“ดอยหลวง” ผนึกกำลัง 3 จังหวัดสู้ไฟป่ากางแผนแนวกันไฟ 875 กม. หนุนบิ๊กโปรเจกต์สกายวอล์ก–ถ้ำผาโขง ยกระดับการท่องเที่ยวควบคู่การอนุรักษ์ผืนป่าอย่างยั่งยืน
เชียงราย, 25 ธันวาคม 2568 – ท่ามกลางสัญญาณเตือนเรื่องวิกฤตหมอกควันและไฟป่าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ อุทยานแห่งชาติดอยหลวงซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ เชียงราย พะเยา และลำปาง กำลังเดินหน้าแผนปฏิบัติการเชิงรุกครั้งสำคัญ ทั้งในมิติการป้องกันไฟป่า การพัฒนาสาธารณูปโภคในชุมชนรอบผืนป่า และการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ใหม่อย่าง “สกายวอล์กกว๊านพะเยา” และ “ถ้ำผาโขง” เพื่อพิสูจน์ว่าการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสามารถเดินไปด้วยกันได้ หากมีการวางแผนอย่างเป็นระบบและให้ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
แผนรับมือหมอกควัน–ไฟป่า จาก “ดับไฟ” สู่ “สร้างภูมิคุ้มกัน” ให้ผืนป่า 3 จังหวัด
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมปูแกง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติดอยหลวง (Protected Area Committee – PAC) ครั้งที่ 1/2569 โดยมี นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอพาน ทำหน้าที่ประธานการประชุม
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “ฤดูกาลรับมือไฟป่าปี 2569” อย่างเป็นทางการ เพราะนอกจากจะมีการรายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 และแผนงานปีงบประมาณ 2569 แล้ว ยังเน้นย้ำการตั้งรับสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงด้วยมาตรการแบบบูรณาการ
ในที่ประชุมมีผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ
- นายปัณณวิชญ์ ภูริรักษ์พิติกร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยหลวง
- นายรัชพล งามกระบวน ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย
- ร้อยตำรวจเอกนภสินธุ์ สอนใจ รองผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 323
พร้อมคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 จังหวัด เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและวางกรอบความร่วมมือ
แกนกลางของแผนคือการปฏิบัติงานภายใต้ “ศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน พื้นที่บูรณาการเชิงพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง” ซึ่งมีภารกิจหลักในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงและลดความเสี่ยงไฟป่าอย่างเป็นระบบ
ตัวเลขสำคัญที่สะท้อนขนาดของภารกิจ ได้แก่
- แนวกันไฟระยะทางรวม 875 กิโลเมตร – ถือเป็นแนวกันไฟขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้ง 3 จังหวัด มีเป้าหมายเพื่อลดโอกาสการลุกลามของไฟจากพื้นที่ป่าเข้าสู่ชุมชน และจากพื้นที่เกษตรเข้าป่าอนุรักษ์
- กำลังพล 525 คน – จัดตั้งเป็นชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์ตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ ทั่วพื้นที่อุทยานฯ
- จุดจอดอากาศยาน 6 จุด และแหล่งน้ำดับไฟป่า 21 จุด – ถูกจัดเตรียมเพื่อรองรับการสนับสนุนทางอากาศในกรณีที่เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ รวมทั้งเพิ่มความคล่องตัวในการลำเลียงกำลังพลและอุปกรณ์ดับไฟเข้าพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
- ระบบสื่อสารออนไลน์แบบ Real-time – ใช้สำหรับรายงานสถานการณ์และรับคำสั่งจากศูนย์สั่งการเพื่อลดระยะเวลาการตอบสนองในช่วงนาทีวิกฤต
การกำหนดแนวกันไฟระยะทางกว่า 875 กิโลเมตร บ่งชี้ชัดถึงระดับความรุนแรงของความเสี่ยงที่หน่วยงานในพื้นที่ประเมินไว้ เพราะในอดีต ไฟป่าจำนวนไม่น้อยเริ่มจากการเผาเศษวัสดุการเกษตรหรือการหาของป่าแล้วลุกลามเข้าเขตอุทยานฯ จนกลายเป็นปัญหาหมอกควันข้ามอำเภอและข้ามจังหวัด การวางแนวกันไฟจึงเป็นเสมือน “กำแพงป้องกันชั้นแรก” ที่ต้องทำให้ครบถ้วนก่อนฤดูไฟป่าจะมาถึง
พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สกายวอล์กกว๊านพะเยา–ถ้ำผาโขง แลนด์มาร์กใหม่ของภาคเหนือ
คู่ขนานกับการเตรียมรับมือไฟป่า คณะกรรมการ PAC ยังใช้เวทีเดียวกันนี้ในการติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนรอบอุทยานแห่งชาติดอยหลวง โดยเฉพาะโครงการด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ได้แก่
