Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

รสชาติที่หายไป! แกงแคไก่เมืองเชียงรายชนะโหวตเมนูเชิดชูอาหารถิ่นประจำปี 68

 “แกงแคไก่เมือง” ทวงคืนรสชาติที่หายไป เชียงรายชู Soft Power อาหารถิ่นสู่เวทีชาติ

เชียงราย, 2 สิงหาคม 2568 – ท่ามกลางยุคสมัยที่อาหารฟิวชั่นและรสมือจากต่างชาติเข้ามาครองใจผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ เมนูพื้นบ้านหลายอย่างกำลังถูกลืมเลือนจากสำรับอาหารไทย แต่ในปี 2568 นี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ให้ “แกงแคไก่เมือง” ของจังหวัดเชียงราย กลับกลายเป็นเมนูดาวเด่นที่ปลุกกระแสรักษ์ถิ่น จากการเปืดให้ชาวเชียงรายร่วมโหวต 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ประจำปี 2568 “Thailand Best Local Food : รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste ปี 3” ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

แกงแคความหมายที่มากกว่าอาหารจานหนึ่ง

แกงแคไก่เมือง เป็นมากกว่าเมนูรสจัดจ้านในครัวคนเหนือ เพราะนี่คือ “ภูมิปัญญาการกิน” ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติและวิถีชีวิตบนผืนดินล้านนาแท้จริง แกงแคจึงไม่ใช่แค่แกงรวมผักหรืออาหารประจำฤดูกาล แต่เป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลาย ความพอเพียง และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ในหนึ่งหม้อรวมทั้งผักจากสวนและจากป่า เช่น ผักเผ็ด ผักขี้หูด เห็ดลม มะเขือเปราะ หางหวาย และที่ขาดไม่ได้คือ “ไก่เมือง” หรือไก่พื้นบ้านที่เนื้อแน่น หอมหวาน ไม่ฉุนกลิ่นยา

จากการสืบค้นในตำนานอาหารพื้นเมือง คำว่า “แค” ในภาษาเหนือ หมายถึง การรวมผักหรือเครื่องปรุงหลายอย่างเข้าด้วยกัน โดยแต่ละบ้านอาจเลือกผักตามฤดูกาลหรือตามความอุดมสมบูรณ์ในช่วงนั้น เป็นความยืดหยุ่นที่เปิดโอกาสให้แต่ละครอบครัวใส่ “ลายเซ็นของตัวเอง” ลงในหม้ออาหาร

เชฟสะระแหน่  – ต้นตำรับความกลมกล่อม จากครัวชุมชนสู่เวทีชาติ

ในปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารพื้นบ้านล้านนา “เชฟสะระแหน่” จากร้านสบันงาขันโตก จังหวัดเชียงราย ได้รับเชิญให้ถ่ายทอดเคล็ดลับการปรุงแกงแคไก่เมืองต้นตำรับ ซึ่งเขาเน้นย้ำถึง 3 หัวใจสำคัญที่ทำให้เมนูนี้ยังคงเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

  1. วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น โดยเฉพาะไก่เมืองพันธุ์พูหางดำจากเวียงชัย และผักปลอดสารที่ปลูกเองในสวน
  2. การเจียวเครื่องแกงและผัดไก่ด้วยไฟอ่อน เพื่อดึงรสชาติจากสมุนไพร เช่น กระเทียม พริกแห้ง ดีปลี และ “จี้ลี่ปากกา” หรือดีปลีพื้นบ้าน
  3. ลำดับการใส่ผัก ที่เริ่มจากผักแข็งก่อน เช่น หางหวาย ยอดมะพร้าวอ่อน ตามด้วยเห็ดลม มะเขือเปราะ ปิดท้ายด้วยผักอ่อนและสมุนไพรหอมฉุนที่ทำให้กลิ่นและรสชาติซับซ้อนขึ้น

เชฟสะระแหน่ กล่าวว่า “อาหารเหนือไม่มีสูตรตายตัว แกงแคจะอร่อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับความใส่ใจและความรักในวัตถุดิบ อาหารไม่มีผิดถูก ทุกบ้านใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้”

การทวงคืน “รสชาติที่หายไป” กับภารกิจอนุรักษ์ Soft Power อาหารไทย

โครงการ 1 จังหวัด 1 เมนูฯ ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ไม่เพียงเป็นเวทีคัดสรรเมนูเด่น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการ “ฟื้นชีวิต” ให้อาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน นักเรียน และนักท่องเที่ยว ในปีนี้ มีเมนูจาก 77 จังหวัดเข้าร่วมประกวดทั่วประเทศ โดยแกงแคไก่เมืองเชียงรายได้รับคะแนนโหวตสูงสุด สะท้อนการยอมรับในระดับชาติ

สิ่งที่น่าจับตาคือ “แกงแคไก่เมือง” จะไม่ได้หยุดอยู่ที่ตำรับในบ้านหรือบนโต๊ะอาหารท้องถิ่นอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น Soft Power สำคัญด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมต่อยอดด้วยการเผยแพร่สูตรดั้งเดิม ส่งเสริมร้านอาหารในพื้นที่ให้ดึงเมนูนี้เข้าสู่เมนูหลัก ตลอดจนการสร้างฐานข้อมูลอาหารถิ่นเพื่อการเรียนรู้และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสมัยใหม่

ผลลัพธ์ที่กว้างขวาง “แกงแคไก่เมือง” กับอัตลักษณ์เชียงราย

ชัยชนะของแกงแคไก่เมืองในปี 2568 ไม่เพียงเป็นเรื่องราวของการแข่งขัน แต่เป็น “ชัยชนะของอัตลักษณ์” ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เศรษฐกิจฐานราก และการอนุรักษ์ภูมิปัญญา

  1. ผลักดันเศรษฐกิจชุมชน: ร้านอาหาร โรงแรม และผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถใช้เมนูนี้เป็นจุดขาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลิ้มรสต้นตำรับถึงถิ่น
  2. กระตุ้นการผลิตวัตถุดิบปลอดภัย: การเน้นใช้วัตถุดิบพื้นบ้าน ทำให้เกษตรกรในชุมชนมีตลาดรองรับ ผลักดันให้เกิดการปลูกผักปลอดสาร พัฒนาอาชีพและรายได้
  3. สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่น: เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้รากเหง้าทางวัฒนธรรม พร้อมส่งต่อสูตรอาหารอย่างเป็นระบบ เป็นสะพานเชื่อมโยงอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต

อาหารพื้นบ้านในฐานะ “มรดกที่กินได้”

เรื่องราวของแกงแคไก่เมืองในวันนี้ คือการยืนยันว่ามรดกทางวัฒนธรรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ศิลปะหรือวัตถุโบราณ แต่อยู่ใน “หม้อแกง” ของบ้านทุกหลัง และสามารถก้าวสู่ Soft Power ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง

ขณะที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมยังอยู่ระหว่างรวบรวมและประกาศผลอย่างเป็นทางการสำหรับทุกจังหวัด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในเชียงรายคือ กระแสการตื่นตัว การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และความภาคภูมิใจของชุมชนที่ต้องการทวงคืน “รสชาติที่หายไป” ให้กลับมาเป็นหัวใจบนสำรับอาหารไทยอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
  • สัมภาษณ์เชฟสะระแหน่  ร้านสบันงาขันโตก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายชู Soft Power อาหาร! ดัน ‘แกงแค-ข้าวแรมฟืน’ สู่เวทีโลก

เชียงรายเดินหน้าคัดเลือกเมนูอาหารถิ่น สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เวที “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ต่อยอดสู่มรดกทางวัฒนธรรมไทย

เชียงราย, 12 มิถุนายน 2568 – ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและค่านิยมการบริโภคอาหารมีแนวโน้มถูกกลืนไปกับกระแสวัฒนธรรมสมัยใหม่ จังหวัดเชียงรายจึงได้เดินหน้านโยบายสำคัญในการอนุรักษ์และส่งเสริมอาหารถิ่นดั้งเดิม ด้วยการจัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเมนูอาหารถิ่นประจำจังหวัด ณ ห้องประชุมเวียงกาหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเมนูแห่งเอกลักษณ์เข้าสู่เวทีประกวด “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2568

เวทีแห่งความร่วมมือขับเคลื่อนวัฒนธรรม

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายชุมชน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สะท้อนถึงความตื่นตัวในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นให้อยู่คู่สังคมไทย

โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการ “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ภายใต้แนวคิด Thailand Best Local Food มุ่งเน้นการอนุรักษ์ ยกระดับ และสร้างความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมของอาหารถิ่น พร้อมนำเสนอวิถีการกินแบบดั้งเดิมที่มีรากฐานจากวัตถุดิบและภูมิปัญญาท้องถิ่น

5 เมนูชูอัตลักษณ์ ต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ที่ประชุมมีมติร่วมกันคัดเลือก 5 เมนูเด่นของเชียงราย แบ่งเป็นอาหารคาว อาหารว่าง และอาหารหวาน โดยทุกเมนูผ่านเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมกำหนดและสะท้อนเอกลักษณ์ของชาวเชียงราย ได้แก่

  • อาหารคาว: “แกงแคไก่เมือง” อาหารพื้นบ้านทรงคุณค่าทางสมุนไพร, “น้ำพริกถั่วเน่า” เมนูเด็ดแห่งแดนเหนือ และ “ผัดรากชูหมู” อาหารพื้นถิ่นที่หากินยาก
  • อาหารว่าง: “ข้าวแรมฟืน” เมนูสุดสร้างสรรค์จากถั่วลันเตา
  • อาหารหวาน: “ขนมปาด” ขนมโบราณที่กำลังจะเลือนหาย

การคัดเลือกเมนูเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการอนุรักษ์สูตรอาหารดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยการเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ส่งเสริมสมุนไพรในชุมชน และสนับสนุนการพัฒนาสินค้าชุมชนในรูปแบบอาหารสร้างสรรค์ เพื่อเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

“The Lost Taste” เวทีพลิกฟื้นมรดกอาหารถิ่นสู่สากล

โครงการ “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ปี 2568 นี้ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับเครือข่ายท้องถิ่นทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกเมนูอาหารถิ่นจากแต่ละจังหวัด เหลือเพียง 3 เมนูเด่นระดับชาติ และจะเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมโหวตเมนูที่โดดเด่นที่สุดผ่านระบบออนไลน์ เพื่อปลุกกระแสตระหนักรู้และส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมให้กับอาหารถิ่นที่ใกล้สูญหาย

การสืบสานที่มีชีวิต – จากรุ่นสู่รุ่น

ความสำคัญของโครงการนี้ไม่เพียงเน้นการประกวด หากยังเป็นการสืบทอดค่านิยมการบริโภคอาหารไทยที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของรากเหง้าท้องถิ่น โดยเฉพาะในยุคที่อิทธิพลจากต่างชาติเข้ามามีบทบาท การผลักดันให้เมนูอาหารถิ่นกลับมาเป็นที่รู้จัก ถือเป็นทั้งภารกิจเชิงวัฒนธรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

ก้าวต่อไปสู่เวทีระดับประเทศ

สำหรับ 5 เมนูของเชียงรายที่ผ่านการคัดเลือกในวันนี้ จะถูกนำเสนอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อคัดเลือกในระดับประเทศต่อไป ให้เหลือเพียง 3 เมนูเท่านั้น ซึ่งการโหวตจะเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมลงคะแนนเลือกเมนูที่ชื่นชอบผ่านระบบออนไลน์ เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์อาหารถิ่นอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (12 มิถุนายน 2568)
  • กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
  • ข่าวสารราชการ กระทรวงวัฒนธรรม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News