
เปิดแกะไส้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้าน จ.เชียงราย “กรมทางหลวง” คว้าแชมป์ อปท.ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว
เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – ในขณะที่รัฐบาลเร่งปั่นเศรษฐกิจด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาล 157,000 ล้านบาท ภาพที่ปรากฏในจังหวัดเชียงรายกลับสะท้อนความเหลื่อมล้ำที่น่าตั้งคำถาม เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดกลับไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว ขณะที่หน่วยงานราชการส่วนกลางแบ่งปันงบประมาณกันหมด
เปิดตัวเลขสะเทือน งบ 1.87 พันล้าน แบ่งไป 10 หน่วยงาน
จากการวิเคราะห์เชิงลึกของทางเชียงรายนิวส์ พบว่าจังหวัดเชียงรายได้รับจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกทั้งสิ้น 1,876,111,500 บาท จาก 191 โครงการ โดยมี “กรมทางหลวง” เป็นตัวจริงคว้าสิงโตงวดไปถึง 713,901,000 บาท จาก 82 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนถึง 38% ของงบประมาณทั้งหมด
รองลงมาคือ “กรมทรัพยากรน้ำ” ที่ได้ 327,525,800 บาท จากเพียง 2 โครงการ แต่ละโครงการมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละกว่า 163 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในรายการ ตามด้วย “กรมชลประทาน” 255 ล้านบาท, “กรมทางหลวงชนบท” 175 ล้านบาท และ “กองทัพบก” 154 ล้านบาท ตามลำดับ

อำเภอเมืองเชียงรายยืนหนึ่ง ชายแดนตามติด
เมื่อมองในมิติของพื้นที่ อำเภอเมืองเชียงรายครองตำแหน่งผู้นำด้วยงบประมาณ 243,601,300 บาท จาก 34 โครงการ สะท้อนความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัด ขณะที่อำเภอเวียงชัยติดอันดับสองด้วย 219 ล้านบาท แม้จะมีเพียง 4 โครงการ
น่าสนใจคือ อำเภอชายแดนสำคัญอย่างเชียงแสน เชียงของ และเทิง ได้รับงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยมูลค่า 214, 185 และ 182 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

เจาะลึกโครงการ “มีดีมีเสีย” แบบเดียวกับระดับชาติ
ข้อมูลสำคัญเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ทำให้เห็นภาพรวมของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยระบุว่า “โครงการที่อนุมัติเหมือนใช้งบกลางปกติ ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นโครงการที่ทำอยู่แล้ว หรือถูกหั่นงบจากงบประมาณ 68”
ตัวอย่างเช่น การซ่อมถนนตามวงรอบปกติของทางหลวง การช่วยผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือการเพิ่มเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ตั้งงบไม่พอ ซึ่งล้วนเป็นภารกิจปกติที่ควรจะดำเนินการอยู่แล้ว
โครงการใหม่น่าจับตา แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการใหม่ที่น่าสนใจ เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งที่ได้รับจัดสรร 1,760 ล้านบาท (แม้จะขออนุมัติ 3,100 ล้านบาท) สินเชื่อผู้ประกอบการผ่านประกันสังคมหมื่นล้านบาท และโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD) รวมถึง OTOD AI ช่วยชาติ แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน
สำหรับในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โครงการที่โดดเด่นและน่าจับตา ได้แก่ การปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะตามแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสำคัญหลายแห่ง เช่น เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง เขื่อนประตูน้ำ ระบบสูบน้ำไฟฟ้าในหลายพื้นที่ เช่น แม่สาย เชียงแสน เทิง ซึ่งสอดคล้องกับการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่

ข้อกังวลที่ต้องจับตา
แม้จะมีโครงการที่น่าสนใจ แต่ก็มีข้อกังวลที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มจากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้รับงบประมาณเลย ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและเข้าใจปัญหาพื้นที่ได้ดี
การกระจุกตัวของงบประมาณในบางพื้นที่ เช่น อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับงบมากที่สุด ขณะที่อำเภอห่างไกล เช่น แม่สรวย เวียงแก่น แม่ลาว ได้รับงบน้อย อาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา
ความซ้ำซ้อนของโครงการบางประเภทในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ห้องน้ำสาธารณะหรือระบบส่งน้ำ ซึ่งหากขาดการบูรณาการ อาจใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ผลกระทบระยะสั้น-ยาว ต่อจังหวัดเชียงราย
ในระยะสั้น โครงการเหล่านี้จะสร้างการจ้างงานโดยตรง โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในพื้นที่ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แรงงานในท้องถิ่น ร้านค้า และซัพพลายเออร์จะได้รับประโยชน์โดยตรง
ในระยะยาว การลงทุนในระบบน้ำและถนนในพื้นที่ชนบทจะเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร การเดินทาง และการเข้าถึงตลาด พื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติบ่อยจะมีระบบรองรับที่ดีขึ้น
การยกระดับแหล่งท่องเที่ยวด้วยการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพสูง
สำหรับบทบาทของพื้นที่ชายแดน การที่อำเภอเชียงของ-เชียงแสนได้รับงบจำนวนมาก สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมสู่ศูนย์เศรษฐกิจ CLMVT Corridor ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจังหวัดในอนาคต
ข้อเสนอแนะต่อการติดตามและพัฒนา
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเสนอแนะว่า ควรมีการเปิดเผยข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของแต่ละโครงการเป็นระยะ เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้ประชาชนสามารถติดตามได้
การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบหรือติดตามผลโครงการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการลงทุนสูง จะช่วยให้โครงการตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้มากขึ้น
การใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายที่เชื่อมโยงกับลาว-จีน ผ่านเชียงแสนและเชียงของ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนในครั้งนี้
นอกจากนี้ ควรพิจารณาการพัฒนา “Smart Chiang Rai” ที่เชื่อมโยงระบบพื้นฐานเข้ากับการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ ถนนอัจฉริยะ หรือระบบติดตามผลแบบออนไลน์
โอกาสทองสู่ความยั่งยืน
การใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้านบาทในจังหวัดเชียงรายครั้งนี้ หากดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส จะเป็น “โอกาสทอง” ในการเร่งพัฒนาจังหวัดให้ยกระดับจาก “เมืองปลายทางท่องเที่ยว” ไปสู่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ” ได้ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดี การมีส่วนร่วมของประชาชน และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง หากขาดองค์ประกอบเหล่านี้ โครงการเหล่านี้อาจกลายเป็นเพียงตัวเลขในกระดาษ โดยไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับประชาชนในพื้นที่ได้
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- เขียนและวิเคราะห์ข้อมูลโดย กันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
- เรียบเรียงโดย มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
- ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงราย
- ข้อมูลงบประมาณจาก ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568
- ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชาติ วงเงิน 157,000 ล้านบาท รอบแรก
- การวิเคราะห์จากกรมพัฒนาชุมชน กรมทางหลวง กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง