกับภารกิจซ่อมแซมระยะสั้น เป้าหมายคือ “สร้างเสริมความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ” ผ่าน 4 แนวทางหลักที่หน่วยงานรับผิดชอบได้เสนอความคืบหน้า ดังนี้

  1. ฟื้นอาชีพ—เข้าถึงทุน
  • จัดแพ็กเกจเครื่องมือทำกินให้ครัวเรือนเปราะบางในพื้นที่ลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบ
  • เชื่อมกองทุนหมู่บ้าน/ธนาคารเพื่อการเกษตร/สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องอย่างถูกกฎหมาย
  • ฝึกอบรมทักษะอาชีพทางเลือกในช่วงฤดูฝน/น้ำหลาก เช่น แปรรูปอาหารท้องถิ่น การตลาดออนไลน์ของชุมชน
  1. ที่อยู่อาศัย—มาตรฐานปลอดภัย
  • บูรณาการวัสดุก่อสร้างจากกองทุน/เงินบริจาคกับแบบบ้านปลอดภัยราคาประหยัด
  • ยกระดับระบบเตือนภัยและจุดอพยพชั่วคราวในชุมชนเสี่ยง เพื่อปกป้องผู้สูงอายุและผู้พิการ
  1. สุขภาพ—สังคม—การคุ้มครอง
  • ทีมสหวิชาชีพลงพื้นที่ติดตามโรคเรื้อรัง สุขภาพจิตหลังภัยพิบัติ และสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ
  • ตั้ง “อาสาสมัครดูแลกลุ่มเปราะบาง” เครือข่ายหมู่บ้าน/วัด/โรงเรียน เพื่อประสานความช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดเหตุ
  1. โครงสร้างพื้นฐาน—ข้อมูลเสี่ยงภัย
  • เร่งซ่อมเส้นทางหลัก–รอง พร้อมจุดคอขวดที่ซ้ำซาก
  • พัฒนาแผนที่เสี่ยงดินถล่ม–น้ำท่วมระดับตำบล เชื่อมฐานข้อมูลหน่วยงานและแอปพลิเคชันแจ้งเตือนชุมชน

แม้รายละเอียดเชิงนโยบายของแต่ละโครงการยังอยู่ระหว่างเร่งรัดงบประมาณและกำหนดตัวชี้วัด แต่ทิศทางโดยรวมทำให้เห็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างงบเยียวยาในปีแรก กับงบพัฒนาคุณภาพชีวิตที่จะเริ่มเห็นผลใน 12–24 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเป้าหมาย “รายได้คืนถิ่น—หนี้ลด—ความสามารถรับมือภัยพิบัติสูงขึ้น”

บทเรียนจากงบ 600 ล้านบาท สิ่งที่ทำได้ และสิ่งที่ต้องทำต่อ

หนึ่งปีหลังวิกฤต เชียงรายได้พิสูจน์แล้วว่ากลไกงบประมาณหลายชั้นสามารถขับเคลื่อนพร้อมกันได้ หากมีระบบติดตามและผู้รับผิดชอบชัดเจน สิ่งที่เห็นชัดจากการสรุปผลครั้งนี้ ได้แก่

  • ความครอบคลุม: เงินช่วยเหลือแตะทุกมิติ ตั้งแต่ค่าครองชีพ—ที่อยู่อาศัย—ทำความสะอาด—ชดเชยความสูญเสีย
  • ความรวดเร็ว: หลายโครงการ “เสร็จสิ้น” พร้อมหลักฐานการจ่ายและรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ
  • ความโปร่งใส: ตัวเลขละเอียด แยกแหล่งที่มา—ประเภทช่วยเหลือ—จำนวนครัวเรือน

อย่างไรก็ดี บททดสอบรอบถัดไป อยู่ที่

  1. การติดตามผลระดับครัวเรือน—ครัวเรือนเปราะบางมีรายได้กลับมาที่ระดับก่อนเกิดภัยหรือไม่? เครื่องมือทำกินที่ได้รับยังใช้งานได้ดีและเหมาะกับบริบทหรือไม่?
  2. การจัดการความเสี่ยงซ้ำซาก—จุดที่น้ำหลาก/ดินถล่มซ้ำ ๆ ได้รับการแก้ไขเชิงโครงสร้างแล้วหรือยัง (เช่น การระบายน้ำ จุดอุดตัน แนวป้องกันดินไหล)
  3. การบูรณาการข้อมูล—แผนที่เสี่ยงภัยระดับหมู่บ้าน–ตำบล และข้อมูลสิทธิประโยชน์ของประชาชน ต้องเข้าถึงง่าย ใช้งานได้จริง และปรับปรุงสม่ำเสมอ
  4. ความพร้อมของท้องถิ่น—อปท.จำเป็นต้องมี “งบเผื่อฉุกเฉิน” และแบบแผนปฏิบัติการที่ซ้อมจริง เพื่อให้ระยะเวลาจาก “เกิดเหตุ” ถึง “รับเงิน/รับของช่วยเหลือ” สั้นที่สุด

เสียงจากห้องประชุม นโยบายที่ต้องไปต่อ

ในช่วงท้ายของการประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการ 3 ประเด็นสำคัญ

  • เร่งปิดบัญชีคงค้าง ของโครงการที่ยังอยู่ระหว่างเบิกจ่าย พร้อมเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อรักษาความเชื่อมั่น
  • ขับเคลื่อนแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ให้เห็นผลเร็ว โดยกำหนดตัวชี้วัดที่วัดได้จริง เช่น รายได้เฉลี่ยครัวเรือนเปราะบาง จำนวนผู้ได้งานทำหลังฝึกอาชีพ อัตราการเข้าถึงบริการสุขภาพ และเวลาตอบสนองเมื่อเกิดเหตุ
  • ซ้อมแผนภัยพิบัติประจำปี ร่วมกันทุกภาคส่วน—ตั้งแต่โรงเรียน วัด ชุมชน จนถึงผู้ประกอบการ—เพื่อย่นเวลาและลดความสูญเสียเมื่อเกิดเหตุ

“ประชาชนต้องเห็นว่า รัฐ ‘อยู่ตรงนั้น’ และ ‘อยู่ต่อไป’ จนชีวิตกลับมาดีกว่าเดิม นี่คือมาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริงของเรา” ผู้ว่าฯ กล่าวย้ำ

คลี่คลายปมจากน้ำท่วมสู่ความเท่าเทียมทางโอกาส

สาระสำคัญของวันนั้นไม่ได้จบลงที่ยอดงบประมาณ หากแต่เริ่มต้นด้วย แนวคิดใหม่ ว่า “ภัยพิบัติ” ไม่ใช่เพียงเหตุไม่คาดฝันที่ต้องเยียวยา แต่เป็น หน้าต่างโอกาส ให้ปรับระบบเศรษฐกิจ—สังคมให้รองรับคนตัวเล็กได้ดีขึ้น แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพที่เชียงรายกำลังผลักดัน จึงตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ชุมชนที่เข้มแข็ง คือวัคซีนต้านภัยรอบต่อไป

ในเชิงปฏิบัติ นั่นหมายถึงการทำงานที่ ข้ามกำแพงหน่วยงาน (สาธารณสุข—พม.—แรงงาน—เกษตร—การศึกษา—ปกครอง) ให้มุ่งไปที่ “ผลลัพธ์ครัวเรือน” มากกว่า “ผลผลิตโครงการ” และยึด “เสียงของพื้นที่” เป็นเข็มทิศ เพื่อให้การลงทุนสาธารณะทุกบาทตอบโจทย์ชีวิตจริง

เชียงรายได้ก้าวพ้น “จุดพีคของน้ำ” มาแล้ว แต่กำลังยืนอยู่หน้าประตูด่านใหม่—การทำให้ครัวเรือนเปราะบางยืนได้ด้วยตัวเอง ตัวเลขงบกว่า 600 ล้านบาท ที่ผ่านมือหน่วยงานต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าระบบราชการไทยสามารถขับเคลื่อนเพื่อประชาชนได้จริงเมื่อมีเป้าหมายร่วมและระบบติดตามที่เข้มแข็ง

สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือผลลัพธ์เชิงคุณภาพว่า รายได้กลับมาไหม? หนี้ครัวเรือนลดหรือไม่? สุขภาพกายใจดีขึ้นเพียงใด? และเมื่อฝนใหญ่ครั้งต่อไปมาเยือน ชุมชนเชียงรายจะ “พร้อมกว่าเดิม” แค่ไหน หากจังหวัดรักษาจังหวะการทำงานแบบที่เห็นในห้องประชุมวันนั้นไว้ได้—จากเยียวยา สู่การพัฒนา และสู่ ความเท่าเทียมทางโอกาส—เชียงรายก็อาจไม่เพียง “ผ่านพ้นน้ำ” แต่จะ “ผ่านพ้นความเปราะบาง” ไปด้วยพร้อมกัน

