
พลิกโฉมเวียงเชียงรุ้งสู่ “แลนด์มาร์คสุขภาพ” อบจ.เชียงรายผนึกกำลังอำเภอ–อบต. เดินหน้าปรับภูมิทัศน์–สร้างสะพานเชื่อมศูนย์กีฬา ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโตอย่างยั่งยืน
เชียงราย, 23 กันยายน 2568 — เวลา 10.00 น. อากาศยามสายที่ว่าการอำเภอเวียงเชียงรุ้งยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ต่างออกไปเล็กน้อย เมื่อพื้นที่หน้าศูนย์ราชการกลายเป็น “โต๊ะปฏิบัติการกลางแจ้ง” ของคณะทำงานหลายหน่วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย นำโดย นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ. (ปฏิบัติราชการแทน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย) ลงพื้นที่หารือร่วมกับ นางสาวมินทิรา ภดาประสงค์ นายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง และ นายเอกชัย สุขเกษม สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย พร้อมทีมสำนักช่างของ อบจ. จุดประสงค์ไม่ใช่เพียงตรวจงาน แต่คือการ “ตั้งโจทย์ร่วม” เพื่อพลิกโฉมอำเภอให้เป็น แลนด์มาร์คสุขภาพ ที่คนในพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้จริง และนักเดินทาง “ต้องแวะ”
ภาพที่วางบนโต๊ะประชุมย่อขนาดคือ สององค์ประกอบหลักที่เดินคู่กัน
(1) ปรับภูมิทัศน์รอบที่ว่าการอำเภอ ให้เป็นสวนสาธารณะและจุดออกกำลังกายที่ได้มาตรฐานร่มรื่น ปลอดภัย ใช้งานได้ทั้งเด็ก–ผู้สูงอายุ–ผู้พิการ (universal design)
(2) ศึกษาความเป็นไปได้–ออกแบบก่อสร้าง “สะพานเชื่อม” จากย่านศูนย์ราชการไปยัง สนามกีฬา อบต.ทุ่งก่อ เพื่อลดการอ้อมเส้นทาง เปิดการเข้าถึงพื้นที่ออกกำลังกายที่ “สั้นกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับการใช้งานจริง”
นี่ไม่ใช่แค่ “โครงการสวยงาม” ลงรูปถ่ายได้ แต่เป็น ยุทธศาสตร์เชิงระบบ ที่เชื่อม การบริหาร–สุขภาพ–ท่องเที่ยว–เศรษฐกิจฐานราก เข้าด้วยกัน
แลนด์มาร์คสุขภาพ จากหลุมฝุ่นสู่พื้นที่ชุบชีวิตชุมชน
หากมองแผนที่อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จุดศูนย์กลางของงานราชการและบริการประชาชนอยู่ตรง “ที่ว่าการอำเภอ” ซึ่งเป็นพื้นที่หมายเลขหนึ่งที่คนทั้งอำเภอต้องมาเยือน—ทำบัตร, งานทะเบียน, ธุระปกครอง ฯลฯ เมื่อ พื้นที่หน้าศูนย์ราชการ ถูก “รีดีไซน์” ให้เป็น สวนสาธารณะเพื่อสุขภาพ เมืองจะได้ “จังหวะชีวิตใหม่” โดยอัตโนมัติ
- การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design): ทางลาด–พื้นผิว–ราวจับ–ไฟส่องสว่าง–ม้านั่ง–สัญลักษณ์นำทาง ต้องคิดถึงเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ใช้รถเข็น เพื่อให้ “พื้นที่สาธารณะ” เป็นของทุกคนจริง
- ฟังก์ชันสุขภาพเชิงป้องกัน: ลู่วิ่ง–ลู่เดิน–ลู่วิ่งเล็กสำหรับผู้สูงอายุ, ลานอเนกประสงค์สำหรับแอโรบิก/ยืดเหยียด, มุมเล่นของเด็กที่ใช้วัสดุยืดหยุ่นเน้นความปลอดภัย, สถานีออกกำลังแบบใช้แรงกาย (body-weight) ลดการซ่อมบำรุง