สกายวอล์กกว๊านพะเยา เปิดมุมมองใหม่ให้ “ทะเลสาบเมืองเหนือ”
ที่ประชุมได้รับทราบผลการพิจารณาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิวกว๊านพะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพะเยา แนวคิดหลักคือการก่อสร้าง ทางเดินชมธรรมชาติยกระดับ หรือ Skywalk เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของกว๊านพะเยาในมุมสูง เชื่อมต่อทิวเขาและผืนน้ำเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
หากโครงการดังกล่าวเดินหน้าได้ตามแผน กว๊านพะเยามีโอกาสก้าวจากการเป็น “จุดแวะพัก” ระหว่างการเดินทางของนักท่องเที่ยว ให้กลายเป็น “จุดหมายปลายทางหลัก” ที่นักเดินทางตั้งใจมาเยือนโดยเฉพาะ อันจะช่วยเพิ่มระยะเวลาการพักค้าง (Length of Stay) และเม็ดเงินใช้จ่ายในพื้นที่ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถ้ำผาโขง แลนด์มาร์กพันปีบนผืนป่าดอยหลวง
อีกหนึ่งโครงการที่ได้รับความสนใจจากที่ประชุมคือ แนวทางการพัฒนา ถ้ำผาโขง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำโบราณอายุกว่าพันปี ภายในมีหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามและมีลำน้ำไหลผ่าน สร้างบรรยากาศเฉพาะตัวที่แตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นในพื้นที่
PAC ได้หารือแนวทางในการพัฒนาให้ถ้ำผาโขงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของอำเภอพาน โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และไม่กระทบต่อระบบนิเวศภายในถ้ำ พร้อมสร้างกิจกรรมเชื่อมโยงกับชุมชน เช่น การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism) ร้านค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น
แนวคิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในลักษณะนี้สะท้อนแนวทาง “ใช้การท่องเที่ยวเป็นแรงจูงใจในการอนุรักษ์” เพราะเมื่อชุมชนเห็นว่าทรัพยากรธรรมชาตินำมาซึ่งรายได้ที่มั่นคง ก็จะยิ่งตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาป่าและถ้ำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สาธารณูปโภคพื้นฐาน เสริมคุณภาพชีวิตชุมชนรอบอุทยานฯ เพื่อลดแรงกดดันต่อป่า
นอกจากโครงการท่องเที่ยว ที่ประชุม PAC ยังได้ร่วมพิจารณาโครงการพัฒนาพื้นที่และสาธารณูปโภคในชุมชนรอบอุทยานฯ หลายโครงการ ซึ่งล้วนมุ่งเป้าไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดแรงจูงใจในการบุกรุกหรือใช้ป่าอย่างไม่เหมาะสม
โครงการสำคัญประกอบด้วย
- โครงการก่อสร้างถังเก็บน้ำและลานคอนกรีตเสริมเหล็กในพื้นที่ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
– เพิ่มความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ลดความจำเป็นของชุมชนในการขยายพื้นที่ปลูกพืชเข้าไปในเขตป่าเพื่อแสวงหาแหล่งน้ำใหม่ - โครงการจัดซื้อโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนและอาคารอเนกประสงค์ในตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
– โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางในเวลากลางคืน ลดอุบัติเหตุ และส่งเสริมกิจกรรมเศรษฐกิจยามค่ำคืนในชุมชน ขณะที่การปรับปรุงถนนช่วยให้การเข้าถึงบริการของรัฐและตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น - โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง
– ถนนที่ดีช่วยลดต้นทุนขนส่งสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อหาทรัพยากรเสริม - โครงการฝายพร้อมระบบส่งน้ำในตำบลบ้านสาง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
– เป็นการจัดการน้ำในระดับลุ่มน้ำย่อย ช่วยชะลอน้ำและลดการพังทลายของหน้าดิน พร้อมเติมน้ำใต้ดินให้ระบบนิเวศป่าไม้ใกล้เคียง
แม้โครงการเหล่านี้จะดูเป็นงานก่อสร้างพื้นฐานทั่วไป แต่ในมุมของการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ การมีระบบน้ำ ถนน และไฟฟ้าที่เพียงพอในชุมชนรอบป่า คือ “เงื่อนไขสำคัญ” ที่ทำให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาป่าในรูปแบบที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟหรือความเสียหายทางระบบนิเวศ
กล่าวได้ว่า แนวคิด “ป่าอยู่ได้ คนอยู่ดี” ถูกนำมาปฏิบัติในรูปธรรมผ่านการลงทุนด้านสาธารณูปโภคเช่นนี้เอง
ข้อสังเกตเชิงนโยบาย โมเดลการบริหารจัดการพื้นที่คุ้มครองข้ามจังหวัด
จากภาพรวมการประชุม PAC ครั้งที่ 1/2569 จะเห็นได้ว่า อุทยานแห่งชาติดอยหลวงกำลังทดสอบโมเดลการบริหารจัดการพื้นที่คุ้มครองที่มีลักษณะ “ข้ามจังหวัด” อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในเชิงการป้องกันไฟป่า การพัฒนาการท่องเที่ยว และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่รอบผืนป่า
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมีอย่างน้อย 3 ด้าน คือ
- การมีเวทีร่วมระหว่างภาครัฐส่วนกลาง–ส่วนภูมิภาค–ท้องถิ่น
หัวหน้าอุทยานฯ นายอำเภอ ผู้แทน ตชด. สื่อมวลชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มานั่งโต๊ะเดียวกันเพื่อตรวจสอบแผนงานและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอย่างเป็นระบบ ทำให้ทุกฝ่ายเห็นภาพเดียวกันเกี่ยวกับความเสี่ยงและแนวทางตอบสนองต่อสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน - การเชื่อมโยงงานอนุรักษ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
โครงการสกายวอล์กกว๊านพะเยาและถ้ำผาโขง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในตำบลต่าง ๆ ยืนยันว่า การอนุรักษ์ไม่ได้แยกขาดจากการสร้างรายได้ให้ชุมชน หากแต่ถูกออกแบบให้เกื้อกูลกัน – เมื่อคนมีรายได้จากการท่องเที่ยวและเกษตรกรรมที่พึ่งพาทรัพยากรอย่างยั่งยืน ก็จะมีแรงจูงใจในการช่วยดูแลป่าไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ - การบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบ
ตัวเลขแนวกันไฟ 875 กิโลเมตร ชุดปฏิบัติการ 525 คน และจุดสนับสนุนดับไฟป่าหลายสิบจุด แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานในพื้นที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเพียงในระดับ “โครงการระยะสั้น” แต่กำลังสร้างโครงสร้างถาวรสำหรับการรับมือไฟป่าที่อาจเกิดซ้ำทุกปี ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวคิดการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
หากแผนเหล่านี้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง อุทยานแห่งชาติดอยหลวงอาจกลายเป็นตัวอย่างสำคัญของการบริหารจัดการพื้นที่ป่าต้นน้ำที่เชื่อมโยงกับหลายจังหวัด และใช้กลไกคณะกรรมการที่ปรึกษาเป็นเครื่องมือหลักในการประสานผลประโยชน์ของทุกฝ่าย
“ดอยหลวง” บทพิสูจน์ว่าการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวไปด้วยกันได้
การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ครั้งที่ 1/2569 ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงพิธีกรรมเชิงเอกสาร หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของ ยุทธศาสตร์ “ผืนป่าปลอดไฟ ชุมชนอยู่ดี การท่องเที่ยวเติบโตอย่างสมดุล”
บนแนวกันไฟยาว 875 กิโลเมตร มีกำลังพล 525 ชีวิตที่เตรียมพร้อมสละแรงกายแรงใจเพื่อปกป้องป่าต้นน้ำของ 3 จังหวัด ในขณะเดียวกัน บนเส้นทางสกายวอล์กกว๊านพะเยาและภายในถ้ำผาโขงแห่งอนาคต ก็กำลังรอนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและเรียนรู้คุณค่าของผืนป่าดอยหลวงผ่านมุมมองใหม่ ๆ
คำถามสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันตอบ คือ เราจะช่วยเสริมพลังให้โมเดล “ป่าอยู่ได้ คนอยู่ดี” นี้เติบโตต่อไปได้อย่างไร ไม่ว่าจะผ่านการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ การสนับสนุนสินค้าชุมชน หรือการร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่าในฐานะพลเมือง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของอุทยานแห่งชาติดอยหลวงไม่ได้วัดจากจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติเท่านั้น แต่จะวัดจากจำนวนวันในแต่ละปีที่ผืนป่าปลอดควันไฟ และจำนวนรอยยิ้มของประชาชนที่สามารถอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างภาคภูมิและยั่งยืน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
- สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย (สวท.เชียงราย)
- กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 323