ข้อมูลตัวเลขสำคัญ

  • ผู้ได้รับผลกระทบ: 35,124 ครัวเรือน / ผู้เสียชีวิต 12 ราย / บ้านเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง
  • มติ ครม. ช่วยเหลือรวม: 316,116,000 บาท (ครบทุกครัวเรือน)
  • กองทุนจังหวัด (บริจาค): ยอด 9,839,079.03 บาท | จ่ายแล้ว 9,768,000 บาท
  • เงินทดรองราชการ (พ.ศ. 2562): 98,056,678.50 บาท และ 295,240,930 บาท (สองวงเงินขยาย)
  • ค่าล้างดินโคลน 17,384 ครัวเรือน: รวม 173,840,000 บาท (เสร็จสิ้น)
  • กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี: รวม 13,570,006 บาท
  • งบ อปท. รวม 120,084,535 บาท (อบจ. 48,937,375 | เทศบาลนครเชียงราย 26,707,500 | อปท.อื่น 44,439,660)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • จังหวัดเชียงราย – ศาลากลางจังหวัดเชียงราย: รายงานการประชุม “สรุปรายงานผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการ และระบบติดตามการฟื้นฟูเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ระยะที่ 2” ณ ห้องประชุมจอมกิตติ วันที่ 15 กันยายน 2568
  • มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 กันยายน 2567 และ 8 ตุลาคม 2567 เรื่องแนวทางและกรอบวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
  • กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี: หลักเกณฑ์และผลการจ่ายช่วยเหลือกรณีผู้เสียชีวิตและบ้านเสียหายทั้งหลัง จังหวัดเชียงราย ปีงบประมาณ 2567–2568
  • ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ รายงานผลการจ่าย ของ อบจ.เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และ อปท. ในจังหวัด
  • ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และเอกสารสรุปการเบิกจ่ายจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดประชุม AIPH 2025 มุ่งสู่เมืองสีเขียว

เชียงรายจัดงาน AIPH Green City Conference 2025 มุ่งสู่เมืองสีเขียวและอนาคตยั่งยืน

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าสู่การเป็นเมืองสีเขียว จัดงาน AIPH Green City Conference 2025: Nature, Culture, and City Life เพื่อผลักดันแนวทางพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนผ่านธรรมชาติและนวัตกรรม โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท

เปิดเวทีระดับโลก ถกแนวทางการพัฒนาเมืองสีเขียว

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.45 น. นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเมือง ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ได้แก่

  • นางวิลาวัณย์ ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร
  • Mr. Leonardo Capitanio ประธานสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)
  • Mr. Tim Briercliffe เลขาธิการ AIPH
  • ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ
  • คุณชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว
  • และสมาชิก AIPH จากหลายประเทศ

เชียงรายกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางแก้ไข

ในพิธีเปิดงาน นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ กล่าวถึงความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เชียงรายกำลังเผชิญ โดยเน้นย้ำว่าการผสาน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เข้ากับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ จะช่วยพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ

แนวทางพัฒนาเมืองสีเขียวของเชียงราย

เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน เชียงรายมุ่งเน้นนโยบายสำคัญ ได้แก่

  • การใช้เทคโนโลยีสีเขียว เพื่อลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  • การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ลดขยะ และพัฒนาการรีไซเคิล
  • การเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและช่วยลดอุณหภูมิเมือง
  • การใช้พลังงานทดแทน ส่งเสริมโซลาร์เซลล์และพลังงานลม
  • การปรับปรุงคุณภาพอากาศ ลดปัญหาหมอกควันจากการเผาไหม้

เชียงรายเป็นเจ้าภาพประชุม AIPH Spring Meeting 2025 & Green City Conference 2025

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย, กรมวิชาการเกษตร, และสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอเชียงรายเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับโลก AIPH Spring Meeting 2025 & Green City Conference 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)

ประเทศไทยกับบทบาทด้านความยั่งยืนระดับสากล

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีนานาชาติด้าน การพัฒนาเมืองสีเขียว และ ความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ของ สสปน. ที่เน้นอุตสาหกรรม MICE ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Green City Conference 2025 ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายและประเทศไทย แต่ยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับ เมืองสีเขียว และแนวทางการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนในระดับโลก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Green City Conference 2025

1. AIPH Green City Conference 2025 คืออะไร?

เป็นงานประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นโดยสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาเมืองสีเขียว

2. งานนี้จัดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่?

จัดขึ้นที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ระหว่างวันที่ 9-14 กุมภาพันธ์ 2568

3. การพัฒนาเมืองสีเขียวมีประโยชน์อย่างไร?

ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ ลดอุณหภูมิเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

4. ใครเข้าร่วมประชุมบ้าง?

มีผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก รวมถึงองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน

5. งานนี้ส่งผลต่อเชียงรายอย่างไร?

ช่วยให้เชียงรายเป็นต้นแบบเมืองสีเขียว กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับบทบาทของไทยในเวทีนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
WORLD PULSE

เมืองโดเก็นสร้างเมืองลอยน้ำต่อต้านน้ำทะเลสูงที่ญี่ปุ่น

เมืองโดเก็นของญี่ปุ่นสร้างเมืองลอยน้ำต่อต้านระดับน้ำทะเลสูง

ภาวะโลกร้อนและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

ภาวะโลกร้อนทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล ส่งผลกระทบต่อชุมชนชายฝั่งทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 จะมีผู้คนเกือบ 300 ล้านคนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งต้องเผชิญกับน้ำท่วมทุกปี

แผนสร้างเมืองลอยน้ำในเมืองโดเก็น

เมืองโดเก็นในญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการสร้างเมืองลอยน้ำที่ทันสมัย เมืองนี้จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ไมล์ (1.58 กม.) และเส้นรอบวงประมาณ 2.5 ไมล์ (4 กม.) รูปร่างวงกลมช่วยปกป้องผู้อยู่อาศัยจากคลื่นสึนามิ

การออกแบบและโครงสร้างของเมืองลอยน้ำ

เมืองลอยน้ำของโดเก็นมีการออกแบบเป็นสองชั้น ชั้นบนสุดเป็นเมืองทางทะเลที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ส่วนชั้นที่สองเป็นศูนย์ข้อมูลที่ระบายความร้อนด้วยน้ำทะเลสำหรับการบริหารจัดการเมือง การดูแลสุขภาพ และการค้นพบยา เมืองนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 10,000 คนและนักท่องเที่ยวสูงสุด 40,000 คนในเวลาเดียวกัน

สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีการเกษตร

เมืองลอยน้ำจะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล พื้นที่กีฬา สำนักงาน และสวนสาธารณะ เทคโนโลยีการเกษตรรูปแบบใหม่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถผลิตอาหารได้มากถึง 7,000 ตันต่อปีโดยใช้น้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยสำหรับทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

 
แผนอันทะเยอทะยานสำหรับอนาคต

แผนการสร้างเมืองโดเก็นยังรวมถึงพื้นที่สำหรับการปล่อยและลงจอดจรวดเพื่อการท่องเที่ยวในอวกาศ นักออกแบบโครงการตั้งเป้าหมายในการสร้างเมืองให้เสร็จสิ้นภายในปี 2030 แม้ว่ารายละเอียดสำคัญเช่นที่ตั้งและค่าใช้จ่ายยังไม่ได้รับการเปิดเผย

โครงการเมืองลอยน้ำอื่นๆ ทั่วโลก

เมืองโดเก็นไม่ใช่เมืองลอยน้ำแห่งเดียวที่กำลังดำเนินการอยู่ ในปี 2022 เมืองปูซานของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยแผนสำหรับมหานครทางทะเลที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถรองรับคนได้ถึง 100,000 คน แม้ว่าโครงการเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นแนวคิด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการสร้างเมืองลอยน้ำที่สามารถพึ่งพาตนเองได้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ชุมชน Schoonship ในเนเธอร์แลนด์เป็นโมเดลที่ดี

เนเธอร์แลนด์เป็นแหล่งรวมชุมชนลอยน้ำที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ปี 2021 ชุมชน Schoonship ประกอบด้วยบ้าน 46 หลังในแปลงน้ำ 30 แปลง และเป็นที่อยู่อาศัยของผู้อยู่อาศัยประมาณ 100 คน แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่เป็นโมเดลที่มีแนวโน้มดีในการสร้างเมืองลอยน้ำที่สามารถพึ่งพาตนเองได้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อนาคตของเมืองลอยน้ำ

การสร้างเมืองลอยน้ำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการรับมือกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เมืองโดเก็นและโครงการอื่นๆ ทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : N-Ark.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News