- ความปลอดภัยและนิเวศ: กล้องวงจรปิด–ไฟส่องสว่าง–ป้ายเอ็กซิต–จุดปฐมพยาบาล–ระบบระบายน้ำ–ต้นไม้ให้ร่มเงา และพืชท้องถิ่นดูแลง่าย ลดต้นทุนระยะยาว
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นทันที คือผู้คน “มีที่ให้ไป” หลังเลิกงานราชการ เด็กมีสนามเล่น ผู้สูงอายุมีที่เดิน ยามเย็นจึงกลายเป็น “ชั่วโมงทองของชุมชน” ที่ผู้ค้ารายย่อย–สหกรณ์ชุมชน–วิสาหกิจชุมชนสามารถจัด “ตลาดสุขภาพ” เล็กๆ สร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สะพานเชื่อมศูนย์กีฬา ทางลัดที่ปลอดภัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้เมือง
โครงการที่สองคือ สะพานเชื่อมจากโซนศูนย์ราชการไปสนามกีฬา อบต.ทุ่งก่อ เหตุผลเรียบง่ายแต่ทรงพลัง “การเข้าถึง” หากต้องอ้อมไกล–ต้องตัดถนนใหญ่–เสี่ยงอุบัติเหตุ คนก็ “เลิกไป” แต่เมื่อมีสะพานเชื่อมที่ ใกล้–ปลอดภัย–เป็นมิตรกับคนเดินเท้าและจักรยาน พฤติกรรมการใช้ชีวิตจะค่อยๆ เปลี่ยนจาก “นั่งนิ่ง” เป็น “ขยับตัว” โดยไม่ต้องบังคับ
หัวใจของสะพานเพื่อสุขภาพ (Active Mobility Bridge):
- ช่องสัญจรแยกชัด คนเดิน–จักรยาน–รถฉุกเฉิน (ในกรณีจำเป็น)
- ลาดชันไม่เกินมาตรฐาน ใช้ได้ทั้งผู้สูงอายุและรถเข็น
- ไฟ–ราวกันตก–พื้นกันลื่น เน้นปลอดภัยกลางคืนและฤดูฝน
- งานโครงสร้างทนทาน–บำรุงรักษาง่าย ลดภาระงบประมาณในอนาคต
ผลทางเศรษฐกิจฐานราก เกิดขึ้นทันทีเมื่อคนใช้สนามกีฬา “ถี่ขึ้น–นานขึ้น”—ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, ผลผลิตชุมชน, ร้านซ่อมจักรยานเล็กๆ, ครูสอนออกกำลังกาย/โยคะ/วิ่ง ฯลฯ มีพื้นที่สร้างอาชีพได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
ทำไมโครงการนี้ “คุ้ม” มองผ่านแว่นเศรษฐกิจ–สังคม–การท่องเที่ยว
- คุ้มด้านสุขภาพ: เมืองที่มีพื้นที่สาธารณะคุณภาพดีช่วยลดภาวะนั่งนาน–ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในระยะยาว ต้นทุนรักษาพยาบาลของครัวเรือนและท้องถิ่นลดลง ขณะเดียวกันเสริมสุขภาวะจิต (พื้นที่สีเขียว–การพบปะ)
- คุ้มด้านเศรษฐกิจชุมชน: ตลาดรายย่อย–งานบริการชุมชน–แหล่งท่องเที่ยวใกล้เมืองเกิดขึ้นจาก “คนมา–คนอยู่–คนใช้” ไม่ใช่เพียง “คนผ่าน”
- คุ้มด้านภาพลักษณ์–การท่องเที่ยวคุณภาพ: นักเดินทางสมัยใหม่ค้นหา “เมืองที่ใช้ชีวิตได้” มากกว่า “เมืองที่มองอย่างเดียว” แลนด์มาร์คสุขภาพที่เชื่อมศูนย์ราชการ–สวน–สนามกีฬา จึงเป็น “ประสบการณ์เมือง” ที่เพิ่มเหตุผลให้ต้องแวะเวียน
P2P Model หุ้นส่วนรัฐ–รัฐ ที่ทำให้ของยาก “เดินได้จริง”
โครงการลักษณะนี้หากปล่อยให้แต่ละหน่วย “ทำของใครของมัน” มักไปต่อยาก เพราะติดข้อจำกัดงบ–อำนาจ–ขั้นตอน แต่ เวียงเชียงรุ้ง กลับเลือก โมเดลหุ้นส่วนรัฐ–รัฐ (Public–Public Partnership: P2P) ที่แต่ละหน่วย ใส่จุดแข็งของตนลงไป แบบ “จิ๊กซอว์พอดีมือ”
- อบจ.เชียงราย: งบประมาณ–วิศวกรรม–มาตรฐานงานช่าง–การจัดทำแบบ–การคุมงาน–เลนความปลอดภัย
- ที่ว่าการอำเภอ: กำกับพื้นที่–ประสานเจ้าของที่ดิน–ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (area-based)–จัดทำกระบวนการรับฟัง
- อบต.ทุ่งก่อ: เจ้าของพื้นที่สนามกีฬา–ร่วมออกแบบการใช้ประโยชน์–บำรุงรักษาหลังโครงการเสร็จ
ผลลัพธ์คือ ลดเวลาหน่วงทางเอกสาร–ปิดช่องทับซ้อนอำนาจหน้าที่–ตอบสนองโจทย์ชุมชนตรงจุด และนำไปสู่การ “เห็นของจริง” ในระยะเวลาที่คนยังสนใจและพร้อมมีส่วนร่วม
Roadmap การทำงานจากทุ่งหญ้าสู่สวน–จากฝั่งนี้สู่สะพาน
เพื่อให้เห็นภาพ “เดินงาน” อย่างเป็นขั้นตอน คณะทำงานได้วางหลักการกว้าง ๆ ดังนี้
- สำรวจ–เก็บข้อมูลพื้นที่ (Site Survey & Due Diligence):
- ขอบเขตที่ดิน–สาธารณูปโภคใต้ดิน–แนวท่อ/สายไฟ–จุดน้ำท่วมซ้ำซาก
- สภาพการจราจร–ทางสัญจรคนเดิน–จักรยาน–จุดเสี่ยงอุบัติเหตุ
- พฤติกรรมการใช้พื้นที่จริง (เวลา–กลุ่มคน–กิจกรรม)
- ออกแบบแนวคิด (Concept Design):
- ผังสวน–ฟังก์ชันสุขภาพ–ตำแหน่งทางเข้า–จุดพัก–แหล่งน้ำ–ต้นไม้
- แนวสะพาน–ระดับความสูง–จุดขึ้น–ลง–ความเชื่อมโยงกับสนามกีฬา
- วัสดุ–งบประมาณโดยสังเขป–ค่าบำรุงรักษาในอนาคต
- รับฟังความคิดเห็น (Public Hearing):
- เชิญชุมชน–ผู้ค้า–ครูกีฬา–โรงเรียน–ผู้สูงอายุ–กลุ่มเปราะบางร่วม
- เปิดแบบให้ดู–ลองเดินเส้นทางจำลอง–รับข้อเสนอปรับแก้ก่อน “ล็อกแบบ”
- ออกแบบรายละเอียด–ขออนุญาต–จัดสรรงบ (Detail Design & Approvals):
- แบบโครงสร้าง–ไฟ–งานระบบ–ทางลาดตามมาตรฐานผู้พิการ
- ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง (หากเข้าหลักเกณฑ์)
- จัดทำ BOQ–จัดสรรงบประมาณตามระเบียบ–ตารางเวลาคุมงาน
- ก่อสร้าง–สื่อสาร–ร่วมดูแล (Build & Stewardship):
- แผนก่อสร้างแบ่งเฟส ลดผลกระทบงานราชการและชุมชน
- ป้ายความคืบหน้า–สื่อสารออนไลน์–ตั้ง “ชมรมผู้ใช้สวน/สะพาน”
- ตั้งกติกาใช้งาน–เวรดูแลร่วมกัน–งบดูแลรายปีที่ชัดเจน
หัวใจ คือ “ทำไป–สื่อสารไป–ชวนชุมชนร่วมเป็นเจ้าของ” เพื่อให้พื้นที่ใหม่ถูกใช้จริง ไม่ใช่เพียง “งานสวยในภาพถ่าย”
ตัวเลขที่ควรมองเวลาเดินทาง–ความปลอดภัย–กิจกรรมชุมชน
แม้วันนี้ยังอยู่ในช่วงศึกษาความเป็นไปได้ แต่ กรอบวัดผล (KPIs) ที่คณะทำงานเห็นพ้อง มีดังนี้ เพื่อใช้ติดตามผลหลังโครงการเสร็จ
- ลดเวลาเดินทาง จากศูนย์ราชการถึงสนามกีฬา (เป้าหมาย: ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบเส้นทางเดิม)
- เพิ่มปริมาณการใช้งาน สวน/สะพาน (ผู้ใช้ต่อวัน–ต่อสัปดาห์)
- ความปลอดภัยทางถนน (อุบัติเหตุในจุดเสี่ยงเดิมลดลง)
- กิจกรรมชุมชนเพิ่มขึ้น (คลาสออกกำลัง–ตลาดสุขภาพ–อีเวนต์ท้องถิ่น)
- รายได้ผู้ค้ารายย่อย รอบพื้นที่ (สำรวจหลังใช้งาน 3–6–12 เดือน)
KPIs แบบนี้ช่วยให้ภาครัฐ–ชุมชน–ผู้ประกอบการ คุยกันด้วยข้อมูล มากกว่า “ความรู้สึก” และนำไปสู่การปรับปรุงต่อเนื่องในปีถัดไป
ความท้าทาย–ทางออกที่ดิน–น้ำ–งบ–บำรุงรักษา
โครงการสาธารณะทุกแห่งย่อมมีโจทย์ท้าทาย เวียงเชียงรุ้งเตรียม “การบ้าน” ไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้สะดุด
- แนวเขต–สิทธิในที่ดิน: เคลียร์เส้นเขตและกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ต้น ลดโอกาสร้องเรียน
- บริหารน้ำฝน–น้ำท่วม: ออกแบบทางระบายน้ำ–แก้มลิงขนาดย่อม–วัสดุปูพื้นที่ระบายน้ำได้
- งบประมาณ: แบ่งเฟส–ของบผสม (งบ อบจ./อปท./บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยว เช่น กรมโยธาธิการฯ/กรมทางหลวงชนบท—ตามความเหมาะสมของลักษณะงาน)
- บำรุงรักษาระยะยาว: ตั้งงบประจำ–ใช้วัสดุทน–ออกแบบให้ดูแลง่าย–ตั้ง “ชมรมผู้ใช้” ร่วมดูพื้นที่ประจำวัน
เมื่อคิดครบตั้งแต่วินาทีแรก โครงการมีโอกาส “ยืนระยะ” ได้จริง
เสียงสะท้อนเชิงนโยบายเมืองท่องเที่ยวคุณภาพ เริ่มที่ “คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่”
แม้ข่าววันนี้ไม่มี “คำพูดใหญ่” จากผู้นำ แต่ สาร ที่สะท้อนผ่านการลงพื้นที่ร่วมกันของ อบจ.–อำเภอ–ส.อบจ.–สำนักช่าง–อบต. คือ ปรัชญาเมืองท่องเที่ยวคุณภาพเมืองที่ดีสำหรับคนในพื้นที่ ย่อมดีสำหรับนักท่องเที่ยวโดยอัตโนมัติ
- สำหรับครอบครัว: มีพื้นที่ให้เด็กวิ่งเล่น ปลอดภัย มองเห็นลูกหลานชัด
- สำหรับผู้สูงอายุ: ทางเดิน–ราวจับ–พื้นที่ยืดเหยียด–ห้องน้ำเข้าถึงได้
- สำหรับวัยทำงาน: ทางลัด–เวลาสั้น–ไป–กลับการออกกำลังได้จริง
- สำหรับผู้ประกอบการ: คนมาคนอยู่คนจ่าย = โอกาสรายได้รอบพื้นที่
- สำหรับหน่วยงานท้องถิ่น: ภาพลักษณ์ดีความเชื่อมั่นเพิ่มคนเห็นของจริง
เมื่อ “เมืองใช้ชีวิตได้” เมืองก็ “ขายตัวเองได้”—โดยไม่ต้องยัดเยียดโฆษณา
สรุปสะพานที่เชื่อมมากกว่าสองฝั่ง—เชื่อมการบริหารกับความสุขของคน
โครงการ ปรับภูมิทัศน์ + สะพานเชื่อมศูนย์กีฬา ในเวียงเชียงรุ้ง ไม่ได้สร้างเพียงสวนและสะพาน แต่สร้าง ทางเลือกชีวิต ให้คนในพื้นที่—ให้เด็กมีสนาม ให้ผู้สูงอายุมีที่เดิน ให้คนทำงานมีที่หายใจ ให้ผู้ค้ารายย่อยมีตลาด และให้เมืองมีเรื่องเล่าที่จับต้องได้
ในภาพรวมของจังหวัดเชียงรายที่มุ่งเป็น เมืองท่องเที่ยวคุณภาพ โครงการระดับอำเภอเช่นนี้คือ “หน่วยก่อรูป” ที่ทำให้ยุทธศาสตร์ใหญ่ลงดิน อย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อ อบจ.–อำเภอ–อบต. จับมือแบบ P2P ได้เช่นนี้ เมืองทั้งจังหวัดก็มีโอกาส “ยกมาตรฐานคุณภาพชีวิต” พร้อมกัน—หนึ่งสะพานจึงไม่เพียงเชื่อมสองฝั่งคลอง หากเชื่อม การบริหารงานท้องถิ่นกับความสุขของประชาชน เข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น
เช็กลิสต์ “ก้าวต่อไป” ที่สาธารณะติดตามได้
- เผยแพร่ผลสำรวจพื้นที่แบบร่างแนวคิดผังสวน/แนวสะพาน ให้สาธารณะเห็น
- เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น 2 รอบ (ก่อน–หลังปรับแบบ) ครอบคลุมกลุ่มเปราะบาง
- ประกาศไทม์ไลน์งบประมาณแหล่งงบ รูปแบบการจัดจ้างตามระเบียบ
- ติดตาม KPIs รายไตรมาสหลังเปิดใช้จริง (ผู้ใช้ ความปลอดภัย กิจกรรม รายได้ชุมชน)
- ตั้ง “ชมรมผู้ใช้สวนและสะพาน” ทำงานร่วม อปท. ดูแลประจำวันจัดกิจกรรมสม่ำเสมอ
เมื่อประชาชน “เห็นทางเห็นข้อมูลเห็นตัวเลข” ความร่วมมือจะเกิดขึ้นเอง และโครงการจะ “มีชีวิต” ยืนยาวกว่าวาระใด ๆ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย