
อบจ.เชียงรายผนึกกำลัง ลุยน้ำท่วม แม่น้ำอิงล้นตลิ่ง มอบความช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ประชาชน สะท้อนการบริหารจัดการภัยพิบัติแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS)
เชียงราย, 27 กรกฎาคม 2568 – ในยามที่สถานการณ์อุทกภัยจากน้ำในแม่น้ำอิงล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงรายยังคงน่าเป็นห่วง นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือ “นายกฯ นก” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วนเมื่อเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เพื่อเยี่ยมเยียน มอบความช่วยเหลือ และรับฟังปัญหาจากประชาชนผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด สะท้อนถึงการบริหารจัดการสาธารณภัยเชิงรุกที่ยึดหลักการช่วยเหลือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้กรอบแนวคิดการบริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) ของประเทศไทย
ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงของการลงพื้นที่ นางอทิตาธร พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย, เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย, สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขตอำเภอเทิง, หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด อบจ.เชียงราย ได้เข้าตรวจเยี่ยมและประเมินสถานการณ์ใน 3 อำเภอที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเทิง ซึ่งเป็นจุดที่เผชิญกับวิกฤตความเดือดร้อนมากที่สุด
ลงพื้นที่จริง มอบยา-สิ่งของจำเป็น พร้อมรับฟังปัญหาและวางแผนแก้ไขตรงจุด
การลงพื้นที่ของนายกฯ นก และคณะในครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านโดยตรงในหลากหลายมิติ ทั้งปัญหาด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำท่วมขัง การขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค การเข้าถึงอาหารและยารักษาโรค รวมถึงความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของหลายครัวเรือนในพื้นที่ ข้อมูลที่ได้รับจากประชาชนโดยตรงนี้จะถูกนำกลับไปประมวลผลเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ในระหว่างการเยี่ยมเยียน นายกฯ นก ได้มอบยาสามัญประจำบ้านและสิ่งของจำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แสดงถึงความเอาใจใส่ต่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาวะวิกฤต “ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านเข้มแข็ง อบจ.เชียงรายจะอยู่เคียงข้างและไม่ทอดทิ้งกันแม้ในยามยากลำบากที่สุด” นายกฯ นก กล่าวให้กำลังใจชาวบ้าน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเป็นที่พึ่งของประชาชน

เบื้องหลัง “PDOSS” การบริหารจัดการสาธารณภัยแบบบูรณาการของไทย
สถานการณ์อุทกภัยในเชียงรายครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพและกลไกการทำงานของระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศไทยที่เน้นการทำงานแบบเบ็ดเสร็จและบูรณาการ หรือที่รู้จักกันในกรอบแนวคิด “PDOSS” (Public Disaster Operation Single System) ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นชื่อหน่วยงานราชการโดยตรง แต่เป็นแนวทางเชิงระบบที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของวงจรภัยพิบัติ ตั้งแต่การป้องกัน การเตรียมความพร้อม การเผชิญเหตุ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ
โดยมี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้กระทรวงมหาดไทย เป็นศูนย์กลางประสานงานหลักในระดับชาติ ทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการสาธารณภัยในระดับจังหวัด และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อย่างเช่น อบจ.เชียงราย ที่เป็นแนวหน้าในการป้องกัน เฝ้าระวัง และให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบโดยตรง
สาระสำคัญของ “PDOSS” คือการวางรากฐานทางกฎหมายและนโยบายที่แข็งแกร่ง โดยมี พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เป็นกฎหมายแม่บท และมี แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และ 2564-2570 เป็นเข็มทิศแนวทางในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ยังมีการประยุกต์ใช้หลักปฏิบัติสากลที่สำคัญ เช่น “หลักปฏิบัติ 10 ประการเพื่อสร้างเมืองที่ยืดหยุ่น” และ กรอบเซนไดว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของสหประชาชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกมาปรับใช้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติในทุกระดับ
โครงสร้างการทำงานแบบบูรณาการนี้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นให้กับชุมชน

ผลลัพธ์และบทเรียนจากวิกฤต มุ่งสู่การฟื้นฟูที่ยั่งยืน
การทำงานของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนายกฯ นก ในครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนของการ “บริหารจัดการเชิงรุก” ในภาวะวิกฤต ที่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกจ่ายถุงยังชีพหรือให้กำลังใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการสำคัญในการเก็บข้อมูลปัญหา การวิเคราะห์ และการวางแผนฟื้นฟูอย่างรอบด้าน ซึ่งครอบคลุมถึง:
- การฟื้นฟูสาธารณูปโภค: ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- การฟื้นฟูสุขภาพจิต: ให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งหลังเผชิญเหตุการณ์วิกฤต
- การเร่งเยียวยาเกษตรกร: วางแผนมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร
- การลงทุนเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า: รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบ Cell Broadcast และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการประเมินความเสี่ยงและแจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำและทันเวลา เพื่อลดความสูญเสียในอนาคต
แม้ระบบ PDOSS และแผนรับมือภัยพิบัติของไทยจะได้รับคำชื่นชมในเวทีสากล โดยมีตัวอย่างที่โดดเด่นจากการรับมือเหตุการณ์สึนามิปี 2547 และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสื่อสารและประเมินความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที แต่ก็ยังมีโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:
- ประสิทธิภาพของการฟื้นฟูในระยะยาว: การฟื้นฟูที่ซับซ้อนและใช้ระยะเวลานานยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องได้รับการสนับสนุนทรัพยากรและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
- การเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่น: การลงทุนในการสร้างความรู้และทักษะให้กับชุมชนในการเฝ้าระวังและรับมือภัยพิบัติด้วยตนเอง
- การสร้างฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน: การจัดเก็บข้อมูลภัยพิบัติและการประเมินความเสียหายอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน เพื่อเป็นข้อมูลที่แม่นยำในการวางแผนเยียวยาและฟื้นฟู รวมถึงรองรับภัยพิบัติรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ข้อเสนอแนะและทิศทางในอนาคตสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง เมืองปลอดภัย”
เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของชุมชนและประสิทธิภาพของการบริหารจัดการสาธารณภัยในระยะยาว ควรพิจารณาข้อเสนอแนะและกำหนดทิศทางในอนาคตดังนี้:
- การมีส่วนร่วมของชุมชนที่เข้มแข็ง: เนื่องจากภัยพิบัติมีความซับซ้อนมากขึ้น การใช้พลังของชุมชนและเครือข่ายอาสาสมัครจะเข้ามาช่วยลดช่องว่างของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย การให้ความรู้ และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
- การสร้างมาตรฐานฐานข้อมูลที่เป็นระบบ: การลงทุนในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการประเมินความเสียหายและความต้องการของประชาชนหลังภัยพิบัติอย่างเป็นระบบและสามารถบูรณาการข้อมูลได้ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนเยียวยาและฟื้นฟูได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาและขยายการใช้เทคโนโลยีเตือนภัย: ควรมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องและขยายการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบเตือนภัย Cell Broadcast และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที
- การเสริมสร้างศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: การจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน และเป็นแกนหลักในการสร้างความยืดหยุ่นในระดับชุมชน
การลงพื้นที่ของนายกฯ นกและทีม อบจ.เชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการสาธารณภัยที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของท้องถิ่นไทยในการสร้าง “ชุมชนเข้มแข็ง เมืองปลอดภัย” ที่ไม่ว่าจะเผชิญวิกฤตครั้งใด ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ด้วยหัวใจแห่งการแบ่งปันและความร่วมมือ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย: ข้อมูลการลงพื้นที่และแนวทางการปฏิบัติงานของ อบจ.เชียงราย
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย: ข้อมูลเกี่ยวกับกรอบ PDOSS, บทบาทหน้าที่, และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
- แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570: เอกสารนโยบายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย
- รายงานสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย: ข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่
- กรอบเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ สหประชาชาติ (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction): กรอบแนวคิดและหลักปฏิบัติสากลที่ประเทศไทยนำมาประยุกต์ใช